แชร์

บทที่ 180

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อาวุธลับมาอย่างกะทันหัน เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ทันสังเกต  แต่ก็หลบทันตามสัญชาตญาณของร่างกาย

อาวุธลับนั้นก็ได้ตกลงไปในน้ำ

หลังจากนั้น มีคนหนึ่งปรากฏตัว

“พี่สะใภ้ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนี่นา”

รุ่ยอ๋องอีกแล้ว!

เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาตกอยู่ใต้เงาร่มไม้

ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น จ้องมองมาที่เขาโดยไม่พูดจา จากนั้นก็ตวัดกริชแหลมคมออกมาจากแขนเสื้อ

ในเมื่อได้เผยตัวแล้ว เช่นนั้น…

ใบหน้าของรุ่ยอ๋องประดับไปด้วยความอ่อนโยน ถามกลั้วยิ้ม

“ช่วงนี้มีคนแฝงตัวเข้ามาในจวนของกระหม่อมบ่อยครั้ง เหมือนอยากมาสืบอะไรบางอย่าง

“เรื่องนี้ พี่สะใภ้รู้หรือไม่?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนย่อมรู้ดี

ในเมื่อสงสัยรุ่ยอ๋อง ก็ต้องตามสืบเรื่องในจวนของเขาอยู่แล้ว

ทว่า เขามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่าเป็นนาง ทั้งยังวิ่งแจ้นไปซักถามในวัง?

รุ่ยอ๋องเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม

“พี่สะใภ้ คนเราต่างมีความลับเป็นของตัวเอง

“กระหม่อมไม่ได้เปิดโปงเรื่องที่ท่านมีวิชายุทธ์และเรื่องที่แอบหนีออกจากวัง ไยท่านยังบีบคั้นกระหม่อมอีกล่ะ?”

นัยน์ตาของเขาทอประกายมืดมนเล็กน้อย “ท่านคิดว่า กระหม่อมสู้กลับไม่เป็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 181

    รุ่ยอ๋องดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวดที่กระดูกเคลื่อน ใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน เขาถอนหายใจและเอ่ยว่า“บางทีพี่สะใภ้อาจยังจำไม่ได้“เมื่อเจ็ดปีก่อน ข้ามาที่เมืองหลวงและถูกไล่ล่าที่ริมทะเลสาบเทียนจื่อ ผู้ติดตามทั้งหมดไม่มีผู้ใดรอดชีวิต แม้แต่ข้าก็ยังเกือบจะตายด้วยน้ำมือโจร“ในตอนนั้นท่านบังเอิญผ่านมาพอดี จึงสั่งให้ทหารองค์รักษ์ช่วยเหลือ ข้าจึงโชคดีรอดชีวิตมาได้”เมื่อเจ็ดปีก่อนที่ทะเลสาบเทียนจื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้เช่นกันเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง!นั่นเป็นวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของนางและเวยเฉียง อาจารย์อนุญาตให้นางหยุดพักได้สองสามวัน นางจึงมาหาเวยเฉียงที่เมืองหลวง และพาเวยเฉียงไปจุดโคมไฟตรงทะเลสาบเทียนจื่อที่ผู้คนไม่พลุกพล่านนางสวมหน้ากากที่อาจารย์มอบให้ และแต่งตัวเป็นเด็กหนุ่ม แสร้งทำเป็นองครักษ์น้อยของเวยเฉียงระหว่างทางกลับจวน บังเอิญได้พบชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังถูกคนไล่ล่าเดิมทีนางคิดจะพาเวยเฉียงวิ่งหนี แต่เวยเฉียงกลับขอให้นางช่วยเขา...ดังนั้นเด็กหนุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือผู้นั้น ก็คือรุ่ยอ๋องที่อยู่ตรงหน้า?สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนคมกริบ“ข้าจำได้ว่าไหล่ซ้ายของเด็กหนุ่มผู

