ท่อนแขนเรียวสวยของหญิงสาวถูกพี่หยางหยางดึงรั้งให้ร่างงามหันกลับมาเผชิญหน้าตามเดิม ท่ามกลางความตกใจของอีกฝ่าย “เฮ้ย! เฮ้ย!พี่หยางจะทำอะไร!”หญิงสาวร้องโวยวายพร้อมร่างเล็กๆ ถูกจับให้หันกลับมายืนอยู่ตรงหน้าคนตัวโตที่กำลังจ้องเขม็งอยู่ในขณะนี้ “เจ้าเป็นอะไรรึ! เหตุใดวันนี้แลดูชอบกลนัก แสดงท่าทีประหลาดก็หลายครา ตกใจก็ง่ายดาย แล้วนี่กระไรหน้าแดงก่ำถึงเพียงนี้เชียว... หรือว่าเจ้าเป็นไข้รึ!” รับสั่งพร้อมพยายามจะลุกจากฟูกบรรทมเพื่อสำรวจร่างกายน้องชายหน้าสวย ทั้งๆ ที่พระวรกายยังคงเปลือยเปล่าอยู่เช่นนั้น มีเพียงผ้าห่มของหญิงสาวปิดเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างครั้นเห็นร่างเปลือยจะหลุดพ้นจากผ้าห่มผืนน้อย มือเรียวสวยรีบตรงเข้าไปตะครุบผืนผ้าก่อนจะพันรอบพระวรกาย “ว้าย! ไม่ต้อง! ไม่ต้อง! ไม่ต้องยืน!!!” จางเพ่ยอันหวีดร้องออกมาด้วยความลืมตัว แปะ! หยดเลือดสีแดงก่ำไหลออกมาจากรูจมูกของเธอโดยพลัน เมื่อใบหน้าแสนสวยเกือบแนบชิดกับแผงอกกว้างที่อัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อเรียงตัวอย่างสวยงาม “อือหือ แข็งปั้ก! แข็งไปหมด!” หญิงสาวพูดพลางยกปลายนิ้วขึ้นสัมผัสตรงปลายจมูกของเธอทันใด “โอ้โฮ!ความดันขึ้นถึงขี
พี่หยาง!!!” จางเพ่ยอันร้องเรียกชื่อพี่ชายปีศาจจนสุดเสียง สองมือพยามยามผลักมือหนาที่กำลังง่วนอยู่กับการแก้เชือกผูกสาบเสื้อของเธออยู่ตลอดเวลา “ทะ... ท่านไม่ต้องแก้เสื้อให้ข้าหรอก! ข้าบอกว่าไม่เป็นอะไร... พี่หยางเชื่อข้าเถอะ!” เธอพยายามอธิบายกลับไป “ข้าไม่เชื่อ! เจ้ามีพิรุธยิ่งนักโดยเฉพาะตรงหน้าอก! จะต้องถูกคนโฉดผู้นั้นทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ มาเถิดอันอันพี่หยางขอดูหน่อย… จะได้ช่วยรักษาเจ้าให้เป็นปกติดั่งเดิม... มา... มา” จู่ๆ ถ้อยรับสั่งขององค์ชายปีศาจพลันเชื่องช้าลง เปลือกพระเนตรเริ่มปรือและค่อยๆ พร่ามัวขึ้นมา พระองค์ทอดพระ เนตรใบหน้าแสนสวยของน้องชายเริ่มพร่าเลือนพร้อมพระวรกายเริ่มโงนเงน “นี่ข้าเป็นอะไรไป! อันอัน! อันอัน!” รับสั่งเพรียกหาน้องชายหน้าสวยพร้อมสะบัดพระเศียรไปมาอย่างแรงติดต่อกันเพื่อขับไล่ความมึนงงและอาการพร่าเลือนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ทันทีที่หญิงสาวเห็นอาการพี่หยางหยางแสดงออกมาเช่นนั้น เธอล่วงรู้ได้ทันทีว่าฤทธิ์ของยาสลบที่เพิ่งฉีดเข้าไปนั้นเริ่มออกฤทธิ์แล้ว และมิเสียเวลารอช้าจางเพ่ยอันสวมบทบาทตีเนียนทันใด “พี่หยางท่านเป็นอะไรอย่างนั้นรึ! เห็นไหมข้าเตือนแล้วว่าอาการข
