Share

บทที่ 1052

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เลี่ยอู๋ซินมีนิสัยรักอิสระมาแต่กำเนิด เขาเทชาให้ตัวเอง หลังจากดื่มแล้วก็พูดต่อ

“ข้าอยากจะตรวจสอบตำแหน่งที่หญ้าบัวแดงขึ้นทั้งหมดให้ชัดเจน โดยเฝ้ารอให้เหยื่อมาติดกับเอง

“วิธีการโง่มาก ข้าจะไม่อธิบายอะไรมากแล้ว”

เขาพูดราวกับว่ากำลังพูดเรื่องของคนอื่น

จากคำสารภาพของเขากับเซียวจั๋ว อย่างน้อยเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ได้เบาะแสใหม่เรื่องหญ้าบัวแดงมา

นางถาม : “พื้นที่อื่นของแคว้นหนานฉีไม่มีหญ้าบัวแดงหรือ?”

“ไม่มี” เซียวจั๋วกับเลี่ยอู๋ซินพูดพร้อมกันอีกครั้ง

เซียวอวี้ไตร่ตรองด้วยสีหน้าจริงจังทันที

หากบอกว่าหญ้าบัวแดงเป็นพิษต่อมนุษย์โอสถที่จะขาดไม่ได้ เช่นนั้นแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ทำยานี้ขึ้นจะยอมตัดใจจากหญ้าบัวแดง

ทว่าเลี่ยอู๋ซินกับเซียวจั๋วเฝ้ามานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังจับคนพวกนั้นไม่ได้

น่าสงสัยนัก

“พวกเจ้าแน่ใจรึ ว่าจะขาดหญ้าบัวแดงไม่ได้?” เซียวอวี้ถามพวกเขาอีกครั้ง

คราวนี้ทั้งสองคนตอบช้าไปครู่หนึ่ง

เลี่ยอู๋ซินดื่มน้ำอีกครั้ง ขนตาที่เหมือนกับขนอีกาหลุบตาลง

ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้น

“หลายปีก่อนที่ข้าสืบได้เป็นเช่นนี้ ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรไม่แน่ใจ”

พอคำพูดนี้ออกมา คนทั้งสี่ก็เข้าสู่ความเงี
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1053

    หลังจากเซียวอวี้ปรากฎตัวขึ้น เลี่ยอู๋ซินกับเฟิ่งจิ่วเหยียนถึงหยุดโต้เถียงกัน“พวกเจ้ากำลังทะเลาะเรื่องอะไรกัน” เซียวอวี้สีหน้าเคร่งขรึม มีมาดราวกับผู้อาวุโสก็ไม่ปานเลี่ยอู๋ซินเบะปาก“ไม่มีอะไร คุยกันถึงเรื่องในอดีตเฉย ๆ ใช่หรือไม่ น้องจิ่วเหยียน?”ปากสุนัขอย่างเขาพูดอะไรดี ๆ ไม่เป็น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงไม่เก็บมาคิดมากชั่วคราว“ใช่ แค่คุยเรื่องในอดีตเท่านั้น”เซียวอวี้ : คิดว่าเขาหูหนวก ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นรึไร?จากที่ได้ยินเลี่ยอู๋ซินพูด ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจที่เฟิ่งจิ่วเหยียนสืบคดีมนุษย์โอสถคงจะเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขาทว่าที่เขาพูดถึงการแต่งงานกับจิ่วเหยียน นี่มันเรื่องอะไรกัน?เซียวอวี้เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ไม่ได้ถามออกมาตงฟางซื่อคารวะเซียวอวี้“คารวะฝ่าบาท”เซียวอวี้ปัดชายอาภรณ์แล้วนั่งลง“เราปิดบังฐานะออกตรวจตราต่างเมือง ไม่ต้องมากพิธี”เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็นั่งลงตามเซียวอวี้พูดอย่างใจลอย : “กินอะไรซักหน่อยก่อน อีกซักพักค่อยไปดูหญ้าบัวแดง”เลี่ยอู๋ซินไม่ได้ปฏิเสธ เพียงมองเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกหลายครั้งเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่าเขาคิดอะไร จึงพูดย้ำอีกครั้ง“เรื่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1054

