Share

บทที่ 526

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เมื่อออกมาจากเมืองเสี่ยวหลิน ก็มุ่งไปทางทิศใต้นั่นก็คือเมืองตงซิ่น

พันธมิตรอู่หลินอยู่ในหมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ภายในเมืองตงซิ่น

ดูเผิน ๆ อาจจะเหมือนหมู่บ้านทั่วไป แต่เป็นสถานที่ตั้งสำนักใหญ่ของพันธมิตรอู่หลิน ในนั้นมียอดฝีมือแห่งยุทธภพมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว

หน้าทางเข้าหมู่บ้านมีหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่ บนนั้นสลักชื่อไว้หลายคน

บุรุษสองพาสาวน้อยมาด้วยหนึ่งคน ทั้งยังใส่หน้ากาก จึงทำให้คนระแวงอย่างเลี่ยงไม่ได้

คนเฝ้าหมู่บ้านเข้ามาขวางทางทั้งสามคน เอ่ยถามว่า

“มาจากไหน  ไปแห่งหนใด”

อู๋ไป๋ตัดสินได้อย่างมีประสบการณ์ สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือตอบรับสัญญาณลับ

ดังนั้น เขาจึงหันไปมองแม่ทัพน้อย

เฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว คารวะตามขนบชาวยุทธภพอย่างเคร่งครัด

ต่อมานางก็กล่าวด้วยพลังเต็มเปี่ยม

“มาจากปรโลก หวนคืนสู่ปรโลก! มิตรภาพแน่นแฟ้นร่วมมีเกียรติร่วมเสื่อมเสีย จับมือสร้างตำนานแห่งยุทธภพ! คารวะ! ผู้นำพันธมิตรทรงอำนาจ!”

“พรืด——”

อู๋ไป๋หลุดขำอย่างอดไม่ได้

สัญญาณลับนี้…ฟังดูเชยอย่างยิ่ง!

คนอย่างแม่ทัพน้อย ทนรับได้อย่างไรกันนะ?

หลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดจบ สีหน้าก็แข็งทื่อเล็กน้อย

Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (22)
goodnovel comment avatar
Ramai Thonganan
ไปเรื่อยๆคงสิ2พันตอน
goodnovel comment avatar
Nichaphat
จริงค่ะ เอ็นดูววว ทั้งคู่
goodnovel comment avatar
Nichaphat
เห็นด้วย ค่ะ นางเอกรู้ความจริง จะได้ตัดใจได้
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 527

    เห็นเพียง บุรุษสวมใส่เสื้อแขนสั้นเนื้อหยาบสีเข้ม  ร่างกายเปื้อนไปด้วยดินโคลน มือหนึ่งจับไก่ มือหนึ่งคล้องตะกร้าผลไม้ไม่รู้ชื่อ ใบหน้าดำคล้ำ ประดับรอยยิ้มดีใจเปี่ยมล้น“เพิ่งหว่านเมล็ดพันธุ์เสร็จน่ะ เจอสภาพอากาศเหมาะพอดี” ตงฟางซื่อหน้าตาหล่อเหลา ภายนอกดูเหมือนพวกบัณฑิตหน้าดำ ไม่มีพิษภัยอะไรขณะที่อู๋ไป๋กำลังจะลุกขึ้น เตรียมทำความเคารพ ทันใดนั้นพลันรู้สึกได้ถึงไอสังหารบางอย่างชั่วขณะที่เหลือบเห็นซูฮ่วนท่ามกลางฝูงคน ดวงตาของตงฟางซื่อพลันทอประกายคมกริบ แล้วโยนไก่ในมือออกไปเป็นอันดับแรกผลปรากฏว่าไก่ตัวนั้นกางปีกบินพุ่งเข้าไปหาเฟิ่งจิ่วเหยียน ราวกับรู้จักเจ้าของ“ตุบ ๆ ๆ!”ในเวลาเดียวกัน เขาก็หยิบผลไม้ในตะกร้า ปาใส่เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ยั้ง ราวกับยิงอาวุธลับอู๋ไป๋เบิกตาอ้าปากค้าง แทบไม่รู้ว่าต้องหลบอย่างไรเมื่อหันไปมอง เหมือนทุกคนจะเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้า ต่างหลบกันถ้วนหน้า แม้แต่เซี่ยวเซี่ยวก็ยังรีบมุดลงใต้โต๊ะอย่างมีไหวพริบหันมามองอีกครั้ง ไม่รู้ว่าแม่ทัพน้อยถือร่มไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไร นำมาบังตรงหน้าไว้ จากนั้นก็หุบร่มด้วยท่วงท่าสง่า ไร้วี่แววหมดสภาพส่วนอู๋ไป๋ที่ถูกผลไม้ป่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 528

