เซียวอวี้ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่า เขากับจิ่วเหยียนจะยังมีบุตรได้ก่อนหน้านี้ที่ให้นางหยุดยา ก็เพราะตัดสินใจจะไม่ต้องการบุตรแล้ว คิดว่าชีวิตนี้ของเขาคงไร้วาสนาจะมีทายาทหมอผู้นั้นยืนยันหนักแน่น“เป็นชีพจรตั้งครรภ์จริง ๆ อายุครรภ์เกินหนึ่งเดือนแล้ว”พระพักตร์มังกรของเซียวอวี้เผยความยินดีขึ้นมาในทันที“ดี! ดีมาก! ใครก็ได้ นำรางวัลมา!”เมื่อหมอได้รับทองคำจำนวนมาก ร่างกายถึงกับอ่อนแรงไปทันทีนี่นี่นี่...นี่ช่างเป็นโชคลาภตกจากสวรรค์!เขาเพียงบอกว่าเป็นชีพจรตั้งครรภ์ ก็ได้รับค่าตรวจสูงถึงเพียงนี้?หลังจากนั้นเฉินจี๋ก็พาหมอออกไปส่งภายในห้องเซียวอวี้ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง ตรงไปอุ้มเฟิ่งจิ่วเหยียนขึ้นมาจากเก้าอี้“จิ่วเหยียน พวกเรามีบุตรแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนยื่นนิ้วชี้ แตะที่ริมฝีปากเขา“เบาเสียงหน่อย อย่าทำให้บุตรในครรภ์ตกใจ”นางก็ดีใจมากเช่นกันทว่าคนเฒ่าคนแก่กล่าวไว้ ภายในสามเดือน ภาวะครรภ์ยังไม่คงที่ มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแท้งนางพยายามทำตัวให้สงบนิ่ง ไม่อยากคาดหวังสูง เพราะจะยิ่งผิดหวังมากเซียวอวี้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น รีบอุ้มนางไปนั่งลงบนเตียง นำผ้าห่มคลุมท้องให้นาง
คำสั่งจากพระราชวังสั่งการลงมาเป็นลำดับ ให้ทั่วแคว้นหนานฉีสืบสวนคดีของมนุษย์โอสถอย่างเข้มงวดในยุทธภพ นำโดยสำนักเฉวียนเจิน ร่วมกันวางแผนกำจัดกลุ่มค้ามนุษย์โอสถ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ความเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นประกาศของราชสำนักติดไว้ตามถนนหนทางและตรอกซอกซอย ชาวบ้านพากันล้อมวงเข้ามาดูจำนวนไม่น้อย“นี่มันเรื่องอะไรกัน? มนุษย์โอสถคืออะไร?”“น่ากลัวเหลือเกิน! บอกว่าจะจับตัวคนไป และกรอกยาพิษลงไป จนทำให้คนดี ๆ กลายเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง”“ทางการให้พวกเราระวังตัวให้มาก หลีกเลี่ยงไปในสถานที่ห่างไกล ยามปกติออกนอกบ้านควรเดินทางไปด้วยกันเป็นกลุ่มจะดีที่สุด ทว่าคนชั่วที่คิดจะทำเรื่องผิดกฎหมาย พวกเราชาวบ้านธรรมดาคงป้องกันยาก!”“เฮ่อ! เช่นนั้นก็ออกจากบ้านให้น้อยครั้ง!”“ในประกาศยังเขียนอีกว่า หากผู้ใดแจ้งเบาะแส ก็จะได้เงินรางวัลด้วย!”ราชสำนักจำเป็นต้องทำลายรังของกลุ่มค้ามนุษย์โอสถให้สิ้นซากชาวบ้านต่างก็ขานรับถึงอย่างไรนี่ก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของพวกเขาเองบ้านที่มีคนหายตัวไปก่อนหน้านี้ จึงวิ่งโร่มาหาทางการในแต่ละวัน“ใต้เท้า จะหาบุตรสาวของข้าเจอเมื่อใด?”“ใต้เท้า! สองป
