แชร์

บทที่ 175

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
เจียงหลินไม่ได้ล้อเล่น กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก

“เหล่าฝานส่งจดหมายมาหาข้า เมื่อครึ่งเดือนก่อน คนของเจ้าไปหาพันธมิตรอู่หลิน ขอให้พวกเขาทำธุระเรื่องหนึ่งให้เจ้า ทว่าไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเป็นเรื่องอันใด เพียงให้พวกเขามุ่งขึ้นเหนือไป

“ตามหลักแล้ว การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนกว่า เจ้าทำธุระเสร็จแล้ว หรือว่ากลับมาก่อนกำหนดรึ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสายตาเคร่งขรึม ไม่ได้อธิบายอันใดมากมายในตอนนี้

เรื่องที่นางอยู่ในวังหลวง เจียงหลินและซ่งหลีไม่รู้เสียหน่อย

ควรจะไม่ทำให้พวกเขาตกใจเสียดีกว่า หลีกเลี่ยงการทำให้เรื่องใหญ่โต

ก่อนที่จะกลับวัง เฟิ่งจิ่วเหยียนแวะไปหาอู๋ไป๋

อู๋ไป๋ได้ฟังเรื่องนี้แล้ว รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

“แม่ทัพน้อยท่านอยู่ในวังมาโดยตลอด ข้างกายก็มีแค่ข้าน้อยผู้เดียว จะส่งผู้ใดไปพันธมิตรอู่หลินได้? จะต้องมีผู้แอบอ้างท่านเป็นแน่!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไปสืบสอบมาให้กระจ่าง”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

......

หลังจากกลับไปที่วังแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนกินยาบำรุงเม็ดนั้น และฝึกพลังลมปราณภายในอีกครั้ง พลังภายในฟื้นฟูกลับมารวดเร็วดังคาด

เพื่อหลีกเล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (4)
goodnovel comment avatar
Chiraporn Muksreeprasert
สงสัยจังใครคือตัวการ
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
อีรุ่ยอ๋องต้องหลอกพลทหารของฮองเฮาขึ้นเหนือแน่
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
น่าจะเป็นอีรุ่ยอ๋องกับจิ้งกุ้ยเหรินคือคนร้ายตัวจริง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 176

    หลังจากรุ่ยอ๋องมา เซียวอวี้ก็ไม่ได้อ้อมค้อมแต่อย่างใด เอ่ยถามเข้าประเด็นว่า“เจ้ากับฮองเฮาแอบมีความสัมพันธ์ลับ ๆ หรือ?”ฮ่องเต้ทรงมีอำนาจยิ่ง จนรุ่ยอ๋องผงกหัวอย่างนอบน้อม“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ลุกขึ้น เดินลงมาจากที่สูง ยืนตรงหน้ารุ่ยอ๋อง เงาร่างอันสูงใหญ่ ปกคลุมจนมืดดำเป็นวงกว้าง“เจ้ารู้จักขอบเขตเรื่องชู้สาวเป็นอย่างดีมาตลอด ย่อมจะไม่เสวนากับสตรีเกินงาม“เหตุการณ์ในป่าหลวงครานั้น เรารู้สึกว่าระหว่างเจ้ากับฮองเฮาดูผิดปกติ“หากเจ้าลงจากม้าเพื่อบอกทาง โดยระยะห่างทั่วไปแล้ว แม้นฮองเฮาจะดึงกริซออกมา ก็ไม่มีทางเข้าใกล้เจ้าได้“เพียงเจ้าก้าวถอยหลัง ก็จะปลอดภัย“แต่สิ่งที่เราเห็น เจ้าสองคนห่างกันเพียงสองก้าว“นอกเสียจากว่า ฮองเฮาจะหันหลังมาแล้วเห็นเจ้า ยังตามแทงเจ้าต่อ“เจ้าจะอธิบายเช่นไร”คนที่เซียวอวี้ไว้ใจที่สุด คือรุ่ยอ๋องดังนั้นตั้งแต่วันนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติ ก็ไม่ได้เปิดโปงทันทีเขารอรุ่ยอ๋องมาอธิบายด้วยตัวเองทว่า รุ่ยอ๋องก็ไม่ได้มากล่าวอะไร วันนี้ยังพูดคุยกับฮองเฮามากเกินงาม จึงไม่กลัวว่าหากข้าหลวงมาพบเห็น จะมีข่าวลือที่ไม่เป็นผลดีต่อเขาเผยแพร่อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 177

