เป็นครั้งแรกที่เซียวอวี้ มองเห็นดวงตาของนางเปล่งแสงประกายเช่นนี้รอบด้านเงียบสงบ ดูเหมือนขอเพียงนางมองดูเขาเช่นนี้ เขาจะตอบสนองนางได้ทุกอย่างแต่เขาก็ใช่ว่าจะไม่ได้เรื่องขนาดนั้นหลังจากขาดสติไปชั่วขณะ เขาก็กลับมาเคร่งขรึมเย็นชาเหมือนปกติ พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย“ปีที่สองที่เราขึ้นครองราชย์ กองกำลังทหารทั้งสี่แคว้นร่วมมือกันโจมตีแคว้นหนานฉี เราออกไปทำศึกด้วยตนเอง หลังจากการศึกครั้งใหญ่จบสิ้นลงแล้วกลับแคว้น เดินทางผ่านป่าหมอกหนาทึบ“ในป่าทึบนั่น มีนักฆ่าซุ่มอยู่กลุ่มหนึ่ง”“ตอนที่เราต่อสู้กับนักฆ่า พลางมีคนคลุมหน้าผู้หนึ่ง ปล่อยสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมังกรพสุธาออกมา เราถูกมันกัด ทำให้ถูกพิษ ภายหลังค่อยรู้ว่า นั่นคือพิษวารีสวรรค์”เฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้ พิษวารีสวรรค์นั้น เป็นการเลี้ยงผ่านมังกรพสุธา แต่ละวันนั้นจะให้มันกินยาพิษชนิดพิเศษ ไม่นาน มันก็จะสะสมเป็นพิษชนิดรุนแรง “วารีสวรรค์” ในตัวการเลี้ยงวารีสวรรค์ตัวหนึ่ง ต้องใช้เวลาสิบปีและใช่ว่ามังกรพสุธาทุกตัว ล้วนดูดซึมยาพิษพวกนั้น มีชีวิตรอดมาอย่างราบรื่น จนกลายเป็นวารีสวรรค์ดังนั้น พิษวารีสวรรค์นั้นพบเห็นได้ยากนางฟังเซียวอวี
เฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอให้เปิดเผยความจริงต่อสาธารณชน เพื่อไม่ให้ราษำรเข้าใจผิดต่อไปทว่าแววตาเซียวอวี้ เยือกเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง“ไม่จำเป็น”คราวนี้กลายเป็นนางที่ไม่เข้าใจหลักการเปรียบเทียบประโยชน์สองสิ่งแล้วเลือกสิ่งที่ให้ประโยชน์มากกกว่า ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดิ ไม่เข้าใจหรือ?เซียวอวี้ค่อนข้างจริงจัง“หากเปิดเผยความจริงว่าเมิ่งเฉียวม่อเป็นตัวปลอม ตระกูลเมิ่งนั้นยากที่จะหลุดพ้นความผิด ตลอดจนค่ายทหารเหนือนับพันหมื่น”ต่อให้ทหารเหล่านั้นไม่รู้ความจริง หากอยากลงโทษ ย่อมมีเหตุผลหรือหาข้ออ้างได้เสมอหากผู้ใดมีเจตนาฉวยประโยชน์ ทั่วทั้งค่ายเป่ยต้าก็จะวุ่นวายเก็บความลับนี้ไว้ เขายังสามารถปกป้องตระกูลเมิ่งกับทหารเหล่านั้นหากเปิดสู่สาธารณชน เขาจะต้องดำเนินการอย่างยุติธรรม มิฉะนั้นจะควบคุมได้ยากเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่พูดอะไรในความรู้สึกส่วนตัวของนาง ยอมเข้าข้างพวกอาจารย์เพียงประหลาดใจไม่น้อย เพื่อพวกเขาแล้ว เซียวอวี้ยอมให้คนเข้าใจตนเองผิดแน่นอนว่า สิ่งที่เซียวอวี้คำนึงถึง ไม่ได้มีเพียงเท่านี้เขาพูดต่อไปอีก“เมิ่งสิงโจวเป็น ‘เทพสงคราม’ ของค่ายเป่ยต้า การตายของเขา จะก่อให้เกิดคลื่น
