อู๋ไป๋ทำอะไรว่องไวอย่างมาก เขาเฝ้าอยู่หลายวัน ในที่สุดก็จับตัวบุคคลน่าสงสัยที่ปรากฏตัวในตระกูลมู่หรงคนนั้นได้“ฮองเฮา ต้องจัดการอย่างไร? สอบสวนตอนนี้เลยหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ตัดสินใจ“ดูเขาไว้ให้ดี ๆ เก็บเขาไว้ก่อน”“รับทราบ!”หลังจากที่อู๋ไป๋ออกไป ผ่านไปไม่นาน เฉินจี๋ก็เข้ามาเฉินจี๋นำผลไม้สด ๆ รวมถึงดอกไม้ที่เด็ดมาจากอุทยาน มาจัดวางไว้นอกห้องดอกไม้เหล่านี้ หากฮองเฮาเปิดหน้าต่างออกก็จะสามารถเห็นได้ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของฝ่าบาท “ฮองเฮา ฝ่าบาททรงยุ่งกับราชกิจ คืนนี้คงไม่เสด็จมา ท่านพักผ่อนก่อนได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า จากนั้นนางก็ถามเฉินจี๋“คดีของตระกูลเซวีย สืบถึงไหนแล้ว?”เฉินจี๋ไม่กล้าพูด “ปัจจุบันรุ่ยอ๋องกำลังสืบอยู่พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้“แต่ว่าวันนี้จับได้หลายคน ล้วนป่วยเป็นโรคกระดูกอ่อนรุนแรง ฝ่าบาทกำลังให้คนสอบสวนอยู่”โรคกระดูกอ่อนนั้น เป็นโรคที่เกิดจากการอยู่แต่ในความมืดเป็นเวลานาน ไม่ได้รับแสงแดด หากโชคดี ในบรรดาคนกลุ่มนี้ อาจจะมีสมาชิกคนสำคัญของกลุ่มค้ามนุษย์โอสถเท่านี้ก็นับว่ามีความคืบหน้าแล้ว
“ฝ่าบาท หากท่านเหนื่อย พักก่อนก็ได้นะ” เสียงอ่อนหวานของหญิงสาว ทำให้ห้องทรงพระอักษรอบอุ่นขึ้นมาเซียวอวี้ล้ามากเกินไป แต่ก็ยังพยายามฝืนเปิดเปลือกตาเมื่อเพ่งมอง คนตรงหน้าอยู่ในเครื่องแบบนางกำนัล ทว่าหน้าตาคล้ายจิ่วเหยียนเป็นฮ่องเต้ จึงเคยพบเจอเสน่ห์ยั่วยวนมาหลายรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการแย่งชิงความโปรดปรานในวังหลังเขารู้ในทันทีว่ามันคือแผนการอะไร ชั่ววินาทีนั้นความง่วงงุนพลันมลายหายไป เขาตะโกนด้วยเสียงดุดัน“หลิวซื่อเหลียง ไสหัวเจ้าเข้ามา!”กลับเห็นขันทีน้อยที่หลับอยู่ข้างเสาสะดุ้งตื่น คลานมาข้างโต๊ะทรงงาน พร้อมโขกหัวติดต่อกัน“ทูลฝ่าบาท ท่านพ่อบุญธรรมป่วย คืนนี้เป็นบ่าวมารับใช้ฝ่าบาทแทน บ่าวสมควรตาย ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต!”เขาหลับไปได้อย่างไร?ทำเช่นนี้เท่ากับหาเรื่องให้หัวขาดชัด ๆ!ต่อมา นางกำนัลผู้นั้นก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาททรงอย่าพิโรธ…”แววตาของเซียวอวี้เยือกเย็น ไม่แม้แต่จะชายตามองนางกำนัลคนนั้น“ลากตัวออกไป สอบสวนมาให้ชัดเจน ว่ามาจากไหน”นางกำนัลมีท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่อง ร้องไห้น้ำตาไหลพรากออกมา“ฝ่าบาท…”“ลากตัวออกไปเดี๋ยวนี้!” เซียวอวี้อารมณ์เสีย เริ่มทนรำคาญ
