แชร์

บทที่ 115

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ในช่วงเวลาวิกฤติ เฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าจับเสาไม้นั้น ใช้มันเป็นเครื่องช่วยในการพลิกหมุนตัว

ชายอาภรณ์พลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ วาดเป็นภาพโค้งที่สมบูรณ์แบบ

ทันใดนั้น นางกระโดดมาตรงหน้าขวยโต่ว ดึงสายคาดเอวของเขาออกในทันที

พวกสตรีที่มาชมการประลอง รีบหลับตาหันหน้าไป

แต่มีระยะห่างอยู่ช่วงหนึ่ง พวกนางก็มองเห็นไม่ชัดเจน

รู้เพียงว่าสายคาดเอวของขวยโต่วถูกกระชาก ตกอยู่ในมือของเฟิ่งเหยียนเฉิน เป็นเหมือนกับแส้ยาว

เซียวอวี้ขมวดคิ้วเข้ม

กระชากสายคาดเอว

บังเอิญมาก นักฆ่าสาวคนนั้นก็เคยใช้กระบวนท่านี้กับเขา

ทุกคนล้วนแปลกประหลาดใจ เฟิ่งเหยียนเฉินกระชากดึงสายคาดเอวของขวยโต่ว คิดอยากทำอะไร?

แม้แต่ขุนพลสามคนที่อยู่ใกล้เวทีประลองที่สุด พวกเขาก็ดูไม่เข้าใจ

หรือเพื่อทำให้ขวยโต่วอับอายขายหน้า?

หรือฉวยโอกาสจู่โจม ตอนที่ขวยโต่วปล่อยเสาไม้ ดึงกางเกงขึ้นมา?

……

เฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ข้างหลังขวยโต่ว ขวยโต่วไม่ทันสนใจดึงกางเกง ยกเสาไม้ขึ้นมา โจมตีไปข้างหลัง

เพียงพริบตาเดียว เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้สายคาดเอวของเขาฟาดเสียงดัง “ซัว ซัว” หลายที ทันใดนั้นมือของเขาก็ถูกมัดไว้กับเสาไม้

“วิเศษมาก!” แม่ทัพเฉินที่อยู่ข้างล่างพู
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 116

    เงาร่างสูงของเซียวอวี้ แทบบดบังแสงแดดตรงข้างประตูบนโต๊ะภายในห้องมีหน้ากากทาสคุนหลุนใบนั้นวางอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาผอมเรียวของเซียวอวี้ ปกคลุมไปด้วยความดุร้าย สายตาจับจ้องมองดูเงาร่างข้างหลังม่านเขาต่อสู้กับนักฆ่าสาวคนนั้นหลายครั้งกระบวนท่าของนาง ฝังแน่นอยู่ในความจำลึกล้ำของเขาการเคลื่อนไหวหลายอย่างของเฟิ่งเหยียนเฉินเมื่อกี้นั้น เป็นเหมือนกับนางอย่างมาก!เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ เขาต้องมายืนยันด้วยตาตนเอง!ภายใต้ชุดคลุมมังกร ชายหนุ่มก้าวเท้ายาวออกไปอย่างรวดเร็วเขาเดินเข้าไปในอีกทางด้านหนึ่งของม่าน เอื้อมแขนยาวออกไป…วินาทีนั้น สายตาสองคู่ประสานกันเฟิ่งเหยียนเฉินถูกคว้าจับแขน เผยไหล่ขวาออกมาครึ่งหนึ่ง: ! ?“ถวายบังคมฝ่าบาท!”เฟิ่งเหยียนเฉินไม่ทันได้ดึงอาภรณ์ขึ้น รีบก้มศีรษะถวายบังคมก่อนคิ้วเข้มเยือกเย็นชาของเซียวอวี้ ขมวดชนกันแน่นเป็นเส้นตรง ดวงตาทั้งคู่ดำเข้ม เหมือนเมฆครึ้มก่อตัวรวมกัน“ที่นี่ มีเจ้าคนเดียว?”เฟิ่งเหยียนเฉินไม่เข้าใจ“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”เวลานี้หลิวซื่อเหลียงตามเข้ามา เห็นฝ่าบาทคว้าจับอาภรณ์คุณชายตระกูลเฟิ่งที่สวมอาภรณ์ไม่เรียบ สายตานั้น เหมือนจะกลื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 117