    เซียวอวี้ควบคุมขุนนางใหญ่กลุ่มนั้นได้ก็จริง แต่กลับไม่สามารถใช้อำนาจของฮ่องเต้มาข่มผู้อาวุโสได้“ช่วงนี้สงครามชายแดนเกิดขึ้นติดต่อกัน เราไม่มีกระจิตกระใจเข้าวังหลัง”ไทฮองไทเฮาย่อมไม่ปล่อยให้เขาผ่านได้ง่าย ๆ“ฉานเอ๋อร์ทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาดขนาดนั้น มีจุดไหนที่ไม่ถูกใจฮ่องเต้หรือ? แม้จะไม่โปรดปราน อย่างน้อยก็ควรไปเยี่ยมเยือนนางที่ตำหนักฟางเฟยบ้าง สองคนควรมีโอกาสพบกันบ่อย ๆ  เอาแต่หลบเลี่ยงไม่ไปเจอเช่นนี้ จะรู้ถึงความดีของนางได้อย่างไร?”แววตาของเซียวอวี้แน่นิ่ง“เสด็จย่า เรื่องในวังหลัง มีฮองเฮาคอยดูแล ไม่อาจรบกวนผู้อาวุโสเช่นท่านมาเป็นห่วงเป็นไยอีก”ไทฮองไทเฮาเหมือนพบที่ระบายอารมณ์ พลันตบโต๊ะน้ำชา“เจ้าบอกมาตามตรง ฮองเฮาบอกอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”“เป็นเพราะนางอาศัยการได้ร่วมเรือนหอกับเจ้าแล้ว คอยเป่าหูเจ้าสินะ!”มิเช่นนั้นคนที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมเช่นฉานเอ๋อร์ ไยไม่ได้รับความโปรดปราน?เซียวอวี้กำลังจะโต้กลับ แต่กลับคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนคำพูดฉับพลัน“ฮองเฮาคือภรรยาหลวงของเรา เราต้องคำนึงถึงความรู้สึกของนางเป็นธรรมดา”เมื่อไทฮองไทเฮาได้ยินคำพูดเช่นนี้ ยิ่งโกรธหนักขึ้นจน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 178

    ภายในศาลาริมทะเลสาบหลวง สายลมพัดโชยแผ่วเบาภาพทิวทัศน์อันงดงามและสงบถึงเพียงนี้ ก็มิอาจปัดเป่าอารมณ์คุกรุ่นของฮ่องเต้ให้จางหายได้เซียวอวี้ยืนหันหลังให้เฟิ่งจิ่วเหยียน หันหน้าไปทางทะเลสาบหลวง ใช้มือไขว้หลังเอาไว้เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ราวธารน้ำแข็งตกผลึก“ฮองเฮาพูดจาเหลวไหลจนเคยชิน ควรลงน้ำเรียกสติหน่อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับอย่างจริงจัง“หม่อมฉันคิดว่า ฝ่าบาทไม่เต็มใจจะประนีประนอมกับไทฮองไทเฮา โดยการโปรดปรานจิ้งกุ้ยเหรินตามคำเรียกร้องของนาง ภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนั้น จำต้องเลือกวิธีที่แก้ไขปัญหาได้ในครั้งเดียว“หากหม่อมฉันสื่อสารผิด หม่อมฉันจะไปอธิบายให้ไทฮองไทเฮาอย่างชัดเจน ว่าอาการของท่านหายดี…”สายตาของเซียวอวี้ดุดันถมึงทึงหายดีอะไร? เขาไม่ได้ป่วยด้วยซ้ำ!หากนางกลับไปพูดจาเหลวไหลอีกครั้ง มีแต่จะทำให้มันเลวร้ายขึ้น“พอได้แล้ว!”เซียวอวี้ถึงแม้ว่าจะโกรธ ทว่าก็ต้องยอมรับว่า พอฮองเฮาพูดเช่นนั้นกับไทฮองไทเฮาแล้ว มันช่วยเขาลดปัญหาไปได้ไม่น้อยแม้นจะเป็นวิธีที่สร้างความเสียหายให้แก่ตนเองไปหน่อย  แต่เขาก็ต้องรักษาสัญญา“โทษหักเบี้ยเงินหนึ่งปีของเจ้า เราละเว้นให้”เฟิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 179