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 182

    เมื่อหลิวซื่อเหลียงเห็นฮ่องเต้ทรงใจลอย เขาจึงส่งสัญญาณให้ขันทีคนอื่น ๆ ถอยหลังไป“อ๊า!” ในขณะนั้นเอง ลูกขนไก่ที่จิ้งกุ้ยเหรินเตะลอยขึ้นสูงมาก ทุกคนพากันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆลูกขนไก่ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะรับได้ยาก ทว่ากลับเห็นจิ้งกุ้ยเหรินกระโดดขึ้นสูง และรับมันได้โดยไม่เสียการทรงตัว“กุ้ยเหรินสายตาดีมาก!” บรรดาข้าหลวงพากันกล่าวชมจิ้งกุ้ยเหรินกำลังจะเตะลูกขนไก่ลูกที่สอง แต่นางกลับเห็นฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงทางเดินไม่ไกลนัก ดูท่วงท่าสง่างามนางควบคุมอาการร่าเริงในทันทีทันใด สีหน้ากลับดูซีดขาว นางจึงหยุดและยืนนิ่งทันที จากนั้นเผยรอยยิ้มสุภาพอ่อนหวาน และแสดงความเคารพ“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”ลูกขนไก่ตกลงบนพื้น เหล่านางกำนัลต่างพากันทำความเคารพทันที“ถวายบังคมฝ่าบาท!” หลิวซื่อเหลียงได้ยินคำพูดของไทฮองไทเฮา เขารู้สึกเห็นใจจิ้งกุ้ยเหรินอยู่บ้างเดิมทีนางเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ทว่านางกลับถูกบังคับให้เรียบร้อยสงบเสงี่ยมเซียวอวี้มองแววตาของจิ้งกุ้ยเหริน จากนั้นก็แค่สั่งให้นางทำตัวตามปกติ และเดินออกไปจากตำหนักวั่นโซ่วจิ้งกุ้ยเหรินมองดูแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปไกล ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย.

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 183

    “ว่าอย่างไรนะ? แม่ทัพน้อย ชายแดนเหนือเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”อู๋ไป๋ก็เช่นเดียวกับเฟิ่งจิ่วเหยียน พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาหลายเดือนแล้ว เรื่องราวที่ชายแดนเหนือจึงรู้เพียงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าที่นั่นเกิดเรื่อง อู๋ไป๋ก็เริ่มกระวนกระวายดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเต็มไปด้วยความคับแค้น มือกำแน่นจนเริ่มสั่น“กองทัพมังกรพยัคฆ์ที่นำทัพโดยจางเฉิง ถูกกองทัพเหลียงซุ่มโจมตีที่เนินเขาหานซาน คนทั้งสามร้อยยี่สิบสี่คนตายหมดทั้งกองทัพ”อู๋ไป๋ราวกับถูกเทสาดด้วยน้ำแข็ง โลหิตทั่วร่างจับตัวแข็งม่านตาขยายขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเพราะความโศกเศร้าและความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายจึงสั่นเทิ้มไปทั้งตัวตึง!เขาหันหลังกลับและต่อยเข้าไปที่กำแพงหนึ่งหมัดตัวคนหันหน้าเข้าหากำแพง ก้มหัวลง ไหล่เริ่มสั่น เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองบนคานไม้ เขากัดมือตัวเองและส่งเสียงร้องอย่างอัดอั้น“ฮือ——”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้น ภายใต้ตะเกียงน้ำมัน ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยเงามืดแววตาของนางดูเยือกเย็น หรือเป็นความสงบนิ่งที่เกือบจะไม่ปกติหลังจากอู๋ไป๋ระบายความรู้สึกคับแค้นใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 184

