เจิ้งเหลียงฮวาส่งของประมูลให้กับเลขาของเธอ ก่อนจะชวนซูหนิงจิงไปนั่งคุยเรื่องจ้านเกาให้เธอฟังอย่างละเอียด เพราะสิบกว่าปีแล้วที่เธอไม่ได้อัพเดทเรื่องชาวบ้านให้เพื่อนฟัง มันทำให้เธอคันปากยิบ ๆ เลยทีเดียว
ซูหนิงจิงนั่งฟังเพื่อนเล่าประวัติของจ้านเกาอย่างออกรส เธอได้แต่สงสารเขาที่ต้องเสียแม่ไปเพราะรับไม่ได้ที่สามีมีเมียน้อยและพาเมียน้อยกับลูกเข้าบ้าน ดีที่ตายายของเขายังอยู่ ไม่อย่างนั้นเด็กคนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ แถมตอนนี้จ้านเกายังเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่กวาดรางวัลมาแทบจะทุกเวทีในเวลาเพียงห้าปี
“พอฟังเธอเล่าแล้วฉันก็ชักอยากจะร่วมงานกับคนเก่ง ๆ อย่างเขาเหมือนกันนะ”
“ถ้าเธอร่วมงานกับจ้านเกาได้ ฉันก็ดีใจที่หลานชายจะมีคนเก่งอย่างเธอให้คำแนะนำ นี่ เธอดูนั่นสิ นั่นน่ะลูกเมียน้อยชื่อหลงเอ้อหลาง ทำงานไม่เป็นโล้เป็นพายอะไร แต่มีคู่หมั้นตระกูลจ้าวเท่านั้นเลยทำให้เข้าสังคมได้อย่างทุกวันนี้ ตายแล้ว ฉันขอโทษนะหนิงจิง ฉันลืมไปว่าเธอกับจ้าวไห่ถังเคยแต่งงานกันมาก่อน”
ซูหนิงเซียวเห็นแม่หันไปยิ้มให้กับคนที่ประมูลชุดเครื่องเพชรของแม่เธอก็พบว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมและดูภูมิฐานมาก แต่ในเมื่อแม่ไม่ได้แนะนำให้รู้จัก เธอก็ไม่คิดที่จะถามเช่นเดียวกัน เธอคิดเพียงว่าน่าจะเป็นนักธุรกิจที่แม่คุยด้วยก่อนหน้าที่การประมูลจะเริ่มขึ้นมากกว่าส่วนจ้าวลี่ลี่ที่เห็นแม่ตัวเองประมูลสร้อยข้อมือแข่งกับซูหนิงจิงก่อนหน้านี้ก็ได้แต่นั่งหน้าเครียด เพราะเธอรู้ว่าแม่ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ถ้าบิลของงานส่งไปที่บ้านล่ะก็ พ่อของเธอต้องต่อว่าแม่เป็นแน่ เนื่องจากหลายปีมานี้พ่อของเธอทำธุรกิจได้ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน เขาจึงอารมณ์ไม่ค่อยดีนักกับพวกเธอสองแม่ลูกและจำกัดการใช้เงินของพวกเธอมาตลอด ขนาดว่างานวันนี้ พ่อของเธอยังส่งเธอกับแม่มาแทนที่พ่อจะมากับเลขาด้วยตัวเองเมื่อจบการประมูลเครื่องเพชรของซูหนิงจิงแล้ว ถัดจากนั้นอีกสองรายการก็เป็นชุดเครื่องเพชรของเจิ้งเหลียงฮวา ซึ่งครั้งนี้เป็นภรรยานักธุรกิจตระกูลหานที่ได้รับไป และสร้อยเพชรขนาดใหญ่น้ำงามราคาไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน ครั้งนี้เป็นสามีนักธุรกิจส่งออกร