    แววตาเซียวอวี้เยือกเย็นลึกล้ำวังหลังไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่เพียงเพื่อป้องกันวังหลังกับส่วนหน้าสมรู้ร่วมคิด ส่งผลให้เกิดเผด็จการในหมู่ญาติ ยังเป็นเพราะว่า ส่วนใหญ่สตรีวังหลังไม่มีความรู้ ปกติวางแผนเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานก็ช่างเถอะ โอกาสในที่เป็นทางการนั้น ล้วนไม่รู้จักกาลเทศะในขณะที่เซียวอวี้กำลังจะพูดกู้สถานการณ์ให้กลับมาสมดุล เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยว่า “กุ้ยเฟยพูดผิดไปแล้วจริง“เหนือคนยังมีคน เป็นคุณความดีของคนเพียงคนหนึ่ง“ทว่าความจริง ทหารพันหมื่นที่ชายแดนล้วนเป็นชายชาตรี ผลงานการต่อสู้นั้นไม่สามารถได้มาเพราะคนคนเดียว เหมือนอย่างเมื่อครู่ หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้ามีหลายคนบั่นทอนกำลังกายของขวยโต่ว ทำให้เขาเผยถึงจุดด้อย พี่ชายของข้าก็คงไม่สามารถที่จะเอาชนะเขาได้ไวขนาดนี้“ยังไงพวกท่านก็ส่งคนมาเพียงคนเดียว ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าแคว้นหนานฉี เอาชนะได้เพราะจำนวนคนมากกว่า“ที่ผ่านมากองกำลังทั้งสองต่อสู้กัน แคว้นหนานฉีก็ใช้กองกำลังนับแสน ต่อสู้กับกองกำลังรัฐเหลียงเก้าหมื่นเช่นกัน แม้รัฐเหลียงจะพ่ายแพ้แต่ก็ยัง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 118

    เฟิ่งเหยียนเฉินร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมในตอนนี้ ทำเอาทุกคนตกใจคดีเมื่อสองปีก่อน เขานำกลับมาพูดในตอนนี้? ผ่านไปตั้งนานขนาดนั้นแล้ว ยังจะสืบชัดเจนได้อย่างไร?เซวียฉือพูดโต้เถียงขึ้นมาทันทีว่า“คุณชายใหญ่เฟิ่ง เจ้ามีความคับข้องใจอะไร ก็ควรไปร้องทุกข์ที่ศาลต้าหลี่ ตอนนี้มาร้องทุกข์ต่อหน้าพระพักตร์ คนไม่รู้จะคิดว่ากฎหมายแคว้นหนานฉีเราไม่เข้มงวด!”คนบ้าคนนี้! เขาคิดอยากทำอะไร?นายท่านเฟิ่งก็คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งเหยียนเฉินจะทำเช่นนี้เขารีบลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท บุตรชายของกระหม่อมไม่มี...”เฟิ่งเหยียนเฉินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า“เมื่อสองปีก่อน กระหม่อมได้รับมอบหมายให้นำส่งอาหารบรรเทาสาธารณภัย เดินทางผ่านโป๋โจว ถูกกลุ่มโจรซุ่มโจมตี...”เซวียฉือกระโดดออกมาทันที พร้อมพูดขึ้นมาอย่างขุ่นเคืองว่า“เฟิ่งเหยียนเฉิน ยังกล้าพูดถึงเรื่องนั้นอีก!“ไม่ใช่เพราะเจ้าคาดการณ์ผิด มุ่งมั่นที่จะเดินเส้นทางนั้น พวกพี่น้องก็จะไม่ต้องตาย!”เขาชิงพูดโจมตีขึ้นมาก่อน บ่งชี้ว่าเป็นความผิดของเฟิ่งเหยียนเฉินเหล่าขุนนางหวนคิดถึงเรื่องนี้ ต่างก็พูดวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา“ที่แท้ก็เป็นเรื่องน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 119

