ไป่เฉิงจัดการเอกสารการซื้อหุ้นและส่งมอบให้กับซูหนิงเซียวเสร็จแล้วก็หันไปถามซูหนิงจิงว่าวันนี้เธอจะซื้อหุ้นอะไรบ้างหรือไม่ เพราะบัญชีของซูหนิงจิงยังมีอยู่ที่เขาเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน แถมหุ้นที่เธอเคยซื้อเอาไว้ก็มีมูลค่าไม่น้อยแล้วในปีนี้
“ฉันว่าจะซื้อหุ้นเทคโนโลยีของบริษัท V สักหน่อย คุณคิดว่ายังไงคุณไป่”
“เป็นตัวเลือกที่ดีครับคุณซู ครั้งนี้คุณจะซื้อเท่าไหร่ครับ อีกอย่าง หุ้นเก่าที่คุณซื้อทิ้งไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนี้มูลค่าสูงมากแล้วนะครับ คุณไม่คิดจะถอนเงินออกไปเก็บไว้บ้างเหรอครับ”
“อ่า… ฉันลืมไปเลยว่าเคยซื้อทิ้งเอาไว้ เดี๋ยวคุณจัดการเรื่องซื้อหุ้นตัวนี้ให้ฉันก่อนก็แล้วกันนะคะ แล้วเราค่อยมาดูยอดกันว่าหุ้นพวกนั้นมูลค่าเท่าไหร่แล้ว พอดีกับที่ฉันมีโครงการใหม่ที่อยากจะทำเสียด้วย ถ้าได้เงินลงทุนมาเพิ่มก็คงดีไม่น้อย”
“ไม่มีปัญหาครับ คุณซูรอสักครู่ เดี๋ยวผมทำเรื่องซื้อให้ครับ เงินในบัญชีของคุณตอนนี้ยังมีเงิ
“น้องซูคะ ไม่ทราบว่าพี่ถามได้ไหมว่าน้องซื้อหุ้นทั้ง 5 ตัวที่ทำกำไรมหาศาลเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ยังไงคะ”“อืม… จะว่าไปก็แค่ความบังเอิญมากกว่าค่ะ น้องได้ข่าวจากเพื่อนนักธุรกิจว่าเมืองหลวงกำลังจะเปิดตลาดหุ้น หลังจากที่ซื้อขายได้แค่ตามธนาคารเท่านั้น น้องก็หาข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้จนแน่ใจว่าน่าจะเปิดแน่ น้องเลยเอาเครื่องเพชรที่สะสมมาหลายปีไปขายรอไว้ก่อนจนมีเงินทุนในมือ 50 ล้านหยวน พอตลาดหุ้นเปิด น้องก็หาโบรกเกอร์หลายคนจนรู้จักกับไป่เฉิง สมัยนั้นเขาเพิ่งเรียนจบกลับจากต่างประเทศแล้วเข้ามาทำงานพอดี น้องเห็นว่าความคิดของเขาก้าวหน้ากว่าโบรกเกอร์คนอื่นที่เคยคุยมา ก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญากับเขาเรื่องซื้อขายหุ้นค่ะ ส่วนหุ้นทั้ง 5 ที่น้องเลือกก็เพราะน้องพอจะรู้ข่าววงในมาบ้างว่าหุ้นตัวไหนจะพัฒนาไปได้อีกไกลค่ะ น้องก็เผื่อใจด้วยถ้าหุ้นที่ซื้อขาดทุนนะคะ ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะได้กำไรมากถึงขนาดนี้ค่ะ”“น้องซูโชคดีมากเลยนะคะ พี่เองสมัยนั้นก็ได้ยินดาราใหญ่บางคนพูดเรื่องหุ้นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่พี่
ซูหนิงเซียวขับรถมินิคันเล็กของเธอออกจากที่จอดรถลงไปยังด้านล่างช้า ๆ เพราะเธอจำได้ว่าแม่บอกเวลาขึ้นลงชั้นจอดรถให้ใช้เกียร์ต่ำ เธอไม่กล้าที่จะใช้เกียร์สูงจึงได้แต่ค่อย ๆ ลงมาตามทางโค้งอย่างระมัดระวัง กระทั่งลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเป็นเกียร์ปกติเพื่อขับออกจากคอนโดไปยังมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ไม่ไกลนักซูหนิงเซียวจำทางไปตึกคณะศิลปศาสตร์ สาขาการแสดงได้ เธอจึงขับรถเข้าไปจอดยังที่จอดรถ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน เธอเองก็จำเพื่อนร่วมรุ่นไม่ได้เพราะวันที่มาลงทะเบียนเธอรีบไปทำธุระกับแม่เสียก่อน ซูหนิงเซียวจึงเดินถือกระเป๋าพร้อมกับเสื้อพาดไว้ที่แขนอีกข้างหนึ่งขึ้นไปนั่งรอที่ชั้นล่างของตึกคณะก่อนหานลู่หรงที่กำลังนั่งคุยอย่างออกรสกับเพื่อนสนิทอย่างโจวเสี่ยวเซียน เห็นซูหนิงเซียวหน้าตาสวยจัดแถมยังแต่งตัวแบรนด์เนมทั้งตัวอีกด้วย เธอคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นหน้าซูหนิงเซียวที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก“นี่ เธอว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้น ๆ ไหม?”“เดี๋ยวนะ ขอ