คืนนี้ เซียวอวี้นอนหลับสนิทกว่าคืนไหน ๆเมื่อลืมตาตื่นในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็มองคนในอ้อมกอด พลันรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นหลายเท่า“เราจะไปว่าการเช้าแล้ว” เขากระซิบข้างหูนางเสียงเบา“อืม” เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อเซียวอวี้เดินออกมานอกห้อง ก็เห็นอู๋ไป๋เข้ามาในเรือนพอดี“ถวายบังคมฝ่าบาท!” อู๋ไป๋ดูเร่งรีบเซียวอวี้หยุดยืนนิ่ง ๆ แล้วถามเขา“ไปไหนมา”เมื่อคืนเขาไม่เห็นอู๋ไป๋ในฐานะเป็นองครักษ์ข้างกายของฮองเฮา ก็ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของฮองเฮาเป็นอันดับหนึ่ง แล้วเหตุใดถึงได้นึกอยากจะไปไหนก็ไปเช่นนี้?อู๋ไป๋บอกตามความจริง“พระนางให้กระหม่อมไปสืบเรื่องตระกูลมู่หรง ตอนนี้เริ่มจับทางได้แล้ว ฝ่าบาท ตระกูลมู่หรงน่าสงสัยมากพ่ะย่ะค่ะ!”ตั้งแต่ที่จับบุคคลน่าสงสัยในตระกูลมู่หรงได้ เขาก็ทำตามที่ฮองเฮาสั่ง ไม่ได้เร่งสอบสวนในทันที แต่นำไปขังไว้ก่อนสักระยะตระกูลมู่หรงเริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างที่คาดการณ์ไว้ เริ่มส่งคนออกตามหาแล้วและเขาก็หามู่หรงฉานที่อาศัยอยู่ในชนบทเจอคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เบาะแสสำคัญเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง“ฝ่าบาท มู่หรงฉานผู้นั้นกล่าวว่า นางไม่ได้ป่วย
ไทฮองไทเฮาไม่ทันสังเกต ว่าทหารบุกเข้ามาในหอบรรพบุรุษตระกูลมู่หรงคนในตระกูลมู่หรงที่ยืนอยู่ในเรือนต่างถูกคุมตัวไว้หมด ไม่ปล่อยให้พวกเขาเคลื่อนไหวใด ๆทุกคนต่างหวาดหวั่น มองหน้ากันไปมา“อะไรกัน? ทหารมาที่หอบรรพบุรุษทำไม?”หมอเทวดาเหยียนและหมอหลวงที่รับผิดชอบคดีมนุษย์โอสถ ถูกพาตัวมาข้างหลังเรือน เพื่อสังเกตุหญ้าพิษในสถานที่จริงผ่านไปครู่หนึ่ง หมอหลวงทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกัน ว่าหญ้าพิษในที่แห่งนี้ กอปรกับหญ้าบัวแดง สามารถนำมาผสมเป็นพิษมนุษย์โอสถได้จริง ๆคราวนี้ จับได้ทั้งคนและของกลางคนตระกูลมู่หรงถูกจับกุม โดยเฉพาะเหล่าบุรุษที่มีสิทธิ์มากราบไหว้บรรพบุรุษไทฮองไทเฮาเห็นเช่นนี้ พลันเข้าใจในทันทีที่แท้ ฝ่าบาทให้นางมาที่หอบรรพบุรุษ ก็เพื่อหาหลักฐานความผิดเขาช่างไม่คิดถึงความรู้สึกของเสด็จย่าอย่างนางเลย!ไทฮองไทเฮาจ้องเหล่าทหารอย่างโมโห“หยุดนะ! พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!“ไม่อย่างนั้นพวกเจ้ามาจับข้าไปด้วยให้รู้แล้วรู้รอดสิ!”สิ้นเสียงคำพูดของนาง ทหารทางการก็เข้ามา “ไทฮองไทเฮา ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้มาเชิญตัวท่านไปที่ศาลต้าหลี่ เพื่อให้ความร่วมมือในการสอบสวนคดีมนุษย์โอสถ!”ไทฮ
จากรายชื่อที่บันทึกในวงศ์ตระกูลมู่หรง คนที่ไม่ถูกบันทึกรายชื่อ แต่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ในรุ่นก่อนหน้าล้วนลาลับไปหมดแล้วคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน คือลูกคนที่เจ็ดของท่านผู้เฒ่า——มู่หรงสวี้ยึดตามลำดับญาติ มู่หรงสวี้ผู้นี้คือน้าเจ็ดของมู่หรงหลันคนผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างลับ ๆ ยามปกติไม่ค่อยมารวมตัวกับตระกูลมู่หรงเท่าไรแม้แต่พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษในแต่ละปี