“โธ่แม่คะ แม่ก็รู้ว่าหนูไม่ชอบเรื่องปวดหัวพวกนี้น่ะ แถมเรื่องการเข้าสังคมกับพวกผู้ใหญ่หนูก็ไม่ถนัดด้วย หนูให้แม่จัดการดีแล้วค่ะ ฮิ ฮิ”“ฮ่า ฮ่า หนิงเซียวพูดถูก น้องซูเก่งเรื่องพวกนี้ก็จัดการไปดีแล้วค่ะ พวกเราจะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ”“เฮ้อ พี่กู่ก็เป็นไปด้วยกับหนิงเซียวเหรอคะเนี่ย ถ้าอย่างนั้นน้องคงต้องจัดการเองเสียแล้วล่ะค่ะ อ๊ะ ถึงชั้นเราแล้ว รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วแวะหาอะไรทานก่อนกลับกันดีกว่านะคะ”ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงพากันพยักหน้ารับคำซูหนิงจิง ตอนนี้พวกเธอก็ชักจะเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ถึงจะกินดึกไปหน่อยก็ยังดีกว่าที่ปล่อยให้ท้องโล่ง ขณะที่ในงานยังคงมีคนพูดคุยกันอยู่ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ จ้านเกาที่รู้ว่าผู้หญิงสวยจัดคนนั้นเป็นลูกสาวของคุณป้าซูก็เอาแต่คิดอยู่ในหัวว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้รู้จักเธอเป็นการส่วนตัว อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ว่าคุณป้าซูจะให้เขาช่วยเรื่องโครงการในที่ดินผืนใหม่หรือไม่ จ้านเกาได้แต่เดินคิดไปจนถึงหน้าป้าเจิ้งของเขาแล้วจึงบอกลาป้าเจิ้ง
ซูหนิงจิงเก็บเช็คและเอกสารใส่กระเป๋าก่อนจะเดินนำซูหนิงเซียวกับกู่ซิงขึ้นไปยังชั้นสามที่มีบริษัทโบรกเกอร์มากมายตั้งอยู่ เธอเดินตรงเข้าไปที่ป้ายบริษัท K ที่เคยใช้บริการเมื่อสิบกว่าปีก่อนทันที พนักงานต้อนรับรีบถามว่าเธอต้องการติดต่อโบรกเกอร์คนไหน เพราะที่นี่เจ้าหน้าที่ซื้อขายหุ้นต่างมีลูกค้าเป็นของตัวเอง เธอจึงต้องสอบถามก่อน“ดิฉันมาพบคุณไป่เฉิงค่ะ”“เดี๋ยวดิฉันโทรบอกให้นะคะ ไม่ทราบคุณผู้หญิงชื่ออะไรคะ”“บอกเขาว่าซูหนิงจิงมาขอพบค่ะ”พนักงานต้อนรับพยักหน้ารับคำของซูหนิงจิงแล้วจึงต่อสายไปยังเจ้าหน้าที่อาวุโสไป่เฉิงซึ่งมีลูกค้าใหญ่ในมือนับร้อยคน ทำให้เขาได้ส่วนแบ่งรายได้และยังมีหุ้นของบริษัทโบรกเกอร์ของตัวเองไม่น้อย เมื่อได้รับอนุญาตให้แขกเข้าพบได้เธอก็วางสายโทรศัพท์แล้วเชิญแขกทั้งสามให้เดินตามเธอไปยังห้องของไป่เฉิง“เชิญพวกคุณเข้าไปได้เลยค่ะ ตอนนี้คุณไป่ว่างอยู่พอดีค่ะ”
ไป่เฉิงจัดการเอกสารการซื้อหุ้นและส่งมอบให้กับซูหนิงเซียวเสร็จแล้วก็หันไปถามซูหนิงจิงว่าวันนี้เธอจะซื้อหุ้นอะไรบ้างหรือไม่ เพราะบัญชีของซูหนิงจิงยังมีอยู่ที่เขาเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน แถมหุ้นที่เธอเคยซื้อเอาไว้ก็มีมูลค่าไม่น้อยแล้วในปีนี้“ฉันว่าจะซื้อหุ้นเทคโนโลยีของบริษัท V สักหน่อย คุณคิดว่ายังไงคุณไป่”“เป็นตัวเลือกที่ดีครับคุณซู ครั้งนี้คุณจะซื้อเท่าไหร่ครับ อีกอย่าง หุ้นเก่าที่คุณซื้อทิ้งไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนี้มูลค่าสูงมากแล้วนะครับ คุณไม่คิดจะถอนเงินออกไปเก็บไว้บ้างเหรอครับ”“อ่า… ฉันลืมไปเลยว่าเคยซื้อทิ้งเอาไว้ เดี๋ยวคุณจัดการเรื่องซื้อหุ้นตัวนี้ให้ฉันก่อนก็แล้วกันนะคะ แล้วเราค่อยมาดูยอดกันว่าหุ้นพวกนั้นมูลค่าเท่าไหร่แล้ว พอดีกับที่ฉันมีโครงการใหม่ที่อยากจะทำเสียด้วย ถ้าได้เงินลงทุนมาเพิ่มก็คงดีไม่น้อย”“ไม่มีปัญหาครับ คุณซูรอสักครู่ เดี๋ยวผมทำเรื่องซื้อให้ครับ เงินในบัญชีของคุณตอนนี้ยังมีเงิ
“น้องซูคะ ไม่ทราบว่าพี่ถามได้ไหมว่าน้องซื้อหุ้นทั้ง 5 ตัวที่ทำกำไรมหาศาลเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ยังไงคะ”“อืม… จะว่าไปก็แค่ความบังเอิญมากกว่าค่ะ น้องได้ข่าวจากเพื่อนนักธุรกิจว่าเมืองหลวงกำลังจะเปิดตลาดหุ้น หลังจากที่ซื้อขายได้แค่ตามธนาคารเท่านั้น น้องก็หาข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้จนแน่ใจว่าน่าจะเปิดแน่ น้องเลยเอาเครื่องเพชรที่สะสมมาหลายปีไปขายรอไว้ก่อนจนมีเงินทุนในมือ 50 ล้านหยวน พอตลาดหุ้นเปิด น้องก็หาโบรกเกอร์หลายคนจนรู้จักกับไป่เฉิง สมัยนั้นเขาเพิ่งเรียนจบกลับจากต่างประเทศแล้วเข้ามาทำงานพอดี น้องเห็นว่าความคิดของเขาก้าวหน้ากว่าโบรกเกอร์คนอื่นที่เคยคุยมา ก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญากับเขาเรื่องซื้อขายหุ้นค่ะ ส่วนหุ้นทั้ง 5 ที่น้องเลือกก็เพราะน้องพอจะรู้ข่าววงในมาบ้างว่าหุ้นตัวไหนจะพัฒนาไปได้อีกไกลค่ะ น้องก็เผื่อใจด้วยถ้าหุ้นที่ซื้อขาดทุนนะคะ ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะได้กำไรมากถึงขนาดนี้ค่ะ”“น้องซูโชคดีมากเลยนะคะ พี่เองสมัยนั้นก็ได้ยินดาราใหญ่บางคนพูดเรื่องหุ้นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่พี่
ซูหนิงเซียวขับรถมินิคันเล็กของเธอออกจากที่จอดรถลงไปยังด้านล่างช้า ๆ เพราะเธอจำได้ว่าแม่บอกเวลาขึ้นลงชั้นจอดรถให้ใช้เกียร์ต่ำ เธอไม่กล้าที่จะใช้เกียร์สูงจึงได้แต่ค่อย ๆ ลงมาตามทางโค้งอย่างระมัดระวัง กระทั่งลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเป็นเกียร์ปกติเพื่อขับออกจากคอนโดไปยังมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ไม่ไกลนักซูหนิงเซียวจำทางไปตึกคณะศิลปศาสตร์ สาขาการแสดงได้ เธอจึงขับรถเข้าไปจอดยังที่จอดรถ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน เธอเองก็จำเพื่อนร่วมรุ่นไม่ได้เพราะวันที่มาลงทะเบียนเธอรีบไปทำธุระกับแม่เสียก่อน ซูหนิงเซียวจึงเดินถือกระเป๋าพร้อมกับเสื้อพาดไว้ที่แขนอีกข้างหนึ่งขึ้นไปนั่งรอที่ชั้นล่างของตึกคณะก่อนหานลู่หรงที่กำลังนั่งคุยอย่างออกรสกับเพื่อนสนิทอย่างโจวเสี่ยวเซียน เห็นซูหนิงเซียวหน้าตาสวยจัดแถมยังแต่งตัวแบรนด์เนมทั้งตัวอีกด้วย เธอคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นหน้าซูหนิงเซียวที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก“นี่ เธอว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้น ๆ ไหม?”