เมื่อซื้อกระเป๋ากับรองเท้าเสร็จแล้ว กู่ซิงกับซูหนิงเซียวต่างช่วยกันถือถุงใส่ของมากมายเอาไว้กันคนละไม้คนละมือ ส่วนซูหนิงจิงนั้นยังคงเดินนำทั้งสองคนไปร้านนาฬิกาและร้านจิวเวลรี่ต่ออย่างไม่ให้เสียเวลา นานมากแล้วที่ซูหนิงจิงไม่ได้ซื้อของพวกนี้ให้กับลูกเลย
“แม่คะ แม่ยังจะซื้อของให้หนูอีกเหรอคะ แค่นี้แม่ก็หมดไปเยอะแล้วนะคะ”
“ลูกอย่าห่วงเงินในกระเป๋าแม่เลยน่า นานมากแล้วที่แม่ไม่ได้ซื้อของดี ๆ ให้ลูกใช้นะ มาลองนาฬิกาดูสิว่าพอดีกับแขนลูกหรือเปล่า”
ซูหนิงจิงชี้บอกพนักงานให้นำนาฬิกาสามเรือนมาให้ซูหนิงเซียวลองใส่ดู ซึ่งพอลองสวมดูแล้วก็พบว่ามีเพียงเรือนเดียวที่เข้ากับข้อมือของเธอได้พอดีและรูปแบบของนาฬิกาก็ไม่ดูหรูหราเกินไปนัก ซูหนิงเซียวจึงบอกแม่ว่าเธอจะเอาเรือนนี้
ซูหนิงจิงยิ้มให้กับลูกสาวที่สายตาไม่เลว เธอให้พนักงานนำนาฬิกาไปคิดเงินทันที ซูหนิงเซียวมารู้ว่านาฬิกาเล็ก ๆ ที่เธอเลือกราคาเกือบสามล้านหยวนก็ตอนที่แม่เธอสแกนจ่ายเงินไปเสียแล้ว เธอได
หลังออกจากร้านเครื่องประดับและไปต่อที่ร้านเครื่องสำอางแล้ว ซูหนิงจิงก็สอบถามกู่ซิงว่าเธอต้องการซื้ออะไรหรือไม่“ฉันไม่มีอะไรต้องซื้อตอนนี้ค่ะ นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ดิฉันว่าเรากลับกันดีกว่านะคะ”“อืม… ดิฉันขอแวะซูเปอร์มาร์เก็ตสักครู่ได้ไหมคะ เพราะเราจะได้ซื้อวัตถุดิบเอาไว้ทำอาหารที่คอนโดวันพรุ่งนี้เช้าได้บ้าง”“ตกลงค่ะ คุณซูเดินนำไปได้เลยค่ะ”ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำกู่ซิงและเดินไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ชั้นหนึ่งทันที เธอรู้ดีว่าห้างแต่ละห้างส่วนใหญ่แบบแปลนแทบจะไม่ต่างกันสำหรับการวางสินค้าแต่ละอย่าง จึงทำให้เธอไม่ต้องเสียเวลาเดินหานานนักกว่าที่ซูหนิงจิงจะซื้อของเสร็จก็สามทุ่มครึ่งพอดี เธอรีบนำของในรถเข็นไปจ่ายเงินเพราะอีกไม่นานห้างก็จะปิดแล้ว หลังจ่ายเงินเสร็จเธอก็ชวนกู่ซิงกับลูกสาวไปขึ้นลิฟท์เพื่อกลับไปยังชั้น 4 ที่เธอจอดรถเอาไว้เมื่อทั้งสามคนไปถึงรถแล้ว
วันนี้ทั้งวัน ซูหนิงเซียวจึงตั้งใจเรียนเรื่องการโพสท่าถ่ายแบบและการเดินแบบไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเดินแบบต้องใช้รองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ นับว่าแม่ของเธอคาดเดาได้ว่าเธอจำเป็นต้องใช้ของพวกนี้จริง ๆซูหนิงจิงปล่อยให้ลูกสาวเรียนรู้กับกู่ซิงไปตามสบาย ส่วนเธอก็ให้ลูกนำเสื้อผ้าเมื่อวานออกมาให้ทั้งหมด ก่อนที่จะโทรไปที่ฟร้อนเพื่อให้คนงานในคอนโดนำเสื้อผ้าไปซักอบรีดให้เสร็จในวันนี้ช่วงเย็น