    “บุตรสาวของจู้กั๋วกง แสดงว่าเป็นองค์หญิงน้อย ลูกพี่ลูกน้องของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันน่ะสิ?!” ฝานจิ้นตกตะลึงชาวยุทธภพ ไม่ชอบทุกเรื่องในราชสำนัก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับราชวงศ์หากองค์หญิงน้อยเป็นอะไรไปในถิ่นของพวกเขา ก็คงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากคนอื่น ๆ ค่อนข้างสงสัย“รองผู้นำพันธมิตร นางบอกเองกับปากหรือ?”“ข้าเดาเอา” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดตามตรง“เช่นนั้นท่านดูออกได้อย่างไร?”ในตอนนี้เอง ตงฟางซื่อก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา“เสื้อผ้าอาภรณ์ของเด็กคนนั้นดูธรรมดาก็จริง แต่ลืมเปลี่ยนมาใส่รองเท้าธรรมดา “ผ้ากำมะหยี่  ปักด้วยไหมฝูกวง ล้วนเป็นของพระราชทานในราชวงศ์“เท้าของเด็กคนนั้นโตเร็ว แถมยังมีลีลาเช่นนี้ ก็คงต้องเป็นองค์หญิงน้อยแห่งจวนจู้กั๋วกงแล้วล่ะ”เขาพูดจบ จากนั้นก็หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียน ใช้สายตาถามว่าตัวเองพูดถูกหรือไม่เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าแทนคำตอบนางไม่ได้กล่าวสิ่งหนึ่ง จริง ๆ แล้ววินาทีแรกที่เจอองค์หญิงน้อย ก็รู้สึกว่าหน้าตาของนางกับเซียวอวี้ดูคล้ายคลึงกันอยู่บ้างฝานจิ้นเสนอตัวเป็นอาสาสมัคร“ข้าจะไปส่งนางเอง! ฝีเท้าข้าเร็ว แถมแรงเยอะ สามารถแบกนางวิ่งได้”ตงฟางซื่อไม่เลือก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 529

    แม้นตงฟางซื่อจะไม่พอใจที่เฟิ่งจิ่วเหยียนหายไปจากพันธมิตรอู่หลินในตอนนั้น กระนั้นก็ทนเห็นนางเข้าไปในแดนศัตรูคนเดียวไม่ได้เขามองนางแน่นิ่ง พูดอย่างประเมินว่า“เจ้าเปลี่ยนไปนะ“เมื่อก่อนเจ้าหวงแหนชีวิตเสียยิ่งกว่าอะไรดี เอาแต่พูดว่าไม่มีผู้ใดสำคัญไปกว่าตัวของเจ้าเอง”เฟิ่งจิ่วเหยียนรัดสนับข้อมือให้แน่น แล้วกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ตอนนี้ข้าก็ยังเป็นเช่นนั้น”ตงฟางซื่อห้ามนาง “เช่นนั้นก็ไม่ต้องรับเรื่องทุกอย่างไว้คนเดียว เจ้าไม่ได้นามสกุลเซียวเสียหน่อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองมาที่เขาอย่างเรียบนิ่งจากนั้นก็ได้ยินเขาพูดอย่างแน่วแน่“ซูฮ่วน เจ้าตั้งใจสืบเรื่องของพรรคเทียนหลงก็พอ ส่วนเรื่องเมืองเซวียน ข้าจะจัดการเอง”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว“เจ้าจะจัดการอย่างไร?”ใบหน้าหล่อเหลาของตงฟางซื่อปกคลุมไปด้วยรอยยิ้ม“วิชาปลอมตัวไง ข้าก็คิดเหมือนเจ้านั่นแหละ ส่วนตัวเลือกนั้น ข้าคิดว่า ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าข้าแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งค้าง “เจ้า?”ขณะที่นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ตงฟางซื่อก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน“นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำในฐานะผู้นำพันธมิตร อย่าคิดที่จะห้ามข้าล่ะ เรื่องดี ๆ ที่สร้างผล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 530