หลังผ่านการแนะนำตัวของประธานรุ่นแต่ละสาขาในคณะศิลปกรรมศาสตร์แล้ว อาจารย์หัวหน้าคณะก็ขึ้นมากล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ พร้อมกับให้สิทธิพิเศษสำหรับการลาเรียนโดยไม่มีผลกับเกรดหากนักศึกษายังคงมาสอบและทำคะแนนได้ดี อาจารย์ยังกล่าวอีกว่ามหาวิทยาลัยสนับสนุนหากนักศึกษาอยากเข้าสู่วงการบันเทิงและไปได้ดีเพื่อปูทางเอาไว้ให้รุ่นน้องต่อไปอีกด้วยอาจารย์หัวหน้าคณะกล่าวเรื่องวิชาเรียนเด่นๆในแต่ละสาขาเล็กน้อย จากนั้นอาจารย์ก็ประกาศให้ซูหนิงเซียวที่ทำคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสองของประเทศแต่เลือกมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ในคณะศิลปศาสตร์ขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อยซูหนิงเซียวไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะต้องขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์แทนนักศึกษาใหม่ในวันนี้ เธอได้แต่หายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะฝากกระเป๋าเอาไว้กับเพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินออกจากที่นั่งไปยังเวทีที่อยู่ไกลพอสมควรนักศึกษาใหม่ต่างพากันปรบมือพร้อมกับฮือฮาไม่น้อยที่ซูหนิงเซียวสวยมากแถมการเดินของเธอก็ไม่ต่างจากนางแบบที่เดินเร็ว ๆ แต่สง่างามอีกด้วย กว่าที่เสียงปรบมือจะหยุดลง ก็เป็
เมื่อทั้งสามสาวมาถึงหน้าโรงอาหารแล้ว พวกเธอก็เลือกเดินขึ้นไปที่ชั้นสามที่เป็นห้องแอร์เหมือนกับชั้นสองทันที แต่ราคาอาหารก็จะแพงไปตามระดับชั้นด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าหานลู่หรงกับโจวเสี่ยวเซียนต่างเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ พวกเธอจึงไม่คิดที่จะนั่งกินอาหารราคาถูกที่ชั้นหนึ่งกับชั้นสองแต่แรก ซูหนิงเซียวที่ไม่ได้สอบถามถึงครอบครัวเพื่อนก็เดินตามทั้งสองคนไปเลือกอาหารแล้วหาที่นั่งกินกันก่อนที่จะถึงบ่ายโมงทันที เพราะพวกเธอเสียเวลาระหว่างเดินมาโรงอาหารไม่น้อย จึงกลัวว่าจะเข้าไปที่หอประชุมไม่ทันเพื่อนในช่วงบ่ายหลังทานอาหารกันเสร็จ พวกเธอเหลือเวลาเพียง 10 นาทีจะบ่ายโมง ทั้งสามคนจึงนำจานไปเก็บแล้วรีบพากันเดินออกจากโรงอาหารเพื่อกลับไปที่หอประชุม ในระหว่างทางเดินกลับหอประชุม หากมีเพื่อน ๆ มาทักทาย พวกซูหนิงเซียวก็จะทำเพียงยิ้มรับเท่านั้น เพราะกลัวว่าหากมัวแต่คุยกันอยู่จะทำให้เข้าหอประชุมสายช่วงบ่ายทางทีมงานกิจการนักศึกษาได้จัดเก้าอี้แยกเป็นวงกลมตามสาขาของคณะที่มีอยู่ เพื่อให้รุ่นพี่พาน้อง ๆ ทำกิจกรรมสันทนาการและตามหาพี่รหัส
ซูหนิงเซียวเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยให้แม่กับป้ากู่ของเธอฟังอย่างสนุกสนาน“เอาไว้วันไหนลูกว่าง ลูกก็พาเพื่อนมาพบแม่ที่บ้านได้นะ แม่อยากจะทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ ของลูกเอาไว้บ้างน่ะ”“ได้สิคะแม่ เพื่อนของหนูน่ารักมากเลยนะคะ หนูไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนดี ๆ แบบนี้ตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ”“ดีแล้วที่ลูกได้เจอเพื่อนดี ๆ หลังจากนี้ก็ตั้งใจเรียนล่ะ ป้ากู่เองก็ดูงานเอาไว้ให้ลูกแล้วสองสามงานในวันหยุด ลูกคิดยังไง”“ตารางเรียนหนูก็หยุดอยู่แล้ว ถ้าทำงานตามคิวที่ป้ากู่จัดหามาให้ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะแม่ จริงไหมคะป้ากู่”“จริงจ๊ะ ยังไงป้าจะคอนเฟิร์มกับเจ้าของงานให้นะว่าเราจะไปกันตามนัดวันเสาร์นี้ ส่วนวันอาทิตย์ป้าไม่รับงานให้หนูนะ เพราะป้าอยากให้หนูพักผ่อนบ้าง”“ขอบคุณมากค่ะป้ากู่ที่หางานให้หนู แถมยังให้วันหยุดหนึ่งวันด้วย&rdq
“ฮ่า ฮ่า ทำไมกันเล่าหนิงเซียว แม่แค่ชมเด็กคนนั้นตามความสามารถของเขาเองนะลูก”“ไม่รู้ล่ะค่ะ ก็คุณแม่กับคุณป้าดูเหมือนจะชอบเขามากกว่าหนูอีกอ่ะ หนูกลัวจะเป็นลูกหลานที่ตกกระป๋องน่ะสิคะ”“ฮ่า ฮ่า หนิงเซียวก็พูดเกินไป ถึงยังไงหนูก็ยังเป็นที่รักของป้ากับแม่หนูเหมือนเดิมนั่นแหละจ๊ะ แค่เพิ่มจ้านเกาเข้ามาอีกคน อย่างไรป้าก็รักหนูมากกว่านะ”“ป้ากู่พูดจริงนะคะว่ารักหนูมากกว่าเขาน่ะ แล้วแม่ล่ะคะ ยังรักหนูอยู่มั้ย”“เด็กโง่ หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ ถ้าแม่ไม่รักหนูแล้วแม่จะรักใครล่ะ คิดมากเกินไปแล้วนะลูกน่ะ อิจฉากระทั่งคนแปลกหน้า ฮ่า ฮ่า”ทั้งสองคนต่างพากันหัวเราะกับความแง่งอนของซูหนิงเซียวซึ่งอิจฉาไม่เข้าท่าเสียอย่างนั้น พวกเธอก็เพิ่งรู้ว่าซูหนิงเซียวหวงคำชมของพวกเธอมากขนาดไหนหลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงเซียวเอาหนังสือมานั่งอ่านเป็นเพื่อนแม่ที่ห้องรับ
“เชิญพวกคุณนั่งรอตรงนั้นก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะโทรไปเรียนท่านประธานให้ค่ะ”“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”ซูหนิงจิงเดินนำกู่ซิงกับซูหนิงเซียวไปนั่งรอที่โซฟารับแขกอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ได้เร่งรีบอะไร เพราะตอนนี้เวลายังไม่ถึงบ่ายสามโมง นับว่ายังไม่สายที่เธอจะคุยงานที่ต้องการพนักงานต้อนรับโทรเข้าหมายเลขของจ้านเกาที่โต๊ะทำงาน หลังจากรายงานว่าซูหนิงจิงมาขอพบแล้ว จ้านเกาจึงบอกให้ดูแลแขกให้ดี เดี๋ยวเขาจะให้เค่อหานลงไปรับเธอขึ้นมาที่ห้องประชุม หลังจ้านเกาวางสาย เขาก็โทรไปที่แผนกติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทให้ขึ้นมารอที่ห้องประชุมใหญ่ทันที ส่วนเค่อหานก็เดินออกจากห้องไปลงลิฟท์ของท่านประธานเพื่อพาแขกขึ้นมาชั้นบนซูหนิงจิงนั่งรอกับลูกและกู่ซิงไม่ถึง 10 นาที เค่อหานก็มาเชิญพวกเธอที่กำลังนั่งทานน้ำรออยู่ขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้นบน เขาแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้คุณซูพาลูกสาวกับผู้จัดการส่วนตัวของลูกสาวมาด้วย แต่ในเมื่อแขกพามา เขาเองก็ไม่มีสิทธิที่จะบอกใ