ถึงจะต้องเสียค่าบริการให้กับคอนโดไม่น้อย แต่ซูหนิงจิงยอมจ่ายเพื่อความสะดวกสบายมากกว่าที่จะต้องทำเองกู่ซิงที่แน่ใจแล้วว่าซูหนิงจิงไม่ธรรมดาจริง ๆ ขนาดเรื่องแค่การซักอบรีดผ้านั้นเธอยังจ้างคนของคอนโดแทนการทำเองเหมือนตอนอยู่ก้านโจว เธอไม่นึกแปลกใจที่ทำไมซูหนิงจิงจึงซื้อคอนโดนี้ เพราะมีบริการหลายอย่างให้กับผู้อาศัยด้วยนี่เองกู่ซิงที่สอนซูหนิงเซียวโพสท่าและเดินแบบในวันนี้ก็พอใจอย่างยิ่งที่ซูหนิงเซียวทำออกมาได้ดีมาก อย่างที่เธอไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อนสามารถทำได้ดีถึงขนาดนี้ งานในวันพรุ่งนี้จึ
ณ คฤหาสน์ครอบครัวจ้าวในเมืองหลวงวันนี้ซูหนิงจิงไปรับลูกสาวกลับจากโรงเรียนในตอนเย็น เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอกลับพบว่าสามีพาผู้หญิงสวยคนหนึ่งพร้อมกับเด็กชายหญิงอีกสองคนนั่งรอเธอกับลูกอยู่ที่ห้องรับแขก ซูหนิงจิงบอกให้ลูกขึ้นไปรอที่ห้องก่อน“แม่คะ หนูจะอยู่กับแม่”“แม่ไม่เป็นไรลูก ลูกขึ้นไปรอแม่อยู่ในห้องดี ๆ ก่อน แล้วเดี๋ยวแม่จะเล่าให้ฟังทีหลัง”“ก็ได้ค่ะ แม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”“แม่รู้จ๊ะลูก ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ รีบไปเถอะ”จ้าวหนิงเซียวได้แต่หันมองแม่ของเธอระหว่างที่เดินกลับขึ้นไปยังห้องของตนเองที่อยู่บนชั้นสองของบ้านด้วยความเป็นห่วง เธอไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความ สิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เธอพอจะเดาได้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอซูหนิงจิงเดินไปนั่งที่เก้าอีกอีกตัวที่ว่างอยู่ เธอมองสามีด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากคนที่เป็นสามีและคนที่ช่วยกันสร้างบริษัทขึ้นมาจนมีฐานะร่ำรวยอยู่ในทุกวันนี้“นี่หลิวอ้ายโหรวภรรยาอีกคนของผม ส่วนเด็กสองคนนั้นก็เป็นลูกของผมเช่นกัน บ้านหลังนี้ไม่ใช่เล็ก ๆ ผมอยากให้เธอกับลูกเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย คุณคิดว่ายังไง
ซูหนิงจิงเดินไปถึงห้องอาหารแล้วก็เห็นว่าแม่บ้านตั้งโต๊ะพร้อมแล้ว ในบ้านหลังใหญ่นี้มีแม่บ้านอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกเธอจะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้านายมาแต่ไหนแต่ไร จึงทำให้สามารถทำงานอยู่ที่นี่ได้นานเกือบสิบปีตั้งแต่ที่ซูหนิงจิงกับจ้าวไห่ถังซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อแปดปีก่อน“พวกคุณออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณหนูก็ลงมาแล้ว