Share

บทที่ 182

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เมื่อหลิวซื่อเหลียงเห็นฮ่องเต้ทรงใจลอย เขาจึงส่งสัญญาณให้ขันทีคนอื่น ๆ ถอยหลังไป

“อ๊า!” ในขณะนั้นเอง ลูกขนไก่ที่จิ้งกุ้ยเหรินเตะลอยขึ้นสูงมาก ทุกคนพากันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

ลูกขนไก่ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะรับได้ยาก ทว่ากลับเห็นจิ้งกุ้ยเหรินกระโดดขึ้นสูง และรับมันได้โดยไม่เสียการทรงตัว

“กุ้ยเหรินสายตาดีมาก!” บรรดาข้าหลวงพากันกล่าวชม

จิ้งกุ้ยเหรินกำลังจะเตะลูกขนไก่ลูกที่สอง แต่นางกลับเห็นฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงทางเดินไม่ไกลนัก ดูท่วงท่าสง่างาม

นางควบคุมอาการร่าเริงในทันทีทันใด สีหน้ากลับดูซีดขาว นางจึงหยุดและยืนนิ่งทันที จากนั้นเผยรอยยิ้มสุภาพอ่อนหวาน และแสดงความเคารพ

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”

ลูกขนไก่ตกลงบนพื้น เหล่านางกำนัลต่างพากันทำความเคารพทันที

“ถวายบังคมฝ่าบาท!”

หลิวซื่อเหลียงได้ยินคำพูดของไทฮองไทเฮา เขารู้สึกเห็นใจจิ้งกุ้ยเหรินอยู่บ้าง

เดิมทีนางเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ทว่านางกลับถูกบังคับให้เรียบร้อยสงบเสงี่ยม

เซียวอวี้มองแววตาของจิ้งกุ้ยเหริน จากนั้นก็แค่สั่งให้นางทำตัวตามปกติ และเดินออกไปจากตำหนักวั่นโซ่ว

จิ้งกุ้ยเหรินมองดูแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปไกล ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย

.
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
อีส้ม มันร้าย
เพรชมีไว้ทำไมคะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 183

    “ว่าอย่างไรนะ? แม่ทัพน้อย ชายแดนเหนือเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”อู๋ไป๋ก็เช่นเดียวกับเฟิ่งจิ่วเหยียน พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาหลายเดือนแล้ว เรื่องราวที่ชายแดนเหนือจึงรู้เพียงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าที่นั่นเกิดเรื่อง อู๋ไป๋ก็เริ่มกระวนกระวายดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเต็มไปด้วยความคับแค้น มือกำแน่นจนเริ่มสั่น“กองทัพมังกรพยัคฆ์ที่นำทัพโดยจางเฉิง ถูกกองทัพเหลียงซุ่มโจมตีที่เนินเขาหานซาน คนทั้งสามร้อยยี่สิบสี่คนตายหมดทั้งกองทัพ”อู๋ไป๋ราวกับถูกเทสาดด้วยน้ำแข็ง โลหิตทั่วร่างจับตัวแข็งม่านตาขยายขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเพราะความโศกเศร้าและความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายจึงสั่นเทิ้มไปทั้งตัวตึง!เขาหันหลังกลับและต่อยเข้าไปที่กำแพงหนึ่งหมัดตัวคนหันหน้าเข้าหากำแพง ก้มหัวลง ไหล่เริ่มสั่น เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองบนคานไม้ เขากัดมือตัวเองและส่งเสียงร้องอย่างอัดอั้น“ฮือ——”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้น ภายใต้ตะเกียงน้ำมัน ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยเงามืดแววตาของนางดูเยือกเย็น หรือเป็นความสงบนิ่งที่เกือบจะไม่ปกติหลังจากอู๋ไป๋ระบายความรู้สึกคับแค้นใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 184

