“อะไรนะ? ตัวปลอม?” ศิษย์เฝ้าประตูตกตะลึงจนสีหน้าซีด ทหารทางการเป็นตัวปลอม แล้วเจ้าสำนักล่ะ? เจ้าสำนักตกอยู่ในอันตรายใช่หรือไม่! พวกเขารีบรายงานเรื่องนี้ให้รองเจ้าสำนักทราบ รองเจ้าสำนักกำลังให้ความมั่นใจกับคนแต่ละสำนักต่าง ๆ “ศิษย์พี่เจ้าสำนักจะกลับมาในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น งานชุมนุมประลองยุทธ์จะดำเนินไปตามปกติ...” “รองเจ้าสำนัก!” ลูกศิษย์วิ่งมาอย่างรีบร้อน เมื่อรองเจ้าสำนักทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เกือบตกลงมาจากเก้าอี้ “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ!” ของปลอม? ทหารทางการเหล่านั้นคือตัวปลอม! เขารีบเรียกตัวศิษย์ชั้นยอดมา แล้วให้พวกเขาไล่ตามไป อย่างไรก็ตาม อู๋ไป๋กับหยิ่นลิ่วขี่ม้าหนีไปไกลแล้ว ……ภายใต้การสอบสวนอย่างทรมานแสนสาหัสของเลี่ยอู๋ซิน สามารถสอบสวนเรื่องหนึ่งออกมาได้ ชิวเฮ่อยอมรับว่า อาจารย์เหยียนชิงซง ถูกเขาทำร้ายจริง ๆ หลังจากผู้อาวุโสเหยียนทราบเรื่องนี้ ก็วิ่งเข้าไปในห้อง แม้นชิวเฮ่อจะถูกทรมานจนบาดเจ็บไปทั้งตัว ผู้อาวุโสเหยียนก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถระบายความแค้นในใจได้ เขาบีบคอชิวเฮ่อ ร้องถามด้วยความโกรธ “ทำไม! ทำไมต้องฆ่าท่านพ่อขอ
เซียวอวี้แปลกใจว่าของขวัญวันเกิดนี้คืออะไร ครั้นเปิดกล่องผ้าไหมดู ภายในมีหยกแขวนชิ้นหนึ่ง หยกแขวนชิ้นนี้สีสันใสบริสุทธิ์ เหมาะกับเขามาก แม้นเขาจะเป็นจักรพรรดิ เคยเห็นของมีค่ามากมาย ทว่านี่เป็นสิ่งของที่จิ่วเหยียนมอบให้เขา เขาจึงรู้สึกพอใจเป็นพิเศษ เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างไม่รีบร้อน “เวลามีน้อย เลยซื้อได้แค่หยกแขวนชิ้นนี้” เซียวอวี้สวมใส่ทันที “ลำบากเจ้าแล้วที่ยังจำวันเกิดของเราได้” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ความจำของหม่อมฉันไม่แย่ขนาดนั้น” คำตอบที่เซียวอวี้อยากได้ยิน ไม่ใช่แบบนี้ เขาโอบกอดไหล่นาง “พูดไม่ได้หรือว่า เพราะเราเป็นสามีของเจ้า เจ้าจึงจำ...” ตุ๊บตุ๊บ! พอดีพอร้าย อู๋ไป๋เคาะประตูในเวลานี้ “นายท่าน เจียงหลินกลับมาแล้วขอรับ!” ...... เดิมเจียงหลินดำเนินการค้าอยู่ต่างเมือง ได้ยินว่าเจียงโจวมีงานคึกคัก เลยอยากมาร่วมด้วย เขาเร่งรีบมา จนมาทันเวลา “โชคดีที่พวกท่านยังอยู่!” เจียงหลินสวมชุดแดง สวมมงกุฎทอง เอวคาดด้วยเข็มขัดเงิน สวมรองเท้าดำปักทอง ย่างก้าวราวกับเหยียบทอง แลดูทะนงตน ตงฟางซื่อรู้จักเขาดี โบกมือทักทายเขา “สห
เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างไร้หัวไร้หาง ทำให้หลายคนงุนงงไปตาม ๆ กัน เซียวอวี้ก็พลันคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ตงฟางซื่อถามเฟิ่งจิ่วเหยียนโดยตรง “ไก่มีปัญหาอะไรหรือ?” เจียงหลินที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ กำลังจะกินนกพิราบย่างก็สะดุ้ง แล้วรีบแก้คำพูดของนาง “บอกแล้ว นี่ไม่ใช่ไก่ แต่เป็นนกพิราบ และยังเป็นนกพิราบบินได้ที่แพงที่สุดด้วย! ทว่า ที่เจ้าพูดว่ามีปัญหา พวกมันถูกวางยาหรือ?” เจียงหลินรีบโยนนกพิราบหอม ๆ ในมือทิ้งไป เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้าให้เขา “ไม่เกี่ยวกับนกพิราบของเจ้า ที่ข้าพูดถึง คือไก่ในหมู่บ้านจู๋ซานเหล่านั้น” นางหันไปมองคนอื่น ๆ “พวกเจ้าจำได้หรือไม่ ในพิษมนุษย์โอสถนั้น หญ้าบัวแดงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้?” เลี่ยอู๋ซินตอบรับเป็นคนแรก “จำได้สิ ไม่ใช่ยังเหลือคนไว้ที่หมู่บ้านจู๋ซานคนหนึ่ง เพื่อสืบสาวถึงผู้ซื้อหญ้าบัวแดงอยู่หรอกหรือ เจ้าพูดว่าไก่มีปัญหา หรือเจ้าสงสัยว่า...” เขาก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ทว่าไม่พูดออกมา คราวนี้ ตงฟางซื่อก็ตาสว่าง “ความหมายก็คือ สืบหามาตั้งนาน ก็ไม่เจอเส้นทางการค้าของหญ้าบัวแดง นั่นอาจเป็นเพราะสืบหาผิดเส้นทาง สิ่งที่คนพวกนั้นซื้อ ไ
ภายในห้อง ผู้เฒ่าเหยียนที่ปลอมตัวเป็นชิวเฮ่อกำลังนอนราบ แววตาจ้องมองหลังคาอย่างเย็นชา ในสมองล้วนเป็นภาพเงาร่างของบิดาที่จากไปแล้วเขากำฟูกใต้ร่างแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นความแค้นที่ฆ่าบิดา ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าได้แค้นต้องชำระ ทว่าการปกป้องสำนักอวิ๋นซานก็สำคัญเช่นกันพวกสารเลวที่ซื้อขายมนุษย์โอสถ เป็นพวกเขาที่ทำลายชื่อเสียงของสำนักอวิ๋นซาน!เขาจะต้องหาตัวพวกเขาออกมาแล้วกำจัดให้สิ้น!……ราตรียามดึกมากแล้วเหล่าศิษย์ของสำนักอื่นที่พักอยู่ที่นี่ มักจะรู้สึกแปลก ๆพวกเขาระวังตัวอย่างยิ่ง กลัวว่าสำนักอวิ๋นซานจะวางแผนใส่ยาพิษลงไปในมื้อเย็นของพวกเขา ทำให้พวกเขาเข้าร่วมงานชุมนุมประลองยุทธ์ไม่ได้ศิษย์สำนักเฉวียนเจินทั้งหมดพักรวมอยู่ในห้องเดียวกัน ห้องข้าง ๆ เป็นศิษย์ของสำนักอสนีบาต เดิมก็เสียใจเพราะการตายของติงหยวนเอ๋อร์อยู่แล้ว ตอนนี้ยังได้ยินเสียงกรนของพวกบุรุษหน้าเหม็น พวกนางยิ่งนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา“รองเจ้าสำนัก พวกเรายังจะเข้าร่วมงานชุมนุมประลองยุทธ์ต่อหรือไม่?” มีคนถามเสียงเบา ดูท่าทางถอดใจเหลิ่งเซียนเอ๋อร์นั่งลงในท่าขัดสมาธิ คิดจะบำเพ็ญตนนางพูดขึ้นช้า ๆ“พรุ่งนี้
“ข้ารู้สึกเพลียอยู่บ้าง” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดเสียงอ่อนล้าเซียวอวี้ไม่ค่อยได้เห็นนางเหนื่อยล้าอ่อนแรงเช่นนี้เขาขมวดคิ้วด้วยความห่วงใย จากนั้นก็หันไปดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดเฟิ่งจิ่วเหยียนจับชายอาภรณ์ของเขาเบา ๆ“ข้าเพียงแค่อยากช่วยเหลือผู้คน ไม่คิดจะให้พวกนางมาชื่นชอบข้าจนถึงขนาดตายเพื่อข้าเช่นนี้“น้ำใจนี้...