ห้าวันผ่านไปจวนแม่ทัพ พระวรกายใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางนั่งอยู่บนตั่งที่ประทับ ทรงอ่านรายงานสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาซึ่งพระองค์หายสาบสูญไปอยู่บ้านน้อยริมลำธาร ใช้ชีวิตชาวป่ากับสองผู้เฒ่าและน้องชายหน้าหวานมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในยามนี้ความเคลือบแคลงสงสัยในตัวของน้องน้อยยังมิเสื่อมคลายลงไปแม้แต่น้อย หากแต่พระองค์เลือกที่จะแอบสังเกตการณ์เอาไว้อย่างเงียบๆ หลังจากที่ทรงหมดพระสติบรรทมไปเสียดื้อๆ ทำให้น้องชายหน้าหวานรอดพ้นจากการถูกพระองค์จับแก้ผ้าเพื่อสำรวจร่างกาย จึงทำให้ล่วงรู้ว่าทรงถูกน้องน้อยจัดการให้มีสภาพเช่นนั้น อีกทั้งองค์ชายปีศาจทอดพระเนตรน้องชายกระตือรือร้นจัดการต้มยาด้วยตัวเองอ้างว่าเพื่อช่วยรักษาพิษที่อยู่ภายในพระวรกายให้หายเป็นปกติในเร็ววัน พระองค์จึงต้องแสร้งเล่นตามน้ำไปด้วยเพื่อจับให้ได้คาหนังคาเขาด้วยอย่างใจเย็นกว่าครั้งที่แล้วมา ในขณะที่จางเพ่ยอันหาวิธีการที่จะทำให้พี่หยางหยางคลายความสงสัยในตัวเธอว่าแท้จริงแล้วเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่ หญิงสาวพลิกตำราสูตรยาลับพร้อมสมุนไพรสุดวิเศษที่ผู้เฒ่าหยงอู่จัดไว้ในห่อผ้าและได้อธิบายให้หลานสาวคนสวยถึงวิธี
“หา!... ให้ข้าเป็นขันที!” เสียงน้องชายหน้าสวยโวยวายขึ้นมาโดยพลัน ครั้นได้ยินพี่หยางหยางกล่าวออกมาเช่นนั้น พระเนตรคู่สวยขององค์ชายปีศาจเหลือบไปทอดพระเนตรน้องชายหน้าสวยอยู่เพียงครู่ ครั้นทรงได้ยินเสียงโวยวายของคนเป็นน้องดังแทรกขึ้นมา “เจ้าอยู่เฉยอันอัน!” รับสั่งเพียงสั้นๆ กลับไป พลางหันกลับไปทอดพระเนตรทหารคนสนิท “ข้าจะปลอมตัวเป็นองครักษ์และอันอันจะเป็นขันทีแอบแฝงอยู่ในราชสำนักสักระยะ เพื่อสืบข่าวบางอย่างที่อยากล่วงรู้มาโดยตลอด อีกทั้งเพื่อตัดไฟตั้งแต้ต้นลมมิให้บรรดาน้องชายต่างแม่ของข้าเหล่านั้นริอ่านแข็งข้อกับข้าขึ้นมาได้อีก! มีหลายสิ่งที่คิดเอาไว้นานแล้วและอยากลงมือเสียที ในที่สุดโอกาสก็มาถึง” ตุ้บ!!! พู่กันอยู่ในมือที่กำลังจดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ขององค์ชายอิ๋งหยางรวมไปถึงเหตุการณ์โดยรวมของแคว้นฉิน ซึ่งจางเพ่ยอันคอยบันทึกอยู่เป็นประจำทุกวันร่วงหล่นจากมือของตัวเองทันใดเมื่อได้ยินว่าจะต้องกลายเป็นขันที ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกตัว “โอ๊ย! ไม่เอานะ! ไม่เอานะ! ทำไมต้องให้ข้าไปเป็นขันทีด้วย ตำแหน่งนี้ข้าต้องโดนตอนนะ... พี่หยาง ใจคอท่านจะส่งข้าให้ไปตอนอย่างนั้นเหรอ... แ
ในเวลาเดียวกันในขณะที่จางเพ่ยอันกำลังยืนครุ่นคิดถึงอัครเสนาบดีใหญ่จางฟง ผู้เป็นบิดาของตนในภพชาตินี้ โดยมิทันสังเกตพี่หยางหยางของเธอ กำลังเดินตรงมาหาก่อนจะหยุดยืนลงตรงหน้าพร้อมยกมือจับศีรษะน้องน้อยพลางโยกไปมาเบาๆ“คิดอะไรอยู่เจ้าตัวเล็ก!” รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ในท่าทีที่เหม่อลอยของน้องน้อยในขณะนั้น