เขาก็ไม่เคยเข้าร่วมเลยสักครั้งคนในตระกูลมู่หรงแทบจะลืมเลือนการมีอยู่ของคนผู้นี้ไปช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ครอบครัวของบุตรคนโตได้รับการดูแลจากคนผู้นี้ และมักจะได้รับการช่วยเหลือด้านการเงินจากคนผู้นี้เมื่อพูดถึงนายท่านคนที่เจ็ดของตระกูลมู่หรง หลาย ๆ คนในครอบครัวต่างนิ่งงัน“มีคนนี้อยู่ด้วยหรือ?” “อ้อ ข้านึกออกแล้ว เหมือนจะมีน้าเจ็ดอยู่คนหนึ่ง…”“น่าจะเป็นน้าเจ็ดที่ทำค้าขายอยู่ข้างนอกกระมัง?”“คงเป็นน้าเจ็ดที่บาดเจ็บเพราะถูกไฟไหม้หรือไม่?”ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป ความทรงจำที่มีเกี่ยวกับนายท่านเจ็ดไม่ค่อยมีมากเท่าไรอันซื่อผู้เป็นสะใภ้ครอบครัวของบุตรคนโตพูดอย่างตรงไปตรงมา“หลังจากสามีของข้าตาย น้องเจ็ดเคยช่วยเหลือพ
ที่ทำการหลักของกลุ่มค้ามนุษย์โอสถแถวชานเมืองตะวันออกของเมืองหลวงถูกยึดไว้ได้แล้ว สมาชิกของกลุ่มค้ามนุษย์โอสถก็ถูกจับกุมทั้งหมด ภายใต้การสอบสวนด้วยการลงโทษอย่างรุนแรง พวกเขาก็เปิดเผยทุกอย่างที่รู้หลายปีที่ผ่านมากลุ่มค้ามนุษย์โอสถได้สร้างมนุษย์โอสถอย่างต่อเนื่อง และส่งขายไปยังที่ต่าง ๆ รวมถึงพรรคเทียนหลงที่เคยก่อกบฏในครั้งนั้น และแคว้นตงซานด้วยเจ้าหน้าที่ที่ทำการสอบสวนจึงถามต่อ“ตระกูลเซวียมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดีนี้ ใต้เท้าเซวียผู้นั้นถูกพวกเจ้าฆ่าปิดปากใช่หรือไม่!”“ใช่...เป็นพวกเราทำเอง หลังจากเสียนเฟยถูกจับไปเป็นครั้งที่สอง นายท่านก็ตัดสินใจจะกำจัดตระกูลเซวียแล้ว เขาสั่งให้พวกเราจับตาดูตระกูลเซวียไว้ วันนั้นเมื่อใต้เท้าเซวียออกจากจวน พวกเราก็ลงมือเลย”“ใต้เท้าเซวียต้องการจะแจ้งความพวกเจ้า ใช่หรือไม่?”คนที่ถูกสอบสวนตอบ: “ใช่ ทว่า...ต่อให้เขาแจ้งความ นายท่านก็ดูแลตัวเองให้รอดพ้นได้ ถึงอย่างไร หลายปีที่ผ่านมา เขาก็รู้แค่เรื่องของหญ้าบัวแดง เพื่อจะช่วยเหลือบุตรสาว เขาจึงต้องรักษาความลับไว้”“ใต้เท้าเซวียรู้อะไรบ้าง” เจ้าหน้าที่ถามอย่างดุดันคนผู้นั้นเอ่ยช้า ๆ“ในตอนน
นอกพระราชวัง ที่จื้อจ้ายจวีวันนี้เซียวอวี้มีเวลาว่างอย่างหาได้ยาก จึงมาที่นี่เพื่อทานมื้อค่ำร่วมกับเฟิ่งจิ่วเหยียนทว่ากลับเห็นนางนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีหนังสือวางกองอยู่หลายเล่มนางกำลังอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจเซียวอวี้เดินเข้าไปใกล้แล้ว นางถึงเงยหน้าขึ้นมองเขา“ท่านมาได้อย่างไรเพคะ?”เซียวอวี้ได้ยินเช่นนี้ ก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้“เจ้าไม่อยากให้เรามาหรือ?”