แววตาของเซียวอวี้พลันเต็มไปด้วยความมืดครึ้ม ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังเศษกระเบื้องที่ตกลงบนพื้น ร่างสูงจึงลุกขึ้นยืนในทันทีพร้อมเงาร่างใหญ่ที่พาดผ่านลงมา“เราคือฮ่องเต้“ภายใต้อำนาจขององค์จักรพรรดินั้น หาได้มีอิสรภาพไม่“ไม่ว่าเจ้าจะโกรธก็ดี ไม่พอใจก็ดี เจ้าก็มิอาจฝ่าฝืนมันไปได้“หากเราเป็นเจ้า เราจักไม่มีทางใช้วิธีการที่โง่เง่าเช่นการท้าท้ายขีดจำกัดของฮ่องเต้เช่นนี้”น้ำเสียงที่เรียบนิ่งของเซียวอวี้พลางเจือไปด้วยความองอาจที่มิอาจฝ่าฝืนไปได้ความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นยามที่อยู่ชายแดนใต้นั้น เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่เขาทิ้งสถานะของฮ่องเต้เพียงชั่วครู่ เพื่อให้นางตายใจ ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังเป็นฮ่องเต้ผู้เลือดเย็นอยู่เช่นเดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันหัวเราะเยาะเย้ยกับตัวเอง“หม่อมฉินคิดว่า ท่านให้สิทธิ์หม่อมฉันได้เลือกเสียอีก”ที่เขาโกรธนั้น หาใช่เพราะนางปรับเปลี่ยนสัญญาเป็นครึ่งปีไม่ แต่เป็นเพราะเขาไม่คิดที่จะปล่อยนางไปตั้งแต่แรกอยู่แล้วเซียวอวี้เชยคางของนางขึ้นมา ก่อนจะใช้แววตาเฉียบคมก้มลงไปมอง“มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าสามารถวางใจได้“เรื่องระหว่างเรากับเจ้านั้น เราไม่มีทางใช้ตระกูลเฟิ่งแล
ไทฮองไทเฮาพลางมองดูบุคคลตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ“ฮองเฮา เจ้า เมื่อครู่เจ้าเอ่ยอันใดออกมากัน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีแน่วแน่ว่า“หม่อมฉันต้องการละทิ้งตำแหน่งฮองเฮาเพคะ”ผู้คนภายในตำหนักต่างก็มีท่าทีตกตะลึงไปในทันทีเกิดอันใดขึ้นกับฮองเฮาเช่นนั้นหรือ?“บังอาจ! เรื่องเช่นนี้ เราหาเคยได้ยินมาก่อนไม่! ฝ่าบาทเล่า? ฝ่าบาทรู้หรือไม่ว่าเจ้า…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้มีท่าทีสะทกสะท้านอันใดไม่“ฝ่าบาทมิยินยอมเพคะ หม่อมฉันจึงได้มาขอร้องให้พระองค์ช่วยออกพระราชโองการให้กับหม่อมฉัน”ถึงแม้ว่าไทฮองไทเฮาจักมิชื่นชอบหลานสะใภ้คนนี้ทว่า เรื่องนี้กลับตึงมือพระนางอยู่เล็กน้อย“เจ้าต้องการออกจากวังหลวงจริง ๆ หรือ” ไทฮองไทเฮาเอ่ยถามนางเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าลง“เพคะ”“ได้ เช่นนั้นข้า...”ยังมิทันที่ไทฮองไทเฮาจะพูดจบ ด้านนอกพลันมีน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาในทันที“เรื่องนี้หาใช่เรื่องที่เสด็จย่าจักต้องมาเป็นกังวลไม่”ไทฮองไทเฮาพลันเงยหน้าขึ้น กลับเห็นใบหน้าที่มืดดำของฝ่าบาทเดินเข้ามา ทั้งยังเต็มไปด้วยท่าทีเป็นปรปักษ์กับเสด็จย่าเช่นนางอีกด้วย “ฝ่าบาท เจ้า...”เซียวอวี้เอามือโอ