“อ่า คุณป้าซูสายตาไม่เลวเลยจริง ๆ ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะลองโทรชวนป้าเจิ้งก่อนแล้วจะโทรไปนัดคุณป้าซูไปทานข้าวเย็นกันสักมื้อนะครับ”“ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ดิฉันต้องขอตัวพาลูกกับพี่กู่กลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ลูกดิฉันยังมีงานต้องไปทำอีกค่ะ ดิฉันอยากให้เธอพักผ่อนเร็วสักหน่อย”“อ้อ คุณหนูซูทำงานแล้วเหรอครับ ผมนึกว่าน้องเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เท่านั้นเอง”“ก็ทำงานถ่ายแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วงวันหยุดน่ะค่ะ ส่วนงานอื่นดิฉันยังไม่ให้รับเพราะอยากให้หนิงเซียวเรียนให้จบก่อน”“เก่งจังเลยนะครับ อายุแค่นี้ยังเริ่มเป็นนางแบบได้แล้ว เอาไว้ว่าง ๆ ผมจะลองหานิตยสารที่น้องถ่ายมาเก็บเอาไว้ที่บริษัทบ้างครับ เผื่อจะช่วยเรื่องยอดขายและทำให้น้องได้งานมากขึ้นนะครับ”“ขอบคุณมากนะคะที่สนับสนุนหนิงเซียว ยังไงดิฉันขอตัวก่อนค่ะ”“เดี๋ยวผมให้เลขาไปส่งนะครั
ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเดินทางมาถึงบ้านตระกูลจ้านก่อนเวลาอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงยังคงนั่งรอพวกเธออยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนหลานชายพวกเขาก็ไปอยู่เป็นเพื่อนซูหนิงเซียวที่ห้องด้านบนพร้อมกับแม่บ้านหลังจากทักทายกันเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็เดินขึ้นไปห้องของซูหนิงเซียวโดยมีพ่อบ้าน แม่บ้านช่วยกันยกกระเป๋าของพวกเธอตามขึ้นไปด้วย ระหว่างทางซูหนิงจิงยังได้รับการปลอบโยนจากสองผู้อาวุโสจนเธอใจชื้นขึ้นบ้างหลังจากที่กังวลมาตลอดตั้งแต่ทราบเรื่องของลูกสาว เมื่อซูหนิงจิงเห็นลูกของเธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงคุยกับจ้านเกาที่นั่งเก้าอี้ข้างเตียงเข้า น้ำตาของเธอก็รื้นขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะรีบเดินเข้าไปกอดซูหนิงเซียวเอาไว้อย่างแสนรักที่เตียงอีกด้านหนึ่ง คนอื่น ๆ เห็นซูหนิงจิงที่เข้มแข็งมาตลอดเป็นเช่นนี้ก็เข้าใจได้ว่าเธอคงเป็นห่วงลูกมาก จ้านหย่งเหอไม่อยากรบกวนสองแม่ลูก เขาจึงชวนทุกคนไปนั่งที่ห้องรับแขกบนชั้นสองรอให้ซูหนิงจิงพูดคุยกับลูกสาวสักพักก่อนเพื่อคลายความเป็นห่วง ซูหนิงเซียวที่ได้รับอ้อมกอดอุ่นจากแม่ของเธอก็สะอื้นขึ้นมาอีกคร
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี
บอดี้การ์ดทั้งสี่ปล่อยให้ซูหนิงจิงและกู่ซิงเข้าไปในห้องเหลียงฟาง ส่วนพวกเขานั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้พวกเธอมีความเป็นส่วนตัวก่อนที่ทนายฮวงจะมาถึง“หนิงจิง คุณแน่ใจนะว่าจ้าวไห่ถังจะยอมรับข้อตกลงของคุณ”“อืม ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัท เขาก็คงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่ฉันเสนอหรอกนะ ฉันหวังว่าเขาจะตกลงตามข้อเสนอ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องเสียเวลาในการขึ้นศาลซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และตอนนี้ภรรยาของเขายังถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากฉันกับจ้านเกา ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคนเห็นแก่เงินอย่างจ้าวไห่ถังคงไม่ปฏิเสธข้อตกลงของคุณแน่ ๆ” 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของซูหนิงจิงก็ดังขึ้น เธอบอกให้เหลียงฟางออกไปรับฮวงไหลแทนเธอ เพราะไม่อยากให้ข่าวการมาของเธอไปถึงหูจ้าวไห่ถังเร็วนัก เหลียงฟางใช้เวลาไม่นานก็พาฮวงไหลเข้ามาในห้องก่อนจะชวนทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่ชั้นบน ซึ่งระหว่างทางเขาโทรแจ้งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งจ้าวไห่ถังให้เข้าร่วมประชุมด้