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดเสร็จ ก็นำจดหมายเหล่านั้นออกมาให้พวกมันตกอยู่ในมือของเซียวอวี้ เขาเปิดอ่านทีละฉบับเซวียฉือกับผู้ตรวจสอบยืนนิ่งอยู่กับที่ เงียบกลั้นหายใจ ไม่กล้ามองสบตากันเลยโดยเฉพาะเซวียฉือเขาพูดกับตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า...เป็นของปลอม ล้วนเป็นของปลอม ฮองเฮากับเฟิ่งเหยียนเฉินหลอกลวงเขา!ปัง!เซียวอวี้เอาจดหมายฟาดบนโต๊ะ แววตาเย็นวาบเต็มไปด้วยรัศมีสังหาร“พวกเจ้าสองคน คุกเข่าลง!”ทั้งสองคนเขาอ่อนทันที รีบคุกเข่าลงบนพื้นจากนั้น ข้าหลวงนำจดหมายวางตรงหน้าพวกเขา ให้พวกเขาดูด้วยตนเอง เป็นการใส่ร้ายพวกเขาหรือไม่หากเป็นการใส่ร้าย ก็จะสั่งให้คนมาเทียบลายมือเซวียฉือกวาดสายตามองดู ทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นไปทั้งหลัง เหมือนแสงแทงข้างหลังนี่เป็นไปได้อย่างไร!จดหมายพวกนั้น เขาเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี ไม่มีใครหาเจอเซวียฉือไม่แล้วใจ หยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมา ตรวจสอบไปมาหลายรอบ สงสัยว่ามีคนปลอมแปลงแต่ยิ่งดูก็ยิ่งใจหายของจริง! ล้วนเป็นของจริง!เช่นนั้นเขาก็ต้องจบแน่แล้ว...เดี๋ยวก่อน ในจดหมายพวกนี้ ล้วนไม่เป็นผลดีกับผู้ตรวจสอบใต้เท้าวัง เขายังมีโอกาสรอด!หัวสมองเซวียฉือหมุนวนอย่างร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 120

    ได้ยินว่าลงทัณฑ์ประหารแล่เนื้อ เหล่าขุนนางล้วนสะดุ้งสั่นเทาตามกฎหมาย ความผิดของทั้งสองคนไม่ถึงขั้นนั้นเซวียฉือกับผู้ตรวจสอบ ยิ่งตกตะลึงหวาดกลัวไม่! ตอนนั้นเฟิ่งเหยียนเฉินก็เพียงแค่ถูกลดตำแหน่ง ทำไมพอถึงพวกเขากลับถึงขั้นลงทัณฑ์ประหารแล่เนื้อ!“ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต ฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตด้วย...”เซวียฉือคลานไปหาเฟิ่งเหยียนเฉิน พร้อมกอดขาเขาไว้แน่น“เหยียนเฉิน สหายเหยียนเฉิน เจ้าช่วยข้าด้วย เราเคยเป็นสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา...”เซวียฉือที่เมื่อวานยังโอหังอวดดี ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนสุนัขเฟิ่งเหยียนเฉินเกลียดชังเซวียฉือกับใต้เท้าวัง แทบอยากจะฆ่าพวกเขาด้วยมือตนเองเผชิญกับการร้องขอของเซวียฉือ เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า“เจ้าหักหลังพวกพี่น้อง ตอนที่ใช้ชีวิตพวกเขาแลกกับอนาคต ทำไมถึงไม่เคยคิดว่า พวกเราเป็นสหายที่ดีต่อกัน!“เซวียฉือ เจ้าสมควรตายยิ่งกว่าใต้เท้าวัง!”สีหน้าเซวียฉือเหมือนมะเขือโดนน้ำค้าง พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ไม่ ไม่! เจ้าจะไม่ช่วยข้าไม่ได้...เหยียนเฉิน เจ้าลืมแล้วหรือ เราเคยดื่มเหล้าด้วยกัน เจ้ายังเคยพูดว่า พวกเราจะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันไปชั่วชีวิต...”เหล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 121

    กุ้ยเฟยสลบ จึงถูกส่งตัวกลับไปที่ตำหนักหลิงเซียวหมอหลวงฝังเข็มให้หลายเข็ม นางก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเซียวอวี้เผยสีหน้ากังวลออกมา หมอหลวงกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระนางได้รับบาดเจ็บหนักยังไม่หายดี จึงเกิดภาวะโลหิตไม่ไหลเวียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงต้องพักฟื้น…”ณ ตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่หน้าคันฉ่อง ถอดปิ่นปักผมทีละชิ้นอย่างช้า ๆเหลียนซวงคอยปรนนิบัติรับใช้นาง ใจยังรู้สึกหวาดหวั่นไม่หาย“พระนาง ท่าน…ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ ใช่ไหมเพคะ?”“ขวยโต่วผู้นั้นแข็งแกร่งเอาเรื่อง ท่านไม่ต้องให้หมอหลวงมาดูจริงหรือเพคะ?”กล่าวจบนางก็รู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วหากให้หมอหลวงเห็นบาดแผลของพระนาง ไม่เท่ากับเป็นการเปิดเผยตัวตนของพระนางหรือเฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาก่อเกิดไอเยือกเย็นหนาบาง“เรื่องที่ข้าลงสนามประลอง ห้ามบอกให้ผู้ใดรู้เด็ดขาด”เหลียนซวงรีบพยักหน้า“เพคะ! พระนาง”นางรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูดไม่นานนัก ขันทีจากห้องทรงพระอักษรก็มากราบทูล“ฮองเฮา ฝ่าบาททรงเรียกท่านไปสอบถามพ่ะย่ะค่ะ…”เหลียนซวงมือสั่นอย่างร้อนตัว“พระนาง คงไม่ใช่ว่าฝ่าบาท…”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 122