ด้านนอกตำหนักหย่งเหอ เหล่านางสนมทั้งหมดต่างพากันมานั่งคุกเข่าลงเป็นแถวพวกนางทั้งหมดล้วนแต่บ่นโอดครวญว่าฝ่าบาทปฏิบัติต่อฮองเฮาหาได้มีความเป็นธรรมไม่หากฝ่าบาทจักใจร้ายกับพวกนางก็พอแล้ว ฮองเฮาที่ดีเลิศเช่นนี้ เพื่อส่งข้าวสารอาหารแห้ง พระนางหาได้กังวลถึงความปลอดภัยของตนเองไม่ ผลลัพธ์ที่ได้เล่า?เพียงแค่หรงเฟยกลับมาที่วัง ฝ่าบาทก็กระทำตัวเย็นชาต่อฮองเฮาไปในทันที ทั้งยังสั่งให้นางปิดตำหนักสำนึกตนอีกมิแปลกใจเลยที่ฮองเฮาจะทรงเหนื่อยใจจนอยากจะสละตำแหน่งของตนเองทิ้ง เพื่อหนีออกไปจากวังหลวงหากแต่ฝ่าบาทกลับยืนกรานที่ขังคนผู้หนึ่งเอาไว้ในวังหลวงเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้อื่นนึกโมโหยิ่งนัก!พวกนางทุกคนจึงพากันมารวมตัวเป็นอนึ่งอันเดียวกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเหล่านางสนมโดยส่วนมากล้วนมีพื้นเพมาจากครอบครัวตระกูลขุนนาง พวกนางต่างพากันลอบส่งจดหมายออกไป หวังว่าพวกเขาจักช่วยกดดันกับทางฝ่าบาทยามอยู่ในท้องพระโรงด้วยอีกทางหนึ่งเมื่อเซียวอวี้ได้ยินเช่นนั้น เขาพลันรู้สึกว่ามันไร้สาระยิ่งนักทว่า ฮองเฮาช่างมีความสามารถในการปลุกผู้คนให้ฮึกเหิมขึ้นมาจริง ๆเขายอมทำทุกวิธีทาง เพียงเพื่อต้องการจะรั้งนางเอา
เซียวอวี้รู้ดีว่า ที่สถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ได้ นั่นเป็นเพราะฮองเฮาเสด็จไปหาไทฮองไทเฮาเมื่อตอนกลางวันเดิมทีเขาคิดว่า นางกำลังยืมมือขอความช่วยเหลือจากเสด็จย่าเขาเพิ่งจะรู้ตัวในยามนี้ ว่านางกำลังใช้แผนคนหมู่มากในการโจมตีเขาทว่า ตั้วแต่เมื่อใดกันที่นางสนมเหล่านั้นเริ่มที่จะปกป้องนางกัน?ความสามารถของนางช่างมีมากยิ่งนัก!เซียวอวี้พลันหมุนกายเข้าไปด้านในตำหนัก ก่อนจะเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ด้วยท่าทีสงบนิ่ง“นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการจะเห็นเช่นนั้นหรือ?” เซียวอวี้พยายามข่มอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเต็มไปด้วยความเฉยเมย“นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น“หากท่านยังคิดดึงดันโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก ในภายภาคหน้าย่อมมีขุนนางมากมายยื่นฎีกาฟ้องร้อง รวมไปถึงเหล่าราษฎรและกำลังพลทหารมากมายที่จักลุกขึ้นมายืนหยัดเพื่อหม่อมฉัน”เซียวอวี้หัวเราะเยาะเย้ยกับตัวเอง“เหตุใดต้องร้องขอเพื่อเจ้า? กล่าวหาว่าเป็นเพราะเรารังแกเจ้าเช่นนั้นหรือ?”“เช่นนั้นเราคงเป็นคนแรกที่ตกเป็นผู้ร้ายในสายตาของผู้คนในใต้หล้า!“ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้าชัด ๆ ! เป็นเพราะเจ้าต้องการหนีไปจากเรา เป็นเจ้าท