หนักหนาเกินไป”เซียวอวี้ตบหลังปลอบนางเบา ๆ“นี่คือเหตุและผล เพราะทำความดี จึงได้รับการตอบแทน อีกอย่างการที่ช่วยเจ้าคนเดียว แล้วเจ้าก็สามารถช่วยคนอื่นได้มากขึ้นอีก”เฟิ่งจิ่วเหยียนปรับอารมณ์กลับมาได้อย่างรวดเร็วนางปล่อยเซียวอวี้ แววตากลับมาหนักแน่นจากนั้นนางก็เดินเร็ว ๆ ออกจากเรือนรอง จนตามเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ทัน“ทำอะไรต้องทำให้เสมอต้นเสมอปลาย งานชุมนุมประลองยุทธ์ สำนักเฉวียนเจินยังขาดอีกสองครั้งก็จะเป็นผู้ชนะ”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ขมวดคิ้ว“ท่านจะทำอะไร?”สายลมเย็นพัดมา เส้นผมของคนทั้งสองเต้นไปตามลม ดูดุดันอย่างเห็นได้ชัดเฟิ่งจิ่วเหยียนพูด“เดิมข้าคิดว่า การที่ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาพัวพันมากไปกว่านี้ ก็เพื่อตัวของพวกเขาเอง“ทว่าตอนนี้ดูจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น“มีเรื่องที่ท่า
มีจดหมายจากแคว้นซีหนี่ว์ เฟิ่งจิ่วเหยียนกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเวยเฉียงที่อยู่ทางนั้นนางเปิดจดหมายอ่านทันทีในจดหมายพูดถึงเรื่องของท่านแม่เวยเฉียงบอกว่า ท่านแม่ป่วย อาการไม่ได้หนักอะไร แต่เห็นได้ว่าท่านแม่อยากกลับแคว้นหนานฉี ดังนั้นจึงส่งจดหมายมาปรึกษาสำหรับเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้ว เรื่องนี้แก้ได้ง่ายมากนางไม่มีทางบังคับให้ท่านแม่อยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ต่อ หากท่านแม่อยากกลับมา ก็สามารถส่งคนไปรับได้ทันทีครั้นแล้วนางจึงยกพู่กันเขียนจดหมาย บอกความคิดของนางกับเวยเฉียงเมื่อเขียนจดหมายเสร็จ เซียวอวี้ก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้น สีหน้าดูตกตะลึงอาภรณ์ชุดนั้นสีค่อนข้างเรียบ นึกไม่ถึงว่าจะเข้ากับเขามากโดยเฉพาะผมของเขาที่ยังไม่ได้มัด มองแค่ข้างหลัง ก็มีลักษณะอย่างศิษย์สำนักเฉวียนเจินอยู่หลายส่วนแล้ว——ลอยล่องดั่งเซียนตกสวรรค์ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา นางก็ไม่กล้ามองเขาตรง ๆ แล้ว.......ภายในสำนักอวิ๋นซานงานชุมนุมประลองยุทธ์ดำเนินไปตามปกติข่าวที่ชิวเฮ่อบาดเจ็บสาหัส สำนักอวิ๋นซานยังไม่ได้เปิดเผยต่อภายนอก เพียงบอกว่าหลังจากเขากลับมาจากที่ว่าการ ร่างกายย
บนเวทีประลอง คู่ประลองของเซียวอวี้คือศิษย์สำนักอวิ๋นซานสายตาของเขาเย็นยะเยือกแฝงรังสีสังหารด้านล่างเวทีมีคนจำเขาได้“นี่คือยอดฝีมือของสำนักเฉวียนเจินนี่! เมื่อวานเป็นนางที่ช่วยให้สำนักเฉวียนเจินชนะไปหลายครั้ง!”“ใช่ ข้าก็จำได้! ข้ายังเคยประลองกับนางด้วย! ถึงแม้นางจะสวมหน้ากาก ทว่ารูปร่างนี้ข้าจำได้ ช่างบึกบีน ไม่เหมือนสตรีซักนิด!”“เมื่อวานหากไม่ใช่เพราะอินซื่อเฉิงใช้ยาพิษ นางก็จะชนะต่อไป นี่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง!”ครั้งนี้เซียวอวี้ไม่จำเป็นต้องถ่วงเวลาออกไปดังนั้น จึงใช้เวลาเพียงชั่วครู่ เขาก็ปลดอาวุธของคู่ประลอง เตะคนลงจากเวทีสีหน้าของคนผู้นั้นดูไม่อยากจะเชื่อ“ข้าแพ้แล้วหรือ?”