จางเพ่ยอันรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติดั่งเดิมพร้อมถามกลับไปทันที “พี่หยางจำเรื่องราวของท่านได้จนหมดสิ้นแล้วใช่ไหม จึงสามารถวางแผนการต่างๆ อะไรตั้งมากมายถึงเพียงนี้มิหนำซ้ำยังวางออกมาเป็นขั้นเป็นตอนเลยทีเดียว” พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงติดต่อกัน พระโอษฐ์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ “ความทรงจำของข้าที่หายไปจดจำได้จนหมดสิ้น จำได้แม้กระทั่งเจ้านั่นแหละเป็นคนทำให้ข้าหัวฟาดพื้นจนความจำเลือนหายไป” “หา!... จำได้ด้วยเหรอ” จางเพ่ยอันพึมพำเสียงอ่อยๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอจากพี่ชายแสนดี “แต่ถึงแม้ความทรงจำเดิมจะหวนกลับคืนมา ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าและความรักที่ได้รับจากท่านตาท่านยาย กับการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางหุบเขาในบ้
จวนสกุลไป๋ จวนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กของพ่อค้าขายข้าวสาร ทว่า ใหญ่ที่สุดในแคว้นฉิน ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเฟิ่งที่ไหลทอดยาวไปสมทบกับแม่น้ำฮวงโหว พื้นที่ภายในมีขนาดเล็กกว่าจวนสกุลฮัวไม่มากนัก แต่ถ้าหากนับพื้นที่ซึ่งติดกับริมแม่น้ำแล้วไซร้กว้างใหญ่กว่าจวนสกุลฮัวหลายเท่าเลยทีเดียว บริเวณริมแม่น้ำปรากฏเรือขนาดใหญ่สามารถเดินทางล่องแม่น้ำ และบรรจุข้าวของหนักได้เป็นอย่างดีไม่เว้นแม้กระทั่งสัตว์ขนาดใหญ่เช่นม้าหรือวัว เรือลำดังกล่าวมีผู้คนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเตรียมความพร้อมอยู่ทุกเมื่อหากมีภัยมาถึงตัว ปัง!!! เสียงดังกระหึ่มบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งยวดได้เป็นอย่างดี พระวรกายสูงใหญ่ของรัชทายาทหนุ่มจากแคว้นต้าหลู่ ทรงยืนสูงตระหง่านอยู่กลางห้องโถงของจวนสกุลไป๋ ถูกสร้างขึ้นให้เป็นสถานที่ประทับแห่งที่สองซึ่งเป็นความลับสุดยอด ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงออกมาอีกและมีทางหนีได้หลายเส้นทางเตรียมพร้อมตลอดเวลา พระพักตร์หล่อเหลาบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ครั้นทรงได้ยินรายงานจากเหล่าองครักษ์กลับมารายงานผลการค้นหาสมบัติที่พระองค์เสียเงินซื้อมาถึงหนึ่งพันเตาปี้
พระราชวังหลวงภายในพระตำหนักบูรพา “พัง! พังหมด! วอดวายย่อยยิบมิมีชิ้นดี! หอเฟิ่งอี้ที่ข้ากับเสด็จแม่อุตส่าห์สร้างขึ้นมา ถูกอิ๋งหยางสั่งปิดอย่างถาวร เช่นนี้เงินมหาศาลที่เคยได้รับสูญสลายหายไปเพียงชั่วพริบตา!” สุรเสียงขององค์ชายอิ๋งเฟิ่งดังกึกก้องภายในพระตำหนักบูรพาของรัชทายาทแห่งแคว้นฉิน พร้อมพระดำเนินกลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่องค์ชายอิ๋งเหว่ยได้แต่นั่งกุมขมับอยู่เช่นนั้น