    ในห้องทรงพระอักษร หลังจบจากว่าราชกิจเช้า เซียวอวี้ให้เสนาบดีคนสำคัญบางคนอยู่ร่วมกันหารือการต่อสู้ที่เนินเขาหานซานถูกยั่วยุปลุกปั่นจากกองทัพเหลียง จากนั้นหนานฉีก็ตั้งตัวเป็นฝ่ายรับ คราวนี้รัฐเหลียงใช้วิธีการเดิม ต้องการเจรจาสงบศึกอีก เหล่าขุนนางส่วนใหญ่ของหนานฉีเชื่อว่า พฤติกรรมของคนโฉดนั้นไม่น่าเชื่อถือแต่ขุนนางบางคนไม่คิดเช่นนั้น“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้กองทัพเหลียงผิดคำพูด เป็นเพราะแม่ทัพน้อยเมิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจึงคิดว่าพอจะสู้รบและยึดเมืองที่ถูกโจมตีคืนมาได้“ทว่าตอนนี้ กระหม่อมได้ยินว่าแม่ทัพน้อยเมิ่งหายเป็นปกติแล้ว รัฐเหลียงจึงไม่กล้าก่อเรื่องอีก มิสู้หยุดแค่นี้ พักฟื้นและฟื้นฟูสำคัญกว่า!”สีหน้าของเซียวอวี้ดูเรียบเฉย ฟังการสนทนาของพวกเขาโดยไม่เอ่ยสิ่งใดจนกระทั่งหลิวซื่อเหลียงเดินเข้ามาและกระซิบที่ข้างหูของเขา“ฝ่าบาท ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้เห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว จึงให้เหล่าขุนนางกลับไปก่อนจากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้ามาในห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้วางสาส์นกราบทูลไว้ข้างมือ และเงยหน้าขึ้นมองนาง“วังหลังเกิดอะไรขึ้น?”เขารู้จักนางดี ถ้าไม่ใช่เรื่องส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 185

    เซียวอวี้ลุกขึ้นยืนแบบพรวดพราด ประกายตาสีดำฉายแววของนักล่า“เจ้านี่...ช่างพูดอย่างไม่ละอายใจ!”ฟังดูคล้ายจะตำหนินาง ทว่ากับมองไม่เห็นความโกรธเฟิ่งจิ่วเหยียนมองออกว่า เขาถูกตนโน้มน้าว เริ่มคันไม้คันมือ และพร้อมจะต่อสู้นางก้มศีรษะอย่างเคารพ“กองทัพชายแดนเหนือเป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง เมื่อออกคำสั่งทางการทหาร กองทัพจะต้องพิชิตแคว้นอาณานิคมให้กับท่านได้อย่างแน่นอน!”“พูดได้ดี!” เซียวอวี้รู้สึกสบายใจยิ่งนักเขาจึงออกคำสั่งทันที “เรียกแม่ทัพมาหารือเรื่องนี้!”นี่เป็นการเรียกแม่ทัพมาเท่านั้นไม่ใช่หารือเรื่องสงครามหรือสงบศึก แต่เป็นการกำหนดแผนที่ชัดเจนและรอดำเนินการณ เวลานี้เฟิ่งจิ่วเหยียนบรรลุจุดประสงค์แล้ว นางจึงสามารถกลับได้ทว่านางยังมีบางอย่างจะพูด“ฝ่าบาท สงครามครั้งนี้มีบทบาทสำคัญอย่างมาก หม่อมฉันยินดีจะไปวัดต้าเจา เพื่ออธิษฐานขอพรให้ทหารหนานฉีของเรา จนกว่าสงครามจะยุติ”เซียวอวี้เหลือบมองนาง และก้มคางลงเล็กน้อย“ในเมื่อเจ้ามีเจตนาเช่นนี้ เราก็อนุญาต”การอธิษฐานขอพรของฮองเฮา สิ่งนี้ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับเหล่าทหารด้วยจากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็โค้งคำนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 186