เซียวจั๋วอยู่ที่หมู่บ้านจู๋ซาน สิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือการสืบหาเส้นทางการค้าขายของหญ้าบัวแดงเพื่อความสะดวกในการทำงานของเขา เซียวอวี้จึงเหลือผู้ช่วยไว้ให้เขาจำนวนหนึ่งในที่สุดตอนนี้ก็เริ่มมีผลสำเร็จในจดหมายเซียวจั๋วพูดถึง ที่จริงเขาก็สงสัยมานานแล้วว่า หญ้าบัวแดงนั้นไม่ได้ขายออกไปด้วยเส้นทางขายสมุนไพร แต่เป็นช่องทางอื่น มิเช่นนั้นคงไม่มีทางที่จะไร้เบาะแสดังนั้นก็ได้ตรวจพบไก่พวกนั้นกินหญ้าบัวแดงเป็นอาหารผลสุดท้ายก็พบว่า แต่ละเดือนจะมีไก่จำนวนหนึ่งถูกขายออกไปยังเมืองอื่นพ่อค้าไก่เหล่านั้นเดินทางไม่แน่นอน และน่าสงสัยอย่างมาก“ทูลฝ่าบาท องค์ชายเซียวจับพ่อค้าไก่เหล่านั้นได้แล้ว ทว่าคนเหล่านั้นปากแข็ง ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”สายตาเซียวอวี้ดูเย็นชาเคร่งขรึม“ถึงแม้ไม่ยอมพูด แต่เรื่องนี้ก็ใกล้จะคลี่คลายแล้ว”วันนี้เขายังต้องไปฉลองวันเกิดร่วมกับเฟิ่งจิ่วเหยียน เรื่องการสืบสวนนี้ เขาวางใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดการแทนจากนั้นก็หันไปจูงมือเฟิ่งจิ่วเหยียน “พวกเราไปกันเถอะ วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอื่น”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า และตามเขาขึ้นรถม้าไปภายใน
ภายในเรือสำราญ สุราดีอาหารเลิศรสเตรียมไว้พร้อมล่วงหน้าแล้วเซียวอวี้ไม่ได้ตั้งกฎระเบียบอะไร แค่ถือว่าเป็นมื้ออาหารครอบครัวธรรมดา ทั้งสี่คนนั่งโต๊ะเดียวกันเรือสำราญลำใหญ่ ถูกเขาเหมาทั้งลำเรือ ไม่มีคนนอกมารบกวนได้เฟิ่งจิ่วเหยียนยกจอกสุราขึ้น “อาจารย์ อาจารย์หญิง ข้าขอดื่มคารวะให้ท่านทั้งสองก่อน เดินทางมาไกล คงเหน็ดเหนื่อยมาก”พวกเขาเลี้ยงดูนางมาสิบกว่าปี นางกลับไม่สามารถทำหน้าที่ลูกกตัญญูให้พวกเขาได้ รู้สึกละอายใจอย่างมากช่วงหลายวันมานี้ นางเอาแต่กังวลกับเรื่องอื่น ๆ จึงไม่ได้เขียนจดหมายไปถามสารทุกข์สุกดิบพวกเขา และไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้างขณะที่นางกำลังจะดื่มหมดจอก เซียวอวี้จับข้อมือนางไว้ และหยิบสุรามาจากมือของนาง“สุรานี้ เราขอดื่มแทนฮองเฮา”พูดจบเขาก็ดื่มรวดเดียวหมดสองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างฮูหยินเมิ่งถามด้วยความเป็นห่วงทันที: “ฮองเฮาทรงได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือไม่?”มิเช่นนั้นเหตุใดถึงไม่สามารถดื่มสุราได้?เมิ่งฉวีก็มีสีหน้าเป็นกังวลเช่นกัน“หรือว่าตอนที่สืบคดีของมนุษย์โอสถ...”เขาไม่ให้นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวในตอนแรก ก็เพ
“ไปชายแดนเหนือ?” เซียวอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียนทันที อยากรู้ว่านางตัดสินใจเช่นนี้จริงหรือไม่เขานึกถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่านางจะไปดูแลครรภ์ที่ชายแดนเหนือหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาสามีภรรยาจะไม่ต้องแยกจากกันหรอกหรือ?