หลังผ่านการแนะนำตัวของประธานรุ่นแต่ละสาขาในคณะศิลปกรรมศาสตร์แล้ว อาจารย์หัวหน้าคณะก็ขึ้นมากล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ พร้อมกับให้สิทธิพิเศษสำหรับการลาเรียนโดยไม่มีผลกับเกรดหากนักศึกษายังคงมาสอบและทำคะแนนได้ดี อาจารย์ยังกล่าวอีกว่ามหาวิทยาลัยสนับสนุนหากนักศึกษาอยากเข้าสู่วงการบันเทิงและไปได้ดีเพื่อปูทางเอาไว้ให้รุ่นน้องต่อไปอีกด้วย
อาจารย์หัวหน้าคณะกล่าวเรื่องวิชาเรียนเด่นๆในแต่ละสาขาเล็กน้อย จากนั้นอาจารย์ก็ประกาศให้ซูหนิงเซียวที่ทำคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสองของประเทศแต่เลือกมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ในคณะศิลปศาสตร์ขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อย
ซูหนิงเซียวไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะต้องขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์แทนนักศึกษาใหม่ในวันนี้ เธอได้แต่หายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะฝากกระเป๋าเอาไว้กับเพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินออกจากที่นั่งไปยังเวทีที่อยู่ไกลพอสมควร
นักศึกษาใหม่ต่างพากันปรบมือพร้อมกับฮือฮาไม่น้อยที่ซูหนิงเซียวสวยมากแถมการเดินของเธอก็ไม่ต่างจากนางแบบที่เดินเร็ว ๆ แต่สง่างามอีกด้วย กว่าที่เสียงปรบมือจะหยุดลง ก็เป็
เมื่อทั้งสามสาวมาถึงหน้าโรงอาหารแล้ว พวกเธอก็เลือกเดินขึ้นไปที่ชั้นสามที่เป็นห้องแอร์เหมือนกับชั้นสองทันที แต่ราคาอาหารก็จะแพงไปตามระดับชั้นด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าหานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนต่างเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ พวกเธอจึงไม่คิดที่จะนั่งกินอาหารราคาถูกที่ชั้นหนึ่งกับชั้นสองแต่แรก ซูหนิงเซียวที่ไม่ได้สอบถามถึงครอบครัวเพื่อนก็เดินตามทั้งสองคนไปเลือกอาหารแล้วหาที่นั่งกินกันก่อนที่จะถึงบ่ายโมงทันที เพราะพวกเธอเสียเวลาระหว่างเดินมาโรงอาหารไม่น้อย จึงกลัวว่าจะเข้าไปที่หอประชุมไม่ทันเพื่อนในช่วงบ่ายหลังทานอาหารกันเสร็จ พวกเธอเหลือเวลาเพียง 10 นาทีจะบ่ายโมง ทั้งสามคนจึงนำจานไปเก็บแล้วรีบพากันเดินออกจากโรงอาหารเพื่อกลับไปที่หอประชุม ในระหว่างทางเดินกลับหอประชุม หากมีเพื่อน ๆ มาทักทาย พวกซูหนิงเซียวก็จะทำเพียงยิ้มรับเท่านั้น เพราะกลัวว่าหากมัวแต่คุยกันอยู่จะทำให้เข้าหอประชุมสายช่วงบ่ายทางทีมงานกิจการนักศึกษาได้จัดเก้าอี้แยกเป็นวงกลมตามสาขาของคณะที่มีอยู่ เพื่อให้รุ่นพี่พาน้อง ๆ ทำกิจกรรมสันทนาการและตามหาพี่รหัส
ซูหนิงเซียวเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยให้แม่กับป้ากู่ของเธอฟังอย่างสนุกสนาน“เอาไว้วันไหนลูกว่าง ลูกก็พาเพื่อนมาพบแม่ที่บ้านได้นะ แม่อยากจะทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ ของลูกเอาไว้บ้างน่ะ”“ได้สิคะแม่ เพื่อนของหนูน่ารักมากเลยนะคะ หนูไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนดี ๆ แบบนี้ตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ”“ดีแล้วที่ลูกได้เจอเพื่อนดี ๆ หลังจากนี้ก็ตั้งใจเรียนล่ะ ป้ากู่เองก็ดูงานเอาไว้ให้ลูกแล้วสองสามงานในวันหยุด ลูกคิดยังไง”“ตารางเรียนหนูก็หยุดอยู่แล้ว ถ้าทำงานตามคิวที่ป้ากู่จัดหามาให้ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะแม่ จริงไหมคะป้ากู่”“จริงจ๊ะ ยังไงป้าจะคอนเฟิร์มกับเจ้าของงานให้นะว่าเราจะไปกันตามนัดวันเสาร์นี้ ส่วนวันอาทิตย์ป้าไม่รับงานให้หนูนะ เพราะป้าอยากให้หนูพักผ่อนบ้าง”“ขอบคุณมากค่ะป้ากู่ที่หางานให้หนู แถมยังให้วันหยุดหนึ่งวันด้วย&rdq
“ฮ่า ฮ่า ทำไมกันเล่าหนิงเซียว แม่แค่ชมเด็กคนนั้นตามความสามารถของเขาเองนะลูก”“ไม่รู้ล่ะค่ะ ก็คุณแม่กับคุณป้าดูเหมือนจะชอบเขามากกว่าหนูอีกอ่ะ หนูกลัวจะเป็นลูกหลานที่ตกกระป๋องน่ะสิคะ”“ฮ่า ฮ่า หนิงเซียวก็พูดเกินไป ถึงยังไงหนูก็ยังเป็นที่รักของป้ากับแม่หนูเหมือนเดิมนั่นแหละจ๊ะ แค่เพิ่มจ้านเกาเข้ามาอีกคน อย่างไรป้าก็รักหนูมากกว่านะ”“ป้ากู่พูดจริงนะคะว่ารักหนูมากกว่าเขาน่ะ แล้วแม่ล่ะคะ ยังรักหนูอยู่มั้ย”“เด็กโง่ หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ ถ้าแม่ไม่รักหนูแล้วแม่จะรักใครล่ะ คิดมากเกินไปแล้วนะลูกน่ะ อิจฉากระทั่งคนแปลกหน้า ฮ่า ฮ่า”ทั้งสองคนต่างพากันหัวเราะกับความแง่งอนของซูหนิงเซียวซึ่งอิจฉาไม่เข้าท่าเสียอย่างนั้น พวกเธอก็เพิ่งรู้ว่าซูหนิงเซียวหวงคำชมของพวกเธอมากขนาดไหนหลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงเซียวเอาหนังสือมานั่งอ่านเป็นเพื่อนแม่ที่ห้องรับ
“เชิญพวกคุณนั่งรอตรงนั้นก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะโทรไปเรียนท่านประธานให้ค่ะ”“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”ซูหนิงจิงเดินนำกู่ซิงกับซูหนิงเซียวไปนั่งรอที่โซฟารับแขกอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ได้เร่งรีบอะไร เพราะตอนนี้เวลายังไม่ถึงบ่ายสามโมง นับว่ายังไม่สายที่เธอจะคุยงานที่ต้องการพนักงานต้อนรับโทรเข้าหมายเลขของจ้านเกาที่โต๊ะทำงาน หลังจากรายงานว่าซูหนิงจิงมาขอพบแล้ว จ้านเกาจึงบอกให้ดูแลแขกให้ดี เดี๋ยวเขาจะให้เค่อหานลงไปรับเธอขึ้นมาที่ห้องประชุม หลังจ้านเกาวางสาย เขาก็โทรไปที่แผนกติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทให้ขึ้นมารอที่ห้องประชุมใหญ่ทันที ส่วนเค่อหานก็เดินออกจากห้องไปลงลิฟท์ของท่านประธานเพื่อพาแขกขึ้นมาชั้นบนซูหนิงจิงนั่งรอกับลูกและกู่ซิงไม่ถึง 10 นาที เค่อหานก็มาเชิญพวกเธอที่กำลังนั่งทานน้ำรออยู่ขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้นบน เขาแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้คุณซูพาลูกสาวกับผู้จัดการส่วนตัวของลูกสาวมาด้วย แต่ในเมื่อแขกพามา เขาเองก็ไม่มีสิทธิที่จะบอกใ