หลังจากพูดคุยกับฮวงไหลอยู่เกือบสองชั่วโมง ซูหนิงเซียวก็ลุกออกไปส่งเขากลับ ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อรอฟังว่าแม่ของเธอจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากลุงฮวงจัดการเรื่องคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว“แม่แน่ใจเหรอคะว่าเข้าไปบริหารบริษัทในอีกไม่กี่วันนี้ หนูกลัวว่าพ่อจะสร้างปัญหาให้แม่ค่ะ” ซูหนิงจิงยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยนไม่ให้ซูหนิงเซียวคิดมากเกินไป เธอเข้าใจดีว่าลูกเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน“แม่แน่ใจจ๊ะ เรื่องพ่อของลูกก็อย่ากังวลไปเลยนะ ลูกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าแม่มีลุงฮวงคอยช่วยเหลืออยู่น่ะ และแม่ยังมีป้ากู่เข้าไปช่วยงานแม่ที่นั่นด้วย ทีนี้สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”“หนิงเซียวไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะดูแลแม่ของหนูให้ดีเองจ๊ะ อย่าลืมว่าเรายังมีบอดี้การ์ดไปด้วยอีกสี่คนเลยนะ”“เฮ้อ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะป้ากู่ หนูก็ยังเป็นห่วงแม่อยู่ดีค่ะ หนูรู้นิสัยพ่อดีว่าเขารักหน้าตาตัวเองขนาดไหน ถ้าแม่เข้าไปแย่งตำแหน่งประธานมาล่ะก็ พ่อมีหวังอาละวาดแน่ ๆ”“เขาไม่มีสิทธิที่จะอาละวาดหรอกนะลูก ในเมื่อห
หลังผ่านวันเปิดโครงการไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้มีลูกค้าซื้อห้องไปแล้วเกินกว่าครึ่งของจำนวนห้องทั้งหมดในโครงการทั้งสามอาคาร ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจแจ้งเหลียงฟางเรื่องที่เธอจะกลับเข้าไปบริหารงานในบริษัทอีกครั้ง[ คุณคิดดีแล้วใช่ไหมหนิงจิง? ผมกลัวว่าจ้าวไห่ถังจะสร้างปัญหาให้คุณนะ ][ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพาฮวงไหลเข้าไปจัดการทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานที่นั่นเอง ][ อืม ถ้าอย่างนั้นผมจะแจ้งเรื่องให้หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ทราบอย่างลับ ๆ ก่อนก็แล้วกัน คุณคิดจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่?][ น่าจะประมาณอีก 3-4 วันนะ ฉันกำลังจะส่งเอกสารการถือหุ้นและเอกสารที่ฉันแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ผ่านมาน่ะ ][ ตกลง ผมจะรอวันที่คุณเข้ามาที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าจ้าวไห่ถังไม่ยินยอม ผมจะเรียกผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าประชุมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งกับจ้าวไห่ถังมากนัก ผมกลัวว่าเขาจะหาทางแก้แค้นคุณเอา ][ ได้ ขอบใจมากนะเหลียงฟาง แล้วค่อยเจอกัน ฉันขอตัวไปส่งเอกสารให้ทนายก่อน ][ ครับ สวัสดีครับ ] กู่ซิงที่ทำหน้าที่เลขาของซูหนิงจิ