เมื่อได้ล่วงรู้ข่าวการปรากฏพระวรกายของพระเชษฐาพระองค์ใหญ่มาพร้อมกับพระบัญชาอันเฉียบขาดดั่งเช่นทุกครั้งที่ทรงลงมือทำอะไรแล้ว รวดเร็วฉับไวมิทันได้ให้ตั้งตัวแม้แต่น้อย พระบัญชาที่แฝงเร้นความโหดเหี้ยมในคราเดียวกัน ด้วยหากขัดขืนพระบัญชามีคำสั่งลากไปบั่นคอจนริบเรือนพร้อมเสียบหัวประจานกลางเมืองหลวงเลยทีเดียว เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงเป็นยิ่งนัก ในขณะเดียวกันทรงได้รับการยกย่องและเทิดทูนในคราเดียวกัน “เจ้าจะโวยวายออกมาก็เปล่าประโยชน์อิ๋งเฟิ่ง ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าไร้ฝีมือที่จะจัดการอิ๋งหยางให้สิ้นซาก นักฆ่าแต่ละคนล้วนไร้น้ำยา
ดวงพิฆาตในรอบสามพันปีจะปรากฏเพียงหนึ่งและจะเกิดขึ้นเฉพาะบุรุษพิฆาตทุกชีวิตทันทีที่พานพบหน้าพิฆาตดวงเมืองล่มแคว้นจนถึงกาลล่มสลายอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสามพันปีต่อมาดวงพิฆาตกำหนดให้เป็นอิสตรีคราใดเมื่อดวงพิฆาตทั้งสองได้โคจรมาพานพบกันจากดวงพิฆาตจบทุกชีวิตรอบข้างให้สูญสิ้นกลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นดวงจักรพรรดิและรักนี้ไม่มีวันตายเกิดขึ้นกับคนทั้งคู่คริสต์ศักราช 2018มณฑลส่านซี ณ นครซีอานเมืองซีอาน ตั้งอยู่ในมณฑลส่านซีเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เรียกได้ว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์โลกอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีชื่อเสียงระดับโลก ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่ต้องการอยากจะสัมผัสอารยธรรมในอดีตของจีน ต่างเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองซีอานด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในตะวันตกเฉียงเหนือของจีนอีกด้วย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองซีอานเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกท่ามกลางตึกสูงระฟ้าในเขตนครซีอาน ยังปรากฏกำแพงเมืองโบราณซึ่งถือได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดของจีน มีความยาวโดยรวมถึง 13.7 กิโลเมตร และมีทางเด
พระราชวังหลวงภายในพระตำหนักบูรพา “พัง! พังหมด! วอดวายย่อยยิบมิมีชิ้นดี! หอเฟิ่งอี้ที่ข้ากับเสด็จแม่อุตส่าห์สร้างขึ้นมา ถูกอิ๋งหยางสั่งปิดอย่างถาวร เช่นนี้เงินมหาศาลที่เคยได้รับสูญสลายหายไปเพียงชั่วพริบตา!” สุรเสียงขององค์ชายอิ๋งเฟิ่งดังกึกก้องภายในพระตำหนักบูรพาของรัชทายาทแห่งแคว้นฉิน พร้อมพระดำเนินกลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่องค์ชายอิ๋งเหว่ยได้แต่นั่งกุมขมับอยู่เช่นนั้น เมื่อได้ล่วงรู้ข่าวการปรากฏพระวรกายของพระเชษฐาพระองค์ใหญ่มาพร้อมกับพระบัญชาอันเฉียบขาดดั่งเช่นทุกครั้งที่ทรงลงมือทำอะไรแล้ว