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งสตรีนางนั้น“หญ้าบัวแดงมีพิษร้ายแรง จำเป็นต้องกำจัดทิ้ง อีกไม่นานราชสำนักก็จะประกาศคำสั่งลงมา”แม้หญิงนางนี้จะไม่เข้าใจว่าหญ้าบัวแดงคืออะไร ทว่าก็ยังเชื่อฟัง“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ กลับไปแล้วหม่อมฉันจะบอกพวกท่านลุงเพคะ”หลังจากนางถูกส่งกลับไป เลี่ยอู๋ซินก็ยิ้มถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“เจ้าหลอกคนอื่นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างตรงไปตรงมา“จะสู้กับคนชั่ว ก็ต้องใช้วิธีพิเศษ”วิธีที่เลี่ยอู๋ซินกับเซียวจั๋วใช้ ล้วนเป็นการรอให้อีกฝ่ายตกหลุมพรางเอง แต่กลับไม่อาจสืบได้ถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลยเห็นได้ชัดว่าคนพวกนั้นทำงานอย่างระมัดระวังมากหมู่บ้านจู๋ซานนี้ซับซ้อนนัก พวกเขาเพิ่งจะมาที่นี่ครั้งแรก จะสืบแบบเงียบ ๆ ไม่ได้ตงฟางซื่อกินอิ่มแล้ว แววตาก็เปลี่ยนเป็นใสสะอาดทันทีเขาพูดอย่างจริงจัง : “หากหญ้าบัวแดงไม่อาจขาดได้จริง คนพวกนั้นจะต้องเคลื่อนไหว กระหม่อมเต็มใจอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือด้วยกำลังอันน้อยนิดพ่ะย่ะค่ะ”เลี่ยอู๋ซินหัวเราะเยาะเบา ๆ“มีคนไม่กลัวตายมาอีกแล้ว”ตงฟางซื่อยิ้มสดใส : “ลูกหลานแห่งยุทธภพ ไม่ยี่หระต่อความตายมาแต่แรก จิตวิญญาณพันธมิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1055

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมองสีหน้าของเลี่ยอู๋ซินด้วยท่าทางเย็นชาอย่างยิ่ง“ไหนบอกว่าต่างคนต่างสืบไม่ใช่หรือ”เลี่ยอู๋ซินเข้ามาในห้องอีกครั้งแล้วยิ้มสดใส“ก่อนหน้านี้ล้อเล่นน่ะ น้องจิ่วเหยียนเป็นคนใจกว้าง จะต้องไม่มาทะเลาะกับคนอย่างข้าเป็นแน่”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างตรงไปตรงมา“เจ้ามีวิธีอะไรก็ว่ามา”เลี่ยอู๋ซินจริงจังขึ้นทันที แล้วชี้นางกับตัวเอง“พวกเราสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน แต่พบกันช้าไป...”สีหน้าเซียวอวี้เริ่มน่าเกลียด“เพื่อนสมัยเด็ก?”เลี่ยอู๋ซินพยักหน้า : “ใช่ เพื่อข้าที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก ฮองเฮาทรงทิ้งฝ่าบาท ด้วยความเสียใจ ฝ่าบาทจึงเสด็จกลับวัง ละครนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”เซียวอวี้ : อยากตายสินะ!เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มลงไตร่ตรอง : “ข้าคิดว่า...ก็ไม่ยังไง”สีหน้านางจริงจัง“ถ้าต้องไปถึงจุดนั้นจริง ข้ายอมเลือกตงฟางซื่อยังดีกว่า”ตงฟางซื่อ : ?เลือกเขาก็เลือกเขาสิ ทำไม่ต้องมี “ยังดีกว่า”?เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้น น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว“คนพวกนั้นไม่ใช่คนโง่ ไม่ได้หลอกง่าย ๆ”อีกทั้งนางก็ไม่อยากให้เซียวอวี้เข้าใจผิดเดิมเขาก็เป็นคนใจแคบอยู่แล้วต่อให้รู้ว่าเป็นการแสดง เขาก็ไม่ยอม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1056

    ภายในพระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ ทหารรักษาพระองค์ได้เปลี่ยนเป็นคนของหูย่วนเอ๋อร์แล้วนางเป็นคนสนิทของอดีตประมุข ยามนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้สำเร็จราชการด้วยหลายวันมานี้นางเฝ้าอยู่ในวังด้วยตนเอง ทุกครั้งที่เห็นตำหนักบรรทมอันว่างเปล่าของฝ่าบาท นางก็รู้สึกไม่สบายใจวันนี้ในที่สุดประมุขพระองค์ใหม่ก็มาถึงอย่างปลอดภัยที่ประตูวัง หูย่วนเอ๋อร์นำทหารรักษาพระองค์มาต้อนรับท่านประมุข นายหญิงเฟิ่งกับโอวหยางเหลียนยืนอยู่ด้านข้างหลังจากรถม้าหยุดลง ซ่งหลีก็ลงมาก่อน จากนั้นก็เปิดม่านรถแล้วพยุงเวยเฉียงลงจากรถม้าหลังจากหูย่วนเอ๋อร์เห็นนาง ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจถึงแม้จะรู้ก่อนแล้วว่าเฟิ่งเวยเฉียงกับเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ทว่ามองแว่บแรกนี่เหมือนกันมากเกินไปแล้วที่จริงเฟิ่งเวยเฉียงพยายามมากแล้วเพื่อที่จะปลอมตัวเป็นพี่หญิง นางพยายามเลียนแบบท่าทาง คำพูดและการกระทำของพี่หญิงมาตลอดทางหวังว่าจะไม่ปล่อยไก่ต่อหน้าคนนอก“กระหม่อมขอต้อนรับท่านประมุข!” หูย่วนเอ๋อร์ถวายคำนับทันทีเฟิ่งเวยเฉียงรีบพูด : “ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”พี่หญิงเคยอธิบายสถานการณ์ส่วนใหญ่ภายในแคว้นซีหนี่ว์ให้นางฟังแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1057

    คนที่ถูกจับโดนถอดคาง ป้องกันไม่ให้เขากินยาพิษหรือกัดลิ้นตายองครักษ์มัดแขนสองข้างของเขา แตะเข้าที่ข้อพับของเขา ให้เขาคุกเข่าบนพื้นหน้าของเขามีแผลพาดยาวครึ่งหน้าจากดาบหนึ่งแผล เลือดยังไหลอยู่ ดวงตาเย็นยะเยือกจ้องพื้นเขม็ง ราวกับหุ่นไม้ที่ไร้ความรู้สึกแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเคร่งขรึมคนแบบนี้ ส่วนมากจะเป็นหน่วยกล้าตาย หากใช้วิธีปกติสอบปากคำจะไม่ได้อะไรขณะที่นางกำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไร เลี่ยอู๋ซินพลันกระโดดลงมาจากขื่อตาของเขาสะลึมสะลือราวกับเพิ่งตื่น หาวขณะที่พูด“ให้ข้าสอบปากคำเขาเถอะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปทางเลี่ยอู๋ซิน “เจ้าน่ะหรือ?”เลี่ยอู๋ซินก้มลงไปจับคางของนักฆ่าผู้นั้นขึ้น ระหว่างรักษาระดับสายตาให้อยู่ในระดับเดียวกัน แล้วถามเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับ“ทำไม ไม่เชื่อข้าเหรอ?”“ไม่เชื่อ” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดตรงไปตรงมาเลี่ยอู๋ซินร้องเฮอะทีหนึ่ง ปล่อยคางนักฆ่า แล้วหันมามองเฟิ่งจิ่วเหยียน เขาเลิกคิ้ว“พูดตรงเช่นนี้เลย? ยังไงก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันนะ ทำร้ายจิตใจข้าจริง ๆ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเลี่ยอู๋ซินผู้นี้ บางครั้งก็เหมือนพวกไร้ยางอายจริงตอนนั้นเหตุใดเมิ่งฉวีถึงคิดจะแนะนำเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1058

    หลังจากพวกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกไป เลี่ยอู๋ซินก็เอาวิธีต่าง ๆ ออกมาใช้ไม่ขาดสายมากจนทำให้ตงฟางซื่อที่มีความรู้ที่กว้างขวางยังต้องเบิกตากว้าง และอยากเอาอาหารรสเลิศที่กินไปตอนเย็นอาเจียนออกมาให้หมด...เขาหันกลับมามองเฉินจี๋ก็เห็นเฉินจี๋สีหน้าเรียบเฉย ไม่เปลี่ยนสีหน้าสมแล้วที่เป็นราชองครักษ์ข้างกายฝ่าบาท ช่างใจเย็นเสียจริงตอนที่ตงฟางซื่อกำลังคิดเช่นนี้ เฉินจี๋ก็พลันหันศีรษะไปด้านข้าง“แหวะ——”ตงฟางซื่อ : ที่แท้ราชองครักษ์ก็เป็นคนธรรมดาเช่นกันจากนั้นเขาก็รีบเดินไปที่มุมกำแพงหนึ่ง อ้าปากอาเจียนไม่หยุดเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างทรมานผสมกับเสียงอาเจียนด้วยนางขมวดคิ้วนี่ใครอาเจียนกัน?หลังผ่านไปครึ่งชั่วยามเสียงห้องด้านข้างก็เบาลงเฉินจี๋มาเคาะประตู“ฝ่าบาท สอบปากคำได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”พอเปิดประตูกลับพบว่าเฉินจี๋มีสีหน้าซีดขาวราวกระดาษ แม้แต่ริมฝีปากก็ซีดด้วยอู๋ไป๋สงสัยยิ่ง ข้างห้องเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทว่าพวกเขาเข้าไปไม่ได้หลังจากเลี่ยอู๋ซินเดินออกมาก็ปิดประตูลง ไม่ให้พวกเขาเห็นแม้แต่น้อย“นี่ทำเพื่อพวกเจ้านะ ไม่งั้นอีกหน่อยพวกเจ้าจะกินข้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1059