รองเจ้าเจ้าสำนักสำนักอวิ๋นซานที่นั่งอยู่ด้านบนลุกขึ้นยืน คิดอยากจะมองให้ชัดเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?นี่จบแล้วหรือ?สำนักเฉวียนเจินมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ!การประลองดำเนินต่อไป ศิษย์สำนักอวิ๋นซานขึ้นไปท้าประลองอย่างต่อเนื่องน่าเสียดายที่พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวอวี้เวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งชั่วยาม เซียววอี้ก็ชนะไปแล้วสิบครั้งอีกทั้งเขายังดูไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อยด้วยจิ
“เฝิงเกาจากสำนักอวิ๋นซาน โปรดแนะนำด้วย”เซียวอวี้มองคู่ประลองที่อยู่ตรงหน้า เขาสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตบนร่างของอีกฝ่ายเฝิงเกาที่จ้องเซียวอวี้ ดูเหมือนจะดื่มสุราเข้าไป สายตาดูมึนเมา“เป็นสตรีนี่เอง”น้ำเสียงของเขาแฝงความเหยียดหยามสำนักอื่นต่างเคยได้ยินเรื่องของเฝิงเกาคนผู้นี้ลงมืออำมหิต ศิษย์ของสำนักเฉวียนเจินผู้นั้น อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขายิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นการประลองรอบแรกของเฝิงเกา เขาได้เปรียบเรื่องพลังกายมากกว่าสำนักอสนีบาตไม่ยอมสำนักอวิ๋นซาน จึงลุกขึ้นตะโกนลั่น“นี่มันแกล้งกันเกินไปแล้ว!”รองเจ้าสำนักสำนักอวิ๋นซานยิ้มบางตอบ“เฝิงเกาก็เป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นซาน เหตุใดจะร่วมการประลองไม่ได้?”สำนักอสนีบาตยุยงเหลิ่งเซียนเอ๋อร์อีกครั้ง“รองเจ้าสำนักเหลิ่ง เรื่องนี้ท่านก็ยอมทนได้หรือ? สำนักอวิ๋นซานกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่าอยู่ชัด ๆ !”คนอื่น ๆ ก็ช่วยพูดโน้มน้าวด้วยเช่นกัน“หากเฝิงเกาลงมือ ไม่ตายก็พิการ! รองเจ้าสำนักเหลิ่ง หากท่านเป็นห่วงศิษย์จริง ๆ ก็รีบหยุดมือเถิด! แค่งานชุมนุมประลองยุทธ์เท่านั้น เหตุใดต้องให้มีคนตายอีกเพื่องานนี้ด้วยเล่า?”เฝิงเกาเลียริมฝีปาก จ
ที่ว่าการเจียงโจวได้รับคำสั่ง ก็รีบเฝ้าประตูเมืองไว้อย่างแน่นหนา จับตัวเหล่าชาวยุทธภพไว้อย่างลับ ๆนายท่านเฟิ่งพาผู้ติดตามมาด้วยกลุ่มหนึ่ง ต้องการจะจับคน แต่กลับถูกคนกลุ่มนั้นทำร้ายยังดีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนผ่านมา จึงจัดการเรื่องนี้ให้เมื่อนายท่านเฟิ่งเห็นนางกับฝ่าบาท ก็รีบโทษตัวเองอย่างหนัก!“ฝ่าบาท ฮองเฮา กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว! เจียงโจวเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ ล้วนเป็นเพราะกระหม่อมละเลยหน้าที่…”เฟิ่งจิ่วเหยียนทนมองท่าทางจอมปลอมของเขาไม่ได้ จึงตัดบทคำพูดของเขา“หยุดเสแสร้งได้แล้ว ที่ว่าการมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ พาผู้ติดตามของท่านกลับไปซะ อย่าสร้างความวุ่นวายเพิ่ม”นายท่านเฟิ่งรู้ว่านางไร้ความรู้สึก แต่ก็ไม่คิดว่านางจะไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ร้ายดีอย่างไร เขาก็เป็นบิดาแท้ ๆ ของนาง เขาเองก็อยากช่วยเหมือนกัน!