แชร์

บทที่ 105

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-22 16:53:23
ณ จวนตระกูลเฟิ่ง

ฮูหยินเฟิ่งมองบุตรชายที่กลับมาด้วยอาภรณ์สภาพดูไม่ได้ เจ็บปวดใจเหลือคณา

“เหยียนเฉิน เจ้าเป็นอะไรไป!”

เฟิ่งเหยียนเฉินไม่ใยดีความห่วงใยของมารดา มุ่งหน้าเดินตรงเข้าไปที่ลานด้านใน

ตลอดทาง สายตาของเขาว่างเปล่าเคว้งคว้าง ข้างหูล้วนเป็นเสียงการรบราฆ่าฟัน และซากศพที่ตายตาไม่หลับมากมายในปีนั้น

เป็นเพราะเขาเป็นผู้ไร้ประโยชน์เช่นนี้ จึงทำให้ทุกคนผิดหวัง

“พี่ใหญ่!” เฟิ่งหมิงเซวียนที่เป็นน้องชายขวางทางเขา พินิจพิเคราะห์เขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาเผยความยินดีที่เห็นผู้อื่นมีความทุกข์อย่างซ่อนไม่อยู่

“เป็นอะไรเช่นนี้พี่ใหญ่ ขุนนางชั้นผู้น้อยเยี่ยงพี่ เหตุใดแม้กระทั่งอาภรณ์ยังรักษาไว้ไม่ได้กันล่ะ?”

เฟิ่งเหยียนเฉินไม่ได้สนใจ

เฟิ่งหมิงเซวียนหยิบหนังสือแต่งตั้งออกมาหนึ่งใบ โอ้อวดอย่างออกนอกหน้า ยิ้มจนเนื้อปิดตาทั้งสองข้างมิด

“เห็นหรือไม่ ข้าเป็นทูตส่งสาสน์แล้ว! ระดับแปดเชียวนะ สู้กว่าเจ้านครฝ่ายซ้ายของพี่ตั้งหนึ่งขั้น!”

“ยินดีด้วย” เฟิ่งเหยียนเฉินเดินจากไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เฟิ่งหมิงเซวียนถ่มน้ำลายไปทางร่างเงาของเขา

“ถุย! เจ้าคนไร้ประโยชน์!”

เป็นถึงจอหงวนฝ่ายบู๊ กลับทำต
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Kwanjai Sombuttip
เรื่องนี้หลงสนมเสียน่ารำคาญ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 106

    ครั้งแรกของทุกสิบวันที่พิษกำเริบก็มาเยือนเช่นนี้ทว่าฝั่งซ่งหลี่นั้นยังไม่มีข่าวคราวเลยเฟิ่งจิ่วเหยียนรวบรวมพลังภายในเพื่อระงับพิษกำเริบอย่างเงียบเชียบ ทว่านี้ทำได้เพียงทุเลาลงเท่านั้น ไม่สามารถระงับได้ทั้งหมดดูแล้ว นางจำเป็นต้องไปขอยาถอนพิษจากเซียวอวี้ย่างเข้ายามค่ำคืนเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนโฉมหน้า รุดหน้าไปที่ตำหนักฉางซิ่นเพื่อขอยาครั้งนี้ นางระมัดระวังตัวมากกว่าเดิมในตำหนักฉางซิ่นไร้ผู้คนซุ่มโจมตีในตำหนักมีเพียงองครักษ์เฉินจี๋ผู้เดียว“ฮ่องเต้รับสั่ง ใช้พิษนี้ก็สามารถควบคุมเจ้าได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องจับกุมเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องระแวดระวังตัวเช่นนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ปักใจเชื่อฮ่องเต้ทรราชย์นั้นพูดจากลับกลอกหลายคราแล้วนางได้ยาแล้ว รุดหน้าหลบหนีไปก่อนเฉินจี๋ไม่ได้ไล่ตามนางไป มุ่งหน้ากลับตำหนักจื้อเฉินเพื่อไปรายงานเซียวอวี้นั่งอยู่ริมโต๊ะยาว ข้าง ๆ มือได้วางแส้เก้าท่อนของนักฆ่าผู้นั้นไว้เฉินจี๋ฉงนอยู่ในใจ ผ่านไปนมนานแล้ว เหตุใดฮ่องเต้ยังเก็บไว้อีก?“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องจับกุมนักฆ่าผู้นั้นจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”เซียวอวี้สีหน้าเย็นยะเยือก“จับไว้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 107