“อ่า คุณป้าซูสายตาไม่เลวเลยจริง ๆ ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะลองโทรชวนป้าเจิ้งก่อนแล้วจะโทรไปนัดคุณป้าซูไปทานข้าวเย็นกันสักมื้อนะครับ”“ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ดิฉันต้องขอตัวพาลูกกับพี่กู่กลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ลูกดิฉันยังมีงานต้องไปทำอีกค่ะ ดิฉันอยากให้เธอพักผ่อนเร็วสักหน่อย”“อ้อ คุณหนูซูทำงานแล้วเหรอครับ ผมนึกว่าน้องเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เท่านั้นเอง”“ก็ทำงานถ่ายแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วงวันหยุดน่ะค่ะ ส่วนงานอื่นดิฉันยังไม่ให้รับเพราะอยากให้หนิงเซียวเรียนให้จบก่อน”“เก่งจังเลยนะครับ อายุแค่นี้ยังเริ่มเป็นนางแบบได้แล้ว เอาไว้ว่าง ๆ ผมจะลองหานิตยสารที่น้องถ่ายมาเก็บเอาไว้ที่บริษัทบ้างครับ เผื่อจะช่วยเรื่องยอดขายและทำให้น้องได้งานมากขึ้นนะครับ”“ขอบคุณมากนะคะที่สนับสนุนหนิงเซียว ยังไงดิฉันขอตัวก่อนค่ะ”“เดี๋ยวผมให้เลขาไปส่งนะครั
หลังวางสายจากแพทริกแล้ว จ้านเกาเขียนวันนัดเอาไว้ในโทรศัพท์ของเขาและคิดว่าจะโทรแจ้งซูหนิงจิงในวันพรุ่งนี้แทน เพราะเขาคิดว่าวันนี้เธอน่าจะเหนื่อยมากแล้ว อีกอย่างเสาร์หน้าเขาก็น่าจะได้เห็นซูหนิงเซียวด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยที่ได้ค่อย ๆ เรียนรู้นิสัยของเธอว่าเป็นคนอย่างไรวันต่อมา ซูหนิงจิงเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้ทุกคนก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเธอต้องออกจากบ้านกันเร็วกว่าปกติเพราะงานนัดเช้า และมีถ่ายแบบหลายชุดจึงต้องเผื่อเวลาเอาไว้สำหรับการเดินทางสักหน่อยหลังทานอาหารเสร็จ แต่ละคนก็เข้าห้องไปเอากระเป๋าสะพายก่อนจะออกไปที่ลานจอดรถพร้อมกับซูหนิงจิง กู่ซิงอธิบายรายละเอียดงานระหว่างการเดินทางจนซูหนิงเซียวเข้าใจแล้วว่าวันนี้เธอต้องทำเวลา ดีที่เธอผ่านการถ่ายแบบมาหลายครั้งจนเริ่มที่จะมีประสบการณ์มากขึ้น เธอคิดว่าวันนี้เธอจะรีบโพสอย่างมั่นใจ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้เสียเวลาการถ่ายแต่ละชุดทั้งสามไปถึงสตูดิโอเกือบแปดโมงพอดี พวกเธอรีบเก็บกระเป๋าและออกจากรถเพื่อเข้าไปในบริษัทของลูก
หลังมื้อเย็นที่บ้านตระกูลจ้าน เจิ้งเหลียงฮวาก็ได้แต่นั่งคิดระหว่างทางกลับบ้านว่าเธอควรจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนรักดีหรือเปล่า จ้านเกายังบอกด้วยว่าเพื่อนเธอขอนัดทานอาหารเย็นกันสักวันหนึ่ง ซึ่งเธอก็ให้จ้านเกาเป็นคนบอกวันที่และเวลาทีหลัง อย่างไรช่วงนี้เธอก็ยังไม่คิดออกงานอะไรมากมาย หลังจากเพิ่งผ่านงานประมูลครั้งก่อน ตอนนี้ลูกค้าที่ยังไม่จ่ายค่าสินค้าก็มีอยู่สองสามราย ยิ่งหลิวอ้ายโหรวยิ่งแล้วใหญ่ คนของเธอไปสอบถามสองสามครั้งแล้วก็ยังไม่ยอมนำเงินมาจ่ายให้เสียที ครั้งหน้าเธอจะบอกให้คนของเธอไปติดต่อจ้าวไห่ถังแทน