ตำหนักซินฮุ่ยจิ้งเฟยนั่งอยู่ตรงหน้าคันฉ่อง แววตาค่อนข้างล่องลอยสาวใช้ชิวหงอดเห็นใจไม่ได้“พระนาง ดึกแล้วเจ้าค่ะ”ฝ่าบาทไม่เสด็จ พระนางก็จะไม่นอนไม่ได้จิ้งเฟยพึมพำด้วยเสียงเบา“ใช่ ดึกแล้ว”เวลานี้ ฮองเฮากำลังร่วมบรรทมหรือไม่?เดิมนางยังสามารถปลอบโยนตนเอง บางทีฮองเฮาอาจจะเหมือนกับนาง เป็นกลลวงที่ฝ่าบาทใช้หลอกคนอื่น ไม่ได้ร่วมบรรทมจริง ๆ ทว่า หากเป็นความเท็จ ฝ่าบาทมีความจำเป็นต้องรับสั่งให้เข้าไปอยู่ในตำหนักจื้อเฉินหรือ?ที่นั่นเป็นสถานที่ แม้แต่หรงเฟยก็เหยียบย่ำเข้าไปน้อยครั้งมากสามารถเห็นได้ว่า ฝ่าบาทรักใคร่โปรดปรานฮองเฮาจากใจจริงแล้วนางถือว่าเป็นอะไรกัน?นางใช้ทุกวิถีทาง ก็ไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทหันมามองนางค่ำคืนนี้ ถูกกำหนดให้ยากที่จะข่มตาหลับเช้าวันรุ่งขึ้นในที่ว่าราชการเช้าเหล่าขุนนางยังถกเถียงกันเรื่องการตายของเมิ่งเฉียวม่อ“ฝ่าบาท แม่ทัพน้อยเมิ่งมีสถานะอันสูงส่งอยู่ในใจประชาชน นางตายไป ชื่อเสียงของท่านในหมู่ประชาชนไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน เรื่องนี้จะมองข้ามไม่ได้!”“ฝ่าบาท แม้แต่ญาติพี่น้องของกองทัพมังกรพยัคฆ์ ยังล้วนออกมาพูดว่า แม่ทัพน้อยเมิ่งไม่สมควรตาย”
“กระหม่อมเพียงได้ยินมาว่า แม่ทัพน้อยเมิ่งกับหมอทหารคนหนึ่งมีมิตรภาพอันลึกซึ้ง ถูกเล่าขานกันว่าเป็นชายรักชาย”รุ่ยอ๋องพูดถึงตรงนี้ ก็ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นมา “แต่กระหม่อมคิดว่า น่าจะเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน ความจริงเป็นเพียงสหายที่ทำงานร่วมกัน”สีหน้าเซียวอวี้เคร่งขรึมขึ้นมา“หมอทหารผู้นั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน”“กระหม่อมจำได้เพียงว่า ดูเหมือนเขาจะสกุลต้วน”สกุลต้วน?เซียวอวี้คิดถึงเข็มเชียนอวี่ขึ้นมาทันทีหมอทหารผู้นั้น เป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลต้วน!รุ่ยอ๋องไม่รู้ว่าฝ่าบาทถามเรื่องเหล่านี้ทำไม เขากลับมาพูดเข้าเรื่องจริงจัง“ฝ่าบาท ในเมื่อเมิ่งเฉียวม่อไม่ใช่แม่ทัพน้อยเมิ่งตัวจริง แล้วทำไมท่านถึงไม่นำเรื่องนี้เปิดเผยต่อสาธารณะ?”แววตาเซียวอวี้มืดมน“เรามีแผนของเราเอง”สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ก็คือ หมอทหารสกุลต้วนคนนั้น……ด้านนอกห้องทรงพระอักษรเฉินจี๋เห็นรุ่ยอ๋องออกมา ก็ถวายความเคารพอย่างนอบน้อมบนใบหน้าของเขาไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใด แลดูเรียบร้อย กลับมีคำพูดมากมายอยู่ในใจคิดไม่ถึงว่า คนจิตใจดีมีน้ำใจอย่างรุ่ยอ๋อง เป็นคนที่สตรีนับพันหมื่นหลงรัก
ภายในตำหนักมีเสียงกรีดร้องขึ้นมาราวกับหมูถูกเชือด“สารเลว! ผู้ใดป่วย? เจ้าว่าผู้ใดสติฟั่นเฟือน? ข้าสบายดีมาก! อ้าก! พวกเจ้าจะทำอะไร!”อาจเป็นเพราะองค์หญิงใหญ่มีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรง ไทเฮาจึงสั่งคนมัดไว้ผ่านไปสักพัก องค์หญิงใหญ่ถูกมัดไว้บนเตียง นางดิ้นรน บิดเคลื่อนไหวไปมา ตะโกนพูดกับไทเฮาที่อยู่ข้างประตู“เสด็จแม่! ช่วยข้าด้วย!”ไทเฮาก็ทำใจไม่ได้“ฉีเอ๋อร์ เสด็จแม่กำลังช่วยเจ้า”องค์หญิงใหญ่รู้สึกงงงวยนางเย็บปักถุงหอมอยู่ดี ๆ เสด็จแม่กลับคิดว่านางป่วย“ฮองเฮา...ไปตามฮองเฮา!” องค์หญิงใหญ่ตะโกนสั่งสาวใช้เวลานี้หนิงเฟยยืนอยู่ด้านข้างไทเฮาอย่างหวาดกลัวตามฮองเฮาทำไม?