    ครึ่งชั่วยามต่อมา หลังจากรุ่ยอ๋องหารือเรื่องเข้าเมืองเซวียนกับตงฟางซื่อเสร็จ ก็อยู่ค้างที่หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่ต่อเหล่าฝานพาพวกเขาไปยังที่พักทันใดนั้น รุ่ยอ๋องก็โค้งคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน“ท่านนี้คือรองผู้นำพันธมิตรสินะ ตอนมาข้าจำเจ้าไม่ได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนคารวะกลับอย่างเรียบเฉยในตอนนี้เอง เด็กน้อยเซี่ยวเซี่ยวก็วิ่งเข้ามานางโถมตัวเข้าใส่อ้อมกอดของเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็ออดอ้อนออเซาะ“พี่ชาย ข้ากลัวความมืด เจ้าไปนอนกับข้า…”พูดยังไม่จบ นางก็เหลือบเห็นพวกรุ่ยอ๋องเด็กมักจะเก็บอาการไม่ได้ สีหน้าพลันเผยแววดีใจออกมาคนนี้ เหมือนจะเป็นท่านพี่รุ่ยอ๋องเลย!เขาตั้งใจมารับนางโดยเฉพาะเลยหรือ?องค์หญิงน้อยทั้งดีใจ ทั้งยังไม่อยากกลับ สีหน้าจึงดูยุ่งเหยิงในตอนนี้เอง รุ่ยอ๋องก็มองมาที่เซี่ยวเซี่ยวด้วยใบหน้าอ่อนโยนองค์หญิงน้อยไม่ค่อยกลับเมืองหลวง ครั้งล่าสุดที่เจอนาง เห็นจะเป็นเมื่อสามปีที่แล้วได้ แต่เขาก็ยังจำนางได้ตั้งแต่เห็นครั้งแรกอีกอย่าง ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทได้รับจดหมายจากพันธมิตรอู่หลิน เขียนบอกเรื่องที่พวกเขาช่วยองค์หญิงน้อยเอาไว้การที่เขามาเยือนเมืองตงซิ่นในครั้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 531

    เฟิ่งจิ่วเหยียนกับองค์หญิงน้อยนั่งอยู่ภายในรถม้าด้วยกันองครักษ์ใบ้ผู้นั้นก็ก้มตัวจะเข้าไปในห้องโดยสารโดยมิรู้ตัว แต่ถูกองค์หญิงน้อยทำท่าทางดุดันใส่“เจ้าเข้ามา แล้วผู้ใดจะขับรถม้า!”องครักษ์ใบ้ตัวเกร็งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงออกไปทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน“องค์หญิง ข้าน้อยออกไปด้านนอกจะดีกว่า...”องค์หญิงน้อยกอดแขนของนางเอาไว้แน่น พร้อมกับส่ายหัวให้นาง“ไม่ได้ พี่ชายใหญ่ ท่านต้องคุ้มกันข้าอย่างใกล้ชิด”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงแขนของตนออกมา พร้อมเอ่ยอย่างจริงจัง“องค์หญิง ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน”ถึงแม้องค์หญิงจะยังทรงพระเยาว์ ก็ควรระวังตัวเช่นกันองค์หญิงน้อยกลับจ้องมองนาง พร้อมเอ่ยด้วยท่าทีซ่อนเร้น“ข้ารู้แล้ว”รถม้าโคลงเคลง องค์หญิงน้อยทรงง่วงเพลียอย่างมาก จึงเอนตัวลงและบรรทมหลับอยู่ด้านในยามที่ตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้วนางหิวแล้ว จึงทำได้เพียงกินอาหารแห้งไปก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดม่านขึ้น และเอ่ยกับองครักษ์ใบ้ผู้นั้น“หยุดพักก่อนเถอะ ข้าจะขับให้”องครักษ์ใบ้ทำเหมือนไม่ได้ยิน บางทีเสียงลมที่พัดผ่านหูอาจจะดังเกินไป จนกลบเสียงของนางเฟิ่งจิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 532

    หลังจากองครักษ์ใบ้กลับเข้าห้อง กลับเห็นบุรุษที่อยู่บนคานห้องผู้นั้นนั่งอยู่ตรงนั้น มือข้างหนึ่งวางอยู่บนเข่าที่งอขึ้น และมองลงมาที่เขา พร้อมกับถามด้วยความสงสัย“ไปทำสิ่งใดมา?”เฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ภายนอกจะระวังตัวอย่างมาก กลางวันนอน และกลางคืนเฝ้ายามขณะที่คนผู้นี้ออกไปนางก็รู้แล้วทว่าเขาอยู่นอกประตูตลอดเวลา มิได้ไปที่ใดอีก นางจึงมิได้ตามออกไปสืบดู นอกจากนี้ เขายังเป็นคนที่รุ่ยอ๋องไว้วางใจ นางก็มิควรทำตัวสอดรู้สอดเห็นองครักษ์ใบ้ทำภาษามือง่าย ๆ ราวกับจะบอกว่าเขาออกไปเดินรอบ ๆ มาเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้เค้นถามสิ่งใดอีก จึงเอนนอนลงไปตามเดิมบุรุษเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ในดวงตามีเงามืดกระดำกระด่าง...วันรุ่งขึ้น คณะสามคนรีบเดินทางต่อองค์หญิงน้อยทรงถามเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความใส่พระทัย“พี่ชายใหญ่ เมื่อคืนท่านกับคนประหลาดผู้นั้นนอนด้วยกันหรือ?”ชายชาตรีสองคน หากไม่นอนด้วยกัน ก็อาจจะดูแปลกอยู่บ้างเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้อธิบายมากความ นางฉวยจังหวะแขวนขนมเปี๊ยะแผ่นใหญ่ไว้บนคอขององค์หญิงน้อยองค์หญิงน้อยก็หยิบขนมเปี๊ยะแผ่นใหญ่นั้นขึ้นมากินโดยปริยายเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งขนมเปี๊ยะแผ่นใหญ่ที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 533