อย่างไรก็คงน่าจะได้เงินกลับมา คนของเธอก็จะได้ส่งสินค้าที่หลิวอ้ายโหรวประมูลเสียทีเจิ้งเหลียงฮวาคิดเรื่องลูกสาวเพื่อนจนถึงบ้านแล้วก็ยังตัดสินใจไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะปรึกษาสามีที่น่าจะมีความคิดดีกว่าเธอแทน“ผมว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้จะดีกว่า เรายังไม่รู้เลยว่าเด็กสองคนจะชอบพอกันจริงไหม ผมกลัวว่าเพื่อนคุณจะคิดมากเกินไป และหาว่าเราให้ท้ายหลานชายอีก”“อืม… ถ้าอ
ซูหนิงเซียวพอรู้ว่าแม่อยากทำสเต็ก เธอก็เลือกซอสสำหรับทำน้ำราดหน้าและผักต่าง ๆ เอาไว้วางประดับไว้บนจานสเต็ก ไหนจะส้อมกับมีดที่ต้องเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าอีก ซูหนิงจิงเห็นลูกเลือกของบ้างแล้ว ตัวเองจึงเดินแยกไปกับกู่ซิงเพื่อซื้อเนื้อมาหลายชิ้นเผื่อเอาไว้ รวมทั้งเตาย่างสเต็กอันใหม่ด้วย เพราะที่คอนโดมีเพียงเตาไฟฟ้าสองหัวอยู่เท่านั้น เธออยากให้เนื้อสเต็กออกมาสวย จึงต้องซื้อเตาย่างไฟฟ้าอันใหม่มาแทน อีกทั้งเตานี้ยังสามารถย่างได้ทีละหลายชิ้น ทำให้ลดเวลาการย่างได้มากอีกด้วยไม่นานนักทั้งสามคนก็มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อดูว่าขาดเหลืออะไรอีก ซูหนิงจิงเห็นบ้านยังไม่มีชุดจานชามดี ๆ จึงชวนกู่ซิงกับซูหนิงเซียวไปเลือกไว้ใช้บ้างเผื่อมีแขกมาบ้านอีก ไหนจะแก้วน้ำและชุดน้ำชาที่เธอยังไม่มีแบบสวย ๆ ติดบ้านไว้ด้วย ซูหนิงเซียวช่วยแม่กับป้ากู่เลือกหนึ่งชุด ส่วนกู่ซิงกับซูหนิงจิงก็เลือกกันคนละชุด โดยไม่คิดว่าของพวกนี้จะมากเกินไป อย่างไรการสลับใช้บ้างก็ทำให้รู้สึกไม่จำเจ“แม่คะ หนูว่าเราทำซุปไก่แก้เลี่ยนกินกับสเต็กด้วยดีไหมคะ”
“ฮึ หลิวอ้ายโหรว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับจ้าวไห่ถังสมสู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าตอนนั้นเขาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใครมาก่อนมาหลังให้กฎหมายตัดสินก็น่าจะรู้แล้วไหม ส่วนเรื่องลูกสาวของฉันจะคบกับใครก็ไม่เกี่ยวกับพวกเธอสองแม่ลูก และลูกสาวฉันก็หมั้นกับเขาแล้ว แค่นั่งข้างกันมันจะเป็นอะไรกันเชียว ลูกสาวเธอเสียอีกที่หมั้นตั้งแต่อายุแค่ 15 เธอยังมีหน้ามาว่าฉันขายลูกสาวเหมือนเธออีกเหรอ”“กรี๊ด นังหนิงจิง แกกล้าว่าฉันขายลูกสาวเหรอ ฉันจะบอกแกให้นะว่าตระกูลหลงต่างหากที่ขอหมั้นลูกสาวฉันเอาไว้ก่อนน่ะ ไม่เหมือนพวกแกแม่ลูกหรอกที่เที่ยวเร่เอาตัวไปขายให้ตระกูลจ้าน”“จ้านเกา บอกพวกเธอให้ป้าหน่อยว่าความจริงคืออะไร ก่อนจะไล่พวกเธอออกไป”“ครับป้าซู พวกคุณฟังให้ดีนะครับ ผมจ้านเกา เป็นคนขอหมั้นน้องหนิงเซียวก่อนเอง ส่วนพวกคุณ ผมได้ข่าวว่าจ้าวไห่ถังกำลังจะหมดตัวนี่ครับ พวกคุณยังมีเวลามาอวดดีกับป้าซูและน้องหนิงเซียวได้ยังไงกัน แทนที่