    กุ้ยเฟยฉลองพระองค์สีชาดที่เป็นสีของภรรยาหลวงสวมใส่ได้เท่านั้น ความมุ่งมาดปรารถนาเด่นเห็นได้ชัดนางงดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผนวกกับการแต่งแต้มของเครื่องประทินโฉม สะกดทุกสายตาของเหล่าฝูงชน บดบังรัศมีนางสนมทั้งหมด ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอันใดไม่คิดว่า เมื่อฮองเฮาปรากฏกาย สายตาที่จับจ้องนางมลายสิ้นแล้วนางผินสายตามองตามฝูงชนไป ดวงตาเบิกกว้างทันที...เฟิ่งจิ่วเหยียนฉลองพระองค์อาภรณ์พิธีการสีเหลือง สวมมงกุฎราชินี งดงามสง่า ดูดีมีชาติตระกูลหากกล่าวว่ากุ้ยเฟยงดงามเย้ายวนใจ ฮองเฮาสง่างามยากจะหาสิ่งใดเปรียบได้กุ้ยเฟยคือบุปผาท่ามกลางชลาศัย ความงามที่เย้ายวนใจทำให้คนปรารถนานำมาเชยชมฮองเฮาคือจันทราบนท้องนภา ทำให้คนใฝ่หาทว่าเอื้อมไม่ถึง รู้อยู่แก่ใจว่าไม่คู่ควร และมิกล้าคิดสกปรกโสมม ทำได้เพียง“เคารพบูชา”นางอย่างระมัดระวัง นี่เป็นความงามชนิดหนึ่งที่ทำให้คนยอมสวามิภักดิ์ไทเฮานั่งอยู่ที่ตำแหน่ง มองไปที่ฮองเฮา อดไม่ได้ที่เหม่อลอยมังกรคู่หงส์ ดุจคู่สร้างคู่สมฮองเฮาอยู่ในลักษณะที่ควรจะเป็นสตรีตระกูลเฟิ่งชื่อเสียงสมคำร่ำลือรังสีที่ทำให้คนสวามิภักดิ์เช่นนั้น แผ่ซ่านออกจากเนื้อใน สวยงามอ่อน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 108

    “ฮองเฮา!” ราชทูตรัฐเหลียงทุกคนกล่าวพร้อมกันเฟิ่งจิ่วเหยียนสุขุมอย่างมาก เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข่าวลือเหล่านี้ ข้ามิเคยหลงเชื่อ”เหล่าราชทูตมองหน้ากันไปมา รู้สึกอึดอัดใจทันทีนางพูดสุภาพเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถชักสีหน้าได้!เกรงว่าฮองเฮาแคว้นหนานฉีผู้นี้จะพูด “ข่าวลือ” ไปมากกว่านี้หูเอ่อร์ต๋ากัดฟันกรอด“ถูกต้องแล้ว ล้วนเป็นข่าวลือ!“ข้าไม่มีกลิ่นกายแม้แต่น้อย!”ส่วนพวกอัครเสนาบดีจะเป็นเยี่ยงไรนั้น เขาขอไม่แสดงความคิดเห็นผ่านการตื่นตระหนกครั้งนี้ เหล่าราชทูตไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวถึงเรื่องที่ฮองเฮาถูกโจรภูเขาลักพาตัวไปอีกเหล่าเสนาบดีแคว้นหนานฉีกลับต่างออกไปพวกเขาอยากได้ยินสิ่งที่ฮองเฮาพูดต่อไปที่พูดไปเมื่อครู่ยังไม่สาแก่ใจ!กุ้ยเฟยยังคงกัดฟันกรอดหูเอ่อร์ต๋ามิพูดอันใดแล้วงั้นรึ?เพียงข่าวลือไม่กี่เรื่อง ก็ทำให้พวกเขาสะอึกจนพูดไม่ออกแล้วหรือ?ความจริงแล้ว สิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งหมดเป็นเพียง“ข่าวลือ”เท่านั้น สิ่งที่นางทราบยังมีอีกมากมาย เกรงว่านางกล้าพูด พวกเขาก็ไม่กล้าฟัง!เซียวอวี้สายตาเรียบนิ่งมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนโดยไม่ตั้งใจส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 109