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้มาว่า ตอนนี้กองทัพกบฏในเมืองเซวียนถูกแบ่งออกเป็นสองกองกำลังฝ่ายหนึ่งนำโดยแม่ทัพฝ่ายซ้ายหวังโซ่วเหริน พวกเขาเป็นพวกหัวรุนแรง ไม่สนใจชีวิตของราษฎรอีกฝ่ายนำโดยแม่ทัพฝ่ายขวาเซี่ยงเทียน พวกเขาสนับสนุนการใช้สันติวิธีในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงสิ่งที่สมควรได้รับ ทั้งจดจำอยู่เสมอว่าตนคือทหาร เป็นทหารที่ปกป้องราษฎรความละมุนละม่อมเพียงอย่างเดียวมิอาจเอาชนะความโหดเหี้ยมได้ทหารของเซี่ยงเทียนถูกส่งไปเฝ้าประตูเมืองทั้งสี่แห่ง ถูกโยกย้ายออกจากใจกลางของเมืองเซวียนตอนนี้ในเมืองเต็มไปด้วยทหารของหวังโซ่วเหริน พวกเขาถืออำนาจบาตรใหญ่ ไม่เกรงกลัวสิ่งใดจวนของจู้กั๋วกงก็ถูกพวกเขายึดครองด้วยสิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องทำคือรอให้ตงฟางซื่อลงมือเพื่อสถานการณ์โดยรวม นางไม่สามารถก่อปัญหาใหม่เพิ่มมาอีก ในคืนนั้นจึงซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่งของชาวบ้านอีกด้านหนึ่งองครักษ์ใบ้พาองค์หญิงน้อยไปค้นหาอยู่รอบหนึ่ง ก็ยังไม่พบแผนที่สมบัติแผ่นนั้น ทว่าเขาขุดต้นไม้ไปหลายต้นแล้วกระทั่งขณะที่ขุดมาถึงต้นที่สิบสอง องครักษ์ใบ้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป“ท่านจำได้หรือจำไม่ได้กันแน่!”องค์หญิงน้อย: !!!นิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 534

    ทันใดนั้น มีคนสวมหน้ากากผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น และขวางทางเซี่ยงเทียนกับคณะของเขาไว้“เจ้าเป็นผู้ใด!!” เซี่ยงเทียนระแวดระวังขึ้นมาทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เอ่ยสิ่งใด พร้อมกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเซี่ยงเทียนรีบตามไปทันที และตะโกนว่า “จับนักฆ่า!”อีกด้านหนึ่งณ จวนจู้กั๋วกงในห้องโถงหลักหวังโซ่วเหรินกำลังสนทนากับคนผู้หนึ่ง คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็คือ บุรุษสวมชุดคลุมขาวผู้หนึ่ง บนใบหน้าสวมหน้ากาก มองเห็นหน้าตาไม่ชัดเจน ทว่าบนนิ้วมือมีแหวนน้าวสวมอยู่หวังโซ่วเหรินมีท่าทีเคารพคนผู้นี้เป็นพิเศษ“นายท่านวางใจได้ ทุกอย่างดำเนินตามแผนของนายท่าน...”ทันใดนั้น คนชุดคลุมขาวรับรู้ถึงบางอย่าง เขาเหวี่ยงมือ อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อก็พุ่งออกไปขณะที่ทั้งสองคนไล่ตามออกไป ก็เห็นเพียงเงาดำกระโดดข้ามออกจากกำแพงไปหวังโซ่วเหรินเหงื่อแตกพลั่กในทันที “นี่...”คนชุดคลุมขาวสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ไล่ตาม!”ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีคนสวมชุดคลุมขาวเหมือนกันหลายสิบคนปรากฏตัวออกมาจากในที่ลับ ราวกับลูกธนูคมไล่ตามคนชุดดำผู้นั้นไปหลังจากองครักษ์ใบ้หนีออกมาจากจวนจู้กั๋วกง ก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกด้านหลัง