ก่อนเวลาอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมง จ้านเกาก็ชวนทุกคนออกจากร้านน้ำชาเพื่อไปยังห้างใกล้ ๆ ก่อนที่คนจะเยอะในช่วงเที่ยง เขาจ่ายค่าบริการทั้งหมดสองห้องก่อนจะเดินตามหลังทุกคนไปขึ้นรถตู้ที่คนขับมาจอดรอที่หน้าร้าน คนขับออกจากร้านชาแล้วกลับรถไปบนถนนเพื่อเดินทางไปห้างซึ่งอยู่ไม่ไกล พวกเขาไปถึงหน้าห้างโดยใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น บอดี้การ์ดเดินลงจากรถไปรอเหล่าเจ้านายลงมาอย่างพร้อมเพรียงกันทั้ง 7 คน ส่วนอีก 3 คนที่ยังคงขับรถอยู่รอให้เจ้านายลงจากรถก่อนจึงจะขับไปจอดรถในที่จอดรถพร้อมกันทีหลังจ้านเกาตกลงกันเรื่องร้านอาหารบนรถแล้วสั่งให้บอดี้การ์ดนำทางไปที่ร้านเนื้อย่างเจ้าดังในห้าง เขารู้ดีว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้มักมาเดินเล่นที่นี่บ่อย ๆ เวลาที่ตากับยายของเขาไม่ได้ออกไปไหน กลุ่มของจ้านเกามีบอดี้การ์ดล้อมรอบเพื่อไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ ตากับยายของจ้านเกาเดินมองร้านรวงต่าง ๆ ที่ไม่ได้มานานหลายปี“ร้านค้าเดี๋ยวนี้ดูหรูหราขึ้นเยอะนะตา”“นั่นสิ เราคงไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตากันนานไปหน่
ก่อนเวลาอาหารเช้านิดหน่อย ซูหนิงเซียวที่ตื่นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานแล้วแต่แอบมองจ้านเกาวิ่งออกกำลังกายรอบสวนหลังบ้านอย่างให้กำลังใจอยู่นานจนเกือบจะถึงเวลาอาหารเช้า เธอไม่คิดว่าตื่นมาแล้วจะได้พบพี่จ้านใส่เสื้อกล้ามพอดีตัววิ่งออกกำลังกายอยู่ เธอจึงรีบวิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งดูต่อตาเป็นมัน ซูหนิงเซียวไม่คิดว่าพี่จ้านของเธอจะซ่อนรูปไม่น้อย เขาดูแลรูปร่างดีกว่าคนทั่วไปเสียอีก เธอเห็นแค่มัดกล้ามเขาที่แนบเข้ากับเสื้อกล้ามซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ได้แต่ใจเต้นตึกตักอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นผู้ชายรูปร่างดีขนาดนี้แถมคนตัวใหญ่ที่กำลังวิ่งอยู่ยังเป็นคู่หมั้นของเธออีกด้วย เธอได้แต่ฝันหวานว่าถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วเธอจะรู้สึกยังไง ยิ่งคิดซูหนิงเซียวก็ยิ่งเขินจนเธอไม่รู้ว่าจ้านเกาเข้าบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ซูหนิงเซียวจึงรีบลุกจากระเบียงหลังห้องออกไปข้างนอกทันที เธอคิดว่าป่านนี้แม่กับป้ากู่คงรอทานข้าวที่ห้องรับแขกแต่เช้าแล้วจ้านเกาที่ออกกำลังกายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ไม่รู้เลยว่ามีสาวน้อยแอบมองเขาอยู่ที่ระเบียง จ
จ้านเกาที่ได้รับรูปภาพของซูหนิงเซียวรีบเปลี่ยนหน้าจอมือถือเป็นรูปนั้นในทันที ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจจะใส่ภาพหน้าจอเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ครั้งนี้นั้นเขาอยากได้ภาพนี้เอาไว้มองเวลาทำงานจริง ๆ“ขอบใจน้องหนิงเซียวนะครับ พี่จะดูรูปนี้บ่อยๆ เวลามีงานเครียด ๆ จะได้ผ่อนคลายเหมือนได้เจอหน้าน้องหนิงเซียวนะครับ”ซูหนิงเซียวที่ไม่รู้จะตอบกลับยังไงได้แต่เขินจนหน้าแดงไปถึงใบหู