    ความจริงแล้ว ในเมื่อราชทูตขานชื่อพี่น้องตระกูลเฟิ่ง พวกเขาทำได้เพียงยอมรับแม้กระทั่งเซียวอวี้ที่เป็นฮ่องเต้ ก็ปฏิเสธแทนพวกเขาไม่ได้ตามที่เขาทราบมา สองพี่น้องตระกูลเฟิ่งนี้น้องรองเป็นแค่น้องชายที่ทำตัวเสเพลคนหนึ่งสำหรับเฟิ่งเหยียนเฉินนั้น เมื่อเป็นชายหนุ่มมีผลงานล้ำเลิศจริง ทว่าไม่นานนักก็สูญสิ้นความสามารถ และถูกผู้คนลืมเลือน อย่างไรก็ตาม จอหงวนฝ่ายบู๊ก็มีทุกปี ต่อให้ความสามารถทางการต่อสู้จะเก่งกาจเพียงใด ทำคุณูปการอันใดไม่ได้ ก็จะถูกทิ้งขว้างดั่งสิ่งของไร้ค่าการต่อสู้กับขวยโต่วครั้งนี้ เซียวอวี้ไม่ได้คาดหวังให้พวกเขาชนะอยู่แล้วในทางตรงกันข้าม การประลองสองรอบแรกยอมอ่อนข้อให้รัฐเหลียงไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใดเพียงแค่คนที่จะประลองต่อจากสองพี่น้อง สามารถประลองโจมตีให้ขวยโต่วพ่ายแพ้ เอาชนะรอบสุดท้ายมา แคว้นหนานฉีก็สามารถรักษาความมีน้ำใจของเจ้าบ้านและไม่อับอายขายหน้าเขารับสั่งกับข้าหลวง“พาพวกเขาไปเตรียมตัว”“น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”เฟิ่งหมิงเซวียนได้ยินดังนั้น ตกใจจนขาอ่อนแทบจะเดินไม่ไหวทันทีนี่ ๆ ...นี่จะต้องเข้าสู่สนามประลองหรือ?ไม่!เขาไม่อยากตาย!เขาคิดที่จะปฏ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 110

    เมื่อวานเฟิ่งเหยียนเฉินได้รับบาดเจ็บจากพวกเซวียฉือ แขนขวาออกแรงไม่ได้ชั่วคราวหากเขาขึ้นเวทีประลองด้วยสภาพเช่นนี้ จะต้องถูกขวยโต่วโต้กลับอย่างแน่นอนเฟิ่งจิ่วเหยียนแววตาเย็นยะเยือกเวลานี้ บนเวทีประลอง เฟิ่งหมิงเซวียนยังคงถูกขวยโต่วต่อยตีอย่างทารุณผู้ใดชนะผู้ใดพ่ายแพ้ มองปราดเดียวก็ทราบชัดเหล่าเสนาบดีแคว้นหนานฉีต่างรู้สึกอับอายอย่างไรก็ตามคุณชายรองตระกูลเฟิ่งนี้ก็ฝึกจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ไยถูกต่อยตีจนไร้ทางสู้กลับเช่นนี้?ช่างน่าอายเหลือเกิน!นายท่านเฟิ่งก้มหน้า พยายามทำตัวไม่ให้โดดเด่นอย่างเต็มกำลังขวยโต่วนั้นเก่งกาจเช่นนี้ วันนี้ตระกูลเฟิ่งของเขาอับอายเป็นอย่างมาก!อยากจะขุดหลุมหมุดผืนพสุธาเสียจริงตุ้บ!เฟิ่งหมิงเซวียนถูกโยนลงจากเวที ท้ายที่สุดก็หมดสติไปหน้ากากยังคงอยู่บนหน้าเขาอย่างสมบูรณ์ไร้ความเสียหายข้าหลวงรีบพาตัวเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วถึงแม้นายท่านเฟิ่งจะเป็นห่วง ทว่าก็ไม่กล้ารุดหน้าเข้าไปถามตอนนี้ขวยโต่วที่อยู่บนเวทีฮึกเหิมดวงตาแดงก่ำ ใช้กำปั้นทุบอกตนเองดั่งชะนีแขนยาว คำรามด้วยความเดือดดาล“ยังไม่พอ! มีผู้ใดอีก!”เขาราวกับผู้ล่า สายตามองไปที่เหล่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 111