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 966

    คนเฝ้าประตูยื่นจดหมายให้กับหลิวอิ๋ง“นี่คือจดหมายที่ฮูหยินผู้เฒ่าฝากไว้ให้ท่าน”หลิวอิ๋งรีบรับจดหมายมา และเปิดอ่านในทันที---[อาอิ๋ง เหตุการณ์กะทันหันนัก เช้านี้ข้าต้องเดินทางไปจางโจว เพื่อไปร่วมฉลองวันไหว้พระจันทร์กับเวยเฉียง เนื่องด้วยระยะทางไกล จึงมิอาจรอช้าได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นจึงมิได้บอกลากับเจ้า วันข้างหน้าหากพบเจอปัญหาใด เพียงเข้าไปในวังเพื่อพบฮองเฮา นางจักดูแลเจ้ากับเจิ้งจีเป็นอย่างดีแน่นอน]หลิวอิ๋งอ่านจดหมายจบแล้ว ในใจรู้สึกเป็นกังวลรีบไปกะทันหันเช่นนี้ ช่างดูมีลับลมคมในจริง ๆ!ดูเหมือนจงใจจะหลบเลี่ยงนาง!นางถึงขั้นสงสัยว่าจดหมายนี้เป็นความจริงหรือไม่หลิวอิ๋งยิ้มพร้อมเอ่ยกับคนเฝ้าประตู: “พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นใคร ถึงท่านพี่หญิงไม่อยู่แล้ว แต่ข้าทำของบางอย่างหล่นอยู่ในห้องนาง ดังนั้นจึงต้องเข้าไปหาดู”ท่าทีของบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูดูแข็งกร้าว“หากมิได้รับอนุญาตจากเจ้านาย พวกเรามิอาจให้ท่านเข้าไปในจวนได้ ท่านโปรดรอสักครู่ ให้พวกเราเข้าไปถามฮูหยินก่อน”หลิวอิ๋งพยักหน้า“ได้ ข้าจะรอ”ในรอยยิ้มของนางแฝงความร้ายกาจดุจคมมีดรออยู่สักครู่ คนที่ไปรายงานก็ออกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 965

    เมื่อเห็นท่านพี่หญิงออกมา หลิวอิ๋งพลันเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน ยิ้มพร้อมก้าวไปข้างหน้า“ท่านพี่หญิง”นายหญิงเฟิ่งก้าวอย่างกระฉับกระเฉง และขึ้นรถม้าไปพร้อมกับหลิวอิ๋งภายในรถม้า นายหญิงเฟิ่งสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“อาอิ๋ง ฮองเฮาก็แค่ปากร้ายใจดี พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ฮองเฮาย่อมต้องดูแลพวกเจ้าสองคนแม่ลูกเป็นอย่างดี”หลิวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ในใจเกิดความรู้สึกสงสัยอยู่บ้างฮองเฮาเชื่อน้าหญิงเยี่ยงนางจริง ๆ หรือจะเป็นแผนถ่วงเวลา?หากเป็นอย่างหลัง เช่นนั้นแล้ว นับว่าฮองเฮาผู้นี้มีความคิดลึกล้ำมากกว่าที่นางคาดการณ์ไว้หลิวอิ๋งหมกมุ่นครุ่นคิด มิได้ตั้งใจฟังว่าต่อจากนั้นนายหญิงเฟิ่งเอ่ยสิ่งใดสำหรับนางแล้ว ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องไร้แก่นสาร......ณ จวนพลทหารเฟิ่งเหยียนเฉินเพิ่งจะเลิกจากปฏิบัติงาน ภรรยาโจวซื่อก็ดึงเขาเข้าไปในห้อง ด้วยความปีติยินดีที่ยากจะระงับได้“ท่านพี่ วันนี้ท่านแม่บอกข้าว่า นางจะออกเดินทางไปจางโจวแล้ว”“เหตุใดถึงกะทันหันเช่นนี้?” เฟิ่งเหยียนเฉินรู้สึกสงสัยโจวซื่อในแววตาแฝงรอยยิ้ม “เป็นเจตนาของฮองเฮา”ถึงแม้จะมิรู้ว่า ฮองเฮาทรงทำเช่นนี้ มีจุดประสงค์อื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 964