พี่หญิงคงไม่ได้บ้าไปแล้วจริง ๆ มั้ง?……ตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังพลิกอ่านตำราโบราณ เพื่อหาภาพงูเก้าหางนั่นซุนหมัวมัววิ่งเข้ามาในตำหนักอย่างกะทันหัน พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงหายใจหอบ“ฮองเฮา! แย่แล้ว! ทางด้านตำหนักฉือหนิง...องค์หญิงใหญ่นาง นางอาละวาดขึ้นมาแล้ว...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมา“มีเรื่องอันใด”“เห็นพูดว่าเพราะการตายของแม่ทัพน้อยเมิ่ง องค์หญิงเสียใจสิ้นหวัง มีพฤติกรรมผิดปกติ ไทเฮาจึงให
ตำหนักจื้อเฉิน ยามกลางคืนเซียวอวี้เตรียมจะบรรทมแล้ว กลับเห็นฮองเฮากำลังอ่านตำราอยู่เขาเดินไปถาม “ตำรานี้มีอะไรน่าดูขนาดนั้นเชียวหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบอย่างไม่เงยหน้าขึ้นมา“ข้าได้สั่งคนไปสืบรายการซื้อขายผ้าไหมหัวหลัวในหลายปีมานี้แล้ว มีเวลาว่าง จึงค้นหาดูเบาะแสของภาพงูเก้าหาง” เซียวอวี้เดินไปแย่งตำราเล่มนั้นมา ทำให้นางต้องเงยศีรษะขึ้นมามองดูเขา“อาจจะเป็นเพียงภาพสัญลักษณ์ธรรมดา”“อาจจะใช่” เฟิ่งจิ่วเหยียนอยากเอาตำรากลับคืนมา กลับได้ยินเขาเอ่ยถาม“ค่ายเป่ยต้ามีหมอทหารสกุลต้วน วิชาเข็มเชียนอวี่ เขาเป็นคนสอนเจ้าใช่หรือไม่?”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเซียวอวี้ถามต่ออย่างหมดความอดทน“เราต้องการฟังความจริง เป็นเขาใช่ไหม”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบด้วยแววตาเยือกเย็นชา “ใช่เพคะ”ในใจเซียวอวี้อัดอั้นเข็มเชียนอวี่ของตระกูลต้วน ไม่สืบทอดให้กับคนนอก นอกเสียจากเป็นคนกันเองในตระกูลกันเองความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหมอทหารคนนั้น จะต้องไม่ธรรมดาแน่เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซียวอวี้ลองถามขึ้นมา“เจ้ารู้ไหม ตระกูลต้วนสมรู้ร่วมคิดก่อกบฏ ถูกประหารเก้าชั่วโคตร? คนนั้นเป็นคนของตระกูลต้ว
สิ่งที่ฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้บอกเซียวอวี้ก็คือ ต้วนไหวซวี่ตายเพราะช่วยนางพิษวารีสวรรค์นั่น เดิมนั้นพุ่งเป้ามาที่นาง ต้วนไหวซวี่ช่วยรับแทนนางนางก็ไม่ได้บอกเซียวอวี้ ต้วนไหวซวี่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาเข็มเชียนอวี่ให้นางแล้ว แต่นางมัวแต่ทำศึก เรียนรู้ได้ครึ่งเดียวดังนั้นหลังจากที่เขาถูกพิษ ต่อให้นางรีบเรียนรู้อีกครึ่งหนึ่ง ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้...ด้วยเหตุนี้ ทำให้นางไม่สามารถให้อภัยตนเองไปตลอดค่ำคืนนี้ คนมากมายไม่อาจข่มตานอนเซียวอวี้ฝึกวิชามวยกับเหล่าองครักษ์ทั้งคืนเหล่าองครักษ์ลำบากรันทดจนไม่รู้จะพูดยังไงจิ้งเฟยรอคอยวันพรุ่งนี้ ที่จะได้ออกจากวัง ร่วมเดินทางไปกับฝ่าบาท ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ ลืมตาจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นยามเช้าตรู่ จิ้งเฟยก็เก็บของเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับของเซ่นไหว้องครักษ์ที่รับผิดชอบรับส่ง เตรียมรถม้าเสร็จเรียบร้อยนางสนมออกจากวัง ออกทางประตูด้านข้างจิ้งเฟยไม่ยอมขึ้นรถม้า พร้อมถามองครักษ์“ฝ่าบาทยังว่าราชการเช้าไม่เสร็จหรือ?” ชิวหงก็มองดูเส้นทางเดินทอดยาวในวัง รอคอยเงาร่างของจักรพรรดิเหล่าองครักษ์ต่างมองหน้ากันจากนั้นก็มีคนหนึ่งเดินออกมาเอ่ย “จิ