    หลังจากหนิงเฟยกลับไป กุ้ยหมัวมัวก็เข้ามาปลอบใจไทเฮา“หนิงเฟยเข้าใจคำพูดเหล่านั้น คงไม่ทำให้ไทเฮาผิดหวังหรอกเพคะ”แววตาของไทเฮาลุ่มลึก“นิสัยของซิ่วหว่าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้“ดวงตาของนางไปอยู่บนศีรษะ ย่อมมองหลาย ๆ อย่างพลาดไปอย่างเลี่ยงไม่ได้“ฮองเฮาเหมาะที่จะเป็นหินฝนทองให้นางได้พอดี”กุ้ยหมัวมัวพยักหน้า“เพคะ ไทเฮา ไม่เสียแรงที่ท่านทรงอบรมบ่มเพาะหนิงเฟยมา”ณ ตำหนักหย่งเหอหลังมื้อเที่ยง นางสนมเจียก็มาหานางไม่ได้ขี่ม้าเป็นเวลานาน จึงวอแวเฟิ่งจิ่วเหยียนไปที่สนามม้าหลวงด้วยกันเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตอบรับประการแรก นางเป็นฮองเฮา จำเป็นต้องดูแลจัดการเรื่องภายในประการที่สอง นางไม่อยากผูกมิตรกับสตรีในวังหลังทว่านางสนมเจียตามรบเร้ามากเกินไป เอาแต่พูดจ้ออยู่ข้างหูเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่หยุด “ไปเถอะ ๆ ฮองเฮา แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หลังจากนี้หม่อมฉันจะไม่มารบกวนท่านอีก ตกลงไหม?”นางสนมเจียเข้าวังมาตั้งแต่ยังเด็ก แถมยังไม่มีเพื่อนให้คุยเล่นในวังอีก ยามอยู่กับฮองเฮา นางรู้สึกสบายใจ ซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกโหยหาฝ่าบาทมาหลายปีแม้นฮองเฮาเองก็เย็นชาเหมือนกัน แถมยังไม่ค่อยสนใจนางเท่าไรนัก แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 180

    อาวุธลับมาอย่างกะทันหัน เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ทันสังเกต  แต่ก็หลบทันตามสัญชาตญาณของร่างกายอาวุธลับนั้นก็ได้ตกลงไปในน้ำหลังจากนั้น มีคนหนึ่งปรากฏตัว“พี่สะใภ้ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนี่นา”รุ่ยอ๋องอีกแล้ว!เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาตกอยู่ใต้เงาร่มไม้ ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น จ้องมองมาที่เขาโดยไม่พูดจา จากนั้นก็ตวัดกริชแหลมคมออกมาจากแขนเสื้อในเมื่อได้เผยตัวแล้ว เช่นนั้น…ใบหน้าของรุ่ยอ๋องประดับไปด้วยความอ่อนโยน ถามกลั้วยิ้ม“ช่วงนี้มีคนแฝงตัวเข้ามาในจวนของกระหม่อมบ่อยครั้ง เหมือนอยากมาสืบอะไรบางอย่าง“เรื่องนี้ พี่สะใภ้รู้หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนย่อมรู้ดีในเมื่อสงสัยรุ่ยอ๋อง ก็ต้องตามสืบเรื่องในจวนของเขาอยู่แล้วทว่า เขามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่าเป็นนาง ทั้งยังวิ่งแจ้นไปซักถามในวัง?รุ่ยอ๋องเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม“พี่สะใภ้ คนเราต่างมีความลับเป็นของตัวเอง“กระหม่อมไม่ได้เปิดโปงเรื่องที่ท่านมีวิชายุทธ์และเรื่องที่แอบหนีออกจากวัง ไยท่านยังบีบคั้นกระหม่อมอีกล่ะ?”นัยน์ตาของเขาทอประกายมืดมนเล็กน้อย “ท่านคิดว่า กระหม่อมสู้กลับไม่เป็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 181

