แชร์

บทที่ 145

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ขณะที่เซียวอวี้กำลังจะสัมผัสหน้ากากของนาง เข็มเงินเล่มหนึ่งก็แตะอยู่ที่อกของเขา

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น

“ความสงสัยบางครั้งก็ทำร้ายคนได้”

เซียวอวี้เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย

จากนั้น เขารีบชักมือกลับทันที

นางก็ชักเข็มเงินในมือกลับเช่นกัน

ทั้งสองคนต่างอยู่ในอาการสงบ

หลังจากกลไกทางเข้าถูกเปิดออก

เฉินจี๋เห็นว่าฮ่องเต้ยังทรงปลอดภัยดี ความกังวลใจจึงคลายลง

แต่นักฆ่าหญิงผู้นั้น ถ้าจะให้มั่นใจแน่ ๆ ก็ต้องจับตัวไว้

หรือฉวยโอกาสตอนที่นางกำลังอ่อนแอ สังหารนางซะ!

เฉินจี๋ชักดาบของเขาออกมาทันที

แต่กลับได้ยินฮ่องเต้รับสั่งว่า

“ปล่อยนางไป”

......

รัตติกาลมืดมิด

ตำหนักหย่งเหอ

สองวันมานี้เหลียนซวงจิตใจว้าวุ่น จนกระทั่งเห็นฮองเฮาเสด็จกลับมา จึงค่อยโล่งใจขึ้นมา

แต่ทันใดนั้นก็พบว่าฮองเฮาเหมือนจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง!

“ฮองเฮา ท่าน…”

เฟิ่งจิ่วเหยียนพยุงสังขารที่อ่อนแรง มือหนึ่งจับที่มุมโต๊ะ อีกมือหนึ่งกำคอเสื้อของตนเองไว้แน่น

“ออกไปเฝ้าด้านนอกไว้”

ลำคอของนางเหมือนถูกไฟเผา น้ำเสียงที่เอ่ยดูแหบพร่า

“เพคะ!” เหลียนซวงไม่รู้ว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาฮองเฮาทรงพบเจอสิ่งใดมาบ้าง แต่ก็เข้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (8)
goodnovel comment avatar
Nankhawan Ridtidach
อ่านนิยายนี่เศร้า เมื่ออีลงแดง ได้วันละตอน
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
รำคาญอีกุ้ยเหริน รัฐเหลียงก็รังควานไม่หยุด
goodnovel comment avatar
Thipthanya
อัพวันล่ะ 4 ตอนกะพอได้กระชุ่มกระชวย แต่อัพวันละตอนใจมันจะขาดนะคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 146

    ในท้องพระโรง เสนาบดีของทั้งสองแคว้นกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดหูเอ่อร์ต๋าไม่ได้กล่าวอ้างลอย ๆ“กราบทูลฝ่าบาท เมิ่งสิงโจวสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ของรัฐเหลียง การจ่ายเบี้ยชดเชยนั้น ก็เพื่อปลอบขวัญให้กับพวกเขา ส่วนการให้เมิ่งสิงโจวยอมรับโทษนั้น ก็เพื่อบำรุงขวัญให้กับราษฎรในรัฐเหลียงทุกหมู่เหล่า ถือเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเจรจาสงบศึกและเป็นพันธมิตรกันระหว่างสองแคว้น“หากหนานฉีไม่มีการชดเชยใด ๆ ต่อให้ขุนนางกงสุลจะยินดีลงนามในหนังสือเจรจาสงบศึก เกรงว่าทหารหลายแสนนายของรัฐเหลียง ราษฎรทั่วหล้า และวิญญาณที่ตายไปแล้วอีกนับไม่ถ้วนก็จะไม่เห็นด้วย!”เสนาบดีของหนานฉีโต้แย้งทันที“เมื่อสองแคว้นทำสงครามกัน ย่อมต้องมีการบาดเจ็บล้มตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! อีกอย่างทหารของเราก็ไม่เคยสังหารชาวบ้านของรัฐเหลียงที่ไร้อาวุธ แล้วจะพูดถึงวิญญาณอะไร! บำรุงขวัญอะไร!”หูเอ่อร์ต๋าหรี่ตาหยีพร้อมกับลูบเครา และเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันว่า“ถ้าพูดเช่นนี้ หนานฉีก็ไม่มีความคิดที่จะเจรจาสงบศึกอย่างนั้นรึ?”ได้เลย!ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเปิดฉากทำสงคราม สู้รบกันต่อไป!ถึงอย่างไรเมิ่งสิงโจวก็ยังไม่หายป่วย คงจะออกรบไม่ได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 147