ด้านนอกประตูวังนั้นพลันรายล้อมไปด้วยราษฎรมากมาย “เกิดอะไรขึ้นกัน?”“ไม่รู้สิ ข้าก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”“ข้าได้ยินมาว่าฮองเฮาต้องการหย่าร้าง...”“อะไรนะ? ! หย่าร้าง? ฮองเฮา? มัน มิน่าจะเป็นไปได้กระมัง!”สตรีธรรมดาที่อยากจะหย่าร้างนั้น ล้วนแต่ถูกบ้านสามีของตนเองถลกหนังทั้งหมด หากว่าในตระกูลที่สูงส่งขึ้นมาหน่อย ก็จักกล่าวว่า “ไร้การหย่าร้าง มีเพียงแค่ปลดภรรยา” แล้วสถานการณ์ของฮองเฮาเล่า?เกรงว่าฮองเฮาจักกลายเป็นบ้าไปแล้วกระมัง...ภายใต้เสียงกลองที่ดังกึ่งก้อง เฟิ่งจิ่วเหยียนเผชิญหน้ากับฝูงชนด้วยสายตาที่แน่วแน่ พลางกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำว่า“สวรรค์เบื้องบน!“ฟ้องร้องเรื่องแรก มีงานแต่ไม่แต่ง งานมงคลสมรสของฮ่องเต้นั้น มีการส่งคนมาแทนที่ตนเองยามที่กล่าวคำนับฟ้าดิน“ฟ้องร้องเรื่องที่สอง แต่งไร้ความเชื่อ ยามที่เข้าหอนั้น ฮ่องเต้สงสัยในความบริสุทธ์ของข้า กระทำการหยามหน้าผู้คนในตระกูลเฟิ่ง“ฟ้องร้องเรื่องที่สาม หลงใหลสนมละเลยภรรยา คืนวันงานมงคลสมรส ฝ่าบาทกระทำการละทิ้งภรรยาเอกเพื่อไปอยู่กับสนม ทั้งยังส่งป้ายทองฮองเฮามอบให้กับพระสนมคนโปรดอีก“ฟ้องร้องเรื่องที่สี่ ทำร้
เพียงเซียวอวี้ปรากฏตัวออกมา เหล่าราษฎรต่างพากันหวาดกลัว ทั้งยังมีบางส่วนที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวหลิวซื่อเหลียงพลางตวาดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมน้ำเสียงเล็กแหลมว่า“บังอาจ! เห็นฝ่าบาทแล้วพวกเจ้ายังมิคิดทำความเคารพกันอีก?”เหล่าราษฎรจึงพากันรีบร้อนคุกเข่าคำนับด้วยความเคารพในทันทีทว่า ก็ยังมีบางคนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาว่า“หย่าร้าง...”เซียวอวี้พลันยืนเอามือไพล่หลังเอาไว้ พร้อมทั้งเสื้อคลุมมังกรที่ปลิวสยายไปตามสายลม ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮาได้โปรดกลับวังเถิด!”เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ภายใต้กลองร้องทุกข์ด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว “ฝ่าบาทได้โปรดตอบรับคำหย่าร้างของหม่อมฉันด้วยเพคะ”เซียวอวี้กำมือของตนเองเอาไว้แน่น จนทำให้มีรอยบาดแผลบนฝ่ามือในทันที ทว่า ยังไม่เท่ากับบาดแผลที่อยู่ภายในใจของเขาคำพูดที่ฮองเฮากล่าวออกมาเมื่อครู่นั้น เขาต่างก็ได้ยินกับหูทุกอย่างล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ทำเอาเขามิอาจหาโต้แย้งอันใดมาตอบกลับได้มิคิดเลยว่า นางจักจดจำเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำหากว่านางต้องการออกไปจากวังหลวงเพราะเหตุนี้ละก็ เช่นนั้นเรื่องระหว่างพวกเขายั
ไทฮองไทเฮาไม่ได้คิดที่จะตายจริง ๆ เพียงต้องการใช้ความตายมาข่มขู่เท่านั้น เซียวอวี้ทราบจุดประสงค์ของนาง หลังจากที่หมอหลวงยืนยันว่านางปลอดภัยดี เขาก็เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เสด็จย่า ท่านก็อยากจะบีบบังคับเราด้วยกระมัง” ไทฮองไทเฮาเอนหลังพึงหัวเตียง และมองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวด “ข้ามิได้บังคับเจ้า ข้าเพียงรู้สึกปวดใจแทนเจ้า! “ฮ่องเต้ ข้าได้ยินเรื่อราวในราชสำนักเหล่านั้นหมดแล้ว “สตรีนางนั้น