    ภายในคุกหลวง เซวียฉือถูกขังเดี่ยวอยู่ในที่แห่งหนึ่งยามเห็นเฟิ่งเหยียนเฉิน เขาจึงคุกเข่าอ้อนวอน“เหยียนเฉิน เจ้าช่วยข้าออกไปเถอะนะ! ได้โปรด ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ เห็นแก่มิตรภาพหลายปีที่ผ่านมาของเรา เจ้าปล่อยข้าออกไปได้หรือไม่?“หาก…หากเจ้าช่วยข้าออกไปไม่ได้ ก็ช่วยจบชีวิตข้าไปเลย!“ประหารแล่เนื้อมันน่ากลัวเกินไป ข้าไม่อยากถูกกระทำเช่นนั้น!”คนที่เคยเหยียดหยามตนเอง ตอนนี้มาคุกเข่าขอร้องอ้อนวอน เดิมเฟิ่งเหยียนเฉินควรที่จะรู้สึกสะใจ แต่เขากลับรู้สึกโศกเศร้า“เจ้าไม่อยากโดนประหารแล่เนื้อ ไม่อยากตาย แล้วพวกอาไฉอยากตายหรือไม่!“พวกเขาบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้น! หากปล่อยเจ้าไป ข้าจะทวงความยุติธรรมให้ดวงวิญญาณพวกเขาได้อย่างไร!“เซวียฉือ เจ้าทำร้ายผู้คนที่เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกันกับเจ้าจนตาย เพื่อปีนป่ายขึ้นที่สูง มันคุ้มค่าแล้วหรือ?“พวกเราเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน“ข้าคิดว่า เราจะเห็นอกเห็นใจกัน“แต่ทำไมต้องทำเช่นนั้น ทำไม!”เฟิ่งเหยียนเฉินจับประตูกรงขังไว้ นัยน์ตาแดงฉานเหล่าเพื่อนพ้องมากมาย ล้วนถูกเซวียฉือทำร้ายจนตายเขาต้องการคำตอบจริง ๆ เซวียฉือชะงักนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งเหย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 123

    ภายในห้องทรงพระอักษร เซียวอวี้แผ่ซ่านกลิ่นอายดุร้ายน่าเกรงขาม แววตาวาวโรจน์ดุจแสงดาว บนโต๊ะทรงงานตรงหน้า มีใบรับคำสารภาพของเซวียฉือวางบนนั้นเขามองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างสำรวจ จากนั้นก็ออกคำสั่งกับราชองครักษ์เฉินจี๋“นำตัวเซวียฉือมาสอบสวน เราจะสอบปากคำเขาด้วยตนเอง”ไม่นาน เซวียฉือก็ถูกนำตัวเข้ามาเมื่อได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท เขาก็คุกเข่าอย่างว่องไว ร่างกายสั่นสะท้าน“กระหม่อม…กระหม่อม ถวายบังคมฝ่าบาทและฮองเฮา!”เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ด้านข้าง แววตาเย็นชาเซียวอวี้ซักถาม“ใบรับคำสารภาพนี้ เจ้าเป็นคนเขียนด้วยตนเอง?”ในใบรับคำสารภาพ ไม่เพียงแต่สารภาพโทษต่าง ๆ ที่เขาเคยทำร้ายเฟิ่งเหยียนเฉินเมื่อสองปีก่อน และเคยติดสินบนใต้เท้าวัง ทั้งยังสาวตัวไปถึงกุ้ยเฟยด้วยสองปีมานี้ หลังจากที่เซวียฉือรับตำแหน่งชานเจี้ยงในกองทัพ ก็รีดเงินโดยมิชอบมากมาย ครึ่งหนึ่งให้สินบนแก่ใต้เท้าวัง อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือได้ส่งให้ตำหนักหลิงเซียวส่วนรายรับรายจ่ายโดยละเอียด มีบันทึกไว้ในสมุดบัญชีลับของจวนเขา นอกจากนี้ เขายังฟังคำสั่งของกุ้ยเฟย ก่อนจะจัดพิธีต้อนรับ ได้วางแผนทำให้เฟิ่งเหยียนเฉินบาดเจ็บที่แขน เพื่อให้เฟิ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 334