รวดเร็วฉับไวมิทันได้ให้ตั้งตัวแม้แต่น้อย พระบัญชาที่แฝงเร้นความโหดเหี้ยมในคราเดียวกัน ด้วยหากขัดขืนพระบัญชามีคำสั่งลากไปบั่นคอจนริบเรือนพร้อมเสียบหัวประจานกลางเมืองหลวงเลยทีเดียว เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงเป็นยิ่งนัก ในขณะเดียวกันทรงได้รับการยกย่องและเทิดทูนในคราเดียวกัน “เจ้าจะโวยวายออกมาก็เปล่าประโยชน์อิ๋งเฟิ่ง ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าไร้ฝีมือที่จะจัดการอิ๋งหยางให้สิ้นซาก นักฆ่าแต่ละคนล้วนไร้น้ำยา
จวนสกุลไป๋ จวนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กของพ่อค้าขายข้าวสาร ทว่า ใหญ่ที่สุดในแคว้นฉิน ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเฟิ่งที่ไหลทอดยาวไปสมทบกับแม่น้ำฮวงโหว พื้นที่ภายในมีขนาดเล็กกว่าจวนสกุลฮัวไม่มากนัก แต่ถ้าหากนับพื้นที่ซึ่งติดกับริมแม่น้ำแล้วไซร้กว้างใหญ่กว่าจวนสกุลฮัวหลายเท่าเลยทีเดียว บริเวณริมแม่น้ำปรากฏเรือขนาดใหญ่สามารถเดินทางล่องแม่น้ำ และบรรจุข้าวของหนักได้เป็นอย่างดีไม่เว้นแม้กระทั่งสัตว์ขนาดใหญ่เช่นม้าหรือวัว เรือลำดังกล่าวมีผู้คนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเตรียมความพร้อมอยู่ทุกเมื่อหากมีภัยมาถึงตัว ปัง!!! เสียงดังกระหึ่มบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งยวดได้เป็นอย่างดี พระวรกายสูงใหญ่ของรัชทายาทหนุ่มจากแคว้นต้าหลู่ ทรงยืนสูงตระหง่านอยู่กลางห้องโถงของจวนสกุลไป๋ ถูกสร้างขึ้นให้เป็นสถานที่ประทับแห่งที่สองซึ่งเป็นความลับสุดยอด ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงออกมาอีกและมีทางหนีได้หลายเส้นทางเตรียมพร้อมตลอดเวลา พระพักตร์หล่อเหลาบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ครั้นทรงได้ยินรายงานจากเหล่าองครักษ์กลับมารายงานผลการค้นหาสมบัติที่พระองค์เสียเงินซื้อมาถึงหนึ่งพันเตาปี้
ในเวลาเดียวกันในขณะที่จางเพ่ยอันกำลังยืนครุ่นคิดถึงอัครเสนาบดีใหญ่จางฟง ผู้เป็นบิดาของตนในภพชาตินี้ โดยมิทันสังเกตพี่หยางหยางของเธอ กำลังเดินตรงมาหาก่อนจะหยุดยืนลงตรงหน้าพร้อมยกมือจับศีรษะน้องน้อยพลางโยกไปมาเบาๆ“คิดอะไรอยู่เจ้าตัวเล็ก!” รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ในท่าทีที่เหม่อลอยของน้องน้อยในขณะนั้น จางเพ่ยอันรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติดั่งเดิมพร้อมถามกลับไปทันที “พี่หยางจำเรื่องราวของท่านได้จนหมดสิ้นแล้วใช่ไหม จึงสามารถวางแผนการต่างๆ อะไรตั้งมากมายถึงเพียงนี้มิหนำซ้ำยังวางออกมาเป็นขั้นเป็นตอนเลยทีเดียว” พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงติดต่อกัน