    แววตาเฟิ่งเหยียนเฉินมัวหมองลง ราวกับตกลงสู่เหวลึกอันไร้ขอบเขต บ่นพึมพำกับตัวเอง“ล้วนเป็นเพราะข้า...ข้าไม่ระมัดระวัง ไม่มีความอดทนเพียงพอ”“เมื่อวาน ข้าควรจะอดทนไว้“ไม่อย่างนั้นก็คงไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนมุ่งเน้นสนใจการแก้ปัญหา“มีคนตั้งใจอยากให้เจ้าแพ้ ต่อให้เจ้าไม่ทำอะไร พวกเขาก็จะทำให้เจ้าบาดเจ็บ”ยังไงเฟิ่งเหยียนเฉินก็เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊[1] มีความสามารถไม่ด้อย เพื่อการประลองในวันนี้ กุ้ยเฟยต้องเตรียมการอย่างเพียบพร้อมและเป็นเพราะนางประมาท ไม่ได้คำนึงถึงด้านนอกวังในขณะเดียวกันก็ประเมินแผนการของกุ้ยเฟยต่ำไปหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาว่า“เอาหน้ากากมาให้ข้า ข้าหาคนประลองแทนเจ้า”ได้ยินคำพูดเช่นนี้ เฟิ่งเหยียนเฉินชักสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที“ไม่ได้ แบบนี้คือเป็นการโกง”ต่อให้เขาไม่ได้เรื่องแค่ไหน ก็จะเอาชนะด้วยวิธีต่ำทรามแบบนี้ไม่ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสงบเคร่งขรึมว่า“โอกาสมีเพียงครั้งเดียว จะเอา หรือไม่เอา”เฟิ่งเหยียนเฉินคอแหบแห้ง“เจ้าสืบรู้ความจริงของเรื่องนั้นในตอนนั้นได้แล้ว จริงๆ หรือ?”แววตาเฟิ่งจิ่วเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 112

    ทุกคนล้วนหันไปมองดูบนเวทีประลองนั้น ภาพดุเดือดรุนแรงที่คาดคิดไว้ ไม่ได้เกิดขึ้น มีคนต้านทานไว้แล้ว!?แต่ คนนั้นคือใคร?กลุ่มคนที่มองดูอยู่ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า“เหมือนจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเฟิ่ง!”จากนั้นก็มีคนพูดขึ้นมาอีกว่า “ใช่ น่าจะเป็นเขา! สวมหน้ากาก!”นอกจากคุณชายสองท่านของตระกูลเฟิ่ง เหล่าขุนพลที่ขึ้นมาประลองเป็นการชั่วคราวในช่วงกลาง พวกเขาล้วนเพียงสวมหน้ากากอย่างเร่งรีบ ไม่ได้ผูกอุปกรณ์ป้องกันดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างไกล มองเห็นไม่ชัดเจน ก็สามารถมองผ่านข้อศอก อุปกรณ์ป้องกันที่มีสีสัน ยืนยันสถานะ“สามารถต้านทานหมัดนั้นของขวยโต่วไว้ได้ น่าทึ่งอย่างมาก!”หูเอ๋อร์ต๋าได้ยินเช่นนี้ ก็พ่นลมหายใจเย็นออกมารับไว้ได้หมัดเดียวเท่านั้นเองขวยโต่วยังมีอีกหลายหมัดรออยู่!บนเวทีประลองขวยโต่วชักหมัดนั้นกลับคืน ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แววตาจับจ้องมองคู่ต่อสู้ที่ปรากฎตัวมาอย่างกะทันหันบุคลิกบนตัวคนนี้ ไม่เหมือนกับพวกคนก่อนหน้านี้แต่...ขอเพียงไม่ใช่เมิ่งสิงโจว เขาก็จะไม่มีทางแพ้!“มา!” ขวยโต่วแกว่งแขน พร้อมพูดขึ้นมาว่า “มาสิ ต่อยตรงนี้!”ทุกคนล้วนคิดว่าคนที่สวมหน้ากากทาสคุนหล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 113

    แม่ทัพเฉินเป็นคนแรกที่เข้าใจสถานการณ์บนเวที เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ“เฟิ่งเหยียนเฉินไม่ได้คิดอยากทำให้ขวยโต่วเหนื่อย ยิ่งไม่ได้เป็นการป้องกัน ในทางกลับกัน เขากำลังโจมตี!”“เป็นไปได้อย่างไร? เขาหลบเลี่ยงอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ?”“แม่ทัพเฉิน เจ้าดูจนโง่ไปแล้วหรือเปล่า?”แม่ทัพเฉินส่ายหัว จับจ้องมองดูบนเวทีไปด้วย พูดตอบอย่างแน่วแน่ไปด้วยว่า“ไม่ ไม่ผิดแน่นอน เฟิ่งเหยียนเฉินกำลังโจมตีด้วยวิธีเร้นลับอย่างหนึ่ง!”อีกสองคนรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจว่า“ทำการโจมตีอย่างไร?”แม่ทัพเฉินพูดอย่างรวดเร็ว อธิบายให้พวกเขาฟังว่า“เฟิ่งเหยียนเฉินกำลังหมุนวนเพื่อหลบเลี่ยง แต่พวกเจ้าดู เขาไม่ได้หลบเลี่ยงอย่างไร้ทิศทาง แต่กำลังหลบเลี่ยงไปทางด้านหนึ่งอยู่ตลอด...ข้างซ้ายของเขา ซึ่งก็คือข้างขวาของขวยโต่ว”“นี่บ่งบอกถึงอะไร? เฟิ่งเหยียนเฉินหมุนวนทิศทางเดียว คิดอยากทำให้ขวยโต่วเวียนหัว? ใช่! ทำให้เวียนหัว! ดังนั้นตอนนี้ขวยโต่วเสียสมดุลแล้ว...”แม่ทัพเฉินพูดปฏิเสธคำพูดนี้ว่า“ไม่ใช่!”ทำให้คู่ต่อสู้เวียนหัว? จะมีวิธีโง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไรแม่ทัพเฉินพูดขึ้นมาว่า“พวกเจ้าดู ทุกครั้งที่ขวยโต่วเคลื่อนไหว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 642