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้มองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนในอาภรณ์ที่เรียบง่าย ดูลักษณะแตกต่างจากฮองเฮาโดยสิ้นเชิงนางคุกเข่าลงบนพื้น ในมือชูใบบันทึกคำให้การอยู่ปึกหนึ่ง“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะร้องทุกข์เพคะ!”ภายในห้องมีเพียงเฉินจี๋ที่อยู่รับใช้ เขารับใบบันทึกคำให้การเหล่านั้นมา แล้วถวายต่อฮ่องเต้เซียวอวี้พลิกดูทีละแผ่น แค่อ่านจบเพียงหน้าแรก สีหน้าของเขาราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ เมฆดำปกคลุมเมือง“ฮองเฮา! เจ้าต้องรู้ว่าในนี้เขียนว่าอย่างไรบ้าง!”เฟิ่งจิ่วเหยียนลดสายตาลงอย่างนอบน้อม“รู้เพคะ สิ่งที่ท่านกำลังทอดพระเนตรคือ ใบบันทึกคำให้การครั้งแรกของกลุ่มโจรภูเขา เป็นความจริงที่ไม่มีการแก้ไขใด ๆ“ในนั้นถึงเป็นความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากที่หม่อมฉันถูกลักพาตัวไป”ม่านตาของเซียวอวี้พลันหดลง“หมัวมัวในวังก็เคยตรวจร่างกายของเจ้า”นางยืนยันแล้วว่าบริสุทธิ์ เหตุใดคำให้การถึงระบุว่า พอนางถูกจับตัวไปก็ถูกข่มเหงเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างเปิดเผยว่า“หม่อมฉันกินยาต้องห้ามจากต่างถิ่นให้ชั้นผิวหนังลอก รอยแผลเป็นตามตัวจึงหายไป รวมถึงใช้วิธีการบำรุงฟื้นฟูด้วย“ดังนั้นแม้แต่หมัวมัวในวังผู้มีประ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 148

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้บอกทันทีว่าพยานเป็นผู้ใด นางอธิบายที่มาที่ไปอย่างสงบนิ่งว่า“หลังจากแข่งขันขี่ม้าโปโล หวังเทียนไห่ถูกสืบพบว่าเป็นคนร้ายที่หมายจะสังหารสองพระสนม โดยทำให้พวกนางตกจากหลังม้า หากความจริงแล้ว หวังเทียนไห่ได้รับคำสั่งจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ให้ทำร้ายนางสนมเจีย พอเขาถูกจับ หลิงเยี่ยนเอ๋อร์กลัวว่าเขาจะซัดทอดมาถึงตนเอง จึงรีบส่งนางกำนัลจูเอ๋อร์ไปปิดปากเขาเสียก่อน...”เซียวอวี้ขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน พูดแทรกด้วยน้ำเสียงขรึมว่า“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่”เท่าที่เขารู้ หวังเทียนไห่รวมถึงนางกำนัลจูเอ๋อร์ผู้นั้น ทั้งคู่ต่างก็ตายไปแล้ว หรือว่าพวกเขาจะตายแล้วฟื้นมาเป็นพยานให้กับนางได้!เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบแบบไม่ช้าไม่เร็ว“กราบทูลฝ่าบาท ในคืนนั้นนางกำนัลจูเอ๋อร์ยังไม่ตาย หม่อมฉันแอบส่งนางออกไปรักษาตัวที่นอกวัง ตอนนี้นางสามารถมาเป็นพยาน และชี้ตัวหลิงเยี่ยนเอ๋อร์เพคะ”เซียวอวี้ดูเหมือนกำลังควบคุมความรู้สึกบางอย่าง สีหน้าของเขาดูเรียบเฉยผิดปกตินี่มัน “ตายแล้วฟื้น” จริง ๆ!เขาไม่ได้ขัดจังหวะสิ่งที่นางพูดเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยต่อ“จ้าวซีเป็นน้องชายของจ้าวเฉียน เขาเป็นผู้รอดชีวิตเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 149