ถึงเขาจะไม่มีคุณงามความดีแต่ก็มีความทุ่มเทเหมือนกัน!เซียวอวี้พูดเสียงทุ้มต่ำ“ฮองเฮาบอกให้เจ้ากลับไป เจ้าก็กลับไปซะ”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทว่า ในเมื่อท่านทั้งสองมาถึงเจียงโจวแล้ว อาศัยอยู่ข้างนอกก็คงลำบาก สู้คืนนี้ไปที่จวนซือหม่า…”เขาพูดยังไม่จบ ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็ขี่ม้าจ
เลี่ยอู๋ซินนั่งลงแล้วดื่มน้ำ เล่าเรื่องราวรายละเอียดให้ทุกคนฟัง“ข้าแฝงตัวอยู่ในสำนักอวิ๋นซาน ตอนแรกยังไม่สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร“และเมื่อวันนี้เอง ผู้อาวุโสเหยียนที่สวมรอยเป็นชิวเฮ่อได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่ง“เขาไหว้วานให้ข้านำจดหมายลับกลับมาด้วย เพื่อปรึกษาว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร”หากตามแผนของเฟิ่งจิ่วเหยียน แน่นอนว่าต้องรีบตอบตกลง และจัดการ “ขนย้าย” มนุษย์โอสถทันทีดีที่สุดคือจับได้คาหนังคาเขาและพร้อมของกลางทว่า กลุ่มค้ามนุษย์โอสถระมัดระวังตัวอย่างมาก ไม่ยอมเปิดเผยง่าย ๆสกัดสินค้าง่าย แต่จับคนค่อนข้างยากอีกอย่างในตอนนี้ นางยังมีปริศนาอีกหนึ่งอย่างที่ยังไม่คลี่คลาย“วันนี้หลังจากที่งานชุมนุมประลองยุทธ์สิ้นสุดลง สำนักเฉวียนเจินเพิ่งประกาศร่วมมือกับราชสำนัก กำจัดกลุ่มมนุษย์โอสถ“สำนักอวิ๋นซานได้รับจดหมายลับเร็วขนาดนี้ นั่นแสดงว่ากลุ่มค้ามนุษย์โอสถได้ข่าวเร็วเช่นกัน”ตงฟางซื่อคาดเดา“การส่งข่าวไปมา ไม่มีทางส่งเร็วขนาดนี้ นอกเสียจากว่ากลุ่มมนุษย์โอสถมีเส้นสายในเจียงโจว หรือบางที…”เขาจงใจไม่พูดออกไปให้ชัดเจน หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกฝ่ายรับคำอย่างรู้ใจ“หรือบา
หลังจากงานชุมนุมประลองยุทธ์สิ้นสุดลง แต่ละสำนักก็อยู่ประชุมต่อ ว่าควรกำจัดกลุ่มมนุษย์โอสถอย่างไรส่วนเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้กลับมาที่เรือนพักระหว่างทาง เซียวอวี้เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดบุรุษเพื่องานชุมนุมประลองยุทธ์ในครั้งนี้ เขาอุทิศไปมากมายเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นแก่ที่เขายอมลำบาก จึงนวดไหล่ให้เขาเองกับมือ“สามีของข้าช่างเก่งยิ่งนัก”เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว ก็ทำให้เซียวอวี้จิตใจเบิกบานเขายื่นมือออกไป คว้าตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนจากข้างหลัง ให้นางนั่งเอียงตัวบนตักของตน“คิดได้หรือยังว่าจะชดเชยให้สามีอย่างไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโอบลำคอของเขา เป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้าไปก่อนชั่ววินาทีที่เข้าไปใกล้ริมฝีปากของเขา