    ในห้องทรงพระอักษร หลังจบจากว่าราชกิจเช้า เซียวอวี้ให้เสนาบดีคนสำคัญบางคนอยู่ร่วมกันหารือการต่อสู้ที่เนินเขาหานซานถูกยั่วยุปลุกปั่นจากกองทัพเหลียง จากนั้นหนานฉีก็ตั้งตัวเป็นฝ่ายรับ คราวนี้รัฐเหลียงใช้วิธีการเดิม ต้องการเจรจาสงบศึกอีก เหล่าขุนนางส่วนใหญ่ของหนานฉีเชื่อว่า พฤติกรรมของคนโฉดนั้นไม่น่าเชื่อถือแต่ขุนนางบางคนไม่คิดเช่นนั้น“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้กองทัพเหลียงผิดคำพูด เป็นเพราะแม่ทัพน้อยเมิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจึงคิดว่าพอจะสู้รบและยึดเมืองที่ถูกโจมตีคืนมาได้“ทว่าตอนนี้ กระหม่อมได้ยินว่าแม่ทัพน้อยเมิ่งหายเป็นปกติแล้ว รัฐเหลียงจึงไม่กล้าก่อเรื่องอีก มิสู้หยุดแค่นี้ พักฟื้นและฟื้นฟูสำคัญกว่า!”สีหน้าของเซียวอวี้ดูเรียบเฉย ฟังการสนทนาของพวกเขาโดยไม่เอ่ยสิ่งใดจนกระทั่งหลิวซื่อเหลียงเดินเข้ามาและกระซิบที่ข้างหูของเขา“ฝ่าบาท ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้เห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว จึงให้เหล่าขุนนางกลับไปก่อนจากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้ามาในห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้วางสาส์นกราบทูลไว้ข้างมือ และเงยหน้าขึ้นมองนาง“วังหลังเกิดอะไรขึ้น?”เขารู้จักนางดี ถ้าไม่ใช่เรื่องส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 185

    เซียวอวี้ลุกขึ้นยืนแบบพรวดพราด ประกายตาสีดำฉายแววของนักล่า“เจ้านี่...ช่างพูดอย่างไม่ละอายใจ!”ฟังดูคล้ายจะตำหนินาง ทว่ากับมองไม่เห็นความโกรธเฟิ่งจิ่วเหยียนมองออกว่า เขาถูกตนโน้มน้าว เริ่มคันไม้คันมือ และพร้อมจะต่อสู้นางก้มศีรษะอย่างเคารพ“กองทัพชายแดนเหนือเป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง เมื่อออกคำสั่งทางการทหาร กองทัพจะต้องพิชิตแคว้นอาณานิคมให้กับท่านได้อย่างแน่นอน!”“พูดได้ดี!” เซียวอวี้รู้สึกสบายใจยิ่งนักเขาจึงออกคำสั่งทันที “เรียกแม่ทัพมาหารือเรื่องนี้!”นี่เป็นการเรียกแม่ทัพมาเท่านั้นไม่ใช่หารือเรื่องสงครามหรือสงบศึก แต่เป็นการกำหนดแผนที่ชัดเจนและรอดำเนินการณ เวลานี้เฟิ่งจิ่วเหยียนบรรลุจุดประสงค์แล้ว นางจึงสามารถกลับได้ทว่านางยังมีบางอย่างจะพูด“ฝ่าบาท สงครามครั้งนี้มีบทบาทสำคัญอย่างมาก หม่อมฉันยินดีจะไปวัดต้าเจา เพื่ออธิษฐานขอพรให้ทหารหนานฉีของเรา จนกว่าสงครามจะยุติ”เซียวอวี้เหลือบมองนาง และก้มคางลงเล็กน้อย“ในเมื่อเจ้ามีเจตนาเช่นนี้ เราก็อนุญาต”การอธิษฐานขอพรของฮองเฮา สิ่งนี้ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับเหล่าทหารด้วยจากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็โค้งคำนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 186