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยนางกลับเมืองหลวงในคราวนี้พกอาวุธติดตัวมาด้วยไม่กี่ชิ้น มีกริช ทวนยาวถอดประกอบได้ และแส้เก้าท่อน ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกล่องเดียวกันนางไม่ขาดแคลนอาวุธ ในตัวยังพกเข็มเงินชุดหนึ่ง รวมทั้งอาวุธลับฉะนั้นแม้เหลียนซวงจะลืมนำมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ทว่า ในวังผู้คนพลุกพล่าน หากคนที่มีเจตนาแอบแฝงล่วงรู้ เรื่องราวกลับจะยุ่งยากเฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยน้ำเสียงขรึม“เจ้าวางกล่องใบนั้นไว้ที่ใด?”เหลียนซวงคิดไปคิดมาและตอบอย่างมั่นใจว่า“บ่าวลืมหยิบมา มันก็น่าจะอยู่ที่เดิมเพคะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูคลายกังวลนางหยิบถ้วยชาขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”กล่องใบนั้นนางเป็นคนนำไปวางเอง ตำแหน่งมิดชิด จึงไม่น่ามีคนสังเกตเห็นวัดต้าเจามีคนนิยมมากราบไหว้มากมายทว่าก็มีคำสั่งห้ามออกจากเคหสถานยามวิกาลเช่นเดียวกับวัดอื่น ๆพอตกกลางคืน ประตูและหน้าต่างจะถูกปิด ไม่รับผู้ที่มากราบไหว้ และไม่ให้ผู้ใดออกมาเดินอยู่ด้านนอกห้องที่เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งทำสมาธิ ในยามปกติแทบจะไม่มีคนมารบกวนหลังอาหารมื้อเย็นเฟิ่งจิ่วเหยียนกระโดดปีนข้ามกำแพงหนีออกจากวัดโดย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 187

    ฮูหยินเมิ่งไม่ทันได้ล้างหน้าแปรงผม นางลุกขึ้นนั่ง และรีบสอบถามสาวใช้ว่า“เกิดอะไรขึ้น!”“กองทัพถูกปิดล้อม มีเพียงครึ่งหนึ่งที่กลับมาได้! ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพกลับมาไม่ได้...”ฮูหยินเมิ่งพลันรู้สึกเจ็บที่ใจ แต่นางยังคงรักษาอาการสงบนิ่งของฮูหยินแม่ทัพไว้ รีบสวมเสื้อคลุมและเตรียมออกไปดูด้านนอก ขณะที่นางกำลังจะออกไป เฉียวม่อก็เดินเข้ามาเฉียวม่อไล่สาวใช้ให้ออกไป จากนั้นถึงกล้าถอดหน้ากากออก และโผเข้ากอดฮูหยินเมิ่งด้วยความตระหนก“อาจารย์หญิง...ท่านอาจารย์นำทัพขนาบหลัง เพื่อให้ข้าสามารถบุกเข้าไป แต่เขา...เขาไม่สามารถออกมาได้ และติดกับอยู่ในวงล้อมของศัตรู!“ชาวเหลียงชั่วช้า และวางกับดักตั้งแต่เนิ่น ๆ“อาจารย์หญิง เราควรทำอย่างไรดี?”เฉียวม่อใจไม่กล้านัก ก่อนหน้านี้มีเฟิ่งจิ่วเหยียนคอยปกป้อง ทว่าพอเจอกับเหตุการณ์แบบนี้จึงตื่นตระหนก ฮูหยินเมิ่งแตะที่หลังนางเบา ๆ“อย่าร้องเลย บอกมาให้ชัดเจนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไร พวกเราถึงจะคิดหาวิธีช่วยคนได้”ฮูหยินเมิ่งจะแบ่งขอบเขตความสัมพันธ์ชัดเจนมาตั้งแต่แรกนางเป็นทั้งอาจารย์หญิงของเฟิ่งจิ่วเหยียน และเป็นแม่บุญธรรม นางจะมองเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 188