เธอพยักหน้าเบา ๆ ตอบกลับจ้านเกาเท่านั้น จ้านหย่งเหอที่หมั่นไส้หลานชายทนไม่ไหว“อะแฮ่ม ระวังคำพูดบ้างเจ้าหลานชาย แม่เขานั่งอยู่ทนโท่ แต่กลับพูดจาเกี้ยวพาเขาต่อหน้าแบบนี้ได้ยังไงกัน แกไม่อายแต่น้องอายเห็นไหมนั่น”“โธ่ ตาครับ นานๆ ทีผมจะได้เห็นความสามารถของน้อง ให้ผมคุยกับน้องดีๆ บ้างไม่ได้เหรอครับ คุณป้าซูอย่าถือสาผมเลยนะครับ ผมชอบภาพของน้องจริง ๆ”“ป้าไม่ถือสาหรอกจ๊ะ แต่อย่าชมน้องมากเกินไปจนเหลิงเอาล่ะ เดี๋ยวหนิงเซี
หลังอาหารเที่ยง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงชวนพวกซูหนิงจิงไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน แน่นอนว่าพวกเธอไม่ปฏิเสธ ซูหนิงเซียวยังขอเวลาไปเอาโน้ตบุ๊คมาวาดรูประหว่างดื่มชา เธออยากหัดวาดภาพอยู่พอดีจึงเตรียมอุปกรณ์วาดรูปที่ต่อกับโน้ตบุ๊คมาด้วยครบชุดพ่อบ้านมาตามทุกคนที่ห้องรับแขกหลังจัดโต๊ะน้ำชาเอาไว้แยกเป็นสองโต๊ะคือโต๊ะของจ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง ซูหนิงจิงกับกู่ซิง อีกโต๊ะเป็นจ้านเกาและซูหนิงเซียวที่มีโน้ตบุ๊คพร้อมอุปกรณ์วาดรูปนั่งอยู่ ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเห็นว่าวันนี้พวกเธอมาถึงช้าจึงไม่ได้ชวนผู้อาวุโสทั้งสองออกไปนั่งดื่มชานอกบ้าน แต่พวกเธอจะชวนท่านไปพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าแทนจ้านเซียงชิงชวนซูหนิงจิงกับกู่ซิงดูสวนดอกไม้หลากสีสรรที่เธอให้คนสวนดูแลเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี“สวยจังเลยนะคะคุณป้า วันงานหมั้นหนูกับพี่กู่มัวแต่คุยกับแขกเลยไม่มีเวลาดูสวนดอกไม้กันเลยค่ะ”“นั่นสิคะ เรามาที่นี่ก็หลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้สังเกตเลย ดีนะคะที่วันนี้คุณป้าชวนพวกเรามาน
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงจิง กู่ซิงกับซูหนิงเซียวก็พูดถึงเรื่องที่ต้องไปค้างที่บ้านจ้านเกากันสัปดาห์ละครั้งเว้นสัปดาห์“แม่แน่ใจเหรอคะว่าจะไปค้างบ้านพี่จ้านกันวันหยุด”“ทำไมเหรอ ลูกไม่อยากไปหรือยังไง”“เปล่าค่ะ หนูแค่แปลกใจที่แม่กับป้ากู่ไม่ปฏิเสธคุณตา คุณยาย”“แม่แค่เห็นว่าท่านเอ็นดูพวกเราจริง ๆ และคงเหงาที่ไม่มีลูกหลานอยู่ด้วยน่ะจ๊ะ”“ป้าก็คิดเหมือนแม่หนูนะหนิงเซียว พวกท่านอายุมากแล้ว เราก็ถือซะว่าไปพักผ่อนดีไหมจ๊ะ”“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะเอาโน้ตบุ๊คไปด้วย เผื่อจะได้หัดวาดรูปค่ะ”วันนี้ซูหนิงจิงไม่เอาโน้ตบุ๊คออกมาทำงานเหมือนทุกวัน พอเธอได้คุยกับตายายของจ้านเกาเมื่อวานนี้ เธอจึงหาเวลาพักสมองบ้าง ซูหนิงจิงเลือกพักผ่อนในวันอาทิตย์เช่นนี้ เธอแค่นั่งมองดูลูกสาวหัดวาดรูปในโน้ตบุ๊คพร้อมรอยยิ้ม ส่วนก