ฮูหยินเมิ่งก็กังวลเรื่องนี้เช่นเดียวกันหากสามีของจิ่วเหยียนเป็นเพียงบุรุษธรรมดา เรื่องนี้ก็คงไม่มีอะไรเป็นปัญหา แต่สามีของนางเป็นกษัตริย์ของแว่นแคว้นทั้งในวังยังมีสนมเหล่านั้นเขาจะทนความเหงาได้อย่างไร?เรื่องราวในโลกยากจะคาดเดา ใจคนก็ยากจะหยั่งถึงนางไม่อยากให้จิ่วเหยียนต้องเสียใจในภายภาคหน้าใจของบุรุษก็เหมือนดั่งว่าว จะปล่อยให้เชือกว่าวเส้นนั้นขาดไม่ได้ ทันทีที่ปล่อยให้ลอยไป คิดจะดึงกลับมาอีกก็คงยากแล้วฮูหยินเมิ่งเสนอตัวเอ่ยโน้มน้าว“หากพระนางจะเสด็จไปดูแลครรภ์ที่ชายแดนเหนือ พวกเราสองสามีภรรยาย่อมต้องดูแลเป็นอย่างดี อีกทั้งก็ยินดีที่จะทำสิ่งนั้น ทว่าท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นแค่แผนการเฉพาะหน้า หารือกับฝ่าบาทก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ?”จากปฏิกิริยาของฮ่องเต้ก็พอจะมองออกว่า เขาไม่รู้ถึงการตัดสินใจนี้ด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนยิ้มเล็กน
นายท่านเฟิ่งมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะเป็นวันเกิดของบุตรสาวเขาคิดว่า ในฐานะบิดา ก็ควรแสดงออกบ้างไม่มากก็น้อยดังนั้นจึงเลือกสรรอย่างพิถีพิถัน และซื้อหยกหนึ่งชิ้นมาเป็นของขวัญวันเกิดเจียงหลินบอกกับเขา“พวกเขาออกไปล่องเรือกันแล้ว คงไม่กลับมาเร็วนัก หากท่านซือหม่าเชื่อใจข้า ก็ฝากของขวัญวันเกิดนี้ไว้ ข้าจะเป็นตัวแทนท่านมอบให้กับฮองเฮา”นายท่านเฟิ่งจับกล่องผ้าไว้แน่น ๆ ทันที ท่าทางดูระแวดระวังอย่างมากเจียงหลิน: เขาดูเหมือนคนชั่วร้ายหรือ?“ข้าจะมาใหม่อีกภายหลัง” ในใจลึก ๆ ของนายท่านเฟิ่งดูหมิ่นชาวยุทธภพที่วันวันไม่มีอะไรทำเหล่านี้จิ่วเหยียนมีนิสัยเหมือนเช่นทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าเมิ่งฉวีผู้นั้นสั่งสอนมาผิด ๆ อีกส่วนหนึ่งคือใกล้ชิดกับคนไม่ดีนายท่านเฟิ่งไม่รู้จักตัวตนของเจียงหลิน และไม่คิดจะถามด้วยซ้ำเขาเข้าใจว่าตนเองฉลาด ในเมื่อรู้ว่าฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงกำลังล่องเรือ เขาก็ตรงไปหาพวกเขาเลยก็สิ้นเรื่องเจียงโจวแห่งนี้มีภูเขามาก ทะเลสาบที่จะล่องเรือได้ก็มีเพียงแห่งเดียวนายท่านเฟิ่งรู้แล้วว่าจะไปหาพวกเขาได้ที่ใดทว่า เมื่อเขามาถึง กลับเห็นฉากที่เจ็บปวดใจอย่างยิ่งเห็นเร
ภายในห้อง นายท่านเฟิ่งพลิกตัว และนอนตะแคงหันหลังให้เมิ่งฉวี ไม่ต้องการจะคุยกับเจ้าเฒ่าผู้นี้แม้แต่ประโยคเดียวยามนี้เขาเหมือนกับเด็กดื้อรั้น ไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้นเมิ่งฉวีต้องอดกลั้น เอ่ยออกมาด้วยความจนใจ“สหาย อายุปูนนี้แล้ว เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วยเล่า“ข้ารู้ว่า เพราะเรื่องของบุตรสาวทั้งสองคน เจ้าถึงไม่พอใจข้า“มีบางเรื่อง ข้ายอมรับ เช่นว่า จิ่วเหยียนบุตรสาวคนนี้ ข้ากับฮูหยินเลี้ยงดูมานานกว่าสิบปี มองนางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ มาแต่แรกแล้ว ในตอนนั้นพวกเจ้าไม่ต้องการ...”