“เดี๋ยวนะ ขอ
หลังผ่านการแนะนำตัวของประธานรุ่นแต่ละสาขาในคณะศิลปกรรมศาสตร์แล้ว อาจารย์หัวหน้าคณะก็ขึ้นมากล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ พร้อมกับให้สิทธิพิเศษสำหรับการลาเรียนโดยไม่มีผลกับเกรดหากนักศึกษายังคงมาสอบและทำคะแนนได้ดี อาจารย์ยังกล่าวอีกว่ามหาวิทยาลัยสนับสนุนหากนักศึกษาอยากเข้าสู่วงการบันเทิงและไปได้ดีเพื่อปูทางเอาไว้ให้รุ่นน้องต่อไปอีกด้วยอาจารย์หัวหน้าคณะกล่าวเรื่องวิชาเรียนเด่นๆในแต่ละสาขาเล็กน้อย จากนั้นอาจารย์ก็ประกาศให้ซูหนิงเซียวที่ทำคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสองของประเทศแต่เลือกมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ในคณะศิลปศาสตร์ขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อยซูหนิงเซียวไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะต้องขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์แทนนักศึกษาใหม่ในวันนี้ เธอได้แต่หายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะฝากกระเป๋าเอาไว้กับเพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินออกจากที่นั่งไปยังเวทีที่อยู่ไกลพอสมควรนักศึกษาใหม่ต่างพากันปรบมือพร้อมกับฮือฮาไม่น้อยที่ซูหนิงเซียวสวยมากแถมการเดินของเธอก็ไม่ต่างจากนางแบบที่เดินเร็ว ๆ แต่สง่างามอีกด้วย กว่าที่เสียงปรบมือจะหยุดลง ก็เป็
เมื่อทั้งสามสาวมาถึงหน้าโรงอาหารแล้ว พวกเธอก็เลือกเดินขึ้นไปที่ชั้นสามที่เป็นห้องแอร์เหมือนกับชั้นสองทันที แต่ราคาอาหารก็จะแพงไปตามระดับชั้นด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าหานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนต่างเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ พวกเธอจึงไม่คิดที่จะนั่งกินอาหารราคาถูกที่ชั้นหนึ่งกับชั้นสองแต่แรก ซูหนิงเซียวที่ไม่ได้สอบถามถึงครอบครัวเพื่อนก็เดินตามทั้งสองคนไปเลือกอาหารแล้วหาที่นั่งกินกันก่อนที่จะถึงบ่ายโมงทันที เพราะพวกเธอเสียเวลาระหว่างเดินมาโรงอาหารไม่น้อย จึงกลัวว่าจะเข้าไปที่หอประชุมไม่ทันเพื่อนในช่วงบ่ายหลังทานอาหารกันเสร็จ พวกเธอเหลือเวลาเพียง 10 นาทีจะบ่ายโมง