การที่ฝ่าบาททรงมาเยือนจวนตระกูลเฟิ่งด้วยพระองค์เองนี้ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ตระกูลเฟิ่งทุกคนตั้งแต่ระดับบนไปจนถึงระดับล่างต่างตื่นตระหนก“ถวายบังคมฝ่าบาทและฮองเฮา!”นายท่านเฟิ่งยืนอยู่ด้านหน้าสุด ด้านหลังคือฮูหยินเฟิ่ง อี๋เหนียงหลินที่เป็นอนุ ยังมีลูกสะใภ้สกุลโจว ไปจนถึงน้องชายต่างมารดาผู้ไม่เอาไหน เฟิ่งหมิงเซวียนเฟิ่งหมิงเซวียนกลัวฮ่องเต้อย่างที่สุดเขาทำตัวราวกับเต่าหัวหดที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ายามนั้นเขากระทำความผิดค้าขายตำแหน่งขุนนาง ได้รับลงโทษหนักจนถึงยามนี้เขายังคงจำได้ว่า ยามนั้นที่ขอร้องฝ่าบาทให้ยกโทษให้เขา ตอนที่เขาตะโกนเรียกฝ่าบาทว่าพี่เขย สายตาของฝ่าบาทเต็มไปด้วยรังสีอาฆาตและความเกลียดชังนี่เป็นครั้งแรกที่อี๋เหนียงหลินได้พบโอรสสวรรค์ จึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจแม้วันนี้เซียวอวี้จะไม่ได้สวมชุดมังกร ทว่าก็ยังน่าเกรงขามจนผู้คนไม่กล้าที่จะสบตา“ลุกขึ้น”“ฝ่าบาททรงมาเยือน นับเป็นเกียรติของจวนกระหม่อมยิ่งนัก!” นายท่านเฟิ่งเองก็เป็นผู้มีความสามารถโดดเด่นทางด้านวรรณกรรมเช่นกัน ทว่าด้วยสถานการณ์เบื้องหน้าเขานึกคำไม่ออกแล้วจริง ๆเซียวอวี้ตอบอย่างเคร่งขรึม“เ
หลังจากที่ฮ่องเต้เยี่ยนได้ฟังคำขอของพระธิดา ก็หาได้ปฏิเสธทันทีไม่ ฮองเฮาของเซียวอวี้——เฟิ่งจิ่วเหยียน มิใช่สตรีธรรมดา สาเหตุที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ต่อหนานฉีหลายครั้ง ล้วนมีฝีมือของสตรีคนนี้อยู่ในนั้น ถึงแม้เซี่ยนอี๋ไม่เอ่ย เขาก็ต้องการกำจัดเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่แล้ว “ได้ พ่อรับปากเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกพอใจมาก “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” สิ่งใดที่นางไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ ทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนยังไม่หายแคลงใจ เขาถาม “เรื่องในคุกลับนั้น ผู้ใดบอกเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ยังมีจิตสำนึกอยู่ หาได้ทรยศองค์ชายสี่ไม่ “เป็น...เสด็จพี่เจ็ดเพคะ” สีหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนพลันมืดลง เจ้าเจ็ดนี่ เลอะเลือนเกินไปแล้ว! องค์หญิงเซี่ยนอี๋ขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพี่เจ็ดก็ถูกหม่อมฉันบังคับ ท่านอย่าตำหนิเขาเลย และอย่าบอกเขาด้วยว่า หม่อมฉันพูด มิฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงไม่รักเอ็นดูหม่อมฉันอีกเพคะ” ใบหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนแสดงความอดกลั้นไม่ใส่ใจ “ได้ เราเข้าใจแล้ว”…… เมื่อองค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกจากวังหลวง ก็ตรงไปที่คุกลับอีกครั้ง ครั้
ขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋กำลังถือพู่หยกอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็บีบคอของนาง จนโซ่ที่ล่ามไว้ส่งเสียง“อึก!” นางพลันเบิกตากว้างไหนเสด็จพี่สี่บอกว่า ฮ่องเต้ฉีสูญเสียพลังภายในไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?เดิมทีเซียวอวี้คิดจะให้ความร่วมมือนาง เพื่อให้นางช่วยตัวเองหนีออกไปจากที่แห่งนี้ทว่า เขาประเมินความอดทนของตัวเองไว้สูงเกินไปเขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!นางกล้าเอาพู่หยกนั้นไป!หลังจากเซียวอวี้บีบคอนาง นางก็พยายามชูพู่หยกไปด้านหลัง ไม่ยอมคืนให้เขาแต่ด้วยแรงมือของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางใกล้หมดลม แขนจึงหลุบลงเช่นนี้ เซียวอวี้จึงแย่งพู่หยกกลับมาได้ จากนั้นก็สะบัดนางออก ราวกับเพิ่งจับสิ่งของสกปรกมา ทั้งยังพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ“ไสหัวไป!”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับความรักมาตั้งแต่เด็ก ไฉนเลยจะเคยถูกดูแคลนขนาดนี้นางไม่ยอม จึงจ้องเซียวอวี้ตาเขม็ง“ท่านจะต้องเสียใจ! นอกจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ได้!”เซียวอวี้ไม่สนใจนางอีกหากเพื่อหนีออกไป แล้วต้องร่วมเออออห่อหมกไปกับผู้หญิงคนนี้ เขากลัวสกปรกองค์หญิงเซี่ยนอี๋ถูกทำลายศักดิ์ศรี ลุกขึ้น แล้วยิ้มเยาะ“ท่านลำพองใจอะไรนัก? เป็
องค์ชายสี่อ่านความคิดขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ออก จึงมีสีหน้าเคร่งขรึม“คนที่ขังอยู่ในนั้นคือใคร เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ต่อให้เสด็จพ่อจะตามใจเจ้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางมอบเขาให้เจ้าแน่ เซี่ยนอี๋ เจ้าเลิกคิดเถิด”“หากท่านไม่บอก พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก!” องค์หญิงเซี่ยนอี๋กอดอก พูดข่มขู่องค์ชายสี่กลัวเหลือเกินว่านางจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายยัยเด็กนี่ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ถึงเป้าหมายก็จะไม่ยอมหยุดครุ่นคิดอยู่นาน องค์ชายสี่ก็ตัดสินใจบอกนาง“นั่นคือฮ่องเต้ฉี คนที่เสด็จพ่อใช้ความพยายามอย่างมากในการจับตัวมา”ให้นางรู้ถึงตัวตนของคนผู้นั้น นางจะได้หวาดกลัวองค์หญิงเซี่ยนอี๋เบิกตาอ้าปากค้างในทันที จากนั้นใบหน้าก็ก่อเกิดริ้วแดง“เขาคือ…”นางไม่อยากจะเชื่อชื่อเสียงของฮ่องเต้หนุ่มจากหนานฉี นางเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้วครั้งนี้ได้มาเจอ ช่างหล่อเหลาโดดเด่นอย่างที่ร่ำลือกันไม่มีผิดดูดีกว่าบรรดาราชบุตรเขยที่เสด็จพ่อให้นางเลือกเสียอีกและยังเป็นคนน่าเกรงขามถึงเพียงนั้น…องค์หญิงเซี่ยนอี๋จับชายเสื้อขององค์ชายสี่อย่างตื่นเต้น “เสด็จพี่ เสด็จพี่คนดีของข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ทำเรื่องสำคัญของท่านกับเสด็จพ่อเ