    แม้ว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์จะคุกเข่าอยู่ แต่ก็ยังเงยหน้าและยืดอก ลักษณะไม่เหมือนคนที่กระทำความผิดเลยแม้แต่น้อยพยานจ้าวซีจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้น“ฝ่าบาท เรื่องที่จ้าวเฉียนพี่ชายของข้าน้อยทำงานให้กับหวงกุ้ยเฟย เขาเขียนมันลงไปในบันทึกเล่มนั้น ก็เพื่อให้ตัวเองพอจะเหลือทางรอดบ้าง!“แต่คิดไม่ถึงว่าหวงกุ้ยเฟยจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ สังหารพวกเราทั้งครอบครัว เพื่อต้องการกำจัดให้สิ้นซาก ตอนนี้ก็เหลือข้าน้อยเพียงคนเดียว...โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากคนใจดี“คนพวกนั้นจุดไฟเผาบ้าน แต่ไม่ทันสังเกตว่าข้าน้อยแอบคลานหนีออกมา...”สาวใช้จูเอ๋อร์เอ่ยบ้าง“ฝ่าบาท หวงกุ้ยเฟยสั่งให้บ่าวลอบสังหารหวังเทียนไห่เพคะ!”ลำพังแค่อาศัยคำให้การของพวกเขาก็อาจยังมีข้อสงสัยอย่างเช่น จ้าวซีแน่ใจได้อย่างไรว่า กลุ่มคนที่สังหารครอบครัวของเขา เป็นหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ที่ส่งไป?ดังนั้นคำให้การของชุนเหอจึงมีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ“หวงกุ้ยเฟยกลัวว่าครอบครัวของจ้าวเฉียนจะล่วงรู้บางอย่าง จึงสั่งให้บ่าวไปกำจัดครอบครัวของจ้าวเฉียนไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว ส่วนเรื่องโจรภูเขา ที่โจรภูเขาลักพาตัวฮองเฮา นั่นก็เป็นฝีมือของหวงกุ้ยเฟย...”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 150

    เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเซียวอวี้อย่างใจเย็น“ท่านให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของราชวงศ์ ส่วนหม่อมฉันก็ไม่อยากให้ผู้คนครหา ดังนั้นท่านประกาศเฉพาะความผิดที่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์กระทำ ส่วนตัวตนของเหยื่อ และรายละเอียดของเหตุการณ์ก็ละเว้นได้เพคะ”ทำเช่นนี้แล้วความผิดของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็จะเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนทั่วหล้าได้เช่นกันเซียวอวี้มองนางด้วยความเย็นชา“เจ้าช่างคิดมาอย่างถี่ถ้วน“หากเราไม่ทำเช่นนั้น เจ้าจะทำอย่างไร จะโปรยสำเนาใบบันทึกคำให้การไปทั่วเมืองอย่างนั้นรึ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนลดสายตาลง“หากไม่จำเป็นหม่อมฉันก็ไม่อยากทำเช่นนี้“หากท่านเป็นคนร่างข้อกล่าวหาของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ด้วยตนเอง อาจจะหลบเลี่ยงจากหนักเป็นเบาได้ แต่หากเป็นของหม่อมฉัน ทุกอย่างจะยังคงเดิม และจะสู้กันจนถึงที่สุด”ความรู้สึกของการถูกข่มขู่นั้นย่ำแย่โดยอย่างยิ่ง เซียวอวี้ถึงกับเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นเขาเหยียดกายลุกขึ้น ความรู้สึกกดดันรอบกายพัดโหมกระหน่ำออกไป ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็น บวกกับสีหน้าของเขาที่ดูน่ากลัวยิ่งนัก“เราตัดสินให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกเนรเทศแล้ว เจ้ายังมีสิ่งใดไม่พอใจอีก“เจ้าต้องการให้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 151

    เขาออกคำสั่งทันที “ทหาร ลากตัวฮองเฮา...” ทันใดนั้น ด้านนอกตำหนักมีคนมารายงาน “ฝ่าบาท ไทเฮามีรับสั่ง เรียกฮองเฮาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เซียวอวี้สีหน้าเย็นชา มองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียน เฟิงจิ่วเหยียนสงบนิ่งมิแปรเปลี่ยน ยืนหยัดดุจต้นสนและต้นไป๋ เห็นได้ชัดเจนว่า ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนการของนาง... นางวางแผนแม่นยำไม่เคยผิดพลาดจริง ๆ ด้วยแน่ใจว่าเขาจะต้องลงโทษ จึงไปแจ้งต่อไทเฮาไว้ก่อนแล้ว เซียวอวี้ดวงตาคมกริบหนาวเหน็บ กระจายกลิ่นไอสังหารอย่างน่าสะพรึงกลัว “ฮองเฮา เจ้าควรอธิษฐานภาวนา ให้เจ้าได้อยู่ในตำหนักฉือหนิงตลอดชีวิต” ไทเฮาสามารถปกป้องนางได้ระยะหนึ่ง แต่มิอาจปกป้องนางตลอดไป! เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันขอทูลลา” นางหันหลังเดินจากไป สีหน้าที่เคารพและยอมจำนนหายไปโดยพลัน กลายเป็นความเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งเหมันต์ ตำหนักฉือหนิง จันทน์หอมลอยอบอวล จนทำให้คนแสบตา ไทเฮามองดูฮองเฮาที่อยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มด้วยเมตตา “เจ้าวางใจเถอะ แม้ข้าปกป้องเจ้าตลอดไปไม่ได้ ทว่า เวลาไม่กี่วันย่อมทำได้ เพียงแต่... ”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 152