    ก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านจู๋ซาน แม้แต่ประชาชนทั่วไปยังวาดภาพเหมือนของฮ่องเต้ได้ เท่านี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องที่ฮ่องเต้ใส่ชุดสามัญชนออกตรวจ เป็นที่รู้กันโดยถ้วนหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนในเจียงโจวจำได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสร้างรอยแผลเป็นปลอมบนหน้าของเซียวอวี้ ดูน่าสยดสยองอย่างมาก มองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเป็นเขานางเองก็ใส่หน้ากากเช่นกัน หน้ากากนั้นปกปิดใบหน้าของนางครึ่งหนึ่ง ไม่ทำให้จำได้ง่ายแน่นอนทว่า ณ บริเวณประตูเมือง มีนายท่านเฟิ่งผู้มีดวงตาหลักแหลมอย่างแรก นั่นคือลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองอย่างที่สอง เขารู้ข่าวที่ฝ่าบาทแต่งตัวเป็นสามัญชนออกตรวจตั้งนานแล้ว ช่วงนี้จึงให้ทานแจกข้าวต้มผู้ประสบภัยทุกวัน เพื่อรอคอยฝ่าบาท เขาเตรียมการณ์เพื่อสิ่งนี้ไว้ตั้งแต่แรก ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองคนต่างถิ่นเหล่านั้นที่เข้ามาในเมืองดังนั้น ทันทีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ปรากฏตัว เขาก็รู้สึกคุ้นตาทว่าเขาไม่ได้รีบเข้าไปทำความเคารพแสดงละครก็ต้องแสดงให้ถึงที่สุด เขายังรอถูกโยกย้ายกลับไปที่เมืองหลวง!เมื่อเซียวอวี้เห็นพฤติกรรมของนายท่านเฟิ่ง เขาก็พูดกับเฟิ่งจิ่วเหยียนเสียงเบา “พ่อของเจ้าเหมือนจะเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1060

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหันมา มองมายังบิดาของตัวเอง“เจตนาของท่าน ข้าจะไปบอกท่านแม่ให้“แต่ว่า อย่าคาดหวังมากนักเลย เพราะถึงอย่างไรท่านก็ทำความผิดเอาไว้…”“ข้ารู้!” ดวงตาของนายท่านเฟิ่งทอประกายเขาพยักหน้าอย่างตื่นเต้น“ข้ารู้ว่าในตอนนั้นข้าทำผิดไว้มากมาย ข้าทำตัวเองทั้งนั้น!“ตราบใดที่แม่ของเจ้ายอมอภัยให้ข้า ในอนาคตข้าจะทำดีต่อนางแน่นอน”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว “การทำดีกับภรรยาตัวเอง เป็นเรื่องควรค่าแก่การโอ้อวดหรือให้คำมั่นสัญญาด้วยหรือ?”สตรีช่วยสามีอบรมสั่งสอนบุตร และคอยปรนนิบัติดูแลสามีส่วนบุรุษ แค่พูดว่า “จะทำดีต่อเจ้า” เพียงประโยคเดียว ก็สามารถทำให้ผู้หญิงซาบซึ้งได้แล้วหรือ?คำพูดปากเปล่าเช่นนี้ นางไม่รู้เลยว่า ควรไปบอกท่านแม่ดีหรือไม่“ท่านควรพูดว่า ท่านสำนึกผิดแล้ว และขาดนางไม่ได้…”นายท่านเฟิ่งฟังมาถึงตรงนี้ จิตใจที่รักศักดิ์ศรีพลันจุดติดประกายไฟเขาตีหน้าเข้มโต้แย้งกลับไป“เป็นสามีภรรยากันมาเนิ่นนาน ยังจะต้องพูดอะไรหวานซึ้งเช่นนั้นอีกหรือ? “เอาเป็นว่าแค่แม่เจ้ารู้ว่าข้าไปทบทวนมาแล้ว ก็ต้องกลับมาแน่นอน“อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าข้าขาดนางไม่ได้ อย่างที่เจ้าคิด วันนี้ยังมีหลา