ค่อยมาเก็บทีหลังก็แล้วกัน”“ค่ะ คุณผู้หญิง”แม่บ้านทั้งสามคนที่ทำงานครัวออกจากห้องอาหารไปอย่างรู้งาน ช่วงหลายปีหลังมานี้คุณผู้ชายไม่เคยกลับมากินข้าวที่บ้านเลย จะมีก็แต่คุณผู้หญิงกับคุณหนูเท่านั้นที่กลับมาอยู่ที่นี่ตลอด แต่พวกเธอก็ไม่กล้าสอบถามอะไรให้ถูกไล่ออกเพราะสอดรู้สอดเห็นเรื่องเจ้านายไม่นานนักจ้าวหนิงเซียวก็มาถึงห้องอาหาร เธอนั่งลงที่เก้าอี้ประจำแล้วคอยตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้แม่อย่างเอาใจใส่ ซูหนิงจิงเองก็คอยตักอาหารให้ลูกสาวเช่นเดียวกัน สองแม่ลูกต่างมีรอยยิ้มมอบให้กันถึงแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องราวหนักหนาสาหัสมาได้ไม่นาน นี่เป็นเพราะซูหนิงจิงที่มั่นใจในตัวเองมากและวางแผนอนาคตเอาไว้เสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีหรือร้ายเข้ามา อย่างน้อยตอนนี้บริษัทที่เธอกับจ้าวไห่ถังสร้างมาก็ทำกำไรต่อปีได
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ซูหนิงจิงเรียกให้แม่บ้านมาช่วยยกกล่องกระดาษขึ้นไปยังห้องของเธอและลูกโดยแบ่งกล่องกันคนละครึ่งจากที่ซื้อมา ส่วนเทปติดกล่องก็แบ่งกันคนละครึ่งเช่นเดียวกัน แม่บ้านไม่สอบถามอะไรมากมายเช่นเคย พวกเธอช่วยคุณผู้หญิงกับคุณหนูยกกันคนละไม้คนละมือขึ้นไปที่ห้องของเจ้านายแต่ละคน หลังจากยกขึ้นไปแล้ว ซูหนิงจิงก็บอกให้พวกเธอออกไปก่อน แล้วค่อยเตรียมอาหารเย็นให้เธอกับลูกทีหลัง แม่บ้านทั้งสามรับคำของคุณผู้หญิงก่อนจะออกจากห้องไปทำหน้าที่อย่างอื่นก่อนถึงเวลาทำอาหารเย็นให้พวกเธอซูหนิงจิงมองภาพห้องนอนที่มีสิ่งของต่าง ๆ มากมายของเธอพร้อมกับถอนหายใจยาว ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ซูหนิงจิงก็จะไม่คิดถึงวันเวลาที่แย่ ๆ อีกต่อไป เธอเริ่มเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดลงในกล่องและเหลือไว้เพียงชุดที่จะใส่พรุ่งนี้เท่านั้น ซูหนิงจิงเปิดเซฟที่มีเครื่องประดับที่เธอสะสมเอาไว้เก็บใส่กล่องกระดาษทั้งหมด ถ้าไปถึงที่ก้านโจวแล้วเธอค่อยหาซื้อตู้เซฟใหม่มาเก็บเอาไว้ทีหลัง โชคดีที่จ้าวไห่ถังไม่แอบเอาเครื่องประดับของเธอไปให้ผู้หญิงคนนั้นด้านซูหนิงเซียวเองก็เก็บหนังสือเรียนของเธอลงกล่องจนหมด แล้วจึงเริ่มเก็บเสื้อผ้ามากมายที่แม่ซื้