ทั้งสามคนจึงนำจานไปเก็บแล้วรีบพากันเดินออกจากโรงอาหารเพื่อกลับไปที่หอประชุม ในระหว่างทางเดินกลับหอประชุม หากมีเพื่อน ๆ มาทักทาย พวกซูหนิงเซียวก็จะทำเพียงยิ้มรับเท่านั้น เพราะกลัวว่าหากมัวแต่คุยกันอยู่จะทำให้เข้าหอประชุมสายช่วงบ่ายทางทีมงานกิจการนักศึกษาได้จัดเก้าอี้แยกเป็นวงกลมตามสาขาของคณะที่มีอยู่ เพื่อให้รุ่นพี่พาน้อง ๆ ทำกิจกรรมสันทนาการและตามหาพี่รหัส
ผู้จัดการโรงแรมที่รออยู่หน้าห้องของท่านประธานที่ให้เขาจองไว้ก่อน เดินเข้าไปทักทายท่านประธานและเชิญทุกคนเข้าไปในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ทันที“อีกสักครู่ ผมจะให้คนนำอาหารมาส่งนะครับท่านประธาน”“ขอบคุณมากครับผู้จัดการฮวง ทุกคนนั่งกันก่อนครับ อีกเดี๋ยวค่อยทานอาหารกัน”ซูหนิงจิงกับเจิ้งเหลียงฮวานั่งติดกันเช่นเคย ส่วนกู่ซิงก็นั่งติดกับซูหนิงจิง ทำให้ซูหนิงเซียวต้องนั่งติดกับจ้านเกาอีกแล้ว สามีของเจิ้งเหลียงฮวาก็นั่งระหว่างเธอกับจ้านเกาเช่นกัน ซูหนิงเซียวได้แต่หันไปมองแม่อย่างไม่อยากห่างจากกันจ้านเกาเห็นซูหนิงเซียวเป็นแบบนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจกับอาการติดแม่ของคนสวยของเขา จ้านเกาจึงกระแอมไอก่อนจะชวนซูหนิงเซียวคุยไปพลาง ๆ“น้องหนิงเซียวเรียนเป็นยังไงบ้างครับ สนุกไหม”“สนุกค่ะ ตอนนี้เพิ่งเทอมแรก การเรียนยังไม่ถือว่ายากมากค่ะ ส่วนใหญ่มีแต่วิชาพื้นฐานเท่านั้น”
[อืม ป้าว่างวันมะรืนนี้ค่ะ วันนี้กับพรุ่งนี้หนิงเซียวยังมีงานถ่ายแบบอีกสองงานน่ะ][ถ้าอย่างนั้นผมนัดวันมะรืนเลยนะครับ เอาเป็นที่ห้องอาหารโรงแรม J ของผมก็แล้วกันนะครับ ผมจะได้ให้คนเปิดห้องอาหารส่วนตัวเอาไว้ก่อน][ตกลงจ๊ะ กี่โมงดีล่ะ ป้าจะได้เตรียมตัวเผื่อรถติดด้วย][สักหกโมงเย็นก็แล้วกันครับ เดี๋ยววันมะรืนผมกับป้าเจิ้งจะรอที่ฟร้อนหน้าโรงแรม][โอเคจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวไปดูหนิงเซียวก่อนนะ เพราะกำลังจะออกไปทำงานกันแล้วน่ะจ๊ะ][ครับคุณป้า ไว้พบกันวันมะรืนนะครับ สวัสดีครับ]หลังวางสายแล้ว จ้านเกาก็โทรหาเจิ้งเหลียงฮวาเรื่องนัดทานข้าวทันที ซึ่งเธอเองก็รับปากหลานชายว่าจะไปตามเวลานัดพร้อมสามีแน่นอน ช่วงนี้เธอยังไม่ได้คุยกับเพื่อนรักอย่างซูหนิงจิงเรื่องโครงการใหม่เลย ถ้ามีโอกาสเธอก็อยากให้สามีได้งานนี้มากกว่า ถึงแม้สามีจะบอกไม่ให้เธอขอร้องเพื่อนก็เถอะ เธอแค่อยากช่วยงานเขาบ้างเท่านั้นเอง