ก็เบี่ยงหน้าออก กระซิบแนบใบหูของเขาเสียงเบา“วันนี้หม่อมฉันจะเข้าครัว ทำอาหารบำรุงท่านดี ๆ”เซียวอวี้ยังไม่เคยชิมฝีมือของนางจริง ๆ จัง ๆแต่เขารู้ดี ว่าฝีมือของนางกับตงฟางซื่อเหมือนกัน ไม่สามารถบรรยายได้ในประโยคเดียวเซียวอวี้อุ้มนางขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ไม่ลำบากฮูหยินหรอก เจ้าก็รู้ เทียบกับสิ่งเหล่านั้นแล้ว เราอยาก…”แววตาของเขาเร่าร้อน ส่อความนัยล้นเปี่ยมที่นี่คือเรือนพักของเ
“เฝิงเกาจากสำนักอวิ๋นซาน โปรดแนะนำด้วย”เซียวอวี้มองคู่ประลองที่อยู่ตรงหน้า เขาสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตบนร่างของอีกฝ่ายเฝิงเกาที่จ้องเซียวอวี้ ดูเหมือนจะดื่มสุราเข้าไป สายตาดูมึนเมา“เป็นสตรีนี่เอง”น้ำเสียงของเขาแฝงความเหยียดหยามสำนักอื่นต่างเคยได้ยินเรื่องของเฝิงเกาคนผู้นี้ลงมืออำมหิต ศิษย์ของสำนักเฉวียนเจินผู้นั้น อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขายิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นการประลองรอบแรกของเฝิงเกา เขาได้เปรียบเรื่องพลังกายมากกว่าสำนักอสนีบาตไม่ยอมสำนักอวิ๋นซาน จึงลุกขึ้นตะโกนลั่น“นี่มันแกล้งกันเกินไปแล้ว!”รองเจ้าสำนักสำนักอวิ๋นซานยิ้มบางตอบ“เฝิงเกาก็เป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นซาน เหตุใดจะร่วมการประลองไม่ได้?”สำนักอสนีบาตยุยงเหลิ่งเซียนเอ๋อร์อีกครั้ง“รองเจ้าสำนักเหลิ่ง เรื่องนี้ท่านก็ยอมทนได้หรือ? สำนักอวิ๋นซานกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่าอยู่ชัด ๆ !”คนอื่น ๆ ก็ช่วยพูดโน้มน้าวด้วยเช่นกัน“หากเฝิงเกาลงมือ ไม่ตายก็พิการ! รองเจ้าสำนักเหลิ่ง หากท่านเป็นห่วงศิษย์จริง ๆ ก็รีบหยุดมือเถิด! แค่งานชุมนุมประลองยุทธ์เท่านั้น เหตุใดต้องให้มีคนตายอีกเพื่องานนี้ด้วยเล่า?”เฝิงเกาเลียริมฝีปาก จ
บนเวทีประลอง คู่ประลองของเซียวอวี้คือศิษย์สำนักอวิ๋นซานสายตาของเขาเย็นยะเยือกแฝงรังสีสังหารด้านล่างเวทีมีคนจำเขาได้“นี่คือยอดฝีมือของสำนักเฉวียนเจินนี่! เมื่อวานเป็นนางที่ช่วยให้สำนักเฉวียนเจินชนะไปหลายครั้ง!”“ใช่ ข้าก็จำได้! ข้ายังเคยประลองกับนางด้วย! ถึงแม้นางจะสวมหน้ากาก ทว่ารูปร่างนี้ข้าจำได้ ช่างบึกบีน ไม่เหมือนสตรีซักนิด!”“เมื่อวานหากไม่ใช่เพราะอินซื่อเฉิงใช้ยาพิษ นางก็จะชนะต่อไป นี่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง!”ครั้งนี้เซียวอวี้ไม่จำเป็นต้องถ่วงเวลาออกไปดังนั้น จึงใช้เวลาเพียงชั่วครู่ เขาก็ปลดอาวุธของคู่ประลอง เตะคนลงจากเวทีสีหน้าของคนผู้นั้นดูไม่อยากจะเชื่อ“ข้าแพ้แล้วหรือ?”รองเจ้าเจ้าสำนักสำนักอวิ๋นซานที่นั่งอยู่ด้านบนลุกขึ้นยืน คิดอยากจะมองให้ชัดเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?นี่จบแล้วหรือ?สำนักเฉวียนเจินมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ!การประลองดำเนินต่อไป ศิษย์สำนักอวิ๋นซานขึ้นไปท้าประลองอย่างต่อเนื่องน่าเสียดายที่พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวอวี้เวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งชั่วยาม เซียววอี้ก็ชนะไปแล้วสิบครั้งอีกทั้งเขายังดูไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อยด้วยจิ