ซูหนิงจิงมองป้ายซอยตามที่เจ้าของบ้านบอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขับนำรถขนของไปจนกระทั่งถึงหน้าบ้านที่เจ้าของบ้านโบกมือรออยู่ รถสองคันจอดต่อกันก่อนที่ซูหนิงจิงจะลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายเพื่อจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและค่าประกันทั้งหมดสองหมื่นหยวน ซูหนิงจิงอ่านเอกสารก่อนจะเซ็นสัญญาเช่าบ้านให้เรียบร้อยเจ้าของบ้านมอบกุญแจบ้านทั้งพวงให้กับซูหนิงจิง ก่อนจะขอตัวกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเช่นกัน“พวกคุณขนของเข้าไปวางไว้ในบ้านได้เลยค่ะ ฉันจะโอนค่าใช้จ่ายให้บริษัทของคุณตามที่ตกลงกันเอาไว้”“ครับ คุณผู้หญิง ขอบคุณมากครับ”ชายทั้งสองช่วยกันยกกล่องทั้งหมดลงจากรถไปโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น ซูหนิงจิงเห็นว่าพวกเขาทำงานดีก็มอบเงินให้พวกเขาคนละหนึ่งพันหยวนเป็นค่าตอบแทนที่พวกเขาช่วยยกของให้พวกเธอสองแม่ลูกชายทั้งสองกล่าวขอบคุณก่อนที่จะพากันขึ้นรถเพื่อขับกลับไปยังเมืองหลวงทันที พวกเขาคิดว่าน่าจะไปถึงตอนมืดแล้วเป็นแน่ เพราะระยะทางไกลไม่น้อย“ลูกเข้าไปดูในบ้านก่อนสิว่าพอจะอยู่ได้สักสองเดือนไหม พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหาที่เรียนแต่เช้า เราจะได้หาข้าวเช้ากินด้วย ถ้าออกไปซื้ออาหารตอนนี้น่
หลังทานข้าวและล้างถ้วยชามเอาไว้แล้ว ซูหนิงจิงก็ขึ้นไปเอากระเป๋าของตัวเองลงมาด้านล่างและบอกลูกสาวเอาของไปเก็บในรถก่อนไปเปิดประตูรั้ว ส่วนเธอจะล็อกประตูบ้านซูหนิงจิงถอยรถออกจากบ้านและรอให้ลูกสาวปิดประตูรั้วก่อนที่จะมาขึ้นรถและคาดเข็มขัดนิรภัย ซูหนิงจิงจึงขับรถออกจากหน้าบ้านไป“หนิงเซียวอยากเรียนโรงเรียนเอกชนหรือโรงเรียนรัฐลูก แม่จะได้หาโรงเรียนให้ถูก”“หนูเรียนที่ไหนก็ได้ค่ะแม่ แต่เอกชนน่าจะมีสอนภาคภาษาอังกฤษหรือเปล่าคะแม่ ที่โรงเรียนเดิมหนูก็เรียนนานาชาตินะคะ”“อืม นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราหาโรงเรียนนานาชาติดูก่อน ถ้าไม่มีค่อยดูว่ามีโรงเรียนไหนที่สอนภาคภาษาอังกฤษก็แล้วกัน เพราะในอนาคตลูกต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะแน่ ๆ”“ได้ค่ะแม่ แล้วแม่พอจะรู้บ้างไหมคะว่าโรงเรียนอยู่แถวไหนบ้าง”“แม่ยังไม่ได้หาข้อมูลเลยลูก แค่เราลองขับรถวนดูในเมืองก่อนก็น่าจะไม่เป็นไรมั้ง เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่เหมือนเมืองหลวงนะลูก แม่คิดว่าน่าจะมีโรงเรียนแค่ไม่กี่แห่ง”“อ่อ ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไม่ต้องขับเร็วมากนะคะ เราจะได้มองเห็นโรงเรียนกันทัน”“จ้า ลูกช่วยแม่มองดูข้างทางด้วยล่ะ”“ได้ค่ะแม่”สองคนแม่ลูกขับรถไปเรื่อย ๆ ภายในเมืองก