    เจิ้งจีร้อนใจดั่งไฟสุม“ท่านแม่ เช่นนั้นทำอย่างไรดี! เป็นผู้ใดกันแน่ เป็นผู้ใดที่คิดร้ายพวกเรา!“จักต้องเป็นคนที่อิจฉาพวกเรา ถึงวิ่งโร่ไปพูดให้ร้ายต่อหน้าท่านป้า!”สีหน้าของหลิวอิ๋งดูเย็นชา เผยให้เห็นความมีไหวพริบของคนทำการค้าการขาย“มิใช่ผู้ใด เป็นฮองเฮา”“ฮองเฮา?” เจิ้งจีประหลาดใจยิ่งนักนางซักถามมารดา “เหตุใดฮองเฮาต้องการสืบเรื่องของพวกเรา? พวกเราก็มิเคยล่วงเกินนาง?”หลิวอิ๋งก็แค่คาดเดาเท่านั้น ทว่าก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก“หลังจากท่านป้าเจ้าออกมาจากในวัง ก็มาซักถามข้าเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต จักต้องเป็นฮองเฮาที่บอกเรื่องนี้กับนางเป็นแน่”เจิ้งจีตระหนักขึ้นมาในทันทีใช่แน่!นอกจากฮองเฮา ก็ไม่มีผู้ใดอีกแล้ว!“ท่านแม่ ท่านป้าว่าอย่างไรบ้าง? ท่านป้าก็มิสนใจพวกเราอีกแล้วหรือ?”หลิวอิ๋งแค่นเสียงเย็นชา“ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง เป็นญาติเพียงคนเดียวของครอบครัวมารดานาง ความสัมพันธ์ของพวกเรา มิใช่ผู้ใดจะสามารถยุยงได้อย่างง่ายดาย“ไม่มีผู้ใดเข้าใจนางดีไปกว่าข้า นางเป็นคนใจอ่อน”วันนี้คุกเข่าต่อหน้าท่านพี่ ซ้ำยังหลั่งน้ำตาออกมามากมายเช่นนั้น คงเพียงพอที่จะกระทบจิตใจนางแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 963

    จวนพลทหารหลิวอิ๋งคุกเข่าลงกับพื้น ร่ำไห้สะอึกสะอื้น“ท่านพี่หญิง ตอนนั้นข้าวู่วามเกินไป และเอาแต่ใจเกินไป“ข้าอิจฉาที่ท่านมีโอกาสได้แต่งเข้าจวนตระกูลเฟิ่ง ข้ามิอาจยอมรับได้ เห็นกันอยู่ว่าข้ารู้จักกับเฟิ่งหลินมาก่อน และเห็นกันอยู่ว่าข้ากับเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ขาดก็แต่เพียงการแต่งงาน แต่ในวันที่เขามาทาบทามสู่ขอ จู่ ๆ กลับเปลี่ยนใจ และหันไปขอแต่งงานกับท่าน“ท่านจะให้ข้ายอมรับเหตุการณ์พลิกผันใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร?“ในตอนนั้นข้าเพิ่งเข้าสู่วัยสาว ยังเป็นที่รักใคร่หวงแหนของคนในครอบครัวอย่างท่านพ่อท่านแม่และพี่หญิง ย่อมมิอาจยอมรับเรื่องทำนองนี้ได้เลย!“และข้าก็ชอบเขาจริง ๆ ดังนั้น...ดังนั้น ข้าจึงทำเรื่องเช่นนั้นด้วยความขาดสติ”นายหญิงเฟิ่งฟังอย่างนิ่งเงียบ หัวใจคล้ายกับถูกมีดกรีดตอนอาอิ๋งยังเล็ก ก็เป็นเด็กที่ได้รับความเอ็นดูจากครอบครัวเป็นที่สุด ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น ทุกคนต่างก็รักใคร่นางคนประเภทนี้ อยู่ ๆ ก็ถูกทอดทิ้งและถูกหักหลัง ย่อมต้องทำเรื่องโง่เขลาอย่างเลี่ยงไม่ได้นางไม่ผิด อาอิ๋งก็ไม่ผิดเช่นกันคนที่ผิดคือเฟิ่งหลินเป็นเฟิ่งหลินที่ทำร้ายพวกนางสองพี่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 962