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1066

    ก่อนที่งานชุมนุมประลองยุทธ์จะเริ่มขึ้น รองเจ้าสำนักอวิ๋นซานก็เดินขึ้นไปบนเวที“สำนักอวิ๋นซานยินดีต้อนรับเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าทุกท่าน งานชุมนุมประลองยุทธ์ที่จัดขึ้นหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี จะมีการคัดเลือดเจ้ายุทธจักรแห่งอู่หลิน เพื่อสร้างยุทธภพให้ยิ่งใหญ่ ภายใต้การนำของผู้แข็งแกร่ง”“ทุกท่าน ก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้น ข้าขอพูดอะไรอีกสักหน่อย“กฎในการประลองครั้งนี้ พวกท่านน่าจะเข้าใจกันดี“ก่อนเริ่มประลอง สำนักไหนคว้าชัยชนะได้ถึงสิบห้าครั้งก่อน ถือว่าชนะการประลอง“แม้นจะกล่าวว่านักบุ๋นไร้ที่หนึ่ง นักบู๊มีได้เพียงผู้เดียวในใต้หล้า แต่การประลองในวันนี้ ให้สิ้นสุดเมื่อมีการสัมผัสตัว ห้ามให้ถึงแก่ชีวิต หากเพื่อแย่งชิงที่หนึ่ง ทำให้คนร่วมยุทธภพต้องตาย ถึงจะชนะ ก็เอาชนะใจผู้คนไม่ได้”“พูดได้ถูกต้อง!” คนข้างล่างส่งเสียงเห็นด้วยรองเจ้าสำนักผู้นั้นมองผู้คนโดยรอบ พูดอีกว่า“หากทุกท่านไม่มีเรื่องจะถามแล้ว เช่นนั้น การประลองในครั้งนี้ ก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!”คนที่นั่ง ณ ตำแหน่งหลัก คือเจ้าสำนักอวิ๋นซาน——ชิวเฮ่อรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากของเขาเหมือนหุบเหว ดูแก่ชราอย่างมาก แต่ยังดูคล่องแคล่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1065

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรก ใบหน้าภายใต้หน้ากาก นางก็ทำการแปลงโฉมมาก่อนแล้วหลังจากที่ถอดหน้ากากออก นางก็เงยหน้าอย่างผ่าเผย แววตาเด็ดเดี่ยวทรงพลัง“เจ้าทำอะไรน่ะ!” ศิษย์ในสำนักเฉวียนเจินผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ผลักลูกศิษย์สำนักอวิ๋นซานที่เข้ามาเกาะแกะตัวเองออกไปอีกฝ่ายหลงคิดไปเอง“ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้าทำอะไร! หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจค้นร่างกาย ดูก็รู้แล้วว่ามีพิรุธ!”“ข้าหลบซ่อนอย่างไร? เห็น ๆ กันอยู่ว่า เจ้าฉวยโอกาสลูบคลำข้า…” ศิษย์สำนักเสวียนเจินผู้นั้นโต้แย้งสุดกำลังคนจากสำนักอวิ๋นซานรีบโต้แย้งนาง“ไร้สาระ! พวกข้าตรวจค้นร่างกายอย่างถูกต้อง เจ้านั่นแหละที่คิดไม่ซื่อเอง!”คนจากสำนักอื่นที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างทยอยหันมามองพวกนาง เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“สตรีจากสำนักเฉวียนเจิน แต่ละคนต่างจงใจใส่ชุดมาเช่นนี้ เบื้องหน้าดูสะอาดบริสุทธ์ แต่ลึก ๆ คงคาดหวังให้ชายหนุ่มลูบคลำเป็นแน่!”“นั่นสิ ก็แค่ตรวจค้นร่างกายธรรมดา พวกนางสะบัดสะบิ้งไปเอง แถมยังคิดว่าผู้ชายต่างชอบพวกนางอีก!​ เหอะ!”“ในยุทธภพแห่งนี้ มีใครสนใจความแตกต่างระหว่างชายหญิงที่ไหน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1064