    รุ่ยอ๋องดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวดที่กระดูกเคลื่อน ใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน เขาถอนหายใจและเอ่ยว่า“บางทีพี่สะใภ้อาจยังจำไม่ได้“เมื่อเจ็ดปีก่อน ข้ามาที่เมืองหลวงและถูกไล่ล่าที่ริมทะเลสาบเทียนจื่อ ผู้ติดตามทั้งหมดไม่มีผู้ใดรอดชีวิต แม้แต่ข้าก็ยังเกือบจะตายด้วยน้ำมือโจร“ในตอนนั้นท่านบังเอิญผ่านมาพอดี จึงสั่งให้ทหารองค์รักษ์ช่วยเหลือ ข้าจึงโชคดีรอดชีวิตมาได้”เมื่อเจ็ดปีก่อนที่ทะเลสาบเทียนจื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้เช่นกันเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง!นั่นเป็นวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของนางและเวยเฉียง อาจารย์อนุญาตให้นางหยุดพักได้สองสามวัน นางจึงมาหาเวยเฉียงที่เมืองหลวง และพาเวยเฉียงไปจุดโคมไฟตรงทะเลสาบเทียนจื่อที่ผู้คนไม่พลุกพล่านนางสวมหน้ากากที่อาจารย์มอบให้ และแต่งตัวเป็นเด็กหนุ่ม แสร้งทำเป็นองครักษ์น้อยของเวยเฉียงระหว่างทางกลับจวน บังเอิญได้พบชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังถูกคนไล่ล่าเดิมทีนางคิดจะพาเวยเฉียงวิ่งหนี แต่เวยเฉียงกลับขอให้นางช่วยเขา...ดังนั้นเด็กหนุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือผู้นั้น ก็คือรุ่ยอ๋องที่อยู่ตรงหน้า?สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนคมกริบ“ข้าจำได้ว่าไหล่ซ้ายของเด็กหนุ่มผู

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 182

    เมื่อหลิวซื่อเหลียงเห็นฮ่องเต้ทรงใจลอย เขาจึงส่งสัญญาณให้ขันทีคนอื่น ๆ ถอยหลังไป“อ๊า!” ในขณะนั้นเอง ลูกขนไก่ที่จิ้งกุ้ยเหรินเตะลอยขึ้นสูงมาก ทุกคนพากันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆลูกขนไก่ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะรับได้ยาก ทว่ากลับเห็นจิ้งกุ้ยเหรินกระโดดขึ้นสูง และรับมันได้โดยไม่เสียการทรงตัว“กุ้ยเหรินสายตาดีมาก!” บรรดาข้าหลวงพากันกล่าวชมจิ้งกุ้ยเหรินกำลังจะเตะลูกขนไก่ลูกที่สอง แต่นางกลับเห็นฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงทางเดินไม่ไกลนัก ดูท่วงท่าสง่างามนางควบคุมอาการร่าเริงในทันทีทันใด สีหน้ากลับดูซีดขาว นางจึงหยุดและยืนนิ่งทันที จากนั้นเผยรอยยิ้มสุภาพอ่อนหวาน และแสดงความเคารพ“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”ลูกขนไก่ตกลงบนพื้น เหล่านางกำนัลต่างพากันทำความเคารพทันที“ถวายบังคมฝ่าบาท!” หลิวซื่อเหลียงได้ยินคำพูดของไทฮองไทเฮา เขารู้สึกเห็นใจจิ้งกุ้ยเหรินอยู่บ้างเดิมทีนางเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ทว่านางกลับถูกบังคับให้เรียบร้อยสงบเสงี่ยมเซียวอวี้มองแววตาของจิ้งกุ้ยเหริน จากนั้นก็แค่สั่งให้นางทำตัวตามปกติ และเดินออกไปจากตำหนักวั่นโซ่วจิ้งกุ้ยเหรินมองดูแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปไกล ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย.