    ราชทูตรัฐเหลียงท่าทางเย่อหยิ่ง เขาเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อมว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง หากท่านไม่ถอยทัพ ก็ทำได้แค่เก็บศพของแม่ทัพเมิ่งเท่านั้น ถึงแม้จะชนะการสู้รบในครั้งนี้ แต่ไม่มีบิดาของเจ้า ชีวิตนี้จะขมขื่นปานใด“ข้าขอพูดบางประโยคที่ฟังแล้วไม่รื่นหูนัก ดินแดนที่สู้รบกันแห่งนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อท่านเลย”“เฉียวม่อที่สวมหน้ากากผู้นี้ ลักษณะท่าทางคล้ายเฟิ่งจิ่วเหยียนในอดีตนางลุกขึ้นยืน ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเต็มไปด้วยความแค้น“ฝ่าบาทมีรับสั่งว่า หนานฉีของเราจะต้องสู้รบจนถึงที่สุด เชิญราชทูตกลับไปเถอะ ข้าไม่อาจถอนกำลังทหารเพื่อช่วยบิดาได้!”ในแง่หนึ่งเหล่าทหารชื่นชมความกล้าหาญของนาง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ไม่อาจทนเสียสละแม่ทัพเมิ่ง รวมถึงเหล่าทหารที่ถูกจับไปพร้อมกันทว่าอยู่ต่อหน้าราชทูตรัฐเหลียง พวกเขาก็ต้องทำตามเฉียวม่อ“สู้จนตัวตายและไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”“ใช่แล้ว ไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”ราชทูตเห็นพวกเขาแต่ละคนเป็นเช่นนี้จึงหัวเราะด้วยความโกรธเขายกนิ้วโป้งให้เฉียวม่อ และเอ่ยประชดประชันว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง ท่านเป็นลูกกตัญญูจริง ๆ!”เมื่อพูดจบประโยค ราชทูตก็เดินออกไปไม่ว่าเขาจะเดิน

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 318

    หินเซวียนอิง เคยย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ตอนนี้กลับได้มาเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามทันที“นี่คือหินเซวียนอิง เจ้ามีได้อย่างไร?”จางฉีหยางกลับแปลกประหลาดใจ“อาจารย์ ทำไมท่านก็รู้จักหินเซวียนอิง?“เมื่อสามปีก่อน ครั้งแรกที่ข้าได้เจอแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ยินเขากับท่านพ่อคุยกันเรื่องหินเซวียนอิง ดูเหมือนนางจะชอบหินนี้มาก ดูในตำราก็มีบันทึกไว้“ความจำของข้าดี จึงจดจำไว้“ตำบลหลินผิงที่บ้านเกิดของข้า มีหุบเขามากมาย ยามมีเวลาว่าง ข้าก็จะออกค้นหาไปทั่ว เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้เจอหินเซวียนอิง ดังนั้นข้าจึงนำมันมาเป็นของขวัญคารวะอาจารย์...”เมื่อสามปีก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คิดอยากปรับเปลี่ยนปืนหอกไฟรูปแบบใหม่ตอนนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือฉนวนกันความร้อน และสิ่งที่เหมาะสมในการทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่สุด ก็คือเหล็กเซวียนอิงที่หล่อหลอมมาจากหินเซวียนอิงคิดไม่ถึงว่า ถูกเด็กคนนี้ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ และช่วยนางตามหาจนเจอแล้ว!ปกติเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนสงบควบคุมตนเองได้ดีต่อให้ดีใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางแสดงออกมานางรีบถามจางฉีหยาง“ข้าก็ชอบหินเซวียนอิงอย่างมาก บอกข้าได้ไหมว่า เจ้าเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 317

    ริมฝีปากจางฉีหยางแห้งแตก เสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเสียงแหบแห้งอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนสบสายตากับเขา มองเห็นถึงรัศมีสังหารในแววตาของเขา“ไหว้ผู้ล่วงลับ เดินผ่านทางนี้” นางพูดอธิบายเพราะจางฉีหยางหิวโซเป็นเวลานาน มือจึงสั่นเทา เอาสิ่งของเซ่นไหว้พวกนั้นคืนให้กับนาง“เอาคืนไป! แม่ของข้าไม่ต้องการสิ่งพวกนี้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นการปฏิเสธของเขานางชักกระบี่ออกมาจากฟักตรงเอวตามด้วยเสียงรอยแตกร้าวดังในอากาศ ต้นไม้ด้านข้างต้นหนึ่งถูกนางโค่นลง ตัดเป็นกระดานขนาดเท่าศิลาหลุมศพจางฉีหยางมองดูภาพนี้ แววตาไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆจนเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาแผ่นไม้นั่นวางบนพื้น แล้วถามเขา“ผู้ล่วงลับสกุลอะไร”จางฉีหยางมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูนางอย่างแปลกประหลาดใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความสงสารอย่างสูงส่ง“มีป้ายหลุมศพ ก็จะไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”จางฉีหยางหัวเราะเย้ย“ข้าไม่เชื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาเหมือนล้อเล่นว่า“เป็นผีก็สามารถหลงทางได้ มีป้ายหลุมศพ ต่อไปแม่ของเจ้าก็จะรู้ว่า ที่นี่เป็นบ้านของนาง เป็นบ้านที่ลูกชายของนางสร้างให้นางด้วยต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 316