    เหล่าราชทูตถูกเชือกมัดรอบเอวและดิ้นไม่หลุดเมื่อเห็นม้าเริ่มวิ่งเร็วขึ้น พวกเขาจำต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอด สองขาจะวิ่งแซงสี่ขาได้อย่างไร ผ่านไปสักพักพวกเขาก็ล้มลงกับพื้น และถูกกระชากลากถูทั้งเป็น ถึงแม้จะเป็นพื้นทราย พวกเขาก็ไม่อาจทนรับความทรมานได้เช่นกันหลังจากวิ่งไปสองสามรอบก็มีเสียงกรีดร้องของผู้คนที่รายล้อมอยู่ด้านบนสนามอาภรณ์ของพวกเขาถูกขูดจนฉีกขาด ส่วนเนื้อหนังก็ถูกครูดจนถลอก บนพื้นยังมีร่องรอยของคราบเลือด... พวกเขายังคงร้องขอความเมตตา“ฮ่องเต้ฉี! ฮ่องเต้โปรดไว้ชีวิตด้วย!” “ฮ่องเต้ฉี...กระหม่อมมิกล้า...กระหม่อมมิกล้าแล้ว!” ราชทูตที่เหลือเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขารู้สึกว่าโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้พูดมาก เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินการร้องขอความเมตตาของคนเหล่านั้นเขาดื่มสุราและกินอาหารตามเดิม เขาไม่กลัวแม้แต่น้อยว่าจะร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตทว่าบรรยากาศของงานเลี้ยงเริ่มคุกรุ่น ผู้คนแทบไม่กล้าหายใจ ยกเว้นแต่หร่วนฝูอวี้ ถึงแม้ราชทูตหนานเจียงของนางจะอยู่ในสนามม้าด้วย นางยังคงกินดื่มตามเดิมโดยไม่รู้สึกหนักใจแม้แต่น้อย ทั้งยังให้นางกำนัลเติมสุราให้อีก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 333

    เมื่อเห็นว่าแคว้นตนเสียประโยชน์ เหล่าขุนนางของหนานฉีก็คัดค้านทันที“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! อย่าว่าแต่เหมืองหินเซวียนอิงที่ยังขุดไม่สำเร็จ หินเซวียนอิงที่ได้ก็ยังไม่รู้จำนวนเป็นที่แน่นอนด้วย ถึงแม้จะได้ปริมาณมากพอ แต่นั่นก็ต้องแจกจ่าย นี่ก็ต้องแจกจ่าย เกรงว่าจะเหลือเพียงน้อยนิด!”“กระหม่อมเห็นด้วยกับข้อเสนอ! นี่ไม่เท่ากับทำงานหนักโดยเสียเปล่าให้กับแคว้นอื่นหรอกหรือ?”เหล่าราชทูตสีหน้าดูไม่พอใจ และโต้แย้งกลับทันที“เหตุใดต้องทำงานหนักโดยเสียเปล่า แคว้นจ้าวของเรายินดีจ่ายห้าแสนตำลึงเป็นค่าแรงช่าง!”“ฮ่องเต้ฉี เป่ยเยว่ก็ยินดีจ่ายเงินห้าแสนตำลึงเช่นกัน!”ขุนนางอาวุโสผมขาวโพนผู้หนึ่งของหนานฉีโมโหโกรธเกรี้ยว “นี่เป็นปัญหาเรื่องเงินทองรึ! สิ่งล้ำค่าอย่างหินเซวียนอิงมีมูลค่าเท่าใด? เชื่อว่าพวกเจ้าต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ!”แน่นอนว่าพวกเขารู้หินเซวียนอิงเป็นของหายากมีจำนวนน้อยหลายร้อยปีมานี้มีเฉพาะที่แคว้นเป่ยเยี่ยนเพียงแห่งเดียวเท่านั้นเนื่องจากแคว้นเป่ยเยี่ยนอุดมด้วยหินเซวียนอิง จึงได้หลอม “มังกรไฟ” ที่ทรงพลังขึ้นมา ในสมรภูมิรบไม่มีสงครามครั้งใดพ่ายแพ้ จนกลายเป็นแคว้นมหาอำนาจอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 332