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยนางกลับเมืองหลวงในคราวนี้พกอาวุธติดตัวมาด้วยไม่กี่ชิ้น มีกริช ทวนยาวถอดประกอบได้ และแส้เก้าท่อน ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกล่องเดียวกันนางไม่ขาดแคลนอาวุธ ในตัวยังพกเข็มเงินชุดหนึ่ง รวมทั้งอาวุธลับฉะนั้นแม้เหลียนซวงจะลืมนำมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ทว่า ในวังผู้คนพลุกพล่าน หากคนที่มีเจตนาแอบแฝงล่วงรู้ เรื่องราวกลับจะยุ่งยากเฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยน้ำเสียงขรึม“เจ้าวางกล่องใบนั้นไว้ที่ใด?”เหลียนซวงคิดไปคิดมาและตอบอย่างมั่นใจว่า“บ่าวลืมหยิบมา มันก็น่าจะอยู่ที่เดิมเพคะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูคลายกังวลนางหยิบถ้วยชาขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”กล่องใบนั้นนางเป็นคนนำไปวางเอง ตำแหน่งมิดชิด จึงไม่น่ามีคนสังเกตเห็นวัดต้าเจามีคนนิยมมากราบไหว้มากมายทว่าก็มีคำสั่งห้ามออกจากเคหสถานยามวิกาลเช่นเดียวกับวัดอื่น ๆพอตกกลางคืน ประตูและหน้าต่างจะถูกปิด ไม่รับผู้ที่มากราบไหว้ และไม่ให้ผู้ใดออกมาเดินอยู่ด้านนอกห้องที่เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งทำสมาธิ ในยามปกติแทบจะไม่มีคนมารบกวนหลังอาหารมื้อเย็นเฟิ่งจิ่วเหยียนกระโดดปีนข้ามกำแพงหนีออกจากวัดโดย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 187

    ฮูหยินเมิ่งไม่ทันได้ล้างหน้าแปรงผม นางลุกขึ้นนั่ง และรีบสอบถามสาวใช้ว่า“เกิดอะไรขึ้น!”“กองทัพถูกปิดล้อม มีเพียงครึ่งหนึ่งที่กลับมาได้! ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพกลับมาไม่ได้...”ฮูหยินเมิ่งพลันรู้สึกเจ็บที่ใจ แต่นางยังคงรักษาอาการสงบนิ่งของฮูหยินแม่ทัพไว้ รีบสวมเสื้อคลุมและเตรียมออกไปดูด้านนอก ขณะที่นางกำลังจะออกไป เฉียวม่อก็เดินเข้ามาเฉียวม่อไล่สาวใช้ให้ออกไป จากนั้นถึงกล้าถอดหน้ากากออก และโผเข้ากอดฮูหยินเมิ่งด้วยความตระหนก“อาจารย์หญิง...ท่านอาจารย์นำทัพขนาบหลัง เพื่อให้ข้าสามารถบุกเข้าไป แต่เขา...เขาไม่สามารถออกมาได้ และติดกับอยู่ในวงล้อมของศัตรู!“ชาวเหลียงชั่วช้า และวางกับดักตั้งแต่เนิ่น ๆ“อาจารย์หญิง เราควรทำอย่างไรดี?”เฉียวม่อใจไม่กล้านัก ก่อนหน้านี้มีเฟิ่งจิ่วเหยียนคอยปกป้อง ทว่าพอเจอกับเหตุการณ์แบบนี้จึงตื่นตระหนก ฮูหยินเมิ่งแตะที่หลังนางเบา ๆ“อย่าร้องเลย บอกมาให้ชัดเจนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไร พวกเราถึงจะคิดหาวิธีช่วยคนได้”ฮูหยินเมิ่งจะแบ่งขอบเขตความสัมพันธ์ชัดเจนมาตั้งแต่แรกนางเป็นทั้งอาจารย์หญิงของเฟิ่งจิ่วเหยียน และเป็นแม่บุญธรรม นางจะมองเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 188