    จางฉีหยางตอบโต้รวดเร็วมาก หลบเลี่ยงฝ่ามือแรกของเฉียวม่อได้จากนั้นเฉียวม่อโจมตีเขาอีกอย่างต่อเนื่องจางฉีหยางเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งหิวทั้งหนาวเวลานี้จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรนักแต่ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยังสามารถหลบเลี่ยงเฉียวม่อได้ ซ้ำยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้สีหน้าเฉียวม่อมืดมิดอย่างรวดเร็วเด็กคนนี้ เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้นางแกล้งทำเป็นจู่โจมส่วนล่างของเขา ฉวยโอกาสตอนที่เขาตอบโต้ เคลื่อนตัวไปทางด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เตะหลังเข่าของเขาอย่างรุนแรงจางฉีหยางงอเข่าลง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงจากนั้น เฉียวม่อใช้แขนรัดคอเขาไว้จากทางด้านหลังจางฉีหยางถูกบีบให้เงยศีรษะขึ้นมา อ้าปากกว้างเพื่อหายใจเฉียวม่อไม่ผ่อนมือ เพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...จนสีหน้าจางฉีหยางเขียวม่วง สกุลฉินเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงรีบร้องเรียกขึ้นมาว่า“แม่ทัพน้อย!”เฉียวม่อค่อยผ่อนคลายมือ อยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากเสียเดี๋ยวนี้สกุลฉินรีบประคองลูกชายลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นบนตัวให้กับเขาจางฉีหยางหายใจหอบ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองที่เฉียวม่อหลังจากดีขึ้นบ้างแล้ว เขายกมือประสานหันไปทำความเคารพนา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 315

    “มีทั้งหมด...สามคน ข้าไม่ค่อยได้เห็นอีกสองคนนั้น”“แม่นางเมิ่งมีคำสั่ง...พวกเรา เราก็ทำตาม”ชายขายผักพูดไปด้วย เลือดไหลไปด้วยไม่ค่อยได้เห็น ซึ่งก็คือเคยเห็นบ้างแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“อีกสองคนนั้นมีลักษณะเป็นยังไง”“คนหนึ่งบนใบหน้ามีไฝ ส่วนอีกคนหนึ่ง...คนนั้นชอบไปบ่อนเล่นการพนัน เป็นคนที่มีนิสัยลักขโมย หน้าตาปากแหลมแก้มเหมือนลิง...ท่านผู้กล้า ปล่อยข้าไปเถอะ ที่ข้ารู้ก็ล้วนบอกหมดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้กริชเชยคางของเขาขึ้นมา“ทำไมพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งเฉียวม่อ”ชายขายผักเสียเลือดมาก จนอ่อนแรงอย่างยิ่ง“พวกเรา... พวกเราล้วนถูกราชสำนักออกหมายนำจับ...เป็นโจรเจียงหยาง หากไม่เชื่อฟังนาง ก็จะส่งตัวพวกเราไปให้ทางการ”“เชื่อฟังนาง นางให้เงินพวกเราได้ใช้จ่าย...”“อีกอย่าง...นางวางยาพิษพวกเรา...ให้ยาถอนพิษพวกเราตามเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น...ก็จะตาย”“ท่านผู้กล้า ตอนนี้ข้าหักหลังนาง ไม่มีทางรอดแล้ว“ขอร้องท่าน...ให้ข้าได้ตายอย่างรวดเร็วด้วยเถอะ!”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ได้”จากนั้นนางยกมีดขึ้นมาแล้วปาดลง ปาดคอชายขายผักตายเดิมก็เป็นอาชญากรรายใหญ่ ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 314