ผู้กำกับกับทีมงานหลายคนปรบมือให้กับการแสดงของซูหนิงเซียว เธอที่ได้ยินเสียงคัทก็ปาดน้ำตาออกแล้วลุกขึ้นยืนคำนับให้กับคนที่ปรบมือให้เธอ หลังหมดฉากนี้ไปจะเป็นซีนอารมณ์ของเธอคนเดียวยาวไปจนจบเพลง“คุณซูแสดงได้ดีมากครับ รบกวนคุณไปปรับอารมณ์อีกครั้งก่อนที่ผมจะเซ็ตฉากใหม่นะครับ เพราะหลังจากนี้จะเป็นซีนอารมณ์ในห้องพักของคุณแล้ว”“ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณที่ชมนะคะผู้กำกับ”ซูหนิงเซียวไปยืนทบทวนบทบาทอีกครั้งอย่างสงบ ด้านซูหนิงจิงกับกู่ซิงก็ไม่ไปรบกวนซูหนิงเซียวที่กำลังทำสมาธิอยู่ พวกเธอสองคนไม่คิดว่าซูหนิงเซียวจะสามารถแสดงได้ดีถึงขนาดนี้ในครั้งแรกที่ถ่ายมิวสิควิดีโอ นับว่าการที่ซูหนิงเซียวไปเรียนที่เปี่ยวเซียนนั้นไม่เสียหลายจริง ๆด้านจ้านเกาที่ได้รับโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ก็คิดอยู่นาน กระทั่งเขาสั่งเค่อหานให้ตรวจสอบนักแสดงชื่อหวงเต๋อที่กล้ามายุ่งกับผู้หญิงที่เขาดูแลอยู่ และให้เค่อหานทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้ชายคนนี้หลุดออกจากวงการไปเสีย
ซูหนิงเซียวเห็นทุกคนต่างมองมาที่เธอก็ได้แต่ทำจิตใจให้สงบ เธอเดินเข้าไปสอบถามทีมงานว่าจะเริ่มต้นแสดงจากตรงไหนก่อน เพราะบทที่ให้เธอมาเริ่มแสดงตามบทเพลงตั้งแต่ท่อนแรก แต่เธอไม่แน่ใจว่าจะมีการสลับฉากก่อนหรือไม่จึงได้สอบถามออกมา นี่เป็นเรื่องที่รุ่นพี่ในชมรมการแสดงเคยเล่าให้เธอฟังว่าบางเรื่องก็ถ่ายทำไปตามใจผู้กำกับ บางเรื่องก็ถ่ายตามบท เราเป็นนักแสดง จึงต้องสอบถามให้ดีเพื่อจะได้เข้าถึงบทบาทได้ถูกต้อง“ผมจะเริ่มถ่ายฉากที่คุณกับพระเอกพบกันและรักกันก่อนครับ ตามเนื้อหาเพลงไปเลยนะครับ ส่วนคุณก็ร้องคลอไปด้วยนะครับ เราจะสลับถ่ายสองกล้องพร้อมกันแล้วค่อยตัดต่อกันทีหลัง ถ้ามีตรงไหนที่ต้องแก้ไข ผมจะสั่งคัทเอง”นักร้อง พระเอกและซูหนิงเซียวต่างรับคำของผู้กำกับอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้านพระเอกมิวสิคที่เห็นว่าซูหนิงเซียวสวยมากจริง ๆ ก็คิดที่จะเอาเปรียบเธอสักเล็กน้อยเวลาเล่นมิวสิค เขาส่งยิ้มให้ซูหนิงเซียวแล้วแนะนำตัวอย่างคิดว่าตัวเองหล่อมาก“สวัสดีครับน้อง พี่ชื่อหวงเต๋อนะครับ ยินดีที่ไ
โอวหยางหลงยิ่งถ่ายภาพของซูหนิงเซียวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชื่นชมความสามารถของเด็กคนนี้ไม่น้อย ทั้งที่เธอยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงในวงการนางแบบสักเท่าไหร่ แต่กลับสามารถทำงานได้ไม่ต่างจากมืออาชีพเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเคยได้ยินเพื่อนคนหนึ่งชื่นชมเธอมาก่อน ครั้งนี้พอรู้ว่าจะได้มาถ่ายเธอ เขาจึงยอมรับงานนี้เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมมาถ่ายให้หย่งกวงที่ขอร้องให้เขาช่วยถ่ายรั่วซีซีให้อีกคนหรืออย่างไร