    ท้ายที่สุดซ่งหลีก็ต้องจากไปทว่า การจากไปในครานี้หาใช่เป็นการล้มเลิกไม่ แต่เป็นการกลับไปที่ตระกูลซ่งเพื่อเกลี้ยกล่อมและโน้มน้าวบิดามารดาของตน ยามที่ต้องแยกจากกันนั้น เขายังเอ่ยกำชับกับไฉเยว่อีกด้วยว่าต้องให้เวยเฉียงกินยาทุกวัน ก่อนจะหันไปกล่าวกับเวยเฉียงด้วยความรักใคร่อันสุดซึ้งว่า“รอข้า ข้าจักต้องกลับมารับเจ้าอย่างแน่นอน”“อื้ม” เฟิ่งเวยเฉียงพลันหันหน้าหนี เพื่อเก็บซ่อนหยาดน้ำตาของตนเองเอาไว้ซ่งหลีจึงหันไปหาเฟิ่งจิ่วเหยียนก่อนจะโค้งกายคำนับ “ได้โปรดดูแลเวยเฉียงด้วย”เฟิงจิ่วเหยียนจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“น้องสาวของข้า ข้าย่อมต้องดูแลนางเป็นอย่างดี ซ่งหลี หากเจ้ามิอาจแก้ปัญหาได้แล้วละก็ เขียนจดหมายส่งกลับมาเสีย อย่าได้ปล่อยให้เวยเฉียงรอเจ้าไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกข้าหาได้ถือโทษโกรธเคืองเจ้าไม่”ซ่งหลีโค้งกายคำนับอีกครั้ง “ข้าจะกลับมา”สุดท้าย ซ่งหลีมองไปที่เฟิ่งเวยเฉียงอย่างไม่เต็มใจจาก พลางเดินขึ้นรถม้าไปหลังจากที่ซ่งหลีจากไปนั้น เฟิ่งเวยเฉียงก็อดไม่ได้พลันร่ำไห้ออกมา“ท่านพี่...เขา เขาจะกลับมาจริง ๆ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโอบกอดนางเบา ๆ “ต้องมา”ยามที่เอ่ยออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 641

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันมองไปยังฮูหยินผู้สูงศักดิ์นางหนึ่งที่กำลังเดินลงบันไดมาใบหน้าของฮูหยินนั้นดูซีดเซียวเล็กน้อย คงเป็นเพราะว่าเร่งเดินทางมานานหลายวัน เมื่อเห็นมีคนยืนอยู่ด้านหน้าเซียวเหยาจวีนั้น นางจึงเหลือบตามองครู่หนึ่ง พลางเผยท่าทีผู้สูงศักดิ์ออกมา “บุตรชายของข้า ซ่งหลีอยู่ที่ใด”เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรับรู้ได้ในทันทีว่า คนผู้นี้คือมารดาของซ่งหลีอย่างแน่นอน ใบหน้ามีความคล้ายคลึงเจือไปด้วยความฉลาดเฉลียว ใบหน้าเรียวเล็ก ดูผอมบาง หากแต่ดวงตาทั้งสองข้างนั้นกลับเจือไปด้วยความดุดันเข้มงวด ราวกับอาจารย์ที่ใบหน้ามิค่อยยิ้มแย้ม ในมือพลันถือไม้เรียวเอาไว้ภายในเซียวเหยาจวีนั้นด้านหน้าห้องโถงถึงแม้ว่าแม่ซ่งจักเป็นแขก ทว่า เนื่องด้วยนางมีสถานะเป็นผู้อาวุโสจึงได้รับเกียรติให้นั่งหัวโต๊ะในทันทีซ่งหลีจับมือเฟิ่งเวยเฉียงเอาไว้ พลางแสดงความเคารพต่อแม่ซ่งพร้อมกันฮูหยินซ่งมิได้เหลือบตามองดูพวกเขาแม้แต่น้อย นางพลันหลุบสายตาลงเพื่อก้มหน้าดื่มชาด้วยท่าทีสำรวมบรรยากาศภายในห้องพลันตกสู่ความเงียบงันไปในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนที่นั่งอยู่ด้วยนั้น ดวงตาของนางพลางทอประกายความเย็นชาออกมาแม่ซ่งผู้นี้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 640