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 183

    “ว่าอย่างไรนะ? แม่ทัพน้อย ชายแดนเหนือเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”อู๋ไป๋ก็เช่นเดียวกับเฟิ่งจิ่วเหยียน พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาหลายเดือนแล้ว เรื่องราวที่ชายแดนเหนือจึงรู้เพียงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าที่นั่นเกิดเรื่อง อู๋ไป๋ก็เริ่มกระวนกระวายดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเต็มไปด้วยความคับแค้น มือกำแน่นจนเริ่มสั่น“กองทัพมังกรพยัคฆ์ที่นำทัพโดยจางเฉิง ถูกกองทัพเหลียงซุ่มโจมตีที่เนินเขาหานซาน คนทั้งสามร้อยยี่สิบสี่คนตายหมดทั้งกองทัพ”อู๋ไป๋ราวกับถูกเทสาดด้วยน้ำแข็ง โลหิตทั่วร่างจับตัวแข็งม่านตาขยายขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเพราะความโศกเศร้าและความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายจึงสั่นเทิ้มไปทั้งตัวตึง!เขาหันหลังกลับและต่อยเข้าไปที่กำแพงหนึ่งหมัดตัวคนหันหน้าเข้าหากำแพง ก้มหัวลง ไหล่เริ่มสั่น เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองบนคานไม้ เขากัดมือตัวเองและส่งเสียงร้องอย่างอัดอั้น“ฮือ——”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้น ภายใต้ตะเกียงน้ำมัน ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยเงามืดแววตาของนางดูเยือกเย็น หรือเป็นความสงบนิ่งที่เกือบจะไม่ปกติหลังจากอู๋ไป๋ระบายความรู้สึกคับแค้นใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาเ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 941

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 940

    ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 939

    แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 937

    เรื่องส่งคืนกองทัพอินทรีเหินให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ตอนที่นางเสร็จสิ้นจากการไปเป็นราชทูตที่แคว้นซีหนี่ว์ เซียวอวี้ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ทว่าภายหลังเจอกับสงครามครั้งใหญ่ เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อนเซียวอวี้เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ ซ้ำยังเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถือว่ามีความจริงใจเต็มเปี่ยมโดยมิต้องสงสัยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเป็นกังวล“เรื่องนี้ ราชสำนักรู้หรือไม่เพคะ?”เซียวอวี้สวมกอดนางจากทางด้านหลัง ราวกับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า“เราเคยเรียกพบขุนนางคนสำคัญหลายคนในราชสำนักตั้งแต่แรก เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เราสมควรทำเช่นนี้“วันนี้ประชุมราชกิจ เราก็ประกาศกับเหล่าขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ทว่าก็มีบางคนคัดค้านเช่นกัน แต่เราพูดเพียงว่า ‘ตอนนี้หนานฉีต้องโจมตีกับแคว้นอื่น ผู้ใดที่คัดค้าน เราจะให้ออกไปสนามรบ’ ดังนั้น พวกเขาก็พากันเงียบกริบ“เจ้าเห็นหรือไม่ เรื่องนี้มิได้ยากเย็น”ถึงแม้เขาเอ่ยออกมาดูเหมือนจะง่ายดาย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้ว่า เพื่อตราคำสั่งทหาร เขาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้น โดยเฉพาะขุนนางอาวุโส แต่ละคนมีฝีปา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 936