พระโอษฐ์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ “ความทรงจำของข้าที่หายไปจดจำได้จนหมดสิ้น จำได้แม้กระทั่งเจ้านั่นแหละเป็นคนทำให้ข้าหัวฟาดพื้นจนความจำเลือนหายไป” “หา!... จำได้ด้วยเหรอ” จางเพ่ยอันพึมพำเสียงอ่อยๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอจากพี่ชายแสนดี “แต่ถึงแม้ความทรงจำเดิมจะหวนกลับคืนมา ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าและความรักที่ได้รับจากท่านตาท่านยาย กับการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางหุบเขาในบ้
“หา!... ให้ข้าเป็นขันที!” เสียงน้องชายหน้าสวยโวยวายขึ้นมาโดยพลัน ครั้นได้ยินพี่หยางหยางกล่าวออกมาเช่นนั้น พระเนตรคู่สวยขององค์ชายปีศาจเหลือบไปทอดพระเนตรน้องชายหน้าสวยอยู่เพียงครู่ ครั้นทรงได้ยินเสียงโวยวายของคนเป็นน้องดังแทรกขึ้นมา “เจ้าอยู่เฉยอันอัน!” รับสั่งเพียงสั้นๆ กลับไป พลางหันกลับไปทอดพระเนตรทหารคนสนิท “ข้าจะปลอมตัวเป็นองครักษ์และอันอันจะเป็นขันทีแอบแฝงอยู่ในราชสำนักสักระยะ เพื่อสืบข่าวบางอย่างที่อยากล่วงรู้มาโดยตลอด อีกทั้งเพื่อตัดไฟตั้งแต้ต้นลมมิให้บรรดาน้องชายต่างแม่ของข้าเหล่านั้นริอ่านแข็งข้อกับข้าขึ้นมาได้อีก! มีหลายสิ่งที่คิดเอาไว้นานแล้วและอยากลงมือเสียที ในที่สุดโอกาสก็มาถึง” ตุ้บ!!! พู่กันอยู่ในมือที่กำลังจดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ขององค์ชายอิ๋งหยางรวมไปถึงเหตุการณ์โดยรวมของแคว้นฉิน ซึ่งจางเพ่ยอันคอยบันทึกอยู่เป็นประจำทุกวันร่วงหล่นจากมือของตัวเองทันใดเมื่อได้ยินว่าจะต้องกลายเป็นขันที ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกตัว “โอ๊ย! ไม่เอานะ! ไม่เอานะ! ทำไมต้องให้ข้าไปเป็นขันทีด้วย ตำแหน่งนี้ข้าต้องโดนตอนนะ... พี่หยาง ใจคอท่านจะส่งข้าให้ไปตอนอย่างนั้นเหรอ... แ
ห้าวันผ่านไปจวนแม่ทัพ พระวรกายใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางนั่งอยู่บนตั่งที่ประทับ ทรงอ่านรายงานสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาซึ่งพระองค์หายสาบสูญไปอยู่บ้านน้อยริมลำธาร ใช้ชีวิตชาวป่ากับสองผู้เฒ่าและน้องชายหน้าหวานมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในยามนี้ความเคลือบแคลงสงสัยในตัวของน้องน้อยยังมิเสื่อมคลายลงไปแม้แต่น้อย หากแต่พระองค์เลือกที่จะแอบสังเกตการณ์เอาไว้อย่างเงียบๆ หลังจากที่ทรงหมดพระสติบรรทมไปเสียดื้อๆ ทำให้น้องชายหน้าหวานรอดพ้นจากการถูกพระองค์จับแก้ผ้าเพื่อสำรวจร่างกาย จึงทำให้ล่วงรู้ว่าทรงถูกน้องน้อยจัดการให้มีสภาพเช่นนั้น อีกทั้งองค์ชายปีศาจทอดพระเนตรน้องชายกระตือรือร้นจัดการต้มยาด้วยตัวเองอ้างว่าเพื่อช่วยรักษาพิษที่อยู่ภายในพระวรกายให้หายเป็นปกติในเร็ววัน พระองค์จึงต้องแสร้งเล่นตามน้ำไปด้วยเพื่อจับให้ได้คาหนังคาเขาด้วยอย่างใจเย็นกว่าครั้งที่แล้วมา ในขณะที่จางเพ่ยอันหาวิธีการที่จะทำให้พี่หยางหยางคลายความสงสัยในตัวเธอว่าแท้จริงแล้วเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่ หญิงสาวพลิกตำราสูตรยาลับพร้อมสมุนไพรสุดวิเศษที่ผู้เฒ่าหยงอู่จัดไว้ในห่อผ้าและได้อธิบายให้หลานสาวคนสวยถึงวิธี