ขณะที่พูด เขาก็อุ้มนางขึ้นมาจากเก้าอี้ ตนเองก็นั่งลงไป ส่วนนางก็นั่งอยู่บนตักเขาเซียวอวี้ลูบที่ท้องของนางเบา ๆ เอ่ยตัดพ้อกับบุตรโดยแสร้งทำเป็นโมโห“ฟังแม่เจ้าพูดสิ ช่างเป็นสตรีที่ใจร้าย พ่อจะมาหาพวกเจ้า แต่นางกลับรังเกียจพ่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก สีหน้าเต็มไปด้วยความจนใจ“ไม่ได้รังเกียจท่าน แค่กังวลว่าท่านจะอ่านฎีกาไม่แล้วเสร็จ จนต้องอดหลับอดนอนอีก”เซียวอวี้จับที่มือของนาง นำมาวางข้างริมฝีปากและจุมพิตเบา ๆ ในแววตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและลึกซึ้ง“ที่แท้เจ้าก็ยังรู้จักเป็นห่วงเรา”จากนั้นเขากวาดสายตามองไปยังหนังสือบนโต๊ะ “กำลังอ่านอะไรอยู่?”“หม่อมฉันให้หยิ่นลิ่วไปนำมาจากวัง เพราะอยากรู้เกี่ยวกับ
ไม่มีผู้ใดเคยคิดว่า รุ่ยอ๋องจะตกเป็นเป้าสายตาเซียวอวี้จึงรีบสั่งให้คนไปเฝ้าประตูเมืองทุกที่อย่างเข้มงวด และสืบหาตำแหน่งของรุ่ยอ๋องขณะเดียวกันก็ยังปิดประกาศ ให้ชาวบ้านในเมืองแจ้งเบาะแสหลังเกิดเหตุ องครักษ์ในจวนรุ่ยอ๋องก็พากันสำรวจค้นหาไปตามที่ต่าง ๆวันต่อมา คนกลุ่มหนึ่งพบเจอหลิวหวาที่บาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนพื้นแถวชานเมืองหลิวหวาเป็นองครักษ์คนสนิทของรุ่ยอ๋อง วันก่อนขณะที่รุ่ยอ๋องถูกหลอกพาตัวไป หลิวหวาก็อยู่ข้างกายรุ่ยอ๋องหลังจากเขาฟื้นขึ้นมา ก็บอกกับทุกคน“...รถม้าวิ่งไปถึงกลางทาง ท่านอ๋องสังเกตว่าทิศทางไม่ถูกต้อง ข้าพยายามบังคับให้หยุดรถม้า กลับถูกคนขับถีบลงจากรถม้า“ในขณะนั้นพระชายาก็ตามมาถึง เห็นเพียงพระชายากระโดดขึ้นรถม้าอย่างคล่องแคล่ว ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้น ข้าก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว ทว่ายังพอจำได้ว่า เส้นทางรถม้ามุ่งไปทางตะวันตก”จากนั้นหลิวหวาจึงถามทันทีว่า: “เรื่องที่ท่านอ๋องประสบเหตุ ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่? มีการส่งคนไปช่วยเหลือแล้วหรือไม่?”ณ พระราชวังเซียวอวี้สีหน้าดูเคร่งเครียดเขาไม่แน่ใจว่า คนที่จับตัวรุ่ยอ๋องไป แท้จริงเป็นผู้ใด และมีจุดประสงค์ใดถึงแม้จะมีควา
ก่อนอาหารมื้อค่ำ เซียวอวี้กลับมาถึงวังหลวงตรงตามเวลาเขายังนำผลไม้อบแห้งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนชอบกินมาด้วยถึงแม้ใบหน้าเขาจะแสดงออกอย่างเรียบเฉย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรับรู้ได้ถึงความขุ่นเคืองใจที่ข่มไว้ของเขายังมี กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ที่อยู่บนตัวเขาด้วยอาหารมื้อค่ำถูกจัดวางบนโต๊ะแล้ว ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน และมีข้าหลวงคอยรับใช้ เพื่อคอยตักอาหารให้พวกเขาเฟิ่งจิ่วเหยียนให้ข้าหลวงออกไปก่อน และถามเซียวอวี้ตามตรง“วันนี้ไปตรวจเยี่ยมค่ายทหาร ไม่ราบรื่นหรือเพคะ?”เซียวอวี้ปากหนักไม่ยอมรับ พร้อมกับเปิดห่อผลไม้ให้นาง“อ่านฎีกาจบแล้วหรือ?” เขาถามโดยเปลี่ยนเรื่องเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นเขาไม่อยากเอ่ยถึงอีก จึงไม่ถามต่อจากที่เขาถาม นางยิ้มอ่อน ๆ“ฎีกาไม่มีวันอ่านจบ ของวันนี้อ่านจบ ก็ยังมีของพรุ่งนี้อีก”เซียวอวี้ก็ยิ้มเช่นกัน พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้านาง แววตาดูอ่อนโยนสงบนิ่ง“หากเป็นฮ่องเต้ทรราช ก็คงไม่ต้องเหนื่อยเช่นนี้”หลังมื้อค่ำเฟิ่งจิ่วเหยียนอ้างว่าจะไปห้องทรงพระอักษรเพื่ออ่านฎีกาต่อ แท้จริงแล้วกลับให้อู๋ไป๋ไปที่ค่ายทหาร เพื่อสืบดูว่า วันนี้เซียวอวี้พบปัญหาใดอู๋ไป๋กลับหลักแหลม
ตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นประมุขแคว้น หากเซียวอวี้ต้องการจะพบนาง ก็ต้องรอให้คนไปกราบทูลก่อนสิ่งนี้ทำให้เขาไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งทว่า กฎก็คือกฎที่หนานฉี แม้ว่าจิ่วเหยียนจะสูงส่งเป็นถึงฮองเฮา หากต้องการจะเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ก็ยังไม่อาจทำได้ตามใจชอบ“จะออกเดินทางเมื่อใด?” บนบัลลังก์มังกร คำถามของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ถามขึ้นกะทันหัน ขัดจังหวะความคิดของเซียวอวี้ เซียวอวี้เงยหน้าขึ้นมองนาง ถึงแม้ในตำหนักจะไม่มีคนนอก เขายังคงรู้สีกว่า ระหว่างตนเองกับจิ่วเหยียน ราวกับมีบางอย่างคั่นกลางอยู่บางที นั่นอาจจะเป็นช่องว่างทางสถานะผู้ที่เป็นกษัตริย์ แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง ต่อให้ใกล้ชิดดั่งคนที่นอนร่วมหมอน ก็ไม่อาจก้าวข้ามช่องว่างนี้ได้ไม่น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้จิ่วเหยียนก็ยกเรื่องนี้มาเป็นอุปสรรค ไม่ยอมเป็นฮองเฮาของเขาเซียวอวี้พยายามทำให้ตนเองกลับมามีสภาพจิตใจที่เป็นปกติตามเดิม“เสบียงถูกส่งไปก่อนแล้ว วันนี้เราจะไปตรวจเยี่ยมค่ายทหาร หากราบรื่น พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทาง”เฟิ่งจิ่วเหยียนด้านหนึ่งก็ฟังเขาพูด อีกด้านหนึ่งก็อ่านฎีกานางทำหลายอย่างพร้อมกัน ช่างดูยุ่งเหลือเกิน
นอกชายแดนแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้ส่งกองกำลังออกรบแล้ว กองทัพมืดฟ้ามัวดิน เห็นได้ชัดว่าเป็นสงครามที่เดิมพันด้วยความอยู่รอดและล่มสลายของทั้งสองแคว้นก่อนเคลื่อนทัพ แม่ทัพใหญ่ตรวจสอบความพร้อมของทหาร เพื่อสร้างความฮึกเหิม“ทหารทุกคน! วันนี้จะเป็นวันที่จะลบล้างความอัปยศ! หากไม่อยากตกเป็นทาสของแคว้นล่มสลาย และไม่อยากถูกสตรีบัญชาการ ก็จงต่อสู้สุดชีวิต! ทำลายชายแดนของแคว้นซีหนี่ว์ เคลื่อนกำลังเข้าไป จนเข้าไปถึงเมืองหลวง และจับตัวประมุขแคว้นของพวกนางมา!”ทั้งสามกองทัพเปล่งเสียงขานรับโดยพร้อมเพรียง“ลบล้างความอัปยศ! จับตัวประมุขแคว้นซีหนี่ว์!”ทันใดนั้น ทหารสอดแนมก็มารายงาน“ท่านแม่ทัพ พบกองทัพของแคว้นซีหนี่ว์ นำทัพโดยหูย่วนเอ๋อร์!”หูย่วนเอ๋อร์เป็นหนึ่งในแม่ทัพผู้องอาจของแคว้นซีหนี่ว์ และยังเป็นแม่ทัพคู่ใจของอดีตประมุขแคว้นซีหนี่ว์ด้วยก่อนหน้านี้ได้ยินสายลับมารายงานว่า ประมุขแคว้นคนปัจจุบันไม่ชอบหูย่วนเอ๋อร์ และจับนางไปคุมขังไว้ในคุกเหตุใดคนผู้นี้ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่ชายแดน?หรือว่าข่าวจากสายลับจะผิดพลาด?แม่ทัพใหญ่ของทั้งสองแคว้นถามด้วยความสงสัย“หรืออาจจะเป็น