เมื่อไปถึงห้างแล้ว ซูหนิงจิงก็พาลูกสาวไปที่ร้านหนังสือก่อนเพื่อให้ลูกได้เลือกหนังสือเสริมความรู้นอกเหนือจากหนังสือที่ซื้อมาจากโรงเรียนก่อนหน้านี้“ลูกเลือกสักหลายเล่มหน่อยนะ จะได้เอาไว้อ่านในเวลาว่างที่บ้าน”“ได้ค่ะแม่ ขอบคุณนะคะที่พาหนูมาซื้อหนังสือ”“รีบเข้าไปเลือกเถอะจ๊ะ เดี๋ยวแม่เดินเล่นดูหนังสือรอแถวนี้แหละ”ซูหนิงเซียวพยักหน้ายิ้มรับคำแม่ของเธอก่อนจะเดินเข้าไปที่มุมหนังสือของเด็กประถม เธอเลือกหนังสือนิทานภาษาอังกฤษมาสองสามเล่ม ส่วนที่เหลือเป็นหนังสือเกี่ยวกับการคำนวณและภาษาอังกฤษเบื้องต้นสำหรับชั้น ม.ต้น ซูหนิงเซียวมักจะชอบอ่านหนังสือของชั้นที่สูงกว่ามาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเรื่องนี้ซูหนิงจิงก็รู้ดีว่าลูกของเธอมีความสามารถมากแค่ไหน เธอจึงไม่เคยห้ามลูกเรื่องการซื้อหนังสือแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับหมั่นพาลูกสาวมาเลือกซื้อหนังสือดี ๆ กลับไปอ่านที่บ้านแทนซูหนิงเซียวหอบหนังสือเกือบสิบเล่มแล้วเดินไปหาซูหนิงจิงที่ยืนอ่านรอเธออยู่ที่ด้านหน้าร้าน“แม่คะ หนูได้หนังสือครบแล้วค่ะ”“อ้าว เอามานี่สิลูก แม่ถือให้เอง ลูกไปรอที่เคาเตอร์จ่ายเงินเลย เดี๋ยวแม่เดินตามไป”“ขอบคุณค่ะแม่”ซูหนิงเซียวส่งหนังสื
วันนี้ทั้งวัน ซูหนิงเซียวจึงตั้งใจเรียนเรื่องการโพสท่าถ่ายแบบและการเดินแบบไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเดินแบบต้องใช้รองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ นับว่าแม่ของเธอคาดเดาได้ว่าเธอจำเป็นต้องใช้ของพวกนี้จริง ๆซูหนิงจิงปล่อยให้ลูกสาวเรียนรู้กับกู่ซิงไปตามสบาย ส่วนเธอก็ให้ลูกนำเสื้อผ้าเมื่อวานออกมาให้ทั้งหมด ก่อนที่จะโทรไปที่ฟร้อนเพื่อให้คนงานในคอนโดนำเสื้อผ้าไปซักอบรีดให้เสร็จในวันนี้ช่วงเย็น ถึงจะต้องเสียค่าบริการให้กับคอนโดไม่น้อย แต่ซูหนิงจิงยอมจ่ายเพื่อความสะดวกสบายมากกว่าที่จะต้องทำเองกู่ซิงที่แน่ใจแล้วว่าซูหนิงจิงไม่ธรรมดาจริง ๆ ขนาดเรื่องแค่การซักอบรีดผ้านั้นเธอยังจ้างคนของคอนโดแทนการทำเองเหมือนตอนอยู่ก้านโจว เธอไม่นึกแปลกใจที่ทำไมซูหนิงจิงจึงซื้อคอนโดนี้ เพราะมีบริการหลายอย่างให้กับผู้อาศัยด้วยนี่เองกู่ซิงที่สอนซูหนิงเซียวโพสท่าและเดินแบบในวันนี้ก็พอใจอย่างยิ่งที่ซูหนิงเซียวทำออกมาได้ดีมาก อย่างที่เธอไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อนสามารถทำได้ดีถึงขนาดนี้ งานในวันพรุ่งนี้จึ