พี่หยาง!!!” จางเพ่ยอันร้องเรียกชื่อพี่ชายปีศาจจนสุดเสียง สองมือพยามยามผลักมือหนาที่กำลังง่วนอยู่กับการแก้เชือกผูกสาบเสื้อของเธออยู่ตลอดเวลา “ทะ... ท่านไม่ต้องแก้เสื้อให้ข้าหรอก! ข้าบอกว่าไม่เป็นอะไร... พี่หยางเชื่อข้าเถอะ!” เธอพยายามอธิบายกลับไป “ข้าไม่เชื่อ! เจ้ามีพิรุธยิ่งนักโดยเฉพาะตรงหน้าอก! จะต้องถูกคนโฉดผู้นั้นทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ มาเถิดอันอันพี่หยางขอดูหน่อย… จะได้ช่วยรักษาเจ้าให้เป็นปกติดั่งเดิม... มา... มา” จู่ๆ ถ้อยรับสั่งขององค์ชายปีศาจพลันเชื่องช้าลง เปลือกพระเนตรเริ่มปรือและค่อยๆ พร่ามัวขึ้นมา พระองค์ทอดพระ เนตรใบหน้าแสนสวยของน้องชายเริ่มพร่าเลือนพร้อมพระวรกายเริ่มโงนเงน “นี่ข้าเป็นอะไรไป! อันอัน! อันอัน!” รับสั่งเพรียกหาน้องชายหน้าสวยพร้อมสะบัดพระเศียรไปมาอย่างแรงติดต่อกันเพื่อขับไล่ความมึนงงและอาการพร่าเลือนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ทันทีที่หญิงสาวเห็นอาการพี่หยางหยางแสดงออกมาเช่นนั้น เธอล่วงรู้ได้ทันทีว่าฤทธิ์ของยาสลบที่เพิ่งฉีดเข้าไปนั้นเริ่มออกฤทธิ์แล้ว และมิเสียเวลารอช้าจางเพ่ยอันสวมบทบาทตีเนียนทันใด “พี่หยางท่านเป็นอะไรอย่างนั้นรึ! เห็นไหมข้าเตือนแล้วว่าอาการข
ท่อนแขนเรียวสวยของหญิงสาวถูกพี่หยางหยางดึงรั้งให้ร่างงามหันกลับมาเผชิญหน้าตามเดิม ท่ามกลางความตกใจของอีกฝ่าย “เฮ้ย! เฮ้ย!พี่หยางจะทำอะไร!”หญิงสาวร้องโวยวายพร้อมร่างเล็กๆ ถูกจับให้หันกลับมายืนอยู่ตรงหน้าคนตัวโตที่กำลังจ้องเขม็งอยู่ในขณะนี้ “เจ้าเป็นอะไรรึ! เหตุใดวันนี้แลดูชอบกลนัก แสดงท่าทีประหลาดก็หลายครา ตกใจก็ง่ายดาย แล้วนี่กระไรหน้าแดงก่ำถึงเพียงนี้เชียว... หรือว่าเจ้าเป็นไข้รึ!” รับสั่งพร้อมพยายามจะลุกจากฟูกบรรทมเพื่อสำรวจร่างกายน้องชายหน้าสวย ทั้งๆ ที่พระวรกายยังคงเปลือยเปล่าอยู่เช่นนั้น มีเพียงผ้าห่มของหญิงสาวปิดเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างครั้นเห็นร่างเปลือยจะหลุดพ้นจากผ้าห่มผืนน้อย มือเรียวสวยรีบตรงเข้าไปตะครุบผืนผ้าก่อนจะพันรอบพระวรกาย “ว้าย! ไม่ต้อง! ไม่ต้อง! ไม่ต้องยืน!!!” จางเพ่ยอันหวีดร้องออกมาด้วยความลืมตัว แปะ! หยดเลือดสีแดงก่ำไหลออกมาจากรูจมูกของเธอโดยพลัน เมื่อใบหน้าแสนสวยเกือบแนบชิดกับแผงอกกว้างที่อัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อเรียงตัวอย่างสวยงาม “อือหือ แข็งปั้ก! แข็งไปหมด!” หญิงสาวพูดพลางยกปลายนิ้วขึ้นสัมผัสตรงปลายจมูกของเธอทันใด “โอ้โฮ!ความดันขึ้นถึงขี