    ความผิดปกติของเหล่าข้าราชการเจียงโจว ไปถึงหูสำนักอวิ๋นซานอย่างรวดเร็วภายในห้องโถงหลักสำนักอวิ๋นซานเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสกำลังร่วมประชุมพวกเขาแต่ละคนล้วนหนักใจ คิ้วขมวดแน่นไม่คลายหนึ่งในนั้นมองมาที่เจ้าสำนัก พูดเสียงเบาในลำคอ“เจ้าสำนัก ต้องรีบตัดสินใจเร็ว ๆ นะ ดูท่าแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่ฮ่องเต้จะมาที่เจียงโจว”“ใช่! ข้าก็ได้ข่าวมาเช่นนี้ พ่อตาของไอ้เด็กฮ่องเต้ ช่วงนี้เคลื่อนไหวบ่อยมาก ฮ่องเต้ต้องอยู่ที่เจียงโจวเป็นแน่!”เจ้าสำนักอวิ๋นซานหนวดเคราหงอกขาว อายุราว ๆ หกสิบปีนัยน์ตาของเขาเจือไปด้วยแววเย็นชาเล็กน้อย“ทางหมู่บ้านจู๋ซาน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”มีคนตอบกลับ “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวส่งกลับมา คาดว่านักฆ่าน่าจะทำไม่สำเร็จ”“ยังต้องเดาอีกหรือ? ต้องไม่สำเร็จอยู่แล้วสิ! ไม่เพียงล้มเหลว ยังมีคนทรยศสำนักอวิ๋นซานอีกด้วย! ไม่เช่นนั้น ไอ้เด็กฮ่องเต้นั่นจะมาที่เจียงโจวได้อย่างไร? ต้องพุ่งเป้ามาที่สำนักอวิ๋นซานเป็นแน่!”ทุกคนทั้งกังวลและหนักใจ หันไปมองเจ้าสำนักโดยไม่ได้นัดหมายเจ้าสำนักลูบเครา ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก็เอ่ยพูดอย่างไม่รีบร้อน“ส่งศิษย์กลุ่มหนึ่งไปสืบข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1063

    หลังจากเข้ามาในห้อง เซียวอวี้ก็เอ่ยในที่สุดเขาไม่เป็นวิชาการเปลี่ยนน้ำเสียง อดกลั้นจนทนไม่ไหว“รองเจ้าสำนักผู้นั้น เหมือนจะยังไม่ตัดใจจากเจ้า” เขาดื่มชาเข้าไปเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดมากเรื่องความรักใคร่ของหญิงสาวสิ่งที่นางสนใจมากกว่า คืองานชุมนุมประลองยุทธ์ในอีกสองวันหากชนะงานชุมนุมประลองยุทธ์ ก็จะสามารถตัดกำลังของสำนักอวิ๋นซานให้อ่อนลงได้ เช่นนี้ก็จะปลอดภัย“คิดอะไรอยู่?” เซียวอวี้เห็นนางเหม่อลอย จึงยื่นมือออกไปโบกข้างหน้านางเฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวเสียงเข้ม“ข้ากำลังคิด ว่าศักยภาพของสำนักอวิ๋นซานเป็นเช่นไร โอกาสชนะงานชุมนุมประลองยุทธ์มีเท่าไร”เซียวอวี้ยกมือขึ้นโอบเอวนางไว้เบา ๆ ถูไถจอนหูของนาง พูดเสียงเบาว่า “ข้าเชื่อว่า เราต้องชนะแน่นอน แต่ข้ามีคำถาม จำเป็นต้องอยู่ในสำนักเฉวียนเจินตลอดเลยหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“เหลืออีกแค่สองวัน อีกไม่นานหรอก จะได้ไม่ต้องไป ๆ กลับ ๆ จนถูกคนจับตามอง”เซียวอวี้ถอนหายใจ“เราเป็นถึงฮ่องเต้ แต่ต้องมาแต่งตัวเป็นสตรี เป็นเรื่องน่าอับอายต่อบรรพบุรุษยิ่งนัก ฮองเฮาต้องชดเชยให้เราดี ๆ นะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนผลักหัวเขาที่โน้มเข้ามาใกล้ออกไป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1062