    หลังจากเซียวอวี้พูดจบ จึงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป หลิงเยี่ยนเอ๋อร์นอนคว่ำหน้าบนพื้น แขนยึดไปข้างหน้าอย่างหมดหนทาง สีหน้าดุร้ายบิดเบี้ยว “ไม่—— “ฝ่าบาท! ฝ่าบาทท่านอย่าทิ้งหม่อมฉันไป! “ฝ่าบาท!!!” เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ฝ่าบาทจะไม่ต้องการเลือดหัวใจนางได้อย่างไร! พิษวารีสวรรค์ของเขา ไม่มีผู้ใดสามารถขจัดได้มิใช่หรือ? เป็นเพราะอะไรกันแน่! หลิงเยี่ยนเอ๋อร์กำมือแน่น เบ้าตาแดงก่ำ หรือว่านางต้องถูกเนรเทศจริง ๆ “ไม่!!!”…… เซียวอวี้กลับมาที่ตำหนักจื้อเฉิน ใบหน้าหล่อเหลาดุจน้ำค้างแข็ง ไม่คลายลงอยู่นาน หลิวซื่อเหลียงปรนนิบัติด้วยความระมัดระวัง คอยสังเกตสีหน้าของฮ่องเต้ตลอดเวลา แม้ไม่แน่ชัดในรายละเอียดที่เกิดขึ้น แต่หลิงกุ้ยเหรินถูกเนรเทศ ฮ่องเต้ยังเขียนราชโองการสำนึกผิดด้วย เหตุการณ์หลายเหตุการณ์นี้ ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง เซียวอวี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะทรงงาน จรดพู่กันเขียนบทสวดชำระล้างจิตใจ นี่คือบทสวดที่นักฆ่าหญิงสอนให้ท่อง บัดนี้เขาต้องการให้จิตใจสงบเหลือเกิน ชายแดนยังไม่สงบ วังหลังก็เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 153

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไปที่ห้องข้าง ๆ ก่อน หลังจากทำให้เจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองหมดสติไป นางก็ค้นหาเอกสารทางการที่พวกเขาพกติดตัว รวมถึงหนังสือผ่านทางที่มีระบุจุดประสงค์ไว้หนึ่งฉบับ เป็นตามที่นางได้คาดไว้ เซียวอวี้ยังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่า ไม่อาจโหดร้ายกับนางได้ แม้ในนามเรียกว่าเนรเทศ หากความจริงให้โอกาสหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ได้มีทางรอด โดยจะให้นางได้เปลี่ยนแปลงตัวตนและเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วเวยเฉียงเล่า? เวยเฉียงมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือไม่? เฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกหนังสือผ่านทางจนไม่เหลือชิ้นดี ท่ามกลางเศษซากที่กระจัดกระจาย สะท้อนภาพแววตาอาฆาตดุเดือดของนาง... หลังจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา ก็พบว่านางอยู่ในสุสานศพไร้ญาติ รอบตัวนางล้อมด้วยซากศพที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปหมด ท่ามกลางความมืดยามราตรี ยังมีดวงตาสีเขียวสองสามคู่ ที่ผลุบโผล่อย่างรวดเร็ว เมื่อใช้มือคลำทาง สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เหนียวเหนอะหนะ นางจึงกรีดร้องออกมา “กรี๊ด!” นางผุดลุกขึ้นอย่างไว คิดจะหนี ทันใดนั้น มีแสงกระบี่พุ่งผ่าน ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างขาดที่ข้อเท้านาง ทันใดนั้นนางจึ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 918

    เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้เท้าเตะทหารศัตรูลงไป จากนั้นนำของที่อยู่ในมือโยนเข้าไป พร้อมเอ่ยถามหยิ่นเอ้อร์ที่อยู่ด้านข้างตอบสนองรวดเร็ว ใช้โล่ปิดปากหลุมไว้หลังจากนั้น ก็ได้ยินข้างใต้มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาในช่องทางใต้ดินฮ่องเต้เยี่ยนมีองครักษ์คอยคุ้มกันทั้งข้างหน้าข้างหลัง เดินมาถึงครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงผิดปกติดังขึ้นข้างหน้าเขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี“เกิดอะไรขึ้น!”ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นมา “ตัวต่อ! มีตัวต่อ! รีบวิ่ง! !”ฮ่องเต้เยี่ยน: !ตัวต่อ?ในใต้ดิน ตัวต่อมาจากไหน!เขาไม่ทันได้ครุ่นคิด ก็ถูกองครักษ์คุ้มกันถอยหลังกลับเดิมเส้นทางก็คับแคบ คนที่อยู่ข้างหลังดันไปข้างหน้า อยากที่จะหนีออกไปจากเมืองเซวียนโดยเร็ว คนข้างหน้าเพื่อหลบเลี่ยงตัวต่อ ถอยหลังจากหน้าไปหลัง คนสองกลุ่มในช่องทางลับมาเจอกัน ผลักดันซึ่งกันและกันทันใดนั้น ทุกคนถูกตัวต่อต่อยไปทั้งตัว เสียงร้องเจ็บปวดดังกึกก้องรอพวกเขาถอยกลับมาถึงเมืองเซวียน สภาพแต่ละคนย่ำแย่ไม่เป็นท่าฮ่องเต้เยี่ยนมีองครักษ์คอยปกป้อง ไม่ถูกตัวต่อทำร้ายทว่าเขากลืนความขุ่นเคืองนี้ไม่ลง“สารเลว! ตัวต่อมาจากไหน!”มีคนที่รู้เรื่อง “เป็นทห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 917

    ในตำหนักอ๋องแห่งหนานเจียงรุ่ยอ๋องถูกยกย่องให้เป็นแขกพิเศษอ๋องแห่งหนานเจียงยกจอกขึ้นมา พูดด้วยความปรารถนาดี“ข้ารู้อยู่แล้ว แคว้นหนานฉีมีแผนการใหญ่“รุ่ยอ๋อง ยามนี้แนวโน้มอิทธิพลแคว้นหนานฉีกำลังมาแรง ช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนเศษ ก็สามารถปราบกองกำลังเสริมได้เป็นแสนกว่า ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก!“คาดว่าไม่ช้า แคว้นหนานฉีก็จะสามารถขับไล่ทหารศัตรูไปได้หมดสิ้นแล้ว!”รุ่ยอ๋องไม่กระหยิ่มยิ้มย่อง เขาไม่ถือตัว ไม่หยิ่งผยอง“แคว้นหนานฉีสามารถทำลายล้างศัตรู มาจากความร่วมมือร่วมใจกัน“การศึกในตอนนี้ยังไม่แน่นอน ยังประมาทศัตรูไม่ได้”อ๋องแห่งหนานเจียงกับเสนาบดีมองตากันหลังจากนั้น เสนาบดีคนนั้นลุกขึ้นมา“รุ่ยอ๋อง แคว้นของท่านได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง เมฆครึ้มผ่านไปมองเห็นท้องฟ้าสีครามแล้ว กองทัพพันธมิตรเผ่าสุยเหอข้างนอกหนานเจียง ก็ล้วนล่าถอยแล้ว ท่านเห็นว่าหนานเจียง ไม่จำเป็นต้องมีทหารของท่านคอยเฝ้าปกป้องแล้ว ใช่หรือไม่?”สายตารุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปที่แท้ นี่ต่างหากที่เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหนานเจียง...อยากให้กองทัพหนานฉีถอนกำลังออกจากหนานเจียงรุ่ยอ๋องยิ้มแย้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน“ในเมื่อเป็น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 916