    ราชทูตรัฐเหลียงท่าทางเย่อหยิ่ง เขาเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อมว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง หากท่านไม่ถอยทัพ ก็ทำได้แค่เก็บศพของแม่ทัพเมิ่งเท่านั้น ถึงแม้จะชนะการสู้รบในครั้งนี้ แต่ไม่มีบิดาของเจ้า ชีวิตนี้จะขมขื่นปานใด“ข้าขอพูดบางประโยคที่ฟังแล้วไม่รื่นหูนัก ดินแดนที่สู้รบกันแห่งนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อท่านเลย”“เฉียวม่อที่สวมหน้ากากผู้นี้ ลักษณะท่าทางคล้ายเฟิ่งจิ่วเหยียนในอดีตนางลุกขึ้นยืน ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเต็มไปด้วยความแค้น“ฝ่าบาทมีรับสั่งว่า หนานฉีของเราจะต้องสู้รบจนถึงที่สุด เชิญราชทูตกลับไปเถอะ ข้าไม่อาจถอนกำลังทหารเพื่อช่วยบิดาได้!”ในแง่หนึ่งเหล่าทหารชื่นชมความกล้าหาญของนาง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ไม่อาจทนเสียสละแม่ทัพเมิ่ง รวมถึงเหล่าทหารที่ถูกจับไปพร้อมกันทว่าอยู่ต่อหน้าราชทูตรัฐเหลียง พวกเขาก็ต้องทำตามเฉียวม่อ“สู้จนตัวตายและไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”“ใช่แล้ว ไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”ราชทูตเห็นพวกเขาแต่ละคนเป็นเช่นนี้จึงหัวเราะด้วยความโกรธเขายกนิ้วโป้งให้เฉียวม่อ และเอ่ยประชดประชันว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง ท่านเป็นลูกกตัญญูจริง ๆ!”เมื่อพูดจบประโยค ราชทูตก็เดินออกไปไม่ว่าเขาจะเดิน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 189

    ฮูหยินเมิ่งเงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างหนักแน่น“อยากไปก็ให้พวกเขาไป แต่ข้าจะอยู่ที่นี่”หลีฮวาคุกเข่าลง“นายหญิง ท่านอยู่ที่ไหน บ่าวก็จะอยู่ที่นั่นด้วย!”“ท่านแม่” จู่ ๆ เฉียวม่อก็เดินเข้ามา และส่งสัญญาณให้หลีฮวาออกไปก่อนนางเดินมาข้างหน้าฮูหยินเมิ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วทำความเคารพแบบทหาร“ท่านแม่ สถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน จึงขอให้ท่านย้ายออกจากค่ายไปพร้อมกับกองทัพด้วย”ฮูหยินเมิ่งก้มหน้าอ่านตำราต่อไป ท่าทางอ่อนโยนแต่แน่วแน่“หากไปกันหมด ผู้ใดจะเก็บศพสามีของข้า?”ม่านตาของเฉียวม่อหดลง เผยให้เห็นความเจ็บปวด“อาจารย์หญิง...”ฮูหยินเมิ่งเป็นสตรีองอาจ นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เฉียวม่อจึงทิ้งทหารม้าเบาราวสิบกว่านายไว้คอยคุ้มกัน จากนั้นจึงนำกองทัพย้ายออกจากค่ายไปก่อน ก่อนจะแยกย้าย นางนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ และสั่งกับทหารใต้บังคับบัญชาว่า“ต้องคุ้มกันฮูหยินให้ดี! มิเช่นนั้นจะตัดหัวของเจ้า!”“ขอรับ แม่ทัพน้อย!”ทุกคนออกไปหมดแล้ว ค่ายที่คึกคักแต่เดิม เหลือเพียงกองถ่านที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมฮูหยินเมิ่งมองไปยังที่ไกล ๆ และกลับไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 190