กลุ่มขุนนางที่ถูกจับกุม แต่ละคนบ้างก็ตกใจ บ้างก็โกรธแค้น บ้างก็คุกเข่าร้องขอชีวิตทันที“เฟิ่งจิ่วเหยียน! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาจับหม่อมฉัน! หม่อมฉันคือขุนนางอาวุโสสามสมัย!”“หม่อมฉันไม่ได้คิดจะก่อกบฏ...ประมุขแคว้น พวกเขาจะต้องจับคนผิดอย่างแน่นอน!”“ประมุขแคว้นโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิตด้วย! หม่อมฉันเลอะเลือนไปชั่วขณะ หม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว!”ขุนนางคนอื่นถอยห่าง แทบไม่อยากเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่ถูกจับโอวหยางเหลียนก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยต่อเฟิ่งจิ่วเหยียน“ประมุขแคว้น ตั้งแต่อดีต ขุนนางที่ก่อกบฏทรยศแผ่นดินมีความผิดสมควรตาย หม่อมฉันคิดว่า ควรรีบประหารชีวิตพวกเขาทันที ไม่อาจให้ความเมตตาได้!”โอวหยางเหลียนอายุมากแล้ว ทว่านางทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเด็ดขาดชัดเจนเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่ใช่คนใจอ่อนเช่นกันนางเพิ่งจะเป็นประมุขแคว้น แต่ก็รู้ว่า ความวุ่นวายภายในแคว้นซีหนี่ว์ ล้วนเกิดจากคนที่ไม่จงรักภักดีเหล่านี้หากไม่สังหาร ก็ไม่เพียงพอที่จะยุติความวุ่นวายภายในได้หากไม่สังหาร ก็ไม่เพียงพอที่จะเตือนใจให้กับคนอื่นได้เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้ข้าหลวงอ่านความผิดของคนเหล่านี้ อ่านจบทีละคน ก็สังหารท
จันทร์เสี้ยวลอยลงต่ำ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงณ พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ในที่ประชุมเช้า เหล่าขุนนางมองไปยังคนที่อยู่บนบัลลังก์มังกร ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย และความประหลาดใจขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยถามอย่างใจกล้า“คนที่นั่งอยู่บนนั้น เจ้าเป็นใคร! แล้วประมุขแคว้นอยู่ที่ใด!”คนที่อยู่ด้านบน ถึงแม้หน้าตาจะคล้ายกับประมุขแคว้น ทว่าส่วนท้องนูนออกมา เห็นชัดว่าเป็นลักษณะของการตั้งครรภ์ คนผู้นี้กับประมุขแคว้นเมื่อหลายวันก่อนผู้นั้น ไม่ใช่คนเดียวกันโดยสิ้นเชิงความแตกต่างที่เห็นชัดเช่นนี้ ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ก็มองออกชัดเจนหลังจากมีคนหนึ่งออกหน้า คนอื่น ๆ ก็พากันเกิดความสงสัยตามมา“รีบบอกมา เจ้าเป็นใครกันแน่!”“เจ้าคนชั่วอาจหาญ กล้าสวมรอยเป็นประมุขแคว้น ยังไม่รีบลงมาอีก!”“ประมุขแคว้นเล่า? ทหารรักษาพระองค์อยู่ที่ใด รีบไปตามหาประมุขแคว้น!”ในราชสำนักเริ่มเกิดความวุ่นวายก่อนหน้านี้หูย่วนเอ๋อร์ก็ถูก “ขัง” อยู่ในคุก มิได้เข้าร่วมประชุมเช้าของวันนี้ จึงมีเพียงโอวหยางเหลียนเท่านั้นที่รู้ความจริงในที่นี้โอวหยางเหลียนยืนอยู่ตรงนั้น โดยไม่เอ่ยสิ่งใดจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่บนบัลลังก์มังกรก