    จนมาถึงเดือนสาม สภาพอากาศเริ่มอบอุ่น ดอกไม้นับพันบานสะพรั่งทหารเสริมแต่ละแคว้นเข้ามาในชายแดนแคว้นหนานฉี ถูกเซี่ยวอวี้นำทัพล้อมปราบ “ใยแมงมุม” อยู่ข้างใต้ คนอยู่ข้างบน ยากที่จะป้องกันเหล่าทหารแต่ละแคว้นไม่เคยเห็นกลยุทธ์การต่อสู้เช่นนี้มาก่อน กลไกกับดักที่ “รอคอย” ทหารหนานฉีก็เคลื่อนไหวลึกลับการยุทธ์หัวใจอยู่ที่รวดเร็วเซียวอวี้นำทัพด้วยพระองค์เอง ทำอันใดเด็ดขาดเฉียบคมทางด้านเมืองเซวียนกองทัพพันธมิตรไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับทหารเสริมของแคว้นตนเองพวกเขาถูกขังสามเดือนแล้ว เสบียงอาหารยิ่งอยู่ยิ่งน้อย ไม่สามารถที่จะเลี้ยงทหารมากมายขนาดนี้แล้วปล่อยแบบนี้ต่อไป ต่อให้หาเจอขุมทรัพย์เมืองเซวียน พวกเขาก็ไม่มีชีวิตได้เสพสุขช่วงเวลานี้ พวกเขาลองที่จะเปิดกลไกกลอนประตูเมืองอย่างไรก็ตาม จำนวนคนมากกว่าห้าแสนคน กลับไม่มีใครสามารถเปิดกลไกได้ซ่านชุนพาเหล่าทหาร ใช้ค้อน ใช้มีด คิดอยากฟันทำลายประตูเมืองทว่ากลไกผนังเหล็ก แข็งแกร่งคงกระพันจวนจู้กั๋วกงฮ่องเต้เยี่ยนเห็นกับข้าวบนโต๊ะ ก็วางตะเกียบลงอย่างแรงพับ!เขาถามขึ้นมา“แค่นี้หรือ? เนื้อล่ะ!”องครักษ์ตอบ “ฝ่าบาท เสบียงอาหารในค่ายไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 915

    หัวใจทหารเสริมของแคว้นต้าเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวเมื่อคิดดูอีกที ถึงแม้ทหารหนานฉีมีศิลาหยก ทว่าฮ่องเต้ฉีมีกำลังทหารม้าเพียงกลุ่มเล็ก คิดอยากต่อสู้กับกองทัพแสนคนของพวกเขา? เหิมเกริมเกินไปหรือไม่!หลังจากนั้น ภาพที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้พวกเขายากที่จะลืมไปตลอดชีวิตเห็นเพียงทั่วทั้งพื้นดินแยกออก กองกำลังทหารเป็นหมื่น ๆ พัน ๆ จากทั่วสี่ทิศปรากฏตัวออกมาพวกเขาถูกล้อมแล้ว!ผู้นำทัพของแคว้นต้าเซี่ยตกตะลึงทหารที่อยู่ด้านหลังจับอาวุธไว้แน่น “แม่ทัพ! มีทหารซุ่มโจมตี!”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็น ราวกับวิญญาณน้ำค้างแข็งหนาวเหน็บ ไม่มีความสงสารเลยสักนิด“ผู้ที่ยอมจำนน จะไม่ถูกฆ่า”ทหารแคว้นต้าเซี่ยเตรียมหน้าไม้ ก่อตัวเป็นค่ายกลผู้นำทัพตะโกนขึ้นมา“ปฏิญาณตนไม่ยอมจำนน ฆ่าทหารหนานฉีให้สิ้น...”ท่าทีเซียวอวี้เยือกเย็น โบกมือ ค่ายกลธนูไกลออกไปที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก ถูกยิงออกมาอย่างนับไม่ถ้วน...ส่วนอีกด้านทางเหนือของแคว้นหนานฉีกองทัพเยี่ยนแสนนาย ก็เผชิญการซุ่มโจมตีเมิ่งฉวีนำกองทัพเป่ยจิ้ง มาปรากฏอย่างไร้ร่องรอย ข้างกายยังมีศิลาหยกชิ้นหนึ่งทหารเป่ยเยี่ยนรู้จักเมิ่งฉวี รู้สึกตกตะลึงกองทัพเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 914

    มือซ่านชุนสั่นเทา“อะไรนะ? ฆ่าคน?”สีหน้าทหารผู้น้อยคนนั้นขาวซีด คุกเข่าอยู่บนพื้น ชี้ไปทางด้านนอก พูดกับซ่านชุน“หลังจากทหารวิญญาณเหล่านั้นผ่านแดนไปแล้ว ได้ฆ่าคนของพวกเราไปหลายสิบคน พวกเขาตายอย่างอนาถ น่ากลัวมาก...แม่ทัพ เช่นนี้จะทำอย่างไรดี!”ซ่านชุนอึ้งตะลึงจะทำอย่างไรดี?เขาก็อยากรู้ว่าจะทำอย่างไรดี!เขาทำศึกต่อสู้กับคนมากว่าครึ่งชีวิต ล้วนต่อสู้กับคน เป็นครั้งแรกที่จะต่อสู้กับผีจวนจู้กั๋วกงองครักษ์พุ่งเข้ามาถึงในห้องหลัก“ฝ่าบาท! ทหารวิญญาณฆ่าคนแล้ว!”ฮ่องเต้เยี่ยนลุกขึ้นนั่ง ได้ยินว่าทหารวิญญาณฆ่าคน เขาตาแดงขึ้นมาทันที“เราบอกแล้ว! ผีขวางฆ่าผี! ฆ่าทหารวิญญาณเหล่านั้นให้หมด!”ฮ่องเต้เยี่ยนบ้าคลั่ง ทุกคนล้วนรู้ดีทว่าคิดไม่ถึง เขาบ้าถึงขั้นจะต่อสู้กับผีองครักษ์เรียนตอบ“ฝ่าบาท นั่นคือทหารวิญญาณ ปรากฏตัวออกมาให้เห็น แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเราจับตัวไม่ได้ พวกเขาฆ่าทหารเวรยามหน่วยเล็กของพวกเราหนึ่งหน่วย พริบตาเดียวก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว ไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไร!”แววตาฮ่องเต้เยี่ยนเยือกเย็นหรือเมืองเซวียนนี้ มีผีจริง ๆ ?ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด มือลูบตรงเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 913