    รองเจ้าสำนักเฉวียนเจิน——เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม ในอาภรณ์สีขาว แผ่นหลังบอบบาง แต่ไม่ดูผอมแห้งนางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา พูดเสียงดังฟังชัด“ไปเอาป้ายไม้มา”ลูกศิษย์เดินอ้อมมาตรงหน้านาง ส่งให้ด้วยสองมือวินาทีที่เห็นป้ายไม้ นัยน์ตาสวยของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ก็หดลงซูฮ่วนหรือ? นางมาที่สำนักเฉวียนเจิน?หรือว่า…ซูฮ่วนส่งป้ายไม้ให้ใคร แล้วคนนั้นมีเรื่องอยากขอร้องสำนักเฉวียนเจิน?เหลิ่งเซียนเอ๋อร์สีหน้าสงบนิ่ง “ให้คนผู้นั้นเข้ามา”“รับทราบ รองเจ้าสำนัก”ขณะที่ลูกศิษย์กำลังจะออกไป เลิ่งเซียนเอ๋อร์พลันเอ่ยขึ้น“ช้าก่อน”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ลุกขึ้น อาภรณ์สีขาวปลิวไสวราวเทพเซียนนางกำชับศิษย์ผู้นั้น “ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า รอเวลาอีกสองถ้วยชา ค่อยพาคนผู้นั้นเข้ามา”ลูกศิษย์ค่อนข้างไม่เข้าใจเสื้อผ้าของรองเจ้าสำนักก็ไม่ได้เปื้อนนี่นา จำเป็นต้องเปลี่ยนตอนนี้เลยหรือ?สำนักเฉวียนเจินล้วนเป็นผู้หญิง ศิษย์ทั่วไปอาศัยอยู่รวมกัน สิบคนต่อหนึ่งห้องเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักมีห้องส่วนตัวเหลิ่งเซียนเอ๋อร์กลับมาที่ห้องตัวเอง เลือกใส่อาภรณ์ที่สะอาด เดิมตั้งใจจะออกไป แต่เมื่อเดินผ่านคันฉ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1061

    บ้านพักตระกูลเจียงหลังนี้ ที่เจียงหลินซื้อมาในตอนนั้น ก็เพื่อเอาไว้ต้อนรับมิตรสหายในยุทธภพ ห้องหับจึงมีอยู่เพียงพอพวกเฟิ่งจิ่วเหยียนเลือกห้องกันเอง พักผ่อนเพื่อรวบรวมพละกำลังเซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนนอนด้วยกัน เมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็ปิดประตูถามว่า“เจ้าจะไปสำนักเสวียนเจินทำไม?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดกึ่งหยอกล้อ“ไปหา ‘คนรักเก่า’ เพื่อรำลึกความหลัง”เซียวอวี้รู้ว่านางไม่ได้พูดจริง จึงยิ้มออกมาเขายื่นแขนออกไปกอดเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน เอาหน้าแนบชิดกับหน้า ถูไถเบา ๆ ไร้ท่าทีน่าเกรงขามของฮ่องเต้ กลับดูเหมือนสามีน้อย ๆ “เราไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น แค่อยากรู้ ว่าการเดินทางของเจ้าในครั้งนี้จะมีอันตรายหรือไม่ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้หลุดอะไรมากมาย ต่อหน้าพวกตงฟางซื่อ “ตอนนี้มีเพียงเจ้ากับเราสองคน เจ้าคงอธิบายกับเราให้ชัดเจนได้ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนถอยออกจากอ้อมกอดของเขา เงยหน้ามองเขา แล้วลูบรอยแผลเป็นปลอมบนใบหน้าของเขา ด้วยความรักใคร่นางเอ่ยช้า ๆ“สำนักเสวียนเจินกับสำนักอวิ๋นซานอยู่ห่างกันไม่ไกล อย่างแรกข้าอยากไปสืบหาความจริง ให้รู้แจ้งว่าพวกเขาร่วมมือกันหรือไม่ อย่างที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1060

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหันมา มองมายังบิดาของตัวเอง“เจตนาของท่าน ข้าจะไปบอกท่านแม่ให้“แต่ว่า อย่าคาดหวังมากนักเลย เพราะถึงอย่างไรท่านก็ทำความผิดเอาไว้…”“ข้ารู้!” ดวงตาของนายท่านเฟิ่งทอประกายเขาพยักหน้าอย่างตื่นเต้น“ข้ารู้ว่าในตอนนั้นข้าทำผิดไว้มากมาย ข้าทำตัวเองทั้งนั้น!“ตราบใดที่แม่ของเจ้ายอมอภัยให้ข้า ในอนาคตข้าจะทำดีต่อนางแน่นอน”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว “การทำดีกับภรรยาตัวเอง เป็นเรื่องควรค่าแก่การโอ้อวดหรือให้คำมั่นสัญญาด้วยหรือ?”สตรีช่วยสามีอบรมสั่งสอนบุตร และคอยปรนนิบัติดูแลสามีส่วนบุรุษ แค่พูดว่า “จะทำดีต่อเจ้า” เพียงประโยคเดียว ก็สามารถทำให้ผู้หญิงซาบซึ้งได้แล้วหรือ?คำพูดปากเปล่าเช่นนี้ นางไม่รู้เลยว่า ควรไปบอกท่านแม่ดีหรือไม่“ท่านควรพูดว่า ท่านสำนึกผิดแล้ว และขาดนางไม่ได้…”นายท่านเฟิ่งฟังมาถึงตรงนี้ จิตใจที่รักศักดิ์ศรีพลันจุดติดประกายไฟเขาตีหน้าเข้มโต้แย้งกลับไป“เป็นสามีภรรยากันมาเนิ่นนาน ยังจะต้องพูดอะไรหวานซึ้งเช่นนั้นอีกหรือ? “เอาเป็นว่าแค่แม่เจ้ารู้ว่าข้าไปทบทวนมาแล้ว ก็ต้องกลับมาแน่นอน“อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าข้าขาดนางไม่ได้ อย่างที่เจ้าคิด วันนี้ยังมีหลา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1059