    อู๋ไป๋บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นแม่ทัพน้อย ก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตรอดแล้วร่างกายท่อนบนของเขา พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดอ่อนแรง“แม่...”ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมีคนอื่น จึงรีบเปลี่ยนเป็นร้องเรียกขึ้นมาว่า “นายท่าน”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่สวมหน้ากากเงินครึ่งชิ้น หันมามองดูเขาหมอกำลังบอกนางเกี่ยวกับข้อควรระวังของผู้บาดเจ็บหลังจากนางฟังแล้วก็จดจำไว้ จากนั้นก็จ่ายค่ารักษา ออกมาส่งหมอด้วยตนเองผ่านไปครู่หนึ่ง นางกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเห็นอู๋ไป๋พยายามจะลุกขึ้นมานั่งนางรีบพูดสั่งทันทีว่า“อย่าเคลื่อนไหว”เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ?อู๋ไป๋รีบนอนลงอย่างเชื่อฟัง ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นมาว่า“นายท่าน กระหม่อมผิวหยาบเนื้อหนา ไม่เป็นไร”พูดว่าไม่เป็นไรนั้นเป็นความเท็จเขายังจำได้ มีดที่แทงลงมาหลายทีนั้น เจ็บปวดอย่างมาก“นายท่าน ชายขายผักคนนั้น...”“จับตัวมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกคำพูดของเขาอู๋ไป๋ยังอยากพูดอะไรอีก ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“รองผู้นำพันธมิตร! เมื่อครู่ชายขายผักคนนั้นยังคิดอยากวิ่งหนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 313

    ตำหนักเย็น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับลูกศรมาหนึ่งอันบนหัวลูกศร เสียบกระดาษไว้หนึ่งแผ่นเป็นลายมือของเฉียวม่อ...[ศิษย์พี่ ติดหนี้ชีวิตเจ้าอีกหนึ่งชีวิตแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าหาเจอทางหนีสุดท้ายได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? คราวหน้าส่งคนที่ฉลาดกว่านี้หน่อยนะ]เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่า เกิดเรื่องกับอู๋ไป๋แล้วนางขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าชักช้าแม้ชั่วขณะเดียว ฟ้ายังไม่มืดก็ออกจากวังแล้วอู๋ไป๋ติดตามนางจากค่ายเป่ยต้า มาจนถึงเมืองหลวงเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องคนสนิท ลูกน้องที่มีความสามารถของนาง ยังเป็นเพื่อนของนางเพื่อต่อสู้กับนาง เฉียวม่อทำร้ายคนตายไปอย่างมากมายแล้วอู๋ไป๋ นางจะต้องตามหาให้เจอ!……ท่ามกลางผู้คนมากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามหาคนหนึ่ง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าวิ่งไปมากี่ที่ที่นางสามารถตามหา ก็มีเพียงชายขายผักจากคำบอกเล่าของชาวบ้านบริเวณรอบๆ นางวาดภาพชายขายผักคนนั้นขึ้นมาเวลาพลบค่ำโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง คนงานกำลังเตรียมปิดร้าน ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง คว้าจับกรอบประตูไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกประตูหนีบ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 312

    ไทฮองไทเฮาหันมองไปข้างนอก ดวงตาเบิกโตอย่างไม่รู้ตัว“ฮ่องเต้? เจ้ามาทำอะไร!”นางมาจัดการฮองเฮาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้บอกเซียวอวี้รับรู้เซียวอวี้ก้าวเท้ายาวเข้ามาในตำหนัก ใช้เท้ากระทืบข้าหลวงที่คิดจะลงมือทำร้ายเฟิ่งจิ่วเหยียน พร้อมทั้งปกป้องนางไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับไทฮองไทเฮาโดยตรง“เสด็จย่า ควรเป็นเราถามท่าน ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่”เขาสวมอาภรณ์สีม่วง สีหน้าเยือกเย็นชา เป็นเหมือนดั่งหุบเขาหิมะ คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัวเฟิ่งจิ่วเหยียนแอบเก็บอาวุธลับไว้ ไทฮองไทเฮานั่งอยู่ตรงนั้น พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดว่า“ข้าทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน“สตรีตระกูลเฟิ่งไม่ควรเข้าวัง ยิ่งไม่ควรเป็นฮองเฮาของเจ้า”ฮ่องเต้กตัญญูต่อนางมาตลอด นางไม่เชื่อว่า ฮ่องเต้จะไม่เชื่อฟังนางเพราะเหตุนี้ดวงตาสีเข้มของเซียวอวี้หนักหน่วงมืดมน“เราได้ให้นางมาอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เสด็จย่าอย่าบีบคั้นกันจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเคยพูดแล้วว่า เราไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหนังสือแห่งโชคชะตาในปีนั้น”ปัง!ไทฮองไทเฮาฟาดตบโต๊ะอย่างโกรธโมโห“ฮ่องเต้ เจ้าจะเลอะเลือนไม่ได้!“ผู้หญิงคนนี้...นางจะเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 311