และเด็กคนนี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ไม่ว่าเธอจะสวมชุดไหน เธอสามารถโพสท่าให้ชุดโดดเด่นขึ้นมาได้ไม่ยาก อีกอย่างความสวยของเธอก็นับว่าไม่ธรรมดา สมกับที่เพื่อนเขาชมเธอให้เขาฟังไม่น้อย เด็กแบบนี้พวกเขาชอบที่จะสนับสนุนมากกว่านางแบบเรื่องมากอย่างรั่วซีซีช่วงบ่ายสองโมง การถ่ายแบบทั้งหมดก็เสร็จสิ้น ชุดที่รั่วซีซีจะต้องถ่ายก็เป็นซูหนิงเซียวรับผิดชอบถ่ายให้ทั้งหมด ถึงแม้แบบจะดูเซ็กซี่ไปหน่อย แต่เธอก็ทำออกมาได้ดี ซึ่งตอนแรกซูหนิงจิงไม่ค่อยพอใจนักที่จี้จุนจะให้ลูกเธอแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้ หากลูกสาวเธอไม่ข้อร้องให้ช่วยจี้จุนล่ะก็ เธอไม่มีวันให้ลูกแต่งตัว
จี้จุนได้แต่ปวดหัวกับความเรื่องมากของรั่วซีซี นี่ถ้าไม่ใช่เจ้าของนิตยสารอยากได้รั่วซีซีมาขึ้นปกด้วยล่ะก็ เธอมีหรือที่จะเรียกรั่วซีซีมาถ่ายแบบ ในวงการนี้ต่างรู้กันดีว่าเธอเป็นเมียน้อยของเจ้าของนิตยสารเล่มนี้ ทุกครั้งที่รั่วซีซีอยากขึ้นปกเธอก็จะไปอ้อนคู่นอนของเธอให้หางานให้แบบนี้จี้จุนเข้าไปคุยกับรั่วซีซีเกือบ 10 นาที จึงออกมาตามช่างแต่งหน้าให้เข้าไปทำงานของเธอได้เลย โดยไม่ต้องสนใจเสียงบ่นของรั่วซีซี ช่างแต่งหน้าได้แต่ต้องเข้าไปในห้องเพื่อแต่งหน้าให้กับนางแบบเรื่องมากที่ไม่ได้สวยเท่านางแบบอีกคนสักนิด แต่กลับมีนิสัยไม่ดีแบบนี้ คราวหน้าเธอคงต้องถามชื่อก่อนว่าต้องไปแต่งหน้าให้ใคร ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเสียอารมณ์แบบนี้อีกแน่ซูหนิงจิงที่ได้ยินได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ เธอไม่คิดว่าการให้ลูกถ่ายแบบคู่เป็นครั้งแรก จะต้องเจอกับนางแบบนิสัยเสียเช่นนี้ ซูหนิงจิงได้แต่ต้องถอนหายใจว่าเป็นเธอที่อยากให้ลูกมีประสบการณ์ถ่ายแบบกับคนอื่นบ้างจึงรับงาน ในอนาคตลูกสาวเธออาจจะต้องเจอคนที่เรื่องมากกว่านี้ก็เป็นได
ช่วงสัปดาห์ต่อมา ซูหนิงเซียวเห็นแม่ยุ่งกับงานทุกวัน เธอเลยขอป้ากู่ไม่รับงานจนกว่าจะปิดเทอม เพื่อจะได้คอยดูแลทำอาหารให้แม่บ้าง ซูหนิงจิงพอรู้แบบนี้ก็ไม่อยากขัดใจลูก ในเมื่อลูกอยากดูแลเธอ เธอก็จะปล่อยให้ลูกดูแลไป ดีเสียอีกที่เธอไม่ต้องคอยตะลอนขับรถให้ลูกสาวไปถ่ายแบบทุกวันหยุดจ้านเกาหลังจากกลับบ้านแล้ว เขาเล่าให้ตากับยายฟังว่าซูหนิงเซียวเข้าใจเขาผิดอย่างไร ทำเอาสองเฒ่าชราต่างนึกเอ็นดูเด็กคนนี้ทั้งที่ยังไม่ได้เจอตัวจริง เพียงแค่เห็นในหน้านิตยสารเท่านั้นสองเดือนต่อมาซูหนิงเซียวที่สอบปลายภาคเสร็จก็ไม่ได้กังวลกับผลการสอบในครั้งนี้ เธอมั่นใจว่าตัวเองน่าจะได้คะแนนดีไม่น้อย ส่วนปิดเทอมหนึ่งเดือนครั้งนี้ เธอจะทำงานของตัวเองที่บอกป้ากู่ช่วยรับงานหลังทราบวันปิดเทอมแล้วช่วงสองเดือนที่ผ่านมา แพทริกนัดปรึกษาเรื่องออกแบบกับซูหนิงจิงบ่อย ๆ จนตอนนี้การออกแบบคอนโดแห่งที่สองใกล้เสร็จแล้ว เหลือเพียงคอนโดแห่งที่สามเท่านั้นที่ยังไม่เริ่มต้นการออกแบบ แต่แพท