หลังออกจากร้านเครื่องประดับและไปต่อที่ร้านเครื่องสำอางแล้ว ซูหนิงจิงก็สอบถามกู่ซิงว่าเธอต้องการซื้ออะไรหรือไม่“ฉันไม่มีอะไรต้องซื้อตอนนี้ค่ะ นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ดิฉันว่าเรากลับกันดีกว่านะคะ”“อืม… ดิฉันขอแวะซูเปอร์มาร์เก็ตสักครู่ได้ไหมคะ เพราะเราจะได้ซื้อวัตถุดิบเอาไว้ทำอาหารที่คอนโดวันพรุ่งนี้เช้าได้บ้าง”“ตกลงค่ะ คุณซูเดินนำไปได้เลยค่ะ”ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำกู่ซิงและเดินไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ชั้นหนึ่งทันที เธอรู้ดีว่าห้างแต่ละห้างส่วนใหญ่แบบแปลนแทบจะไม่ต่างกันสำหรับการวางสินค้าแต่ละอย่าง จึงทำให้เธอไม่ต้องเสียเวลาเดินหานานนักกว่าที่ซูหนิงจิงจะซื้อของเสร็จก็สามทุ่มครึ่งพอดี เธอรีบนำของในรถเข็นไปจ่ายเงินเพราะอีกไม่นานห้างก็จะปิดแล้ว หลังจ่ายเงินเสร็จเธอก็ชวนกู่ซิงกับลูกสาวไปขึ้นลิฟท์เพื่อกลับไปยังชั้น 4 ที่เธอจอดรถเอาไว้เมื่อทั้งสามคนไปถึงรถแล้ว
เมื่อซื้อกระเป๋ากับรองเท้าเสร็จแล้ว กู่ซิงกับซูหนิงเซียวต่างช่วยกันถือถุงใส่ของมากมายเอาไว้กันคนละไม้คนละมือ ส่วนซูหนิงจิงนั้นยังคงเดินนำทั้งสองคนไปร้านนาฬิกาและร้านจิวเวลรี่ต่ออย่างไม่ให้เสียเวลา นานมากแล้วที่ซูหนิงจิงไม่ได้ซื้อของพวกนี้ให้กับลูกเลย“แม่คะ แม่ยังจะซื้อของให้หนูอีกเหรอคะ แค่นี้แม่ก็หมดไปเยอะแล้วนะคะ”“ลูกอย่าห่วงเงินในกระเป๋าแม่เลยน่า นานมากแล้วที่แม่ไม่ได้ซื้อของดี ๆ ให้ลูกใช้นะ มาลองนาฬิกาดูสิว่าพอดีกับแขนลูกหรือเปล่า”ซูหนิงจิงชี้บอกพนักงานให้นำนาฬิกาสามเรือนมาให้ซูหนิงเซียวลองใส่ดู ซึ่งพอลองสวมดูแล้วก็พบว่ามีเพียงเรือนเดียวที่เข้ากับข้อมือของเธอได้พอดีและรูปแบบของนาฬิกาก็ไม่ดูหรูหราเกินไปนัก ซูหนิงเซียวจึงบอกแม่ว่าเธอจะเอาเรือนนี้ซูหนิงจิงยิ้มให้กับลูกสาวที่สายตาไม่เลว เธอให้พนักงานนำนาฬิกาไปคิดเงินทันที ซูหนิงเซียวมารู้ว่านาฬิกาเล็ก ๆ ที่เธอเลือกราคาเกือบสามล้านหยวนก็ตอนที่แม่เธอสแกนจ่ายเงินไปเสียแล้ว เธอได
มื้อนี้ซูหนิงเซียวชวนทั้งสองคนทานชาบูซึ่งมีผักให้ลูกสาวเธอได้กินอย่างที่ชอบ เพราะเธอสองคนแม่ลูกนั้นชอบกินอาหารที่ไม่หนักท้องแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร กู่ซิงที่มักจะกินอาหารจานเดียวเองก็ต้องปรับตัว เมื่อได้ที่นั่งแล้วซูหนิงจิงก็บอกให้กู่ซิงสั่งได้ตามสบาย ส่วนเธอกับลูกก็สั่งอาหารอย่างเคยชินไม่นานนักพนักงานก็มารับออเดอร์และนำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปกาใหญ่ ซูหนิงเซียวกับซูหนิงจิงช่วยกันนำผักและเนื้อลงในหม้ออย่างรวดเร็ว กู่ซิงเองก็ช่วยด้วยเช่นเดียวกัน เธอสั่งพวกลูกชิ้นที่เธอชอบกับเนื้อหลายอย่างทีเดียวทั้งสามคนกินไปด้วยคุยกันไปด้วยอย่างไม่เร่งรีบ เพราะที่พักของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากห้างแห่งนี้ซึ่งสะดวกมากในการเดินทาง“งานวันมะรืนนี้ของหนิงเซียวเป็นงานถ่ายแบบเกี่ยวกับอะไรคะคุณกู่”“เป็นงานถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ของเพื่อนดิฉันเองค่ะ เธอกำลังหานางแบบหน้าใหม่อยู่พอดี ดิฉันส่งรูปของหนิงเซียวให้เธอดู เธอเลยขอคิวสำหรับการถ่ายแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่น