มีจดหมายจากแคว้นซีหนี่ว์ เฟิ่งจิ่วเหยียนกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเวยเฉียงที่อยู่ทางนั้นนางเปิดจดหมายอ่านทันทีในจดหมายพูดถึงเรื่องของท่านแม่เวยเฉียงบอกว่า ท่านแม่ป่วย อาการไม่ได้หนักอะไร แต่เห็นได้ว่าท่านแม่อยากกลับแคว้นหนานฉี ดังนั้นจึงส่งจดหมายมาปรึกษาสำหรับเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้ว เรื่องนี้แก้ได้ง่ายมากนางไม่มีทางบังคับให้ท่านแม่อยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ต่อ หากท่านแม่อยากกลับมา ก็สามารถส่งคนไปรับได้ทันทีครั้นแล้วนางจึงยกพู่กันเขียนจดหมาย บอกความคิดของนางกับเวยเฉียงเมื่อเขียนจดหมายเสร็จ เซียวอวี้ก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้น สีหน้าดูตกตะลึงอาภรณ์ชุดนั้นสีค่อนข้างเรียบ นึกไม่ถึงว่าจะเข้ากับเขามากโดยเฉพาะผมของเขาที่ยังไม่ได้มัด มองแค่ข้างหลัง ก็มีลักษณะอย่างศิษย์สำนักเฉวียนเจินอยู่หลายส่วนแล้ว——ลอยล่องดั่งเซียนตกสวรรค์ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา นางก็ไม่กล้ามองเขาตรง ๆ แล้ว.......ภายในสำนักอวิ๋นซานงานชุมนุมประลองยุทธ์ดำเนินไปตามปกติข่าวที่ชิวเฮ่อบาดเจ็บสาหัส สำนักอวิ๋นซานยังไม่ได้เปิดเผยต่อภายนอก เพียงบอกว่าหลังจากเขากลับมาจากที่ว่าการ ร่างกายย
“ข้ารู้สึกเพลียอยู่บ้าง” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดเสียงอ่อนล้าเซียวอวี้ไม่ค่อยได้เห็นนางเหนื่อยล้าอ่อนแรงเช่นนี้เขาขมวดคิ้วด้วยความห่วงใย จากนั้นก็หันไปดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดเฟิ่งจิ่วเหยียนจับชายอาภรณ์ของเขาเบา ๆ“ข้าเพียงแค่อยากช่วยเหลือผู้คน ไม่คิดจะให้พวกนางมาชื่นชอบข้าจนถึงขนาดตายเพื่อข้าเช่นนี้“น้ำใจนี้...หนักหนาเกินไป”เซียวอวี้ตบหลังปลอบนางเบา ๆ“นี่คือเหตุและผล เพราะทำความดี จึงได้รับการตอบแทน อีกอย่างการที่ช่วยเจ้าคนเดียว แล้วเจ้าก็สามารถช่วยคนอื่นได้มากขึ้นอีก”เฟิ่งจิ่วเหยียนปรับอารมณ์กลับมาได้อย่างรวดเร็วนางปล่อยเซียวอวี้ แววตากลับมาหนักแน่นจากนั้นนางก็เดินเร็ว ๆ ออกจากเรือนรอง จนตามเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ทัน“ทำอะไรต้องทำให้เสมอต้นเสมอปลาย งานชุมนุมประลองยุทธ์ สำนักเฉวียนเจินยังขาดอีกสองครั้งก็จะเป็นผู้ชนะ”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ขมวดคิ้ว“ท่านจะทำอะไร?”สายลมเย็นพัดมา เส้นผมของคนทั้งสองเต้นไปตามลม ดูดุดันอย่างเห็นได้ชัดเฟิ่งจิ่วเหยียนพูด“เดิมข้าคิดว่า การที่ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาพัวพันมากไปกว่านี้ ก็เพื่อตัวของพวกเขาเอง“ทว่าตอนนี้ดูจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น“มีเรื่องที่ท่า