เวลาผ่านไปนานกว่าสองชั่วยาม แผลจากลูกธนูบริเวณหน้าอกและหน้าขาขององค์ชายปีศาจได้รับการรักษาเป็นที่เรียบร้อย ลูกธนูอาบยาพิษถูกนำออกมาจากพระวรกายเป็นผลสำเร็จ บาดแผลเย็บโดยใช้ไหมละลายเรียบเนียนและสวยงามเรียงตัวเป็นระเบียบ บาดแผลดังกล่าวถูกปิดทับด้วยผ้าก๊อซขนาดใหญ่ก่อนจะทาบทับด้วยแผ่นปลาสเตอร์ที่สามารถตัดแบ่งได้ด้วยกรรไกรอันคมกริบจากยุคปัจจุบันทำการปิดทับชั้นสุดท้ายเพื่อป้องกันมิให้ถูกสิ่งสกปรก และตามด้วยผ้าพันแผลที่ทำมาจากผ้าฝ้ายถูกนำมาพันโดยรอบอย่างสวยงามทั้งบริเวณหน้าอกและหน้าขาขององค์ชายปีศาจ “เสร็จเรียบร้อยแล้ว! อาการของพี่หยางไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว แผลที่หน้าอกและหน้าขาของท่าน ข้าจะคอยดูแลเปลี่ยนผ้าและล้างแผลให้เอง ส่วนยาพิษที่ได้รับเข้าไปใช้ยาของท่านตาทำการล้างพิษกินติดต่อกันอีกสักสองสามวัน พิษร้ายในตัวของพี่หยางก็หมดสิ้นแล้ว” หญิงสาวกล่าวอย่างภาคภูมิใจในฝีมือทางการแพทย์ของตนเอง ในขณะที่คนจากยุคอดีตต่างพากันเงียบงันไปตามๆ กันเมื่อได้เห็นการรักษาที่มิเคยพานพบมาก่อน เครื่องมือหลายอย่างสร้างความฉงนสนเท่ห์ให้แก่ทุกสายตาที่อยู่ภายในห้องดังกล่าวเป็นยิ่งนัก แม้จะอยู่ในสนามรบมามากก็ตาม แ
ห้องนอนท่านแม่ทัพ เพียงไม่นานจางเพ่ยอันก้าวข้ามธรณีประตูมาหยุดยืนอยู่กลางห้องพระบรรทม ในขณะที่โม่โฉวและองครักษ์ติดตามกำลังสาละวนถอดฉลองพระองค์ที่เต็มไปด้วยโลหิตของผู้คนมากมาย ที่องค์ชายปีศาจสังหารผู้คนนับตั้งแต่หอเฟิ่งอี้เป็นต้นมาจนถึงจวนสกุลฮัวจนสิ้นชีพไม่ต่ำกว่าร้อยชีวิตเลยทีเดียว ร่างอรชรหยุดชะงักทันทีเมื่อเธอเห็นฉลองพระองค์ขององค์ชายหนุ่มถูกปลดออกจากพระวรกาย ตุ้บ!!! ฉลองพระองค์ถูกถอดออกจนเผยให้เห็นพระอุระกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออัดแน่น ลูกธนูอาบยาพิษเสียบเข้าไปจนลึกเหลือเพียงส่วนปลายที่ถูกหักเอาไว้เพียงน้อยนิด บริเวณบาดแผลเต็มไปด้วยเลือดสีดำในขณะที่พระวรกายท่อนล่างกำลังถูกรองแม่ทัพดึงส่วนที่เป็นกางเกงผ้าตามมาติดๆ พรึบ!!! กางเกงถูกดึงออกจากพระวรกายอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอันที่เห็นพี่หยางหยางเปลือยกายต่อหน้าต่อตาเธออยู่ในขณะนี้ “อ๋อย!!! พะ… พะ... พี่... พี่หยาง... หูยย! เห็นหมดเลย” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ ใบหน้าหวานลึกล้ำแดงก่ำขึ้นมาโดยพลันเมื่อได้เห็นพระวรกายเปลือยเปล่าขององค์ชายปีศาจปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอในขณะนี้ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงของโม่โฉวร้องเรียก