นางได้บีบบังคับให้เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไยเจ้ายังไม่เห็นหัวใจของนางชัดเจนอีกเล่า? “นางตั้งใจจะออกจากวัง “ข้าก็สามารถมองเห็นได้ว่า เจ้ามีนางอยู่ในใจ และต้องการจะเก็บนางไว้ “ทว่าเจ้าจะสามารถกักขังสตรีที่ไม่มีเจ้าอยู่ในหัวใจ ไว้ได้อย่างไรเล่า? ฝ่าบาท ยังจำหยวนเฟยของฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้หรือไม่? หากเจ้าชอบฮองเฮาจริง ๆ จักทนเห็นฮองเฮามีจุดจบเช่นนั้นได้หรือ?” ทันใดนั้นเซียวอวี้พลันรู้สึกหนาวสะท้าน หยวนเฟยหญิงงามผู้อาภัพนั้น เป็นพระสนมสุดรักของเสด็จพ่อ ทว่าสตรีนางนั้นมิได้รักเสด็จพ่อ เสด็จพ่อบีบบังคับให้นางอยู่ในวัง ถึงขั้นประสงค
หลังตื่นจากฝันร้ายนั้น เซียวอวี้ก็ไม่รู้สึกง่วงนอนอีกเลย เขาก้าวลงจากเตียง คว้าเสื้อคลุมที่แขวนอยู่บนฉากบังตาแล้วเดินออกไป มุ่งหน้าไปยังตำหนักหย่งเหอ ครั้นมาถึงตำหนักหย่งเหอ เซียวอวี้ไม่ได้เข้าไปในตำหนักบรรทม เพียงแต่ยืนอยู่ข้างนอกเท่านั้น ในชั่วยามนี้ ฮองเฮาคงจะเข้านอนไปแล้ว เขายืนนิ่งอยู่สักพัก และในยามที่ชั่งใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ซุนหมัวมัวพลันเดินมาหาแล้ว ซุนหมัวมัวต้องการให้ฝ่าบาทและฮองเฮากลับมาคืนดีกันอีกครั้ง จึงเอ่ยหยั่งเชิง ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ “ฝ่าบาท ได้โปรดอย่าใส่พระทัยคำพูดที่รุนแรงของฮองเฮาเลยเพคะ แท้จริงแล้วพระนางก็แค่กำลังแง่งอน และขออภัยที่บ่าวพูดมากเกินไป ฮองเฮาจิตใจสูงส่ง จนไม่อยากจะมองเห็นท่านกับหรงเฟยเพคะ...” เซียวอวี้ขมวดคิ้ว เพียงเหลือบมองจากหางตา “นางเป็นเช่นนี้เพราะหรงเฟยรึ?” ซุนหมัวมัวพยักหน้างึก ๆ “ถูกต้องเพคะ! ฮองเฮามีความรักลึกซึ้งต่อพระองค์ มิฉะนั้นจะเสี่ยงชีวิตเพื่อไปส่งเสบียงอาหารให้ท่านได้อย่างไร? ในช่วงเวลาที่ฝ่าบาทกรีธาทัพออกรบนั้น ฮองเฮาคิดถึงท่านอยู่เสมอเพคะ ทว่าเมื่อหรงเฟยกลับมาแล้ว ฮองเฮ
ก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนจะขึ้นสนามประลอง ก็วางแผนเส้นทางหลบหนีไว้อย่างดีแล้วนางรู้ข้อจำกัดของตนเองดีอาศัยพละกำลังของนางในตอนนี้ มิอาจยืนหยัดจนถึงท้ายที่สุดได้การต่อสู้แบบหลายคนผลัดกันขึ้นสู้กับคนคนเดียวประเภทนี้ไม่ยุติธรรมดังนั้น ตั้งแต่แรกที่เริ่มประลอง นางก็มิได้ตัดสินใจว่าจะปกป้องสังเวียนจนถึงท้ายที่สุดการประลองหลายรอบก่อนหน้านี้ ก็เพื่อให้ผู้ชมเหล่านั้นวางเดิมพันข้างนาง และกดดันให้สนามประลองยุทธ์ปล่อยตัวติงหยวนเอ๋อร์ออกมาจนถึงตอนนี้เจียงหลินก็ยังคงเรียกสติกลับมาไม่ได้ เอาแต่วิ่งตามไปกับคนของสำนักเฉวียนเจินเหล่านั้นซูฮ่วนนี่เหลือเกินจริง ๆ!ก่อนจะทำสิ่งใด จะบอกให้เขารู้บ้างไม่ได้เชียวหรือ!ไม่มีผู้ใดรู้ว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนมิอาจอธิบายให้ผู้ใดฟังได้นางลักพาตัวติงหยวนเอ๋อร์ไปคนเดียว คนของสนามประลองยุทธ์ก็จะไล่ตามนางเท่านั้นทว่าทันทีที่นางมีพรรคพวก พรรคพวกยิ่งมาก ความเป็นไปได้ที่จะหนีรอดไปพร้อมกันก็จะยิ่งน้อยลงสำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งเซียนเอ๋อร์เข้าใจเป็นอย่างดีดังนั้น นางจึงชักกระบี่ไล่ตามไป“ไอ้คนไร้ยางอาย! คืนศิษย์สำนักเฉวียนเจินของข้ามา!”เจียงหลินถึงกระจ่างขึ้นมาใ