ภายในห้อง ผู้เฒ่าเหยียนที่ปลอมตัวเป็นชิวเฮ่อกำลังนอนราบ แววตาจ้องมองหลังคาอย่างเย็นชา ในสมองล้วนเป็นภาพเงาร่างของบิดาที่จากไปแล้วเขากำฟูกใต้ร่างแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นความแค้นที่ฆ่าบิดา ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าได้แค้นต้องชำระ ทว่าการปกป้องสำนักอวิ๋นซานก็สำคัญเช่นกันพวกสารเลวที่ซื้อขายมนุษย์โอสถ เป็นพวกเขาที่ทำลายชื่อเสียงของสำนักอวิ๋นซาน!เขาจะต้องหาตัวพวกเขาออกมาแล้วกำจัดให้สิ้น!……ราตรียามดึกมากแล้วเหล่าศิษย์ของสำนักอื่นที่พักอยู่ที่นี่ มักจะรู้สึกแปลก ๆพวกเขาระวังตัวอย่างยิ่ง กลัวว่าสำนักอวิ๋นซานจะวางแผนใส่ยาพิษลงไปในมื้อเย็นของพวกเขา ทำให้พวกเขาเข้าร่วมงานชุมนุมประลองยุทธ์ไม่ได้ศิษย์สำนักเฉวียนเจินทั้งหมดพักรวมอยู่ในห้องเดียวกัน ห้องข้าง ๆ เป็นศิษย์ของสำนักอสนีบาต เดิมก็เสียใจเพราะการตายของติงหยวนเอ๋อร์อยู่แล้ว ตอนนี้ยังได้ยินเสียงกรนของพวกบุรุษหน้าเหม็น พวกนางยิ่งนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา“รองเจ้าสำนัก พวกเรายังจะเข้าร่วมงานชุมนุมประลองยุทธ์ต่อหรือไม่?” มีคนถามเสียงเบา ดูท่าทางถอดใจเหลิ่งเซียนเอ๋อร์นั่งลงในท่าขัดสมาธิ คิดจะบำเพ็ญตนนางพูดขึ้นช้า ๆ“พรุ่งนี้
เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างไร้หัวไร้หาง ทำให้หลายคนงุนงงไปตาม ๆ กัน เซียวอวี้ก็พลันคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ตงฟางซื่อถามเฟิ่งจิ่วเหยียนโดยตรง “ไก่มีปัญหาอะไรหรือ?” เจียงหลินที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ กำลังจะกินนกพิราบย่างก็สะดุ้ง แล้วรีบแก้คำพูดของนาง “บอกแล้ว นี่ไม่ใช่ไก่ แต่เป็นนกพิราบ และยังเป็นนกพิราบบินได้ที่แพงที่สุดด้วย! ทว่า ที่เจ้าพูดว่ามีปัญหา พวกมันถูกวางยาหรือ?” เจียงหลินรีบโยนนกพิราบหอม ๆ ในมือทิ้งไป เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้าให้เขา “ไม่เกี่ยวกับนกพิราบของเจ้า ที่ข้าพูดถึง คือไก่ในหมู่บ้านจู๋ซานเหล่านั้น” นางหันไปมองคนอื่น ๆ “พวกเจ้าจำได้หรือไม่ ในพิษมนุษย์โอสถนั้น หญ้าบัวแดงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้?” เลี่ยอู๋ซินตอบรับเป็นคนแรก “จำได้สิ ไม่ใช่ยังเหลือคนไว้ที่หมู่บ้านจู๋ซานคนหนึ่ง เพื่อสืบสาวถึงผู้ซื้อหญ้าบัวแดงอยู่หรอกหรือ เจ้าพูดว่าไก่มีปัญหา หรือเจ้าสงสัยว่า...” เขาก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ทว่าไม่พูดออกมา คราวนี้ ตงฟางซื่อก็ตาสว่าง “ความหมายก็คือ สืบหามาตั้งนาน ก็ไม่เจอเส้นทางการค้าของหญ้าบัวแดง นั่นอาจเป็นเพราะสืบหาผิดเส้นทาง สิ่งที่คนพวกนั้นซื้อ ไ