    เซียวอวี้กับเซียวฉีเริ่มจะขัดแย้งกันเขานึกไม่ถึงว่า เซียวฉีจะใส่ร้ายเขาต่อหน้าจิ่วเหยียนเช่นนี้“วาดภาพ” อะไรกัน เขาจำสิ่งใดมิได้เลย!เซียวฉีเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราว“ตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเหล่าเสด็จพี่ อาภรณ์ของทุกคนเรียบร้อยกันหมด ทว่าของเขามักจะทำขาดอยู่เสมอ ซ้ำยังขาดตรงส่วนก้นด้านหลัง จนเห็นกางเกงลายดอกไม้ยามเหมันต์ และเพราะกลัวเสด็จพ่อจะทรงดุ จึงต้องเดินถอยหลัง“พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ชอบไปเล่นกับสาวน้อยนางกำนัล...”“พูดจาเพ้อเจ้อ! เราเคยทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!” เซียวอวี้ไม่ยอมรับ จึงตะโกนเรียกเฉินจี๋ให้เข้ามาทันที เพื่อใช้กำลังขับไล่เซียวฉีออกจากตำหนักหย่งเหอองค์หญิงใหญ่มิยอมให้เซียวอวี้อยู่อย่างสงบ ขณะถูกพาตัวไป นางยังพยายามจะหันกลับมา พร้อมตะโกน“สาวน้อยนางกำนัลไม่ยอมเล่นกับท่าน ท่านยังแกล้งนอนคว่ำอยู่บนพื้น ฮองเฮา เขายังชักดิ้นชักงอด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้หม่นคล้ำราวกับน้ำหมึก“ปิดปากนางไว้!”ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เฉินจี๋ตื่นตระหนกจนมิรู้จะใช้วิธีใด จึงรีบทำให้ตัวคนหมดสติทันทีก่อนองค์หญิงใหญ่จะหมดสติ ก็ยังเหลือกตาขาวในตำหนักชั้นในขณะที่เซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 935

    ราชทูตจากแคว้นต่าง ๆ มาโดยพร้อมเพรียง และเข้าพักในโรงพักแรมเหล่าราษฎรได้ยินเรื่องนี้ ภายใต้แรงผลักดันจากความโกรธแค้น จึงรวมตัวกันไปก่อจลาจลที่โรงพักแรม เพื่อต้องการจะสั่งสอนกลุ่มราชทูตเหล่านั้นยังมีชาวยุทธภพบางส่วน อาศัยวิทยายุทธ์อันแข็งแกร่ง พยายามบุกเข้าไปในโรงพักแรมพวกเขาจับราชทูตมัดไว้ และพาออกไปด้านนอก เพื่อให้เหล่าราษฎรได้ขว้างปาผักเน่า และด่าประณามเหล่าราชทูตมิกล้าต่อต้าน และมิอาจต่อต้านได้ด้วยราชทูตของต้าเซี่ยมิอาจทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้“ราษฎรเลวทราม! ราษฎรเลวทราม!! ข้าเป็นราชทูต พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”สิ่งที่เขาได้รับจากการขัดขืน คือฝ่ามือของเหล่าราษฎรเป็นเพราะคนเหล่านี้ ที่เกือบจะทำให้หนานฉีต้องล่มสลายพวกเขายังมีหน้ามาหนานฉีอีกหรือ?เหล่าราษฎรระบายความโกรธอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็ถูกทางการปราบปราม เหล่าราชทูตจึงได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำ สติมึนงงณ หอสุราใกล้เคียง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองราชทูตสองคนของแคว้นตงซานยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหนึ่งในนั้นรู้สึกโชคดี“ท่านแม่ทัพหยวน โชค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 934

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา ก็ไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วคงจะตื่นเช้าไปฝึกยุทธ์อีกเป็นแน่เซียวอวี้เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตนเอง มิได้ให้ผู้ใดมารับใช้หลิวซื่อเหลียงยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเสด็จไปที่คุกเทียนเหลาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วมุ่นนางไปคุกเทียนเหลาด้วยเหตุใด?ณ คุกเทียนเหลาระหว่างเฟิ่งจิ่วเหยียนกับถานไถเหยี่ยน มีเพียงประตูคุกคั่นอยู่หนึ่งบานถานไถเหยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกำแพง บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังยังสลักภาพ “ใยแมงมุม” ไว้ ภายใต้แสงเงา ยิ่งขับเน้นให้เขาดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ“ฮองเฮาเสด็จมาเอง คิดว่าคงมิได้มาเพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูดุดัน“แคว้นตงซานส่งราชทูตมาที่หนานฉี ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนดูเป็นปกติ“จะช่วยข้า หรือจะสังหารข้า ก็ไม่ต่างกัน”ดูเหมือนเขาจะถอดใจแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถามขึ้นในทันที “อาจารย์เต็มใจจะอยู่ที่หนานฉีหรือไม่”ถานไถเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนพูดหยอกล้อ“ฮองเฮา ทรงมิอ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status