เมิ่งฉวีกับภรรยามองดูคนตรงหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแม่ทัพเมิ่งเอ่ยเตือนด้วยคำพูดดี ๆ“ต้วนเจิ้ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรัชทายาท ที่ประทับของฮองเฮา เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”ต้วนเจิ้งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของต้วนไหวซวี่จิ่วเหยียนก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีที่สุด มอบบ้านพักที่เซียวเหยาจวีให้กับเขา ทำให้เขาไม่ต้องเร่ร่อนไร้ที่อยู่ก่อนหน้านี้เพราะหร่านชิวบังคับให้บอกตำแหน่งหลุมฝังศพของต้วนไหวซวี่ จึงจับต้วนเจิ้งไปขังไว้ เพื่อหลบหนีออกจากกรงขัง ต้วนเจิ้งจึงล้มจนขาหักผ่านการพักฟื้นกว่าสองปี ตอนนี้ขาของเขาหายเป็นปกติแล้ว สามารถยืนและเดินได้ฮูหยินเมิ่งมองออกว่า ต้วนเจิ้งผู้นี้โตแค่อายุ ความคิดไม่ได้โตตามไปด้วยเขายังปฏิบัติตนเองเหมือนเป็นเด็ก คิดจะตามติดจิ่วเหยียนตลอดเวลา มีบางคำพูด จิ่วเหยียนไม่อาจทำใจที่จะเอ่ยออกมาตรง ๆ ได้ แต่นางในฐานะอาจารย์หญิง อดรนทนไม่ไหวจริง ๆฮูหยินเมิ่งจึงตัดสินใจอาศัยโอกาสนี้ เอ่ยกับต้วนเจิ้งโดยไม่เหลือความปรานี“ความรู้สึกระหว่างพี่ชายเจ้ากับฮองเฮา กลายเป็นอดีตไปนานแล้ว ต้วนไหวซวี่กับฮองเฮาไม่มีความเกี่ยวพันกันอีก และยิ่งกับเจ้าด้วยแล้ว?“เจ้าพยาย
หลังจากส่งเวยเฉียงกลับไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่ได้กลับไปที่พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ทันทีนางให้ตัวแทนกลับเข้าวังไปก่อน จะอาศัยโอกาสนี้ทำให้สายลับเหล่านั้นเกิดความสับสนในเวลาเดียวกัน นอกชายแดนแคว้นซีหนี่ว์แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งเริ่มคันไม้คันมือ อยากจะลงมือเต็มที่แม่ทัพใหญ่หลายคนกำลังหารือกันอยู่ภายในกระโจมค่ายทหาร ว่าหากมีการบุกโจมตีแคว้นซีหนี่ว์ จะฝ่าทะลวงเข้าไปตรงจุดใดเพียงแต่ ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือ ประมุขแคว้นของแคว้นซีหนี่ว์ในตอนนี้ แท้จริงแล้วคือฮองเฮาของหนานฉี---เฟิ่งจิ่วเหยียนหรือไม่“สายลับอยู่ไหน ยังไม่มีข่าวหรือ!” หนึ่งในแม่ทัพเอ่ยด้วยความอดทนถึงขีดสุด พร้อมถามอย่างเร่งรีบ“รายงานท่านแม่ทัพ สายลับถึงพระราชวังแคว้นซีหนี่ว์แล้ว เชื่อว่าไม่นานจะสามารถตรวจสอบตัวตนของประมุขแคว้นผู้นั้นได้อย่างชัดเจน!”ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจคลายความหงุดหงิดในใจของแม่ทัพอีกหลายคนได้“ให้พวกเขาลงมือโดยเร็วที่สุด! เหล่าทหารตั้งค่ายอยู่ที่นี่ แต่ละวันต้องสิ้นเปลืองเสบียงและเบี้ยเลี้ยงไม่น้อย!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”ในเวลานี้ แม่ทัพคนหนึ่งของแคว้นเจิ้งเสนอความเห็น“ท่านท