    หร่วนฝูอวี้มองฮองเฮาหนานฉีที่อยู่ในตำแหน่งสูงอย่างพินิจพิเคราะห์ฮองเฮาผู้นี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนหันหน้าไปมองเซียวอวี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยท่าทางของเขาดูเฉยเมย ราวกับว่านั่งเฉย ๆ รอดูเสือต่อสู้กันจากบนภูเขา ราชทูตหนานเจียงกลับทอดสายตามายังฮองเฮา“ฮองเฮา ท่านคิดว่าสตรีผู้นี้เป็นเช่นไร?”เหล่าพระสนมพากันมองมาทางเฟิ่งจิ่วเหยียน ในความเห็นส่วนตัว พวกนางหวังว่าฮองเฮาจะปฏิเสธราชทูตหนานเจียงผู้นี้สตรีในวังหลวงนั้นมีมากพอแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนย้อนถามราชทูตด้วยท่าทีเคร่งขรึม“ข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบใจ แต่ให้นางมาเป็นบ่าวรับใช้ข้า จะไม่ทำให้นางลำบากใจหรือ?”แววตาของราชทูตหนานเจียงพลันเปลี่ยนไปบ่าวรับใช้?พวกเขาไม่ได้หมายความเช่นนั้น!เมื่อหร่วนฝูอวี้ได้ยิน นางก็ยกยิ้มมุมปากหากเทียบกับฮ่องเต้ฉีผู้นั้น นางชอบฮองเฮาผู้นี้มากกว่าจะพูดอย่างไรดี รู้สึกตรงใจอย่างมาก ราชทูตหนานเจียงยังคงตรึกตรองการมอบหร่วนฝูอวี้ให้กับฮ่องเต้ฉีก็เพื่อให้นางทำลายชะตากรรมของหนานฉี และลอบสังหารจักรพรรดิอย่างเงียบ ๆหากนางเป็นบ่าวรับใช้ของฮองเฮา นางจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้อย่างไร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 331

    การแต่งกายของราชทูตหนานเจียงแตกต่างจากแคว้นอื่น บุรุษจะมีรอยสักเป็นรูปสัญลักษณ์ทางความเชื่ออยู่บนใบหน้า สตรีจะมีผ้าคลุมหน้า และสวมเสื้อตัวสั้นเผยให้เห็นบั้นเอวเล็กพวกเขาเป็นชนเผ่าต่างถิ่น ชำนาญการเลี้ยงแมลงมีพิษ และมีธรรมเนียมปฏิบัติแปลกประหลาด ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในหลายแคว้นดูจากที่พวกเขาเข้ามาในท้องพระโรง ผู้คนพากันหลบหลีกแทบไม่ทัน บรรยากาศสรวลเสเฮฮาแต่เดิมพลันหยุดชะงัก สายตาที่ทอดมองไปแฝงด้วยการดูหมิ่นและการรังเกียจโดยเฉพาะสตรีที่เผยบั้นเอวผู้นั้น ช่างขัดต่อจารีตประเพณีเสียจริง!“กระหม่อมถวายบังคมฮ่องเต้ฉี!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตาของนางพลันฉายแววความประหลาดใจแวบหนึ่งในบรรดาราชทูตหนานเจียงมีสตรีเพียงคนเดียวสตรีผู้นี้ก็คือหร่วนฝูอวี้ที่นางเพิ่งส่งกลับไปเมื่อสองวันก่อน!หร่วนฝูอวี้อยู่ในชุดสีแดง ผ้าคลุมบนใบหน้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ใบหน้าพิลาศล้ำดวงนั้นมองเห็นไม่ชัดเจนดวงตาของนางมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทำให้คนที่มองรู้สึกอ่อนระทวย งุนงง และคลั่งไคล้ขึ้นมาทันทีเหล่าบุรุษด้านหนึ่งก็ตำหนิว่านางไม่รู้จักกาละเทศะ แต่อีกด้านหนึ่งก็อดจ้องมองนางไม่ได้สีหน้าของเฟิ่ง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 330