“พวกเราไม่ใช่ไม่ต้องการนาง!” นายท่านเฟิ่งแก้ตัวด้วยอารมณ์เดือดดาลเขาทำเช่นนั้นเพราะจนใจไม่มีทางเลือกเมิ่งฉวีย้อนถาม“พวกเจ้าส่งจิ่วเหยียนมาให้ตระกูลเมิ่ง ฝากพวกเราสามีภรรยาเลี้ยงดู คงไม่ผิดกระมัง? นั่นไม่ใช่เป็นการส่งนางมาให้พวกเรา ให้นางมาเป็นบุตรสาวของพวกเราหรอกหรือ?”ครานี้นายท่านเฟิ่งถึงกับพูดไม่ออกเมิ่งฉวีนั่งลง แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า“ไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไรก็ตาม บุตรของพวกเรา ก็มีเพียงเด็กคนนี้เท่านั้น เวยเฉียงก็เป็นเพราะจนใจไม่มีทางเลือก เพียงนำชื่อมาเกี่ยวโยงกับตระกูลเมิ่งของพวกเรา ในใจนางยังคงเป็น
เมิ่งฉวีจ้องมองไปที่นายท่านเฟิ่งทันที “เจ้ามีเบาะแสอะไร?”นายท่านเฟิ่งจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ พลางเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง“หลายวันมานี้ ข้าได้รับคำสั่งให้สืบหาคนที่หายตัวไปให้แน่ชัด ทว่างานนี้สหายร่วมงานก็ทำจนใกล้จะสำเร็จแล้ว ข้าจึงคิดหาหนทางใหม่ ๆ ...”เมิ่งฉวีร้อนใจจนจะหมดความอดทน“รีบบอกมา เจ้าสืบพบอะไรบ้าง!”นายท่านเฟิ่งเห็นเขาดูร้อนใจ ในใจก็รู้สึกสะใจอยู่บ้างทว่า มันก็เป็นคนละเรื่องกันเมิ่งสิงโจวเป็นเด็กดี ถูกคนทำร้ายจนตาย ก็ถือว่าน่าเสียดายนายท่านเฟิ่งจึงเอ่ยต่อ“ข้าตรวจสอบคนที่มาจากนอกพื้นที่ หลังผ่านการตรวจเทียบ ก็คัดกรองคนกลุ่มหนึ่งออกมาได้ คดีที่คนเจียงโจวหายตัวไปนั้น เพิ่มจำนวนมากขึ้น ล้วนเกิดขึ้นหลังจากที่คนกลุ่มนี้เข้ามา ดังนั้น ในจำนวนคนกลุ่มนี้ จะต้องมีคนที่น่าสงสัย”เมิ่งฉวีคิดว่ามีเหตุผลทว่า...เขามองนายท่านเฟิ่งด้วยความสงสัย และเอ่ยถาม: “เรื่องใหญ่เพียงนี้ เหตุใดจึงไม่กราบทูลฝ่าบาท?”นายท่านเฟิ่งคิ้วขมวดปม“เจ้ามายุ่งอะไรกับข้า!”ที่จริง เขาคิดจะใช้โอกาสมอบของขวัญวันเกิดในวันนี้ กราบทูลฮ่องเต้กับฮองเฮาถึงเรื่องนี้ เพื่อผลงานที่ยิ่งใหญ่จะได้เป็นที่จดจำท
เฉินจี๋เบิกตาโตทันที จ้องมองที่อู๋ไป๋“ลังเลอะไร?”อู๋ไป๋เอ่ยออกมาจากใจจริง“ประมุขแคว้นทรงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความชอบธรรมอย่างยิ่ง เรื่องที่เคยรับปากกับประมุขแคว้นองค์ก่อน ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะต้องทำให้ได้“ส่วนตอนนี้ก็ได้ครอบครองอำนาจของกษัตริย์อีก...เฮ่อ ไม่ใช่ว่านางจะถูกล่อลวงด้วยอำนาจ ที่จริงคือการแบกรับภาระของอาณาประชาราษฎร์เอาไว้โดยไม่รู้ตัว และยิ่งปล่อยวางไม่ได้“นี่เป็นความร้ายกาจของหญิงชราอย่างโอวหยางเหลียนผู้นั้น ก่อนตายนางให้ประมุขแคว้นไปเยี่ยมราษฎรของแคว้น ก็เพื่อให้ประมุขแคว้นทรงซึมซับเป็นส่วนหนึ่งกับแคว้นซีหนี่ว์อย่างแท้จริง”เฉินจี๋ขมวดคิ้วแน่น“ในเมื่อมีเรื่องเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกแต่แรก!”อู๋ไป๋ยกไหล่ขึ้น“บอกไปจะมีประโยชน์อันใด? เจ้าขัดขวางไม่ให้ประมุขแคว้นเสด็จไปตรวจดูสถานการณ์ภัยพิบัติได้หรือ?“อีกอย่าง เจ้าคิดว่าประมุขแคว้นทรงไม่รู้แจ้งด้วยพระองค์เองหรือ?“ทว่าความจริงคือ สถานการณ์ภัยพิบัติในแคว้นซีหนี่ว์รุนแรง และประมุขแคว้นก็ทรงทราบถึงเจตนาของโอวหยางเหลียนเป็นอย่างดี แต่ยังคงแน่วแน่ที่จะไปที่นั่น”เฉินจี๋เห็นเขาเข้าใจประมุขแคว้นเช่นนี้ จึงร