    “จิ่วเหยียน?” ฮูหยินเมิ่งลองเอ่ยถาม“เจ้าค่ะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ เดิมคิดว่าจะได้คลายความกลัดกลุ้ม จึงออกจากเซียวเหยาจวีมาที่จวนแม่ทัพโดยมิรู้ตัวฮูหยินเมิ่งจุดตะเกียง เมื่อมองเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รู้ว่านางต้องพบเจอปัญหาอะไรบางอย่างเฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเรื่องของเวยเฉียงกับซ่งหลี พร้อมกับถามว่า: “ข้ายื่นมือเข้าไปยุ่งมากเกินไปหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งกุมมือของนาง และเอ่ยโน้มน้าว“หากพวกเขารักกัน ต่อให้เจ้าใช้ทุกวิถีทาง ก็แยกพวกเขาออกจากกันไม่ได้ ซ่งหลีข้าเคยพบแล้ว นับว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง“เวยเฉียงอยู่กับเขา จะไม่มีทางลำบาก“ข้ากลับเป็นห่วงเจ้ามากกว่า”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์หญิงถึงเป็นห่วงตนฮูหยินเมิ่งตบหลังมือของนางเบา ๆ “เจ้ามักจะคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย การทำศึกสำหรับเจ้ามิใช่เรื่องยาก สิ่งที่เจ้าผ่านได้ยากที่สุด คือด่านความรัก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปาก“อาจารย์หญิง บอกท่านตามตรง ตอนนี้ข้ากำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่จริง ๆ”แววตาของฮูหยินเมิ่งเผยให้เห็นความสงสัยในทันทีหลังจากต้วนไหวซวี่ตายแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 639

    ไฉ่เยว่รู้สึกกังวลใจ “คุณหนูตกลงรับรักของท่านหมอซ่งแล้ว เดิมนี่เป็นเรื่องดี ทว่าบ่าวกังวลว่า ตระกูลซ่ง...ตระกูลซ่งจะไม่ยอมรับคุณหนู ถึงเวลานั้นอาจจะดีใจเก้อ คนที่เสียใจก็จะเป็นคุณหนู“คุณหนูจิ่วเหยียน ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ”ไฉ่เยว่จะคิดถึงคุณหนูในทุกเรื่อง เช่นเดียวกับคนในครอบครัวเดียวกัน จึงไม่แปลกที่จะมองการณ์ไกลบ้างครั้งก่อนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาที่ชายแดนเหนือ ก็รู้ความรู้สึกของซ่งหลีที่มีต่อเวยเฉียงในตอนนั้นนางก็เคยเตือนซ่งหลี ให้ทำความเข้าใจกับผู้อาวุโสของตระกูลซ่งก่อน จากนั้นค่อยมาสานสัมพันธ์กับเวยเฉียงอีกอย่างในตอนนั้น นางมิรู้ด้วยซ้ำว่าเวยเฉียงรู้สึกอย่างไรกับซ่งหลีในขณะนี้ ความคืบหน้าของเรื่องนี้ได้เกินกว่าที่นางคาดหมายไว้นางจึงรีบไปพบซ่งหลีทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับการซักถามของนาง ซ่งหลีก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา“ข้าตัดสินใจแล้วว่า จะแต่งงานกับเวยเฉียงเท่านั้น“ข้าได้เขียนจดหมายถึงผู้อาวุโสในครอบครัวก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาก็มิได้คัดค้าน”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ทว่ากลับข่มกลั้นบางอย่างไว้“เจ้าบอกความจริงหรือไม่ พวกเขารู้หรือไม่ว่าเวยเฉียง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 638