    จดหมายของเวยเฉียงเรียบง่ายอย่างมาก ใช้ภาษาไม่ต่างจากเด็ก เขียนบรรยายเรื่องราวในชีวิตประจำวันแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับอ่านอยู่นานนางรู้ อาการป่วยของเวยเฉียงยังไม่หายดี แต่หากมีความสุขเรียบง่ายเช่นนี้ต่อไปได้ ก็นับว่าดีแล้ว……ชายแดนเหนือณ เซียวเหยาจวีเฟิ่งเวยเฉียงมีผ้าคลุมสีเงินผืนใหญ่คลุมบนไหล่ นั่งอยู่บนชิงช้าบริเวณชานเรือนอย่างเหม่อลอย เมื่อใดที่ได้นั่งก็มักจะนั่งเป็นเวลานานไฉ่เยว่ผู้เป็นสาวใช้คอยเฝ้าไม่ห่างกาย ส่วนซ่งหลีวุ่นอยู่กับยาสมุนไพรต่าง ๆ ข้างในเรือนที่นี่ไม่มีคนนอกเข้ามายุ่งวุ่นวาย  ชีวิตจึงสงบสุขทุกวันเมื่อไฉ่เยว่ป้อนยาเฟิ่งเวยเฉียง นางก็ยอมอ้าปากอย่างเชื่อฟังแต่นางจะมองไปยังเบื้องหน้าตลอดเวลา ไม่สบสายตากับผู้ใดทั้งนั้นราวกับเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในภวังค์ฝันตลอดกาล ไม่มีใครสามารถปลุกนางขึ้นมาได้ทุกครั้งที่ไฉ่เยว่เห็นคุณหนูยอมทำตามทุกอย่าง มักจะรู้สึกปวดร้าวที่หัวใจเสมอหากคุณหนูไม่ประสบพบเจอเรื่องสกปรกพรรค์นั้น ป่านนี้ก็คงมีความสุขอย่างมาก“คุณหนู วันนี้ท่านจะเขียนจดหมายให้คุณหนูใหญ่หรือไม่?”เฟิ่งเวยเฉียงมีอาการตอบสนองโดยพลัน“เขียนจดหมาย ต้องเขียนจด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 329

    สุนัขสวรรค์กินดวงจันทร์ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในวังมีคำสั่งห้ามออกนอกบริเวณ เหล่าองครักษ์ลาดตระเวนจึงผ่อนปรนความเข้มงวดลงเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นพลุส่งสัญญาณจากร้านรับจำนำผิงอัน คิดว่าพวกเขามีเรื่องสำคัญ จึงรีบออกไปอย่างรวดเร็วครั้นเปิดประตูเข้าไปไม่ทันไร นางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลก ๆท่ามกลางความมืดมืด พลันมีกลิ่นหอมโชยเข้ามาในจมูกของนางต่อมาไอสังหารก็รุกคืบเข้ามาใกล้เฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าจับข้อมือของคนผู้นั้นได้อย่างแม่นยำ แล้วใช้ฝ่ามือสกัดเอาไว้ทว่าหลังจากนั้น คนผู้นั้นก็พลอยล้มลงในอ้อมกอดของนางร่างกายนุ่มนวลอวบอิ่ม ทับบนตัวของนางโดยพลัน จะดันก็ดันไม่ออก“น้องชายสุดที่รัก พี่สาวคิดถึงเจ้าจะตายแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนพ่นลมหายใจออกมาเงียบ ๆปัญหามาหาแล้ว…ชุยไป๋เปิดไฟ ภายในห้องพลันสว่างวาบใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเฟิ่งจิ่วเหยียนเพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนทรยศ  หักหลังรองผู้นำพันธมิตรเฟิ่งจิ่วเหยียนผลักหญิงสาวในอ้อมกอดออกไปอย่างไร้ความปราณีหร่วนฝูอวี้ใช้มือค้ำคาง ริมฝีปากสีแดงระเรื่อภายใต้ผ้าคลุมขยับเผยอเล็กน้อย“ไม่ได้เจอกันสา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 328

    เซียวอวี้นิ่งเงียบ บอกกล่าวเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างจริงจัง“เราอยากให้เจ้ารู้ เรื่องมอบหมายให้จิ้งเฟยดูแลหกตำหนัก เป็นเจตนารมณ์ของเสด็จย่า หาใช่ความต้องการของเรา!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองเขา กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง“หมายความว่า…ท่านไม่พึงพอใจจิ้งเฟยงั้นหรือ?”ลมหายใจของเซียวอวี้หนักอึ้งเล็กน้อยนางอย่าชื่อว่าเฟิ่งเวยเฉียงเลย เปลี่ยนชื่อเป็นเฟิ่งก้อนหินดีกว่า!เขาแค่ไม่อยากให้นางเชื่อคำพูดไม่มีมูลในวังเหล่านั้น ที่บอกว่าเขาลำเอียงโปรดปรานแต่จิ้งเฟยแต่คิดอีกแง่มุม นางอยากเข้าใจผิดก็ปล่อยให้เข้าใจผิดไป เหตุใดตัวเขาต้องไปอธิบายกับนางด้วยเซียวอวี้กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้าถือซะว่าเราไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”   ……ในคืนนั้น ขบวนเสด็จมาเยือนตำหนักซินฮุ่ยฮ่องเต้แผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นชา ทำให้บ่าวรับใช้รอบด้านไม่กล้าปริปากพูดแม้แต่จิ้งเฟยก็ยังเงียบหลังจากผ่านอาหารมื้อเย็น เห็นว่าฝ่าบาทจะเสด็จกลับ จิ้งเฟยก็ฮึดสู้ รวบรวมความกล้าดึงรั้งชายอาภรณ์ของเขาเอาไว้ใบหน้าของเซียวอวี้พลันมีแววไม่พอใจพาดผ่านเมื่อหันกลับไป ก็เห็นจิ้งเฟยก้มหน้าลงอย่างเขินอาย เผยอริมฝีปากจะพูด“ฝ่าบาท ได้ยินว่าคืนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 327