การตายของอู๋เซียง ไม่มีผู้ใดเสียดายการลาลับของเขา มีแต่ดื่มด่ำอยู่ในห้วงความรื่นเริงของรอบใหม่คนที่เดิมทีกำลังลังเลไม่ตัดสินใจเหล่านั้น ก็ทยอยนำทรัพย์สินมาวางเดิมพันที่ตัวเฟิ่งจิ่งเหยียนในเวลานี้ เจียงหลินเต็มไปด้วยความสับสนเขาได้ยินว่าซูฮ่วนชนะแล้ว ถึงกล้าลืมตาจากนั้นเขาถามด้วยความงงงวย“ทำได้อย่างไร...ซูฮ่วน เมื่อครู่เขามิได้ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าหรอกหรือ?”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกลงึมงำ“เส้นไหมสังหาร ซูฮ่วนซ่อนเส้นไหมสังหารของคู่ต่อสู้ไว้”ในเวลานี้ ฟางหมิ่นที่ฟื้นแล้วก็เอ่ยขึ้น“ไม่เพียงเท่านั้น ซูฮ่วนยังเรียนรู้กระบวนท่าหมัดกำไลเหล็กด้วย!”ถูกต้อง!นี่ถึงจะเป็นกุญแจสำคัญเส้นไหมสังหารนั้น มีเพียงหมัดกำไลเหล็กถึงจะสามารถแสดงศักยภาพของมันได้อีกทั้งยังเป็นเส้นไหมสังหารที่ถูกย้อมเป็นสีแดง และถูกเปิดเผยแล้วท่าไม้ตายชุดสุดท้ายของซูฮ่วน มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!และนางคว้าโอกาสนั้นไว้ได้เหลิ่งเซียนเอ๋อร์รู้สึกละอายใจตัวเองหากเปลี่ยนเป็นนาง คงไม่มีทางสังเกตกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ในระหว่างการประลองได้ รวมถึงยังลอกเลียนท่าทางอีกด้วยกลยุทธ์นี้ก็คือ หินจา
อู๋เซียงทำลายความศรัทธาของเฟิ่งจิ่วเหยียนทีละขั้น เสียงพูดยังคงต่อเนื่อง“ซูฮ่วน เจ้าคิดจะกำจัดคนชั่วในใต้หล้าไปให้หมด ช่างไร้เดียงสาจริง ๆ“เจ้าคิดว่า สนามประลองยุทธ์ใต้ดินที่มีอยู่แห่งนี้ ราชสำนักมิรู้เลยอย่างนั้นหรือ?“ขุนนางท้องถิ่นคนใดจะไม่แอบอนุญาต? เพราะอะไร? พวกเขาต้องการเงินทอง ต้องการความสำเร็จในหน้าที่“แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าทำเพื่ออะไร?“เจ้าเอาพวกเราเป็นใบไม้เขียวที่ตัดให้เจ้าได้โดดเด่นขึ้นมา“หากเอาชนะพวกเรา ก็จะมีผู้คนมากมายยกย่องเจ้าเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่“แต่ข้าจะถามเจ้าว่า สิ่งที่เรียกว่าเที่ยงธรรมคืออะไร? ผู้ใดเป็นคนชั่วกัน? ข้าเป็นคนชั่ว แล้วราชสำนักที่บ่มเพาะความชั่วช้านั้นก็มิใช่อย่างนั้นหรือ?“จริงอยู่ เจ้าฆ่าข้าได้ แต่เจ้าฆ่าความคิดชั่วร้ายในจิตใจคนได้หมดหรือ?“ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ตราบใดที่ความคิดชั่วร้ายยังอยู่ ความชั่วร้ายก็จะอยู่ตลอดไป“เจ้าเป็นเพียงคนธรรมดา มีสิทธิอะไรจะต่อสู้กับธรรมชาติของมนุษย์ได้ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนชั่ว ทว่าข้าก็เคยทำความดี เช่นว่า ข้าเคยช่วยกระต่ายตัวหนึ่งที่บาดเจ็บจากลูกธนู“คนที่เจ้าเข้าใจว่าเป็นคนดีเหล่านั้น ใครบ้างมิเคยทำควา