ณ พระราชวังเนื่องจากเฟิ่งจิ่วเหยียนต้องหักโหมกับงานราชกิจ ร่างกายจึงเหนื่อยล้าเซียวอวี้เป็นห่วงนางกับลูกมาตลอด ทว่าหากนางตัดสินใจจะทำสิ่งใดแล้ว ต่อให้เขาพร่ำบ่นอีกก็ไร้ประโยชน์ถ้าเช่นนั้นเขาก็พูดให้น้อย และทำให้มากจะดีกว่าฎีกาของแต่ละวัน เขาจะช่วยนางอ่านก่อน และอธิบายให้เข้าใจ นางจะได้ใช้ความคิดน้อยลงเพื่อช่วยนางแบ่งเบาภาระ เขาจึงตั้งใจเป็นพิเศษที่จะเรียนรู้ลายมือของนางอาหารของนาง เขาก็ยังลงมือทำด้วยตนเองสามีที่ดีเช่นนี้ เดิมควรจะได้รับคำชมเชยจากผู้คนทว่าเหล่าข้าหลวงยังคงดูหมิ่นพระสวามีที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนอย่างเขา คิดว่าเขาไม่ดีเหมือนซ่งหลีที่เป็นมิตรเข้ากับคนง่ายตอนนี้เห็นเขาใส่ใจดูแลประมุขแคว้นเช่นนี้ ต่างก็เข้าใจว่าเขาประจบประแจงอย่างเต็มที่บริเวณวังหลัง ขันทีกลุ่มหนึ่งกำลังวิจารณ์กระซิบกระซาบ “ตอนที่อดีตประมุขแคว้นทรงครองบัลลังก์ วิธีแย่งชิงความสนใจและความหึงหวงในวัง ข้าเห็นมามากแล้ว ส่วนตอนนี้พระสวามีเซียวคนนี้ก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย”“มิเช่นนั้นจะได้รับความโปรดปรานจากประมุขแคว้น จนได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสวามี เพียงแค่อาศัยการรบชนะครั้งเดียวได้อย่างไรเล่า
ชาวบ้านมองดูประมุขแคว้นที่ไม่เหมือนเอ่ยคำพูดเท็จ พร้อมถามด้วยความสงสัย“ท่านประมุขแคว้น แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งใกล้จะถูกเป่ยเยี่ยนยึดครองแล้ว พวกเราจะย้ายเข้าไปได้อย่างไร?”เป่ยเยี่ยนมีอำนาจแข็งแกร่ง นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดีเฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าทีใจเย็น“เราไม่มีทางกล่าวเท็จอย่างเด็ดขาด สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำ คือให้ความร่วมมือกับราชสำนักในการบันทึกจำนวนคน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโยกย้าย “ถึงตอนนั้นย่อมจะมีที่ดินให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน”ชาวบ้านยังคงรู้สึกว่าไม่น่าเชื่ออย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เหล่าขุนนางก็ยังรู้สึกตกใจกองทัพเยี่ยนใกล้จะยึดครองแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้ทั้งหมดแล้ว แล้วจะเอาที่ดินมาแบ่งให้แคว้นซีหนี่ว์ได้อย่างไร?หรือว่า แคว้นซีหนี่ว์จะต้องทำสงครามกับเป่ยเยี่ยน?เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ก่อนหน้านี้ประมุขแคว้นก็ไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อนไม่ว่าจะอย่างไร ก็ควรหารือกับเหล่าขุนนางในราชสำนักทุกคนมีความคิดที่ต่างกันไป ทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาตรง ๆมีเพียงเซียวอวี้ที่เชื่อมั่นเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างแน่วแน่ พลางแอบจูงมือนางอย่างเงียบ ๆหลังจากกลับไปที่ราชสำนักเหล่า
เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้มาก่อนแล้วว่า เมื่อสองเดือนก่อน เพื่อเอาชนะแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง เซียวอวี้จึงทำให้น้ำท่วมทั้งสามกองทัพมองดูเหมือนเป็นเขาที่ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงขึ้นในพื้นที่ปลายน้ำทว่าในความเป็นจริง ตั้งแต่ก่อนหน้านั้น น้ำก็ท่วมทุ่งนาอยู่ก่อนแล้ว ชาวบ้านก็ได้พากันย้ายออกไปนางมองไปยังชาวบ้านเหล่านั้น เข้าใจถึงจิตใจของพวกเขาในเวลานี้ที่นาคือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา หลายคนต้องอาศัยที่นาเหล่านี้ดำรงชีวิตพวกเขาต้องการช่องทางระบายอารมณ์ และต้องการหนทางมีชีวิตรอดภัยธรรมชาติ ไม่อาจโทษฟ้าได้เช่นนั้นก็ต้องโทษมนุษย์“พระสวามีเซียวใช้น้ำเพื่อทำลายศัตรู ได้รับการเห็นชอบจากเรา “เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว โทษฟ้าโทษคนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้“เราสัญญาว่า ราชสำนักจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่“สิ่งที่ต้องทำอย่างแรก ก็คือการระบายน้ำ”นางเรียกขุนนางท้องถิ่นมา และถามหาความรับผิดชอบต่อหน้าธารกำนัล“เราสั่งให้พวกเจ้าระบายน้ำออกให้ทันกาล เหตุใดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นผล!”ขุนนางผู้นั้นก้มศีรษะลงต่ำ“ท่านประมุขแคว้นมีสิ่งที่ท่านไม่ทรงทราบ สถานการณ์ของที่นี่ซับซ้อน เนื่องจากตั้งอยู่
หนานฉีทำสงครามกับเป่ยเยี่ยน มิใช่การกระทำที่ชาญฉลาดสงครามที่แคว้นต่าง ๆ ล้อมโจมตีหนานฉี ต้องสูญเสียกำลังทหารจำนวนมาก ทั้งสองฝ่ายต่างจำเป็นต้องพักฟื้นและฟื้นฟูเป่ยเยี่ยนกล้าเคลื่อนทัพไปทางใต้ เป็นเพราะไม่มีอุปสรรค สามารถยึดครองแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้โดยไม่สูญเสียกำลังทหารแม้แต่นายเดียวแม้ว่าหนานฉีจะไม่พอใจเป่ยเยี่ยนมากเพียงใด ก็ไม่อาจประกาศสงครามโดยไม่ไตร่ตรองถึงแม้คืนที่ผ่านมารุ่ยอ๋องจะหลับไม่เต็มที่ สมองก็ยังคงตื่นอยู่เขาคัดค้านการส่งกองทัพออกไปทำสงครามกับเป่ยเยี่ยนอย่างเด็ดขาดแม่ทัพอาวุโสหลี่ไม่พอใจ“ท่านอ๋อง ขอบังอาจถามว่าตอนนี้ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่ที่ใด?”