    หนิงเฟยมาถึงตำหนักหย่งเหอ กลับได้ยินว่าฮองเฮากำลังงีบหลับ ไม่ต้อนรับแขกไฟแทบจะไหม้ลามถึงขนคิ้วอยู่แล้ว ฮองเฮายังมีกะจิตกะใจนอนอีกหรือ?หนิงเฟยไม่กลับไปไหน ยังคงรออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม นางกำนัลก็มาเรียนแจ้ง“หนิงเฟย ฮองเฮาตื่นแล้วเพคะ เชิญท่านเข้ามาคุยข้างใน”จุดประสงค์ที่หนิงเฟยมาที่นี่ไม่มีอะไรมาก และไม่คิดที่จะปิดบังไม่ให้คนรู้ด้วยนางทำความเคารพเฟิ่งจิ่วเหยียนเสร็จ ก็เอ่ยออกมาว่า“ฮองเฮาเพคะ ท่านรู้หรือไม่ ช่วงหลายวันมานี้ ระหว่างที่ท่านอยู่ในตำหนักเย็น จิ้งเฟยผู้นั้นลำพองใจมากเพียงใด!”“ของดี ๆ ที่แต่ละแคว้นส่งมาเป็นเครื่องราชบรรณาการ ฝ่าบาทต่างประเคนให้นางหมด“อย่าหาว่าหม่อมฉันปากมากเลยนะเพคะ ขนาดตอนที่ท่านยังตั้งครรภ์โอรสรัชทายาทอยู่ ยังไม่ได้รับของพระราชทานมากมายขนาดนั้น “แถมจิ้งเฟยยังขยันหาเรื่องให้คนอื่นหมั่นไส้ นำสิ่งของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้มาแจกจ่าย ทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่านางโอ้อวดที่ตัวเองได้รับความโปรดปรานหรอกหรือ!​ แค้นนี้ ฮองเฮาอาจจะทนได้ แต่หม่อมฉันทนไม่ได้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่บนตำแหน่งหลักอย่างรักษากริยาท่าทาง ดื่มชาไปพลาง ฟังหนิง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 326

    จอมมารหร่วนฝูอวี้งั้นหรือ!?บุรุษใส่หน้ากากยังไม่ทันได้ตกใจ ศีรษะก็หล่นลงพื้นในชั่วพริบตาต่อมาจางฉีหยางได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วหร่วนฝูอวี้…ชื่อนี้ เหมือนเขาเคยได้ยินที่ไหนสักแห่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาอย่างเป็นมิตรหรือศัตรู  ปฏิกิริยาแรกของจางฉีหยางคือหนีเท่านั้นทันใดนั้น พลันมีสายลมเย็นวูบพัดผ่านต่อมา ก็มีมือเย็นเฉียบข้างหนึ่งมาบีบคอของเขาเอาไว้เสียงอ่อนหวานยั่วยวนแต่อำมหิตของหญิงสาวดังขึ้นมาข้างหู“เจ้าคือลูกศิษย์ที่ซูฮ่วนเพิ่งรับเข้ามาใหม่สินะ?”นางรู้จักอาจารย์?จางฉีหยางไม่ตอบกลับด้วยความระมัดระวังหญิงสาวหัวเราะคิกคัก“ช่างเป็นคนหัวแข็งเสียจริง ไม่เป็นไร ข้าพอมีเวลาว่าง”เล็บยาวราวกรงเล็บของนาง กุมศีรษะของเขาเอาไว้ครั้นนางออกแรง เขาก็รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อในหัวกำลังจะถูกดูดออกมาอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดอย่างยิ่งเขากัดฟัน ไม่เปล่งเสียงขอร้องอ้อนวอนแต่อย่างใดผ่านไปเค่อยามหนึ่ง ราวกับหญิงสาวเล่นสนุกจนเหนื่อย ถึงได้เก็บมือกลับมาจากนั้นนางก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เลื่อนมือลงไปข้างล่าง เชิดคางของเขาขึ้นจางฉีหยางไม่เห็น เพียงรู้สึกได้ว่าใ

DMCA.com Protection Status