    “ท่านแม่ทัพ! เขาคือเมิ่งสิงโจว เมิ่งสิงโจวตัวจริง เขากลับมาแล้ว!”หัวหน้าแม่ทัพเหลียงตะลึงงันเมิ่งสิงโจว?เป็นไปได้อย่างไร!เขาไม่ได้นำกองกำลังแสนกว่านายเคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันออกหรอกหรือ! ทว่าบุกกลับมาโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้!ก่อนที่แม่ทัพเหลียงจะทันได้ตั้งสติ พลันได้ยินเสียงร้องน่าเวทนามาจากทางเข้าค่ายทหารฝ่ายตรงข้ามคือทหารม้าเพียงสิบกว่านาย ทว่าราวกลับม้าป่าข้ามแดน ย่ำเท้าเข้ามาหาพวกเขาหัวหน้าแม่ทัพตะโกนว่า “ตกใจอะไร ตั้งแถวและขวางพวกเขาไว้!!”เชลยศึกหนานฉีเห็นทหารกำลังเสริมมาแล้ว จึงเข้ามาร่วมสู้รบ คอยติดตามอยู่ข้างหลังกลุ่มของเฟิ่งจิ่วเหยียน และต่อสู้อย่างเต็มที่ทวนเงินพู่แดงของเฟิ่งจิ่วเหยียนด้ามนั้นดื่มเลือดมาจนนับไม่ถ้วนเมื่อหัวหน้าแม่ทัพและบรรดารองแม่ทัพเห็นเหตุการณ์ พลันสร่างเมาในทันทีคำพูดคุยโวเมื่อครู่ ที่เอ่ยว่าจะบุกเข้าไปในเจ๋อเทียนเชวี่ย ทั้งหมดราวกับเป็นความฝันก็ไม่ปานเมิ่งสิงโจวผู้นี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!เขาฆ่าคนจนตาพร่ามัวไปหมดเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างสิ้นเชิง!เมื่อเหล่าทหารเหลียงได้ยินว่าเมิ่งสิงโจวมาแล้ว พวกเขายังไม่ทันสู้รบก็หมดแรงเสียก่อน

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 941

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 940

    ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 939

    แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 937

    เรื่องส่งคืนกองทัพอินทรีเหินให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ตอนที่นางเสร็จสิ้นจากการไปเป็นราชทูตที่แคว้นซีหนี่ว์ เซียวอวี้ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ทว่าภายหลังเจอกับสงครามครั้งใหญ่ เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อนเซียวอวี้เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ ซ้ำยังเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถือว่ามีความจริงใจเต็มเปี่ยมโดยมิต้องสงสัยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเป็นกังวล“เรื่องนี้ ราชสำนักรู้หรือไม่เพคะ?”เซียวอวี้สวมกอดนางจากทางด้านหลัง ราวกับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า“เราเคยเรียกพบขุนนางคนสำคัญหลายคนในราชสำนักตั้งแต่แรก เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เราสมควรทำเช่นนี้“วันนี้ประชุมราชกิจ เราก็ประกาศกับเหล่าขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ทว่าก็มีบางคนคัดค้านเช่นกัน แต่เราพูดเพียงว่า ‘ตอนนี้หนานฉีต้องโจมตีกับแคว้นอื่น ผู้ใดที่คัดค้าน เราจะให้ออกไปสนามรบ’ ดังนั้น พวกเขาก็พากันเงียบกริบ“เจ้าเห็นหรือไม่ เรื่องนี้มิได้ยากเย็น”ถึงแม้เขาเอ่ยออกมาดูเหมือนจะง่ายดาย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้ว่า เพื่อตราคำสั่งทหาร เขาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้น โดยเฉพาะขุนนางอาวุโส แต่ละคนมีฝีปา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 936