    หลังจากไปคารวะอาจารย์หญิงแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มุ่งตรงไปที่เซียวเหยาจวีทันทีนางสวมเครื่องแต่งกายบุรุษ และสวมหน้ากากอยู่ แต่กลัวว่าเวยเฉียงจะจำนางไม่ได้ จนกระทบกระเทือนจิตใจ ดังนั้นก่อนจะเข้าไปที่เซียวเหยาจวี นางจึงถอดหน้ากากออกเมื่อเดินเข้าไปในลานกว้าง นางก็เห็นเวยเฉียงกำลังนั่งอยู่บนชิงช้า ซ่งหลีคอยผลักให้เบา ๆ อยู่ด้านข้าง แววตาดูอ่อนโยนและห่วงใยในตอนนั้น เวยเฉียงเงยหน้าขึ้นและมองเห็นนาง“พี่สาว!” เฟิ่งเวยเฉียงราวกับผีเสื้อเริงร่า นางยืนขึ้น และวิ่งโผเข้ามาหานางเฟิ่งจิ่วเหยียนยื่นมือออกไปรับนางไว้ได้เห็นใบหน้านางแดงระเรื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความดีใจหากกำจัดปานปลอมที่ใช้แปลงโฉมง่าย ๆ บนแก้มแล้ว พวกนางก็มีหน้าตาแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“พี่สาว! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”ซ่งหลียืนอยู่ที่ไกล ครั้งแรกที่เห็นหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รู้สึกตกใจสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ รูปลักษณ์ภายนอกของคนผู้นี้ช่างเหมือนกับซูฮ่วน! ทว่า คนฉลาดอย่างเขา ลองคิดกลับกันก็น่าจะเดาความจริงได้เขาอดถอนหายใจมิได้---ซูฮ่วนหลอกเขาเสียสนิทเลยทว่า ยังดีที่เป็นเช่นนี้มิเช่นนั้นแล้วเขาจะรู้ส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 637

    วันที่สองหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนจากไป เซียวอวี้ก็เดินทางกลับเมืองหลวงเช่นกันเพื่อป้องกันมิให้ราษฎรตื่นตระหนก เขาจึงตั้งใจสั่งให้หนานซานอ๋องกับเหล่าทหาร ปิดปากเงียบเรื่องของเจดีย์เก้าชั้นกับหยางเหลียนซั่วตงฟางซื่อก็ตัดสินใจไปท่องยุทธภพต่อ ทำตัวเป็นคนพเนจรพรรคเทียนหลงใช้แผนการชั่วร้าย ทำให้ชาวยุทธภพตายไปไม่น้อยยุทธภพในตอนนี้ จึงต้องการคนอีกมากลุกขึ้นยืนหยัดบางคนเสนอให้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรอู่หลินขึ้นมาใหม่ ทั้งเสนอแนะให้ตงฟางซื่อเป็นผู้นำทว่า หลังจากที่ตงฟางซื่อผ่านเรื่องราวเหล่านั้น ก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ อีกทั้งเขาก็หาใช่คนที่ตอบแทนความแค้นด้วยการทำดีตอบ จึงปฏิเสธไปตามตรงเขาเข้าใจแจ่มแจ้ง พันธมิตรอู่หลินคืออะไร ในยามต้องการก็เป็นสมบัติ ส่วนในยามที่ไม่ต้องการก็เป็นฟางเน่ามิน่าเล่าในตอนแรกไม่ว่าจะพูดอย่างไรซูฮ่วนก็ไม่ยอมเป็นรองผู้นำกลุ่มพันธมิตรที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีการหลอกลวงและการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แม้ยุทธภพมิใช่ราชสำนัก ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติเช่นกันเขายอมเป็นจอมยุทธ์ที่มีอิสระดีกว่าตงฟางซื่อปฏิเสธที่จะเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตร ดั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 636

    “เจ้าต้องการจะกลับไปชายแดนเหนือ?” เซียวอวี้มองไปยังคนตรงหน้าที่มาอำลาตน เขารู้สึกแน่นในทรวงอกเดิมเขาคิดว่า เมื่อเรื่องเจดีย์เก้าชั้นจบลงแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็สามารถกลับเมืองหลวงไปกับเขาดังนั้น เขาจึงเฝ้ารอนางมาตลอด และรีรอไม่ออกเดินทางมิง่ายเลยกว่าจะรอให้ต้วนไหวซวี่หมดลมหายใจ แต่เพื่อเถ้ากระดูกของต้วนไหวซวี่แล้วนางยังต้องการจะไปชายแดนเหนืออันที่จริง นางเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักและมิตรภาพ เรื่องทำนองนี้ก็มิใช่เรื่องใหญ่ทว่าแล้วเขาเล่า?นางเคยนึกถึงเขาบ้างหรือไม่?เซียวอวี้ยืนอยู่ที่เดิม หมัดเริ่มกำแน่นเขาควบคุมอารมณ์พร้อมถามว่า “เจ้า...จะกลับมาอีกหรือไม่”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเข้าไปในดวงตาของเขา และมิได้ตอบเขาในวินาทีแรกในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจขณะที่นางกำลังลังเล เซียวอวี้ก็หมดความอดทน ดวงตาดำมืดของเขาคู่นั้น พลันปกคลุมไปด้วยความหม่นหมองในทันที ทันใดนั้นเขาจับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ และดันนางไปที่หลังประตู น้ำเสียงของเขาแหบพร่า“เจ้าจะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่!“เฟิ่งจิ่วเหยียน เจ้าทำเช่นนี้กับเราได้อย่างไร!“เป็นเพราะคำพูดสุดท้ายก่อนตายของต้วนไหวซวี่ใช่หรือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 635