    จวนพลทหารนายหญิงเฟิ่งฟื้นเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนหน้า นางปฏิเสธข้อเสนอของฝ่าบาทและฮองเฮา——เรื่องพักฟื้นในวังเพราะว่า มีบางเรื่อง นางต้องพูดกับอาอิ๋งให้ชัดเจนนายหญิงเฟิ่งถูกหมัวมัวในวังพามาส่ง สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนักโจวซื่อผู้เป็นลูกสะใภ้ประคองนางนั่งลงบนเตียง ใบหน้าแสดงความห่วงใยไม่น้อย“ท่านแม่ ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บอยู่หรือไม่?”นางได้ยินองครักษ์พูดว่า ท่านแม่เป็นลมหมดสติไปในวังการเข้าวังในครั้งนี้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? นายหญิงเฟิ่งตบหลังมือของลูกสะใภ้ “ไม่มีอะไร ประเดี๋ยวจะมีแขกมาหา เจ้าพานางเข้ามาได้เลยนะ”“เจ้าค่ะ”ไม่นาน หลิวอิ๋งก็มาถึงโจวซื่อโค้งให้หลิวอิ๋งเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับนายหญิงเฟิ่งอย่างเหมาะเจาะ “ท่านแม่ ข้าขอไปดูเฉียวเอ๋อร์ก่อนนะ”เฉียวเอ๋อร์คือลูกสาวของนางกับเฟิ่งเหยียนเฉิน อายุสองขวบ อยู่ในช่วงวัยที่กำลังติดคนนายหญิงเฟิ่งพยักหน้าให้โจวซื่อ “อืม ไปเถอะ ฝากปิดประตูด้วยนะ”หลังจากปิดประตู ภายในห้องก็เหลือแค่สองพี่น้องหลิวอิ๋งนั่งลงข้างนายหญิงเฟิ่ง ถามอย่างร้อนใจ“ท่านพี่ ฮองเฮาทรงว่าอย่างไรบ้าง?”ถึงแม้จะถามออกไปเช่นนี้ แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 961

    อารมณ์ของนายหญิงเฟิ่งซับซ้อนอย่างมาก พลันน้ำตาไหลพรากออกมากลับได้ยิน หยวนเส่ากล่าวต่อ“แม้นหลิวอิ๋งจะตั้งท้องลูกของคุณชาย ฮูหยินเฒ่ายังไม่ยอมดังเดิม“นางให้เงินตระกูลหลิวไปก้อนหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาได้กินอยู่อย่างสุขสบาย แต่มีข้อแม้อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือให้หลิวอิ๋งเอาเด็กออก และอย่าได้คิดที่จะเข้ามาในจวนตระกูลเฟิ่ง ส่วนอีกอย่างคือ…”นางมองนายหญิงเฟิ่ง “ต้องตัดความสัมพันธ์กับท่าน”นายหญิงเฟิ่งไม่คิดเลยว่า เรื่องมันจะเป็นเช่นนี้คำพูดต่อมา เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนเล่าเอง“เงินเหล่านั้น เดิมทีมากพอให้ตระกูลหลิวมีกินมีใช้ แต่น่าเสียดายที่บุตรชายของพวกเขาไม่เอาไหน เอาแต่เที่ยวกินติดพนัน จนกิจการตระกูลล่มจมหมดตัว“ส่วนน้าหญิง นางไม่ได้ทำแท้งตามที่ตระกูลเฟิ่งบอกในตอนนั้น แต่พาลูก พร้อมสินสมรสมากมาย ไปแต่งงานกับพ่อค้าผู้หนึ่ง ณ ที่ห่างไกล“ยามที่ตระกูลหลิวอับจนหนทาง เพราะหนี้สิน เคยไปขอความช่วยเหลือที่เจียงโจว แต่กลับถูกปฏิเสธไล่ตะเพิดออกมานอกประตู”นี่คือเรื่องที่นางส่งคนไปสืบที่เจียงโจวเมื่อนายหญิงเฟิ่งรู้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมด บริเวณหน้าอกพลันบีบรัด ในหูมีเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาไม่หย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 960

    นายหญิงเฟิ่งไม่สามารถยอมรับได้ในขณะนั้น น้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง แอบตั้งท้องกับเฟิ่งหลิน!นางรับได้ที่น้องสาวจะแต่งงานกับเฟิ่งหลินในตอนนี้ แต่กลับรับไม่ได้ที่พวกเขาโกหกนาง และทรยศนาง!เจิ้งจีอายุเท่าเหยียนเฉินหากสิ่งที่จิ่วเหยียนพูดมาคือความจริง เช่นนั้น ช่วงที่นางกับเฟิ่งหลินเพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ อาอิ๋งก็คง…นายหญิงเฟิ่งหายใจอย่างเจ็บปวด ออกแรงจับกุมมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ มองบุตรสาวอย่างมีความหวัง“จิ่วเหยียน มันคือเรื่องจริงหรือ? พวกเขา…”ความเจ็บปวดระยะยาวไม่เท่าความเจ็บปวดระยะสั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง“ใช่ ข้าไม่เอาเรื่องแบบนี้มาโกหกท่านหรอก”การฟังความเพียงข้างเดียว อาจทำให้ท่านแม่เชื่อได้ยากนางจึงหาพยานหลักฐานมาด้วยหนึ่งชั่วยามต่อมา อู๋ไป๋ก็พาหญิงชราคนหนึ่ง มาที่ตำหนักหย่งเหอหญิงชราผู้นั้นผมหงอก ก้าวเดินอย่างโซเซอู๋ไป๋ยืนอยู่นอกตำหนัก ปล่อยให้นางเข้าไปเองคนเดียวหญิงชราโค้งคำนับให้เฟิ่งจิ่วเหยียน การสั่งสอนที่ฝังลึกอยู่ในร่างกาย ทำให้นางทำความเคารพได้อย่างถูกต้อง“ข้าน้อย ถวายบังคมฮองเฮา”หญิงชราอายุราว ๆ เจ็ดสิบแปดสิบ ฟันหลุดไปแล้วหลายซี่ทว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 959