อู๋เซียงเดินเข้าไปในกรงเหล็ก ราวกับว่ากำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้านของตนเอง มิได้มองว่านี่เป็นการประลองหลังจากประตูกรงเหล็กปิดลง อู๋เซียงก็ยังไม่รีบร้อนโจมตี แต่มองไปรอบ ๆ และย้อนถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“ซูฮ่วน เจ้าดูสิ พวกเขาเชื่อหรือว่าเจ้าจะชนะ?”สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง และมิได้ตอบเขาจากนั้น กรงเหล็กก็ค่อย ๆ ถูกยกขึ้น และลอยห่างจากพื้นขณะที่กรงหยุดอยู่กลางอากาศ อู๋เซียงก็ยังคงไม่โจมตีเขาเอามือสองข้างไพล่หลัง เหมือนผู้มีปัญญาและผู้อาวุโส กำลังเอ่ยตักเตือนด้วยความหวังดี“ซูฮ่วน เจ้ายังคงเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน“การประลองครั้งนี้มิควรเป็นเช่นนี้“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ? สิ่งที่เจ้าต้องการ มิใช่การจูบ แต่คิดจะใช้โอกาสนี้ช่วยเหลือติงหยวนเอ๋อร์”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชาพวกเขาพูดคุยกันอยู่ในกรงเหล็ก ผู้คนบนอัฒจันทร์ไม่ได้ยินอู๋เซียงถึงขั้นปลอบใจนาง: “มิต้องกังวล ข้าจะไม่บอกพวกเขา มิเช่นนั้น การประลองครั้งนี้ก็จะไม่สนุก อีกครึ่งชั่วยาม หากเจ้าไม่โค่นล้มข้า ก็จะเป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า...จนตาย”หลังจากพูดจบ เขาก็เอียงศีรษะพร้อมกับยิ้มจากนั้นก็รวบรวมพลังในฝ่ามือ และโจมตี
เจียงหลินจ้องมองอู๋เซียงตาเขม็ง--- บุรุษผู้นั้นที่มองดูแสนธรรมดา หากอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็จะหาไม่พบทันที“ในเวลานั้น ครั้งแรกที่ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรอู่หลิน ในยุทธภพปรากฏหัวโจกโฉดชั่วอยู่สามคน อู๋เซียงก็คือลูกพี่ใหญ่ในกลุ่มของพวกเขา“พวกเขาเป็นศิษย์นอกของเส้าหลิน ทำความชั่วสารพัด ทั้งวางเพลิง ฆ่าคน ข่มขืน และปล้นสะดม เพื่อกำจัดทั้งสามคนนี้ กลุ่มพันธมิตรอู่หลินจึงตัดสินใจจะต่อสู้กันที่ภูเขาฉงหัว “ในการต่อสู้ครั้งนั้น ชาวพันธมิตรอู่หลินได้ร่วมมือกัน และสังหารคนโฉดชั่วได้สองคน ทว่าวิทยายุทธ์ของอู๋เซียงนั้นแข็งแกร่ง จึงหลบหนีไปได้“การต่อสู้ครั้งนั้นซูฮ่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งไม่กี่วันต่อมา อู๋เซียงก็ลักพาตัวภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของตงฟางซื่อไป...”แม้ผ่านมาหลายปี เมื่อเจียงหลินนึกถึงความทรงจำในช่วงนั้นอีก ก็ยังรู้สึกขนลุกเขาต่างจากคนเหลาะแหละในเวลาปกติ หลังจากกลั้นหายใจไม่กี่อึดใจ ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“เขาแยกร่างฮูหยินตงฟางออกเป็นหลายส่วน ในแต่ละวันจะส่งมาให้หนึ่งชิ้น จนทำให้ตงฟางซื่อแทบจะคลุ้มคลั่ง“ภายหลัง ซูฮ่วนหาอู๋เซียงจนพบ ไม่มีผู้ใดรู้รายละเอียดการต่อสู้ระหว่างซูฮ่วนก