จ้านเกาที่เอาแต่มองซูหนิงเซียวก็ไม่เข้าใจว่าเธอไม่ชอบอะไรเขาหรือเปล่าทำไมเธอถึงได้ทำหน้าไม่พอใจแบบนี้ทุกครั้งที่เขามองดูเธอ ซูหนิงจิงที่เห็นจ้านเกาน่าจะเข้าใจลูกสาวเธอผิดก็ได้แต่แอบขอโทษเขาในใจ เรื่องนี้เอาไว้มีเวลาเธอค่อยบอกเขาก็แล้วกัน เธอต้องจัดการลูกสาวตัวดีของเธอก่อนที่หวงแม่ไม่เข้าท่าหลังทานอาหารกันเสร็จแล้ว คนอื่น ๆ ก็กลับไปนั่งคุยกันต่อเรื่องทั่วไปก่อนจะเริ่มคุยเรื่องงานกันทีหลัง เพราะพวกเขาอยากรอซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดในครัวอยู่ จ้านเกาที่กลัวว่าสาวจะไม่ชอบรีบถามซูหนิงจิงอย่างอดรนทนไม่ไหวทันทีที่นั่งลง“คุณป้าซูครับ น้องทำไมทำหน้าเหมือนไม่ค่อยชอบหน้าผมล่ะครับ นี่ผมทำอะไรให้น้องโกรธหรือเปล่าครับ”เขาใช้ภาษาถิ่นเพื่อไม่ให้ถูกเพื่อนล้อแทนการใช้ภาษาอังกฤษที่คุยกันก่อนหน้านี้ทันที“เฮ้อ หนิงเซียวเข้าใจผิดว่าคุณจ้านสนใจดิฉันน่ะค่ะ เธอหวงแม่มากเลยทำหน้าแบบนี้ คุณจ้านก็ไม่ต้องสนใจเธอมากหรอกนะคะ หนิงเซี
ซูหนิงจิงที่เห็นสายตาของจ้านเกาเอาแต่มองลูกสาวเธอตาหวานเยิ้มก็ได้แต่กระแอมไอเตือนเขาสักหน่อย ลูกสาวเธอตอนนี้ยังเข้าใจผิดอยู่ว่าเขาชอบเธอ ยิ่งเขาแสดงออกแบบนี้ หน้าลูกสาวเธอยิ่งงอเข้า ๆ จนเธอกลัวว่าลูกจะอาละวาดเอาเพราะความหวงแม่จ้านเกาได้แต่รีบจิบกาแฟแล้ววางถ้วยลงอย่างเสียดาย เขาไม่คิดว่าป้าซูจะรู้ทันจนกระแอมเตือนสติเขา จากนั้นจ้านเกาก็กลับเข้ามาสู่โหมดเป็นงานเป็นการอีกครั้ง แต่เขาก็แอบมองเธอด้วยหางตาอยู่ตลอด เขาเห็นว่าเธอทำหน้าไม่ค่อยพอใจนักก็นึกว่าเธอไม่ชอบที่เขามองเธอบ่อย ๆซูหนิงจิงได้แต่ต้องกลอกตามองบนอย่างไม่รู้จะบอกลูกว่าอย่างไร เธอจึงหันไปคุยกับแพทริกเรื่องภาพรวมโครงการที่เธอต้องการแทน ซูหนิงเซียวกดอัดเสียงตอนที่แม่กำลังคุยงานเอาไว้ด้วยเผื่อว่าแม่จะหลงลืมอะไรไปพอแพทริกนั่งฟังไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งอยากออกแบบงานให้กับคุณผู้หญิงตรงหน้า เขาไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดดีเช่นนี้ เขายังไม่เคยเห็นใครสร้างคอนโดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายภายในโดยที่คนในคอนโดแทบไม่ต้องออกไปไหนแบบนี้มาก่อน ตอ