    เซียวอวี้กับเซียวฉีเริ่มจะขัดแย้งกันเขานึกไม่ถึงว่า เซียวฉีจะใส่ร้ายเขาต่อหน้าจิ่วเหยียนเช่นนี้“วาดภาพ” อะไรกัน เขาจำสิ่งใดมิได้เลย!เซียวฉีเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราว“ตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเหล่าเสด็จพี่ อาภรณ์ของทุกคนเรียบร้อยกันหมด ทว่าของเขามักจะทำขาดอยู่เสมอ ซ้ำยังขาดตรงส่วนก้นด้านหลัง จนเห็นกางเกงลายดอกไม้ยามเหมันต์ และเพราะกลัวเสด็จพ่อจะทรงดุ จึงต้องเดินถอยหลัง“พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ชอบไปเล่นกับสาวน้อยนางกำนัล...”“พูดจาเพ้อเจ้อ! เราเคยทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!” เซียวอวี้ไม่ยอมรับ จึงตะโกนเรียกเฉินจี๋ให้เข้ามาทันที เพื่อใช้กำลังขับไล่เซียวฉีออกจากตำหนักหย่งเหอองค์หญิงใหญ่มิยอมให้เซียวอวี้อยู่อย่างสงบ ขณะถูกพาตัวไป นางยังพยายามจะหันกลับมา พร้อมตะโกน“สาวน้อยนางกำนัลไม่ยอมเล่นกับท่าน ท่านยังแกล้งนอนคว่ำอยู่บนพื้น ฮองเฮา เขายังชักดิ้นชักงอด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้หม่นคล้ำราวกับน้ำหมึก“ปิดปากนางไว้!”ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เฉินจี๋ตื่นตระหนกจนมิรู้จะใช้วิธีใด จึงรีบทำให้ตัวคนหมดสติทันทีก่อนองค์หญิงใหญ่จะหมดสติ ก็ยังเหลือกตาขาวในตำหนักชั้นในขณะที่เซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 935

    ราชทูตจากแคว้นต่าง ๆ มาโดยพร้อมเพรียง และเข้าพักในโรงพักแรมเหล่าราษฎรได้ยินเรื่องนี้ ภายใต้แรงผลักดันจากความโกรธแค้น จึงรวมตัวกันไปก่อจลาจลที่โรงพักแรม เพื่อต้องการจะสั่งสอนกลุ่มราชทูตเหล่านั้นยังมีชาวยุทธภพบางส่วน อาศัยวิทยายุทธ์อันแข็งแกร่ง พยายามบุกเข้าไปในโรงพักแรมพวกเขาจับราชทูตมัดไว้ และพาออกไปด้านนอก เพื่อให้เหล่าราษฎรได้ขว้างปาผักเน่า และด่าประณามเหล่าราชทูตมิกล้าต่อต้าน และมิอาจต่อต้านได้ด้วยราชทูตของต้าเซี่ยมิอาจทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้“ราษฎรเลวทราม! ราษฎรเลวทราม!! ข้าเป็นราชทูต พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”สิ่งที่เขาได้รับจากการขัดขืน คือฝ่ามือของเหล่าราษฎรเป็นเพราะคนเหล่านี้ ที่เกือบจะทำให้หนานฉีต้องล่มสลายพวกเขายังมีหน้ามาหนานฉีอีกหรือ?เหล่าราษฎรระบายความโกรธอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็ถูกทางการปราบปราม เหล่าราชทูตจึงได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำ สติมึนงงณ หอสุราใกล้เคียง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองราชทูตสองคนของแคว้นตงซานยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหนึ่งในนั้นรู้สึกโชคดี“ท่านแม่ทัพหยวน โชค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 934

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา ก็ไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วคงจะตื่นเช้าไปฝึกยุทธ์อีกเป็นแน่เซียวอวี้เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตนเอง มิได้ให้ผู้ใดมารับใช้หลิวซื่อเหลียงยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเสด็จไปที่คุกเทียนเหลาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วมุ่นนางไปคุกเทียนเหลาด้วยเหตุใด?ณ คุกเทียนเหลาระหว่างเฟิ่งจิ่วเหยียนกับถานไถเหยี่ยน มีเพียงประตูคุกคั่นอยู่หนึ่งบานถานไถเหยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกำแพง บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังยังสลักภาพ “ใยแมงมุม” ไว้ ภายใต้แสงเงา ยิ่งขับเน้นให้เขาดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ“ฮองเฮาเสด็จมาเอง คิดว่าคงมิได้มาเพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูดุดัน“แคว้นตงซานส่งราชทูตมาที่หนานฉี ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนดูเป็นปกติ“จะช่วยข้า หรือจะสังหารข้า ก็ไม่ต่างกัน”ดูเหมือนเขาจะถอดใจแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถามขึ้นในทันที “อาจารย์เต็มใจจะอยู่ที่หนานฉีหรือไม่”ถานไถเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนพูดหยอกล้อ“ฮองเฮา ทรงมิอ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status