คนกลุ่มหนึ่งตะโกนเสียงดัง“ให้เขาดู! ให้เขาดู!”“บ้าเอ๊ย พวกเราตั้งหลายคนเดิมพันให้เขาชนะ หากเขายอมแพ้ พวกเราก็ต้องเสียเงินย่อยยับ!”“พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมา ข้าก็อยากดูเช่นกัน หญิงสาวผู้นั้นมีชีวิตอยู่หรือตายกันแน่!”คำพูดของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทำให้ผู้คนเริ่มกระวนกระวายผู้ประกาศจึงรีบเกลี้ยกล่อมพวกเขา“ทุกท่าน ทุกท่าน! อดทนหน่อยอย่าเพิ่งใจร้อน!“ข้าขอรับรองกับพวกท่าน คนจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน...”เฟิ่งจิ่วเหยียนดูนิ่งเฉยและแน่วแน่“หากไม่เห็นติงหยวนเอ๋อร์ ข้าก็ล้มเลิกการประลอง”หลังจากนางประลองจบแล้วสองรอบ คนที่เดิมพันว่านางชนะก็ยิ่งมีมากขึ้น หากตอนนี้นางถอนตัวออกจากการประลอง จะทำให้ผลประโยชน์ของพวกเขาเสียหายพวกเขาจึงตะโกนพร้อมกัน“พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมา!”“ใช่ มิเช่นนั้นพวกเราจะขอเงินคืน!!!”เสียงตะโกนของผู้คนเกือบพันคนในสนาม ทำให้สีหน้าท่าทางของผู้ประกาศดูลนลานเขาออกจากสนามอย่างเงียบ ๆ และเข้าไปทางประตูลับ เพื่อไปขอคำชี้แนะผ่านไปไม่นาน เขาก็ออกมา“ได้ นายท่านของเราบอกว่า ให้พาติงหยวนเอ๋อร์ออกมาก่อนได้ เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นว่า นางมีชีวิตอยู่หรือตาย! ทว่าทุกท่านต้อง
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เอาแต่หลบเพื่อป้องกันตัวอีกต่อไป และเปลี่ยนมาเป็นโจมตีแบบประชิดทันใดนั้นก็เห็นนางทำเหมือนกับ “ค้างคาวเลือด” ที่ชื่อเกาหยวนก่อนหน้านี้ ปีนขึ้นไปบนกรงเหล็กและพลิกกลับลงมาหมัดของคู่ต่อสู้โจมตีมา ทว่ากลับถูกนางคว้าข้อมือเอาไว้ได้ โดยใช้น้ำหนักของทั้งร่างกายกดลงไปเต็มแรง และทำลายวิชาหมัดมวยของคู่ต่อสู้ ในเวลาเดียวกัน ยังทำให้กระดูกข้อมือของเขาหลุดออก จากนั้นแค่บิดเบา ๆ ก็พลิกเส้นไหมสังหารกลับไปคล้องที่คอของเขา พร้อมกับออกแรงรัดเอาไว้...ในชั่วพริบตา สายตาของผู้ชมที่อยู่ข้างสนามต่างจับจ้องตาไม่กะพริบ รอว่าศีรษะคนจะหล่นลงพื้นไม่ว่าจะเป็นศีรษะของผู้ใดก็ได้ทั้งนั้น!ทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองผู้คนที่อยู่ข้างสนามแวบหนึ่ง นางแค่รัดคอคู่ต่อสู้ให้หมดสติชั่วคราวเท่านั้นข้างสนามมีเสียงแสดงความไม่พอใจดังขึ้นมา“ฆ่ามันเลย! ฆ่ามันเลย!”“บ้าเอ๊ย! ข้าพนันว่าเจ้าชนะ มิใช่ให้เจ้ามาทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สนใจคนพวกนั้น และมองไปทางผู้ประกาศบนสนามประลองยุทธ์อย่างเฉยชา“คนต่อไป”ผู้ประกาศมองดูนาง และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งเขาประกาศว่า: “ผู้รั