รุ่ยอ๋องมีท่าทีลังเล เรื่องเช่นนี้ คงต้องมอบให้ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยในที่ประชุม รุ่ยอ๋องเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน“ท่านแม่ทัพอาวุโสหลี่ ข้ารู้ว่าท่านปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อต้านเป่ยเยี่ยน ทว่าเรื่องนี้สุดท้ายแล้วมิใช่หนานฉีควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว“การส่งกองทัพไปช่วยแคว้นซีหนี่ว์เพื่อขัดขวางแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง เป็นเพราะเรากับแคว้นซีหนี่ว์เป็นพันธมิตรกัน หากส่งกองทัพไปทำสงครามกับเป่ยเยี่ยน พวกเราจะใช้เหตุผลใ
หร่วนฝูอวี้สวมอาภรณ์ผ้าโปร่งบางเบา เดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นทันทีรุ่ยอ๋องจ้องมองนางตาไม่กะพริบ เหงื่อในฝ่ามือก็ยิ่งออกมาก“ข้า ข้ายังมีเอกสารทางการ...”เขาไม่มีประสบการณ์เลย จำต้องดูจากสมุดภาพทว่าคำพูดนี้ เขาไม่อาจเอ่ยออกมาได้ดวงตาของหร่วนฝูอวี้หรี่ลงทันที สายตาราวกับสัตว์ป่าที่ออกล่าเหยื่อ“เอกสารทางการ? ข้าว่า เจ้าคงคิดจะหนีกระมัง!”นางก้าวเท้ายาวมาข้างหน้า พร้อมกับข่มขู่: “มาถึงสถานที่ของข้าแล้ว ก็อย่าคิดว่าจะออกไปได้!”พูดจบ นางก็ตรงไปแบกคนขึ้นมาทันทีรุ่ยอ๋องไม่คาดคิดเลยว่า จะเป็นเหตุการณ์เช่นนี้!ศีรษะของเขาคว่ำลง เมื่อเลือดสูบเข้า ก็มีแต่ความว่างเปล่าไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้?อย่างน้อยเขาก็เป็นบุรุษ!ตึง!หร่วนฝูอวี้โยนเขาลงบนเตียง ไม่ทะนุถนอมแม้แต่น้อยจากนั้นด้วยความรวดเร็วและง่ายดาย นางก็ถอดเข็มขัดบนตัวของรุ่ยอ๋องออกมาในที่สุดรุ่ยอ๋องก็ได้สติกลับมา รีบคว้าปกคอเสื้อของตนเองไว้“เจ้าช้าก่อน...”นางร้อนใจจนไม่อาจทนไหว!หร่วนฝูอวี้นั่งอยู่บนเอวของเขา กดมือทั้งสองข้างของเขาวางไว้ข้างศีรษะทั้งสองด้านมองเห็นบุรุษที่ยามปกติมีระเบียบแบบแผน เยือกเ
“เจ้าคิดจะ...มีลูกกับข้า?” คิ้วของรุ่ยอ๋องขมวดปมแน่น จ้องมองหร่วนฝูอวี้ที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูกเหตุใดจู่ ๆ นางถึงมีความคิดเช่นนี้ได้?เพียงเพื่อจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับฮองเฮาหรือ? หร่วนฝูอวี้ยังคงจับปกเสื้อของเขาอยู่ พร้อมกับมองสำรวจเขาด้วยท่าทางของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน มีลูกแล้วจะอย่างไร?“เจ้ายังจะเรื่องมากอีกรึ?”รุ่ยอ๋องส่ายศีรษะอย่างแข็งเกร็ง“ข้าเพียงรู้สึกว่า...”นี่ไม่ปกติเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนขัดขวางการกระทำที่ขาดสติของหร่วนฝูอวี้ได้นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่า การจะมีลูกนั้น มีความหมายอย่างไร“ข้าไม่ใช่คนใจง่ายเช่นนั้น” รุ่ยอ๋องผลักนางออกไปโดยแสร้งทำเป็นสุขุมเยือกเย็น พร้อมกับหันหลังให้นาง สายตามองไปยังที่ไกล ๆ“ใจง่ายรึ?” หร่วนฝูอวี้หัวเราะด้วยความโมโห เช่นนั้นก็เท่ากับว่านางเป็นคนใจง่ายรึ?บุรุษสุนัขผู้นี้ ปากช่างร้ายกาจนัก!“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไปหาคนอื่น!”หร่วนฝูอวี้พูดได้ทำได้ รุ่ยอ๋องจึงรีบคว้าแขนของนางไว้“เจ้าเสียสติไปแล้วรึ?!”นางเป็นพระชายาของเขา จะมีสัมพันธ์กับชายอื่นได้อย่างไร?หร่วนฝูอวี้เกลียดท่าทางลั