ก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนจะมาที่แคว้นซีหนี่ว์ ก็มีแผนปฏิบัติการอยู่แล้วแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้จัดส่งสายลับ มุ่งหน้ามายังพระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ เพื่อสืบดูว่าประมุขแคว้นคือนางหรือไม่ยิ่งไปกว่านั้น ภายในแคว้นซีหนี่ว์ก็มีคนก่อความวุ่นวาย หมายปองตำแหน่งประมุขแคว้นครั้งนี้ประจวบเหมาะที่จะใช้แผนซ้อนแผนเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงบอกกับซ่งหลี“พรุ่งนี้เจ้าพาเวยเฉียงกลับหนานฉี แคว้นซีหนี่ว์ทางนี้ มีข้ากับฝ่าบาท”นางเอ่ยเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าซ่งหลีไม่อาจขอร้องสิ่งใดได้เฟิ่งเวยเฉียงยังคงรู้สึกกังวลอยู่บ้าง“พี่หญิง ไม่ต้องการให้ข้าช่วยจริงหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่งสายตายืนยันต่อนาง“หากเจ้ากับซ่งหลีกลับหนานฉีอย่างปลอดภัย ข้าจะได้ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”เฟิ่งเวยเฉียงพยักหน้า“ได้ ข้าจะเชื่อฟังพี่หญิง”ปากก็ตอบตกลงอย่างแน่วแน่ แต่ในใจกลับรู้สึกอ้างว้างหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางทนไม่ไหวจึงถามออกมา“พี่หญิง หากจัดการปัญหาความไม่สงบของแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งเรียบร้อยแล้ว ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ จะเป็นผู้ใดที่มารับตำแหน่ง?”นางรู้ว่า พี่หญิงจะต้องกลับไปแคว้นซีหนี่ว์อย่างแน่นอนเฟิ่งจิ่วเหยี
นอกพระราชวัง ภายในเรือนพักแห่งหนึ่งที่แห่งนี้เฟิ่งเวยเฉียงได้พบกับพี่หญิงที่คนึงหาอยู่ทุกเวลา นางรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ขณะที่คิดจะเข้าไปสวมกอดอีกฝ่าย กลับเหลือบเห็นท้องที่นูนขึ้นมา“พี่หญิง นี่ท่านกำลัง?”เฟิ่งเวยเฉียงนึกถึงบางอย่าง ทว่าก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน“ข้าตั้งครรภ์แล้ว”เฟิ่งเวยเฉียงอ้าปากค้างด้วยความคิดไม่ถึง “จริงหรือ?!”นี่ช่างดีเหลือเกิน!พี่น้องสองคนนั่งลง นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน มีคำพูดมากมายที่อยากเอ่ยในห้องข้าง ๆ กันเซียวอวี้อยู่กับซ่งหลี สีหน้าของซ่งหลีดูแตกต่างจากเมื่อครั้งก่อนมาก ใต้ตาเป็นรอยคล้ำเหมือนมี “ถุงใต้ตา” ความกลัดกลุ้มเผยออกมาให้เห็นภายนอกเซียวอวี้กลับถามราวไม่ได้สังเกตอะไร“เป็นอย่างไรบ้างกับการเป็นพระสวามี?”ซ่งหลีก้มศีรษะลงต่ำ เย้ยหยันตนเองด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“ข้าน้อยไร้ความสามารถ ไม่อาจทำได้ดี”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเหตุใดถึงมีสีหน้าอมทุกข์?คงไม่ใช่ว่า เฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้นได้ใหม่แล้วลืมเก่า มีสนมชายคนโปรดแล้ว?จู่ ๆ ซ่งหลีก็นึกถึงเรื่องบางอย่าง แววตาเป็นประกายทันทีเขาลุกขึ้นยืน พร้อมปร