    ณ จวนหนานซานอ๋องวันรุ่งขึ้น เฟิ่งจิ่วเหยียนฟื้นขึ้นมาในห้องของตนเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นสาวใช้เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียง“คุณชายซู ท่านฟื้นแล้ว!” สาวใช้ในจวนมิรู้ตัวตนของนาง เมื่อเห็นบนตัวนางสวมเครื่องแต่งกายบุรุษ จึงเรียกว่าคุณชายมาตลอดเฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นนั่ง เอามือค้ำหน้าผาก ความคิดก็พลุ่งพล่านหยางเหลียนซั่วหนีไปแล้วมิรู้ว่าถูกผู้ใดช่วยไปแล้วดูเหมือนว่า ยังมีคนที่พวกเขามิได้สังเกต และแอบสอดแนมอยู่ตลอดหลังจากนางชำระกายอย่างง่าย ๆ ก็ไปพบกับเซียวอวี้เซียวอวี้เห็นนางตื่นเช้าเช่นนี้ จึงเตือนนางว่า “เจ้าบาดเจ็บภายใน จักต้องพักผ่อนให้มากถึงจะหายดี”เฟิ่งจิ่วเหยียนมิสนใจคำพูดทักทาย กลับเอ่ยถามออกมาตรง ๆ“ส่งคนไปตามหาหยางเหลียนซั่วแล้วหรือไม่? มีข่าวคราวใดบ้าง?”เซียวอวี้ตอบนางว่า “จนบัดนี้ก็ยังไม่มีเบาะแส ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ทานอาหารมื้อเช้าก่อนเถอะ หยางเหลียนซั่วร่างกายบาดเจ็บสาหัส มิอาจสร้างความวุ่นวายใหญ่โตได้”ขณะที่พูด เขาก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้เฉินจี๋ไปนำอาหารมื้อเช้ามาเมื่อมีเรื่องราวที่ทับถมอยู่ในใจของนาง เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นอาหารเหล่านี้ ก็แทบไม่มีความอยากอาหารในห้องด้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 634

    เพื่อรับมือกับหยางเหลียนซั่ว เซียวอวี้ได้เตรียมการป้องกันไว้แล้วเหล่าองครักษ์จึงตั้งค่ายกล พร้อมปล่อยตาข่ายลงมา เหมือนกับดักจับปลา ทำให้หยางเหลียนซั่วติดอยู่ในตาข่ายจากนั้นคนจำนวนหนึ่งก็รีบล้อมวงเข้ามา และย้ายตำแหน่งกัน ปากตาข่ายจึงรัดแน่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาหยางเหลียนซั่วเหวี่ยงมือทั้งสองข้าง และดิ้นรนทว่า การพังทลายของเจดีย์เก้าชั้น เดิมก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นยังต่อสู้กับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะการโจมตีของซูฮ่วน บวกกับในเวลานี้เขาธาตุไฟเข้าแทรก พลังเจินชี่กลับรั่วไหลออกมา ตาข่ายนี้ ในยามปกติเขาสามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย ทว่าตอนนี้กลับมีกำลังไม่เพียงพอพลังเจินชี่รั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาก็ได้รับความทรมานเช่นกัน“ยิงธนู!!” หนานซานอ๋องออกคำสั่งตามมาในขณะที่กำลังจะยิงสังหารราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้ แต่จู่ ๆ หมอกควันสีขาวก็กระจายฟุ้งขึ้นมาโดยรอบตรงกลางหมอกควันนั้น ก็คือหยางเหลียนซั่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนหัวใจบีบแรงแย่แล้ว!มีคนช่วยหยางเหลียนซั่ว!หมอกควันหนาทึบ ทุกคนมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ชัด ทั้งยังสำลักควันหนานซานอ๋

DMCA.com Protection Status