“ส่วนใหญ่น้องใหม่จะมากับผู้ปกครองเป็นส่วนใหญ่นะ มีไม่กี่คนหรอกที่มาลงทะเบียนคนเดียว พวกเธอลองดูนั่นสิ เห็นไหมว่าน้องใหม่มากับผู้ปกครอง”“อ๋อ พวกเราเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราจะไปทำงานก่อนนะ วันนี้ไม่น่าจะมีรุ่นพี่มาลงทะเบียนกันแล้วมั้ง น่าจะมีแต่เด็กใหม่ทั้งหมด”“นั่นสิ ไปกัน ๆ ฉันตื่นเต้นจังเลย ว่าแต่เพื่อนที่จะรับช่วงต่อจากเรามากันหรือยังเนี่ย”“น่าจะมาแล้วนะ ดูสิ พวกเขายืนรอกันอยู่ที่ทางเดินไปห้องทะเบียนน่ะ”“ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ ยิ่งสายคนน่าจะยิ่งเยอะนะ ไม่รู้วันนี้จะมีรุ่นน้องกี่คนเข้ามาลงทะเบียน พวกเราต้องคอยมารับน้องกันทั้งสัปดาห์เลยนะเนี่ย”“เอาน่า เรามีหน้าที่อะไรก็ทำไปก่อนเถอะ เธอจะบ่นทำไมกันเสี่ยวเซียน”“พวกเธออย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ เดี๋ยวรุ่นน้องก็ตกใจหมดหรอก พวกพี่นั่งรอที่โต๊ะได้นะคะ พวกหนูมีงานที่ต้อ
ข่าวการหมั้นหมายของจ้านเกาถูกปิดบังจากสื่อเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ตระกูลหลงที่มีหลงเอ้อหลางบอกกล่าวว่าทำไมเขาถึงถูกจับกลับรู้ดีว่าตอนนี้จ้านเกามีคู่หมั้นเป็นลูกสาวของซูหนิงจิงผู้เก่งกาจแล้ว หลงฮ่าวโมโหที่ลูกชายไม่ยอมเชิญเขาไปร่วมงานหมั้นที่มีแต่ตระกูลเก่าแก่เข้าร่วมด้วย แถมลูกชายคนรองยังก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาให้เขาปวดหัวอีก ถึงเขาจะต่อว่าลูกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อจ้านเกาไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อตั้งแต่ที่เมียเก่าเขาตายไป ส่วนหลงเอ้อหลางก็มีเจียวจูเมียใหม่เขาคอยให้ท้ายอยู่ ทำให้หลงเอ้อหลางไม่ยอมเรียนหนังสือให้จบแล้วมาช่วยงานเขาสักที แต่กลับมั่วสุมอยู่กับกลุ่มเพื่อนเกเรทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้วเจียวจูเห็นสามีโกรธลูกชายตัวเองก็ยิ่งเข้าข้างลูกและโทษว่าเป็นความผิดของซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวที่ทำให้ลูกชายเธอต้องถูกจับในครั้งนี้“คุณก็ดีแต่โทษคนอื่นอาจู คุณไม่รู้นิสัยลูกชายคุณหรือยังไง”“เอ๊ะ เอ้อหลางก็ลูกคุณเหมือนกันนะ คุณจะมาพูดแบบนี้ได้ยังไง อีกอย่างที่ฉันพู
จ้านเกากับซูหนิงเซียวที่เพิ่งส่งแขกกลับหมดแล้ว จูงมือกันเดินไปนั่งร่วมกับพวกผู้ใหญ่ที่ห้องรับแขก“เหนื่อยไหมเด็ก ๆ”“ผมไม่เหนื่อยครับ คุณตา น้องหนิงเซียวเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยค่ะ เพราะวันนี้หนูใส่รองเท้าส้นสูงเดินมากไป นั่งพักสักหน่อยก็หายค่ะ”“ตอนนี้เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแล้วนะ แม่หนูซูถ้ามีอะไรให้จ้านเกาช่วยบอกเขาได้เลยนะ ยายกับตาพร้อมที่จะสนับสนุนแม่หนูซูกับหนิงเซียวจ๊ะ”“ขอบคุณทุกคนนะคะที่ต้อนรับเราสองแม่ลูก ตอนนี้หนูยังไม่มีอะไรให้จ้านเกาช่วยค่ะคุณยาย แต่หลังจากโครงการเสร็จสิ้น จ้านเกาน่าจะเหนื่อยหน่อยตอนเปิดขายห้องนะคะ ป้าฝากดูแลด้วยนะจ้านเกา”“อ้อ โครงการของแม่หนูซู ตากับยายพอรู้บ้าง จ้านเกาหลานอย่าลืมซื้อไว้สัก 20 ห้องแล้วค่อยปล่อยขายทีหลังด้วยล่ะ”“ครับคุณตา คุณยาย ป้าซูไม่ต้องกังว