    ก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านจู๋ซาน แม้แต่ประชาชนทั่วไปยังวาดภาพเหมือนของฮ่องเต้ได้ เท่านี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องที่ฮ่องเต้ใส่ชุดสามัญชนออกตรวจ เป็นที่รู้กันโดยถ้วนหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนในเจียงโจวจำได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสร้างรอยแผลเป็นปลอมบนหน้าของเซียวอวี้ ดูน่าสยดสยองอย่างมาก มองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเป็นเขานางเองก็ใส่หน้ากากเช่นกัน หน้ากากนั้นปกปิดใบหน้าของนางครึ่งหนึ่ง ไม่ทำให้จำได้ง่ายแน่นอนทว่า ณ บริเวณประตูเมือง มีนายท่านเฟิ่งผู้มีดวงตาหลักแหลมอย่างแรก นั่นคือลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองอย่างที่สอง เขารู้ข่าวที่ฝ่าบาทแต่งตัวเป็นสามัญชนออกตรวจตั้งนานแล้ว ช่วงนี้จึงให้ทานแจกข้าวต้มผู้ประสบภัยทุกวัน เพื่อรอคอยฝ่าบาท เขาเตรียมการณ์เพื่อสิ่งนี้ไว้ตั้งแต่แรก ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองคนต่างถิ่นเหล่านั้นที่เข้ามาในเมืองดังนั้น ทันทีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ปรากฏตัว เขาก็รู้สึกคุ้นตาทว่าเขาไม่ได้รีบเข้าไปทำความเคารพแสดงละครก็ต้องแสดงให้ถึงที่สุด เขายังรอถูกโยกย้ายกลับไปที่เมืองหลวง!เมื่อเซียวอวี้เห็นพฤติกรรมของนายท่านเฟิ่ง เขาก็พูดกับเฟิ่งจิ่วเหยียนเสียงเบา “พ่อของเจ้าเหมือนจะเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1058

    หลังจากพวกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกไป เลี่ยอู๋ซินก็เอาวิธีต่าง ๆ ออกมาใช้ไม่ขาดสายมากจนทำให้ตงฟางซื่อที่มีความรู้ที่กว้างขวางยังต้องเบิกตากว้าง และอยากเอาอาหารรสเลิศที่กินไปตอนเย็นอาเจียนออกมาให้หมด...เขาหันกลับมามองเฉินจี๋ก็เห็นเฉินจี๋สีหน้าเรียบเฉย ไม่เปลี่ยนสีหน้าสมแล้วที่เป็นราชองครักษ์ข้างกายฝ่าบาท ช่างใจเย็นเสียจริงตอนที่ตงฟางซื่อกำลังคิดเช่นนี้ เฉินจี๋ก็พลันหันศีรษะไปด้านข้าง“แหวะ——”ตงฟางซื่อ : ที่แท้ราชองครักษ์ก็เป็นคนธรรมดาเช่นกันจากนั้นเขาก็รีบเดินไปที่มุมกำแพงหนึ่ง อ้าปากอาเจียนไม่หยุดเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างทรมานผสมกับเสียงอาเจียนด้วยนางขมวดคิ้วนี่ใครอาเจียนกัน?หลังผ่านไปครึ่งชั่วยามเสียงห้องด้านข้างก็เบาลงเฉินจี๋มาเคาะประตู“ฝ่าบาท สอบปากคำได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”พอเปิดประตูกลับพบว่าเฉินจี๋มีสีหน้าซีดขาวราวกระดาษ แม้แต่ริมฝีปากก็ซีดด้วยอู๋ไป๋สงสัยยิ่ง ข้างห้องเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทว่าพวกเขาเข้าไปไม่ได้หลังจากเลี่ยอู๋ซินเดินออกมาก็ปิดประตูลง ไม่ให้พวกเขาเห็นแม้แต่น้อย“นี่ทำเพื่อพวกเจ้านะ ไม่งั้นอีกหน่อยพวกเจ้าจะกินข้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status