    นายหญิงเฟิ่งรู้สึกผิดต่อน้องสาวมาก หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่อาอิ๋งมาขอความช่วยเหลือจากนาง นางอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวัง นางคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้อาอิ๋งสมปรารถนาให้ได้วันรุ่งขึ้น นางเข้าวังขอเข้าพบฮองเฮาภายในตำหนักหย่งเหอสองแม่ลูกนั่งอยู่ด้วยกัน มีเพียงหว่านซิวอยู่รับใช้เพียงคนเดียว ไม่มีเรื่องต้องห้ามอะไรนายหญิงเฟิ่งพูดอย่างจริงจัง“ฮองเฮา ทางบ้านของแม่เหลือเพียงท่านน้าของเจ้าแล้ว“นางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า หลายปีมานี้ ข้าไม่ได้ดูแลนางให้ดี“สามีของนางจากไปเร็ว เด็กกำพร้ากับหญิงหม้าย ใช้ชีวิตอย่างลำบาก...”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกสงสาร ถามนางอย่างตรงไปตรงมา“ท่านอยากจะพูดอะไร?”คำพูดของนายหญิงเฟิ่งถูกขัดจังหวะ จึงยิ่งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆนี่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของนางก็จริง ทว่าด้วยเหตุที่ไม่ได้เลี้ยงจนโตด้วยตนเอง หรืออาจเป็นเพราะบุตรสาวคนนี้อยู่ในค่ายทหารมาหลายปี บนร่างจึงเจือด้วยรังสีฆ่าฟัน มีนิสัยทำอะไรเด็ดขาด ตนจึงรู้สึกกลัวนางอยู่บ้างนายหญิงเฟิ่งหลุบตาลงและค่อย ๆ พูดว่า“ข้า...ข้าได้ยินว่าใกล้จะถึงงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวังแล้ว ท่านน้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 958

    เฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดตามองเหล่าทหารใหม่หลายร้อยนายนั้น แล้วหันไปสั่งการอู๋ไป๋“คะแนนสอบกลศึกของทหารเหล่านี้ ไม่ให้แต้มแม้แต่แต้มเดียว”อู๋ไป๋ยืดคอตั้งตรง เผยให้เห็นความหยิ่งยโสอยู่หลายส่วน“พ่ะย่ะค่ะ!”ทหารหลายร้อยนายเหล่านั้นเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมการสอบประเมินทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าค่ายทหารนั้น ครอบคลุมไปถึงกลศึก การขี่ม้ายิงธนู และการวาดแผนที่เป็นต้นคะแนนสอบที่สูงหรือต่ำนั้น ใช้ตัดสินว่าพวกเขาจะได้เป็นทหารทัพไหนทัพกลางดีที่สุดทัพซ้ายและขวา สองทัพนี้รองลงมาที่แย่ที่สุดคือกองเสบียง กองดูแลอาวุธ ที่อนาคตไม่มีโอกาสได้เข้าสู่สนามรบยามนี้แค่คำพูดเดียวของฮองเฮา ก็ทำให้คะแนนกลศึกของพวกเขากลายเป็นศูนย์ ใช้อำนาจรังแกคนชัด ๆ!“ฮองเฮา เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้อธิบายให้มากความ“ในเมื่อรู้ว่าสตรีเป็นทหารไม่ง่าย ก็ต้องเห็นคุณค่าของโอกาสในตอนนี้ของพวกเจ้าให้ดี“พอถูกสตรีนำหน้า ก็อับอายจนโมโห ทำไม อยากให้ข้าชมพวกเจ้าว่ามีอนาคตยาวไกล จะต้องเอาชนะกองทัพสตรีได้แน่อย่างนั้นรึ?“ทหารทุกนาย วิ่งรอบค่ายร้อยรอบ!”เหล่าทหารใหม่ที่ถูกกดขี่บีบบังคับได้แต่ทำ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status