หลังจากที่เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ถูกคนรับตัวไว้ นางก็รีบหันกลับมาในทันทีภายใต้สถานการณ์ที่มิรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร นางจึงเตรียมการป้องกันอย่างระแวดระวัง โดยจะใช้มือแทนมีดทว่า วินาทีที่หันกลับมา และเห็นผู้ที่มา มือของนางก็คลายลงทันที...ซูฮ่วน! เป็นเขาได้อย่างไร!เฟิ่งจิ่วเหยียนประคองหลังของนาง และช่วยให้นางลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงขอบตาของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์พลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำนางนึกไม่ถึงว่า ซูฮ่วนจะทะยานลงมาจากฟ้าอย่าว่าแต่นางเลย เซียวอวี้กับเจียงหลินก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่า เดิมทีคนที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา จะหายไปในชั่วพริบตา!เซียวอวี้รีบกระโดดตามลงมา และเดินมาอยู่ด้านข้างของเฟิ่งจิ่วเหยียนธูปบนเวทีเพิ่งจะถูกเผาไหม้ไปเพียงครึ่งเดียวทว่าบรรดาคนที่ท้าประลองเหล่านั้นราวกับมวลน้ำมหาศาล ราวกับตั๊กแตนก็มิปานพวกเขามิอาจถอยหนีได้คนของสำนักเฉวียนเจินเหล่านี้ก็มิอาจขวางทางพวกเขาได้ และคนส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บแล้วจักต้องยับยั้งทั้งหมดนี้!เฟิ่งจิ่วเหยียนปล่อยเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ และทะยานขึ้นไปบนเวทีโดยมิสนใจการขัดขวางของเซียวอวี้ดวงตาคู่งามของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์เบิกกว้าง มิ
เฟิ่งจิ่วดหยียนถลึงตาใส่เจียงหลินอย่างเย็นชา “พูดเหลวไหลอะไร?”เจียงหลินกลัวว่านางจะลงไม้ลงมือ จึงเดินอ้อมไปอยู่ข้าง ๆ เซียวอวี้ล่วงหน้า“มีอะไรให้ปฏิเสธ? เรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของชายหนึ่งหญิงสองอย่างเหลิ่งเซียนเอ๋อร์กับหร่วนฝูอวี้ มีใครไม่รู้บ้าง?“หากไม่ใช่เพราะหร่วนฝูอวี้เอาเรื่องที่อยู่ของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ไปบอกเจ้าสำนักเฉวียนเจิน จนนางถูกเจ้าสำนักจับตัวกลับไป เจ้าก็คงได้สุขสำราญพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว!“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นางอายุน้อยขนาดนี้ ก็ได้เป็นรองเจ้าสำนักแล้ว!”เซียวอวี้หน้าอึมครึม มือกำหมัดแน่นชายหนึ่งหญิงสองงั้นหรือแม่ทัพน้อยของเขา ช่างเนื้อหอมจริง ๆหากนางเป็นบุรุษจริง คงเป็นของคนอื่นไปนานแล้วไม่สิ…หากนางเป็นผู้ชาย เขาก็คงไม่ใส่ใจแล้ว!เกือบจะเคลิ้มไปด้วย เซียวอวี้จึงตั้งสติเฟิ่งจิ่วเหยียนกระแอมไอแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“เจียงหลิน ชื่อเสียงของคนอื่นเสียหายเพราะเจ้าหมดแล้ว ถ้าเจ้ายังปากมากอีก ข้าจะฉีกมันทิ้งซะ”เจียงหลินรีบหุบปากทันทีแต่ในใจก็ยังไม่ยอมเขาไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อยตอนนั้นเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ คิดจะหนีออกมาจากสำนักเฉวียนเจินเพราะซูฮ่วนด้วยซ้ำ นางใ