วังหลังเหล่าสนมต่างเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชสำนักส่วนหน้ามาบ้าง“ฮองเฮาจะให้เด็กเล็กขนาดนั้นขึ้นครองราชย์จริงหรือ? ช่างเละเทะเสียจริง!”“เห็นได้ชัดว่าหวังเพื่อควบคุมโอรสสวรรค์!”“นี่ก็เป็นส่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิใช่หรือ ในเมื่อเหล่าขุนนางต่างพากันกดดันอย่างหนัก และยังมีทายาทในราชวงศ์ที่ไม่อยู่นิ่งอีกด้วย…”“ใช่สิ หากฮองเฮาไม่ทำเช่นนี้ พวกเราก็จะเดือดร้อนด้วย หากมีฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ สิ่งแรกที่จะทำต้องเป็นการจัดวังหลังใหม่เป็นแน่”พวกนางกังวลเกี่ยวกับผลสรุปของราชสำนักส่วนหน้าหลังจากรอคอยอยู่หนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มีขันทีมารายงาน——องค์ชายน้อยได้ขึ้นครองบัลลังก์มังกรสำเร็จแล้ว แต่ยังมีคนยึดติดเรื่องฝาแฝดไม่ยอมปล่อยวาง บังคับให้ฮองเฮาต้องสังหารองค์ชายอีกองค์ทิ้งเมื่อเหล่านางสนมได้ยิน ก็เริ่มเป็นห่วงฮองเฮาขึ้นมาในฐานะเป็นแม่ จะทำใจทิ้งลูกแท้ ๆ ได้อย่างไร?ขุนนางใหญ่เหล่านั้นทำมากเกินไปแล้ว!ทว่า ฝาแฝดก็เป็นปัญหาจริง ๆ ไม่รู้ว่าฮองเฮาจะรับมืออย่างไรไม่นาน ก็มีขันทีมารายงานอีก“พระนางทุกท่าน เหล่าขุนนางได้สลายตัวแล้ว!”นางสนมทั้งหลายแปลกใจอย่างมากทำไมสลายต
เฟิ่งจิ่วเหยียนอุ้มลูก ยืนอยู่บนที่สูง แววตาสุขุมแน่วแน่“หากข้าอยากว่าราชการหลังม่าน แล้วเหตุใดจะไม่ได้?”เมื่อคำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างส่งเสียงเกรียวกราว“ฮองเฮา ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับให้แม่ไก่มาขันในตอนเช้า นั่นฝ่าฝืนกฎเกณฑ์!”“ขออภัยกระหม่อมขอคัดค้าน!”ไทฮองไทเฮามีสีหน้าโรยรา มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอาฮองเฮาทำเช่นนี้ มันเสี่ยงมากเกินไปพูดตรงขนาดนี้ ขุนนางคนไหนจะยอมรับได้?เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น จึงวางองค์ชายลงบนบัลลังก์“ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฝ่าบาทยังไม่เสด็จสวรรคต ถึงแม้ว่าท่านเป็นอะไรไปจริง ๆ ก็ยังมีองค์ชายสืบราชบัลลังก์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงเวลาสำหรับทุกท่านหรอก“วันนี้พวกเจ้าต่างพูดกันเซ็นแซ่ ราวกับอยากวางแผนชิงบัลลังก์เลยนะ!”ทหารคนหนึ่งโต้กลับไปอย่างฮึกเหิม“ฮองเฮา พวกกระหม่อมบริสุทธิ์ใจ กลับถูกท่านหยามเกียรติเช่นนี้! พวกกระหม่อมไม่ยอม!”ท่านอ๋องผู้หนึ่งมองไปทางไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า ท่านพูดอะไรบ้างสิ!”เด็กทารกจะไปทำอะไรได้? คุ้มครองแผ่นดินไหวหรือ?จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็บอกว่าปวดหัว แล้วให้สาวใช้ประคองตัวเองออกไปเหล่าท่านอ๋องต่