    เสียงร้อง “มีผี” ทำให้ทหารเวรยามดึกตกใจขนลุกขึ้นมาเห็นเพียง ในเมืองเซวียน เดิมพื้นที่ว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ ปรากฏทหารจำนวนมาก!ทหารเหล่านั้นสวมเสื้อเกราะแคว้นหนานฉี ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงภายใต้เสียงฟ้าร้อง ไฟผีสีเขียวพวยพุ่งออกมาตามร่างกายบนกำแพงเมือง มีคนกรีดร้องขึ้นมาอย่างตกใจ“ทหารวิญญาณ! เป็นทหารวิญญาณ! !”ข่าวลือเกี่ยวกับทหารวิญญาณยืมเส้นทาง แต่ละแคว้นล้วนเคยได้ยินแม้นมีคำกล่าวว่า หากมิกระทำเรื่องละอายใจ ก็ไม่ต้องกลัวผีมาเคาะประตูกลางคืนความจริงแล้ว นอกจากพวกที่กระทำเรื่องละอายใจ คนขี้ขลาดก็กลัวผีบนโลกนี้ คนขี้ขลาดมีจำนวนมากกว่าเห็นทหารวิญญาณยืมเส้นทาง เหล่าทหารเฝ้าเวรยามดึกสั่นเทา คนที่กล้าหาญรีบไปรายงานแม่ทัพทหารวิญญาณมากมายขนาดนั้น แต่ละคนสีหน้าขาวซีด เห็นแล้วทำให้คนขนลุกหลังจากซ่านชุนได้ยินเรื่องนี้ ก็รีบสวมเสื้อเกราะ ออกไปตรวจดูสถานการณ์เขาก็ไม่เคยเห็นทหารวิญญาณด้วยตาตนเองเมื่อเห็นทหารหนานฉี ที่เดินอยู่อย่างประหลาดเหล่านั้น ชายร่างโตแท้ ก็ตกใจจนสีหน้าขาวซีดเขาพยายามสงบสติอารมณ์ สั่งการทหารภายใต้บังคับบัญชา“ทุกคนหันหน้าไป หลับตา ไม่ต้องมองพวกเขา!”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 912

    ใครเป็นคนลงกลอนประตูเมือง?เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่การกระทำของคนของพวกเขาเองซึ่งก็หมายความว่า ท่ามกลางพวกเขา มีไส้ศึกของทหารหนานฉีปะปนอยู่!พวกกองทัพพันธมิตร รู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง!หลังจากตกตะลึง ก็ต่างสงสัยกันขึ้นมาเผ่าสุยเหอตำหนิแคว้นต้าเซี่ย ที่นำกองทัพพันธมิตรตงปู้“ไส้ศึกคนนั้นจะต้องซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า! มีเพียงพวกเจ้าที่ได้ต่อสู้กับกองทัพตงจิ้ง! พวกเราล้วนไม่ได้ผ่านทางชายแดนใต้”ซ่านชุนรีบโต้กลับ “กองทัพพันธมิตรเป่ยเยี่ยน ก็ได้รับมือกับทหารหนานฉีเหมือนกัน อีกทั้ง แม้ว่าพวกเจ้ามาจากทางทิศใต้ ก็อาจมีไส้ศึกปะปนอยู่ได้ เป็นที่น่าสงสัยเหมือนกัน!”เวลานี้ฮ่องเต้เยี่ยนกลับใจเย็นลงเขาขัดจังหวะการถกเถียงของพวกเขา“มิต้องทะเลาะกันแล้ว! ทะเลาะกันจนเราปวดศีรษะ!“ไม่ว่าไส้ศึกจะอยู่ที่ใด สิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้คือต่อต้านศัตรู!“กลไกประตูเมืองเซวียนลงกลอนแล้ว พวกเราออกไปไม่ได้ ทหารหนานฉีก็โจมตีเข้ามาไม่ได้ จะต้องกลัวอันใด!”คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผล กลับอดคิดอย่างละเอียดไม่ได้ซ่านชุนมีประสบการณ์ทำศึกอยู่บ้าง จึงถามกลับ“ฮ่องเต้เยี่ยน คงมิใช่ว่าจนถึงตอนนี้แล้วท่านยังไม่ตระ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 911