ด้านนอกห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้ยืนอยู่ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งได้ยินว่าเสนาบดีที่ช่วยปกครองเหล่านี้ต้องการทำตามโอวหยางเหลียน ใช้ความตายมาข่มขู่จิ่วเหยียนวิธีนี้ช่างชั่วร้ายยิ่งนักจนกระทั่งตอนที่เห็นพวกนางเดินออกมา และไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย เซียวอวี้ถึงค่อยโล่งใจเหล่าเสนาบดีทำเป็นมองไม่เห็นเขา มีเพียงหูย่วนเอ๋อร์ที่มองเขาด้วยแววตาที่แฝงความรู้สึกซับซ้อนฮ่องเต้ฉีเสด็จมาที่แคว้นซีหนี่ว์ด้วยพระองค์เอง คิดดูแล้วก็คงกังวลพระทัยว่าประมุขแคว้นจะทรงหวั่นไหว ไม่เสด็จกลับไปหนานฉีอีกเห็นได้ชัดว่า พวกเขาเป็นเช่นเดียวกัน ไม่อาจคาดเดาจิตใจของประมุขแคว้นได้ช่างน่าเศร้าจริง ๆเมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ หูย่วนเอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจโดยไม่รู้ตัวยิ่งไปกว่านั้นคำพูดแต่ละคำของประมุขแคว้นนั้นมีความหมายอันลึกซึ้ง สิ่งที่พวกนางพยายามจะรักษาไว้ อย่างมากเพียงชั่วชีวิตเดียวนี่เหมือนกับการที่หมอรักษาโรค รักษาที่ปลายเหตุมิได้รักษาที่ต้นเหตุเมื่อครู่ประมุขแคว้นเอ่ยกับพวกนางมากมาย ทำให้พวกนางเข้าใจว่า ต้นเหตุที่แคว้นซีหนี่ว์ไม่อาจสร้างความยิ่งใหญ่ได้ ก็คือ “บาดแผลภายใน”การกดขี่บุรุษภายในแคว้นมากเกินไป
เสนาบดีที่ช่วยปกครองต่างก็เป็นคนสนิทของอดีตประมุข แต่ละคนล้วนเป็นเสาหลักสำคัญของราชสำนักพวกนางยืนอยู่นอกห้องทรงพระอักษร ถึงอายุจะต่างกัน ทว่าล้วนมีความจงรักภักดีและกล้าหาญ“พวกหม่อมฉันขอเข้าเฝ้าประมุขแคว้น!”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรในห้องทรงพระอักษร ด้วยสายตาที่แน่วแน่นางจ้องมองเงาร่างของแต่ละคนที่อยู่ด้านนอกตำหนัก ความแน่วแน่ในดวงตาเจือความหม่นหมอง“ให้พวกนางเข้ามา”ไม่นาน เหล่าเสนาบดีก็ทยอยกันเข้ามาด้านใน หูย่วนเอ๋อร์ที่บาดเจ็บหนักนอนอยู่บนแคร่หามนั้นเห็นเด่นชัดที่สุดเฟิ่งจิ่วเหยียนวางฎีกาที่อยู่ในมือลง กวาดตามองพวกนางแวบหนึ่ง“ต้องการจะพูดสิ่งใด?”“ท่านประมุขแคว้น พวกหม่อมฉันทราบแล้ว เหตุใดใต้เท้าโอวหยางถึงสิ้นใจ” ลมหายใจของหูย่วนเอ๋อร์สงบนิ่ง ทว่ามองเห็นบาดแผลภายในไม่รุนแรงเสนาบดีคนอื่น ๆ จึงเอ่ยต่อ“ใต้เท้าโอวหยางทำเพื่อความมั่นคงของแผ่นดินแคว้นซีหนี่ว์ นางอาศัยความตาย ขอร้องให้ประมุขแคว้นทรงอยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ต่อไป!”สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูสงบนิ่ง มิได้เอ่ยขัดจังหวะคำพูดของพวกนางหูย่วนเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก หันไปโน้มศีรษะให้เฟิ่งจิ่วเห