แคว้นหนานฉีณ เมืองหลวงเรื่องที่ฮองเฮากลับวัง และให้กำเนิดฝาแฝด ใต้หล้าต่างรู้กันถ้วนหน้าอย่างรวดเร็วในวังหลวง ไทเฮาทั้งดีใจที่องค์ชายถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งกังวลเรื่องฝาแฝดนางเรียกฮองเฮามาที่ตำหนักฉือหนิง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกับอีกฝ่าย“หากราชวงศ์มีฝาแฝด โดยเฉพาะองค์ชาย เช่นนั้นก็ต้องส่งคนหนึ่งออกไปนอกวัง“ฮองเฮา ข้ารู้ ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือล้วนคือเลือดเนื้อ แต่เพื่อราชวงศ์ เจ้าต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”ขนาดตอนนั้นตระกูลเฟิ่งมีลูกแฝดยังทอดทิ้งหนึ่งคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ใบหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ กล่าวเหมือนไม่ได้ยิน“เด็กทั้งสองคน จะไม่มีใครถูกส่งออกไปทั้งนั้น”เซียวอวี้เองก็เคยพูด เขาจะปกป้องลูกของตัวเองไทเฮารู้เป็นอย่างดีว่าการเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กฎก็เป็นเช่นนี้“ฮองเฮา อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย แม้นข้าจะยินยอม ขุนนางใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ยอมอยู่ดี“วันนี้อยากให้เจ้าเตรียมพร้อม“สุดท้ายเจ้าก็ต้องตัดสินใจ”วังหลังเหล่านางสนมรวมตัวกัน ต่างคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน“มีคนบอกว่าฝ่าบาทเกิดเรื่อง จริงหรือไม่?”“มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่อ
เซียวอวี้ที่ยังคงคอพับไร้เรี่ยวแรง ยกยิ้มเย็นที่มุมปากอย่างถากถางเขาไม่พูดอะไร ท่าทางทะนงองอาจคนที่อยู่ตรงหน้าแนะนำตัว “ข้าคือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเป่ยเยี่ยน ครั้งนี้มาเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อ เพื่อแสดงไมตรีในฐานะเจ้าบ้านต่อฮ่องเต้หนานฉี”เมื่อองค์ชายสี่มองส่งสัญญาณ ข้ารับใช้ก็นำอาหารเข้ามาเซียวอวี้ไม่แม้แต่จะมององค์ชายสี่มีความอดทน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“ฮ่องเต้หนานฉี พวกเราแคว้นเป่ยเยี่ยนเชิญท่านมาเป็นแขกด้วยความจริงใจ“เพียงแต่ข้างนอกอันตรายเกินไป จึงได้แต่จัดให้ท่านอยู่ที่นี่“ท่านวางใจเถิด รอให้แคว้นเป่ยเยี่ยนขับไล่กองทัพแคว้นหนานฉีออกไปจนได้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมา ย่อมปล่อยตัวท่านกลับไป”ริมฝีปากบางของเซียวอวี้ยิ้มเยาะเบา ๆพูดเสียดูดี ที่จริงก็แค่เอาเขาเป็นตัวประกัน ทำให้กองทัพแคว้นหนานฉีต่อต้านไม่ได้ก็เท่านั้นองค์ชายสี่เห็นเขาเยือกเย็นเพียงนี้ จึงขอตัวไปก่อนทว่าเมื่อออกมาด้านนอก องค์ชายสี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน“ตกเป็นเชลยแล้วยังจะโอหังเพียงนี้!”ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างกายเขาพูด“องค์ชาย ฝ่าบาททรงมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ได้ยินว่าฮ่องเต้หนานฉีผ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพรวมเป็นสำคัญ จึงต้องกลับแคว้นหนานฉีก่อนอู๋ไป๋วิตกกังวล“ท่านประมุข กระหม่อมกลัวว่านักฆ่าพวกนั้นจะลงมือกับท่านด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าท่านประมุขเพิ่งจะคลอดลูก จะทนรับแรงสั่นสะเทือนจากการเดินทางได้เช่นไร?สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“กลับแคว้นหนานฉี”ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ต้องกลับไปกลัวก็กลัวแต่ เป้าหมายของนักฆ่าพวกนั้นคือก่อกวนแคว้นหนานฉี นางจะปล่อยให้พวกเขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาดก่อนที่จะตามหาเซียวอวี้เจอ นางจะต้องช่วยเขาปกป้องแคว้นหนานฉีเอาไว้ให้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการเรื่องในแคว้นซีนี่ว์ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงว่าจะจัดการขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยเยี่ยนอย่างไร ไปจนถึงผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นคนใหม่ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ประมุขคนใหม่ใช้อำนาจอย่างเผด็จการ นางจึงจัดตั้งนโยบายสามประมุขขึ้นในบรรดาสามคนนี้ มีคนหนึ่งเป็นบุรุษทำเช่นนี้จะได้ปลอบโยนเหล่าบุรุษในแคว้นซีนี่ว์ ป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างเรื่องวุ่นวายอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกเดินทางกลับแคว้นหนานฉีอย่างรวดเร็วแม้ว่าหูย่วนเอ๋อร์จะตัดใจไม่ลง ทว่านางก็รู้ดีถึงความเร่งด่วนในเรื่องนี้
ประตูตำหนักเปิดออก นางกำนัลเดินออกมาจากด้านในแล้วพูดกับหูย่วนเอ๋อร์: “ท่านแม่ทัพ ท่านประมุขคลอดองค์ชายพระองค์หนึ่งออกมาอย่างปลอดภัยเพคะ”ที่แคว้นซีหนี่ว์ มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขได้ ดังนั้นองค์ชายผู้นี้จึงไม่เป็นที่ต้องการทว่าหูย่วนเอ๋อร์ยังคงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง“องค์ชายก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว”ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดเชื้อพระวงศ์เพิ่งจะพูดจบ หมอตำแยข้างในก็ร้องตะโกนอย่างตกใจ“ยังมีอีกพระองค์หนึ่ง!”ที่แท้ท่านประมุขก็ทรงตั้งครรภ์ฝาแฝดนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนแววตาหูย่วนเอ๋อร์มีความยินดีและการเฝ้ารอพาดผ่านหวังว่าจะเป็นแฝดชายหญิงหากเป็นองค์หญิง อนาคตย่อมสามารถสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นได้ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกไม่ถึงว่าคลอดออกมาแล้วคนหนึ่ง แล้วยังมีอีกคนโชคดีที่นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังใช้แรงไปไม่หมดก่อนหน้านี้เป็นเพราะตำแหน่งครรภ์ไม่ตรงจึงคลอดยากคนที่สองนี้กลับคลอดง่ายกว่ามาก ทว่าตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว ร่างกายส่วนล่างบวมเสียจนเหมือนว่าเนื้อส่วนนั้นไม่ใช่ของนางอีกต่อไปจนกร