    ข้างนอกเมืองเซวียน ลมเย็นหนาวเหน็บ เหล่าทหารหนานฉีนับแสนถืออาวุธต่าง ๆ ในมือ พร้อมร้องเพลงของทหารเสียงนั้นกึกก้องดังสนั่นทั่วเมืองเซวียน ราวกับสัตว์ร้ายยักษ์ถูกกักขัง อดใจรอไม่ไหวที่จะหลุดออกจากกรง ส่งเสียงคำรามกึกก้อง แผ่นดินเมืองเซวียนถึงกับสั่นสะเทือนเฟิ่งจิ่วเหยียนขี่ม้าศึก ภายใต้ชุดเกราะ ร่างกายเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่นางมองกำแพงเมืองตรงหน้าอย่างเยือกเย็นกลกลอนปิดตายของประตูได้ทำงาน คนที่อยู่ข้างใน ใครก็ล้วนหนีไม่พ้น...บนหอประตูเมืองซ่านชุนจมอยู่ในความตกตะลึง เป็นเวลานานจึงได้สติกลับมาสีหน้ารองขุนพลด้านข้างเขา ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน“ท่านแม่ทัพ นั่นล้วนเป็นกองทัพตงจิ้ง เหตุใดพวกเขาถึง...มาปรากฏในเมืองเซวียน? !”หรือว่าบินมา?ฮ่องเต้เยี่ยนได้ยินว่าข้างนอกมีกองทัพตงจิ้ง ก็กราดเกรี้ยวทันที ยกมือคว้าจับคอเสื้อซ่านชุน เอ่ยถามอย่างโกรธจัด“เจ้าบอกว่า กองทัพตงจิ้งถูกขังอยู่ในกานโจว ออกมาไม่ได้ไม่ใช่หรือ!“เกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้!“ซ่านชุน นี่คือผลงานของเจ้า! !”ซ่านชุนใจคอไม่ดี พูดอะไรไม่ออกในทันทีกองทัพพันธมิตรเผ่าสุยเหอที่อยู่ข้างหลัง ฉวยโอกาสซ้ำเติม หัวเราะเย้ย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 910

    ไม่กลัวศัตรูที่เก่งกาจ กลัวแต่เพื่อนร่วมงานที่โง่เขลา ถึงแม้ซ่านชุนจะต้องการศิลาหยกของหนานฉีมากเพียงใด ก็ยังตระหนักถึงความสำคัญในหน้าที่ของแต่ละคน เขาเป็นผู้ที่บุกยึดด่านเฉาอวี๋ได้ และบุกเข้าสู่หนานฉีอย่างสง่าผ่าเผย กองกำลังพันธมิตรเผ่าสุยเหอคืออะไร? ไม่สามารถโจมตีเอาชนะได้ กลับจะมาเอาเปรียบกองทัพพันธมิตรตะวันออกของพวกเขา โดยไม่ลงแรงสักนิด! เมื่อคิดเช่นนี้ ซ่านชุนยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก ทว่าคนเหล่านั้นมุ่งตรงมาที่นี่แล้ว มิอาจขับไล่ออกไปได้ เขาทำได้แค่ออกคำสั่ง “ทุกคนจงฟัง แม้จะไม่กินไม่ดื่ม ก็ต้องเร่งรีบออกเดินทาง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไปถึงเมืองเซวียนก่อนแคว้นอื่น!” “ขอรับ!” …… กานโจว กองทัพพันธมิตรของต้าเซี่ยล้อมรอบเมือง พลางจ้องมองไปที่กองทัพตงจิ้งของหนานฉี หารู้ไม่ว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนได้นำกองทัพใหญ่ออกไปแล้ว ผ่านช่องทางลับ “ใยแมงมุม” โดยเหลือเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ ไว้ เพื่อสร้างภาพลวงว่ากานโจวเต็มไปด้วยกองกำลังทหาร ที่ตอบโต้ศัตรูได้ ช่องทางลับใต้ดินนี้ ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางตรง กองทัพตะวันออกจึงเดินทางมาถึงเมืองม่อแล้ว ที่นี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status