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมายังตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดและแล้ว ลางสังหรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นไม่มีผิดคนที่มาไม่ได้มีเพียงไทฮองไทเฮา ยังมีนางข้าหลวงหนึ่งคนนางข้าหลวงคนนั้นถือถาดไม้สีดำ สิ่งของที่วางอยู่บนถาด ทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวนมีผ้าขาว สุราหนึ่งจอก ยังมีกริชเล่มหนึ่งเหลียนซวงแสดงสีหน้าหวาดกลัว เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อไทฮองไทเฮาต้องการที่จะ...ประหารฮองเฮา? ! !นางรีบหันไปมองพระนางของตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนถวายความเคารพ สวมอาภรณ์ธรรมดา ยากที่จะบดบังความสง่างามของนางได้นางก็มองเห็นสิ่งของพวกนั้นแล้ว ท่าทีสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ภูเขาไท่พังทลายลงต่อหน้าก็ตาม“ถวายบังคมไทฮองไทเฮา”สายตาไทฮองไทเฮามองผ่านนาง มีคนประคองเดินไปนั่งบนที่นั่งหลักอย่างเชื่องช้า“ตอนนี้ข้าดูแลจัดการวังหลัง ควรแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท”“ฮองเฮา เจ้ารู้ไหม ระยะนี้ที่วังหน้า เกิดปัญหาวุ่นวายเพราะเรื่องของเจ้า?”แววตาน้ำเสียงไทฮองไทเฮา ล้วนเต็มไปด้วยความตำหนิติเตียนราวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็คือคนร้ายคนนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับริมฝีปากพูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 310

    “มันลวกข้า!” “อ๊าก! ร้อน!” บรรดาพลทหารต่างพากันโยนปืนหอกไฟที่พาดอยู่บนหัวไหล่ทิ้งไป ลูกปืนสูญเสียการควบคุม พุ่งมายังแท่นเฝ้าชมตรงฝั่งนี้แทน “คุ้มครองฮ่องเต้!” เฉินจี๋ราชองครักษ์หูตาว่องไว พลิกโต๊ะอาหารขึ้นเป็นเกราะกำบัง เซียวอวี้นั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน หัวคิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าปืนหอกไฟแบบใหม่อันนี้ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน ขุนนางท่านอื่นล้วนพุ่งหาที่กำบังอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พริบตาเดียว สถานการณ์พลันโกลาหล กระทั่งลูกปืนถูกยิงจนหมด สถานการณ์เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายค่อยยื่นศีรษะออกมาอีกครั้ง ชะเง้อคอมอง อยากสืบเสาะถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เฉียวม่อยามนี้ก็สติหลุดลอยไปแล้วเช่นกัน เหตุใดถึงร้อนลวกขึ้นมา? พิมพ์เขียวนั่นก็มีแผ่นกันความร้อนเขียนไว้อยู่ไม่ใช่หรือ! หัวหน้าคนอื่นก็ตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าสมบูรณ์แบบ! เซียวอวี้หยัดกายขึ้น เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ เขาจ้องมองสถานที่เกิดเหตุอย่างดูแคลน ก่อนจะทิ้งสายตามองบนตัวเฉียวม่อในตอนสุดท้าย แม้ว่าไม่มีเสียงตำหนิใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กระนั้นแล้วยังทำให้คนพรั่นพรึงจนสั่นสะท้านได้

DMCA.com Protection Status