หลังเติมน้ำมันเต็มถังทุกคันแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับนำรถของกู่ซิงและรถขนของไปอย่างไม่เร็วนัก เพราะเธอรู้ดีว่าอีกสามชั่วโมงจะต้องแวะพักเติมน้ำมันกันอีกครั้งและหาอาหารเที่ยงกินกันเสียก่อนกู่ซิงที่เห็นการจัดการของซูหนิงจิงตั้งแต่เช้าวันนี้ รวมทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่ซูหนิงจิงแต่งกายเหมือนกับนักธุรกิจ เธอจึงเพิ่งรู้ว่าซูหนิงจิงน่าจะเคยบริหารงานใหญ่มาก่อนเป็นแน่ หากคนไม่มีประสบการณ์มากมาย คงไม่สามารถจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วอย่างนี้แน่ ทำให้กู่ซิงยิ่งนับถือซูหนิงจิงมากขึ้นไปอีกกว่าที่ขบวนรถทั้งสามคันจะไปถึงคอนโดใหม่ของซูหนิงจิงก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว ซูหนิงจิงให้คนขนของรอก่อน เพราะเธอยังต้องรีบทำเรื่องซื้อขายห้องให้เรียบร้อยก่อนให้พวกเขายกของขึ้นไปให้พวกเธอแม่ลูก แน่นอนว่าระหว่างทางนั้นซูหนิงจิงโทรแจ้งทางผู้จัดการคอนโดล่วงหน้าแล้วว่ากำลังจะเข้าไปเมื่อไปถึงคอนโดขนาดใหญ่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเปี่ยวเซียน กู่ซิงถึงกับตกตะลึง เธอไม่คิดว่าซูหนิงจิงจะมีเงินมากขนาดสามารถซื้อห้องชุดของคอนโดหร
ซูหนิงจิงเลี้ยวรถเข้าไปในโชว์รูมเบนซ์ทันที ซูหนิงเซียวเองก็เคยชินกับรถยี่ห้อนี้ที่แม่เธอใช้มานานสิบกว่าปีแล้วจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่ารถแต่ละยี่ห้อต่างกันตรงไหนและราคาเท่าไหร่ซูหนิงจิงชวนลูกลงจากรถและเข้าไปภายในโชว์รูมที่มีพนักงานรอต้อนรับอยู่สองสามคน วันนี้ซูหนิงจิงแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจและแต่งหน้าเล็กน้อย เพราะรู้ว่าเธอต้องมาติดต่อเรื่องรถ ไม่อย่างนั้นบรรดาพนักงานในโชว์รูมคงดูถูกแน่“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบวันนี้คุณลูกค้าต้องการรถแบบไหนคะ”“ดิฉันต้องการรถตู้แบบ 8 ที่นั่งค่ะ มีรุ่นไหนมาใหม่บ้างไหมคะ”“ตอนนี้มีนำเข้ามาไม่กี่รุ่นเท่านั้นค่ะ เดี๋ยวดิฉันพาคุณลูกค้าไปดูรถเลยนะคะ”“คุณนำไปได้เลยค่ะ ขอเพียงแค่รถไม่เทอะทะมากและมีระบบความปลอดภัยดีหน่อย ดิฉันก็พอใจแล้วค่ะ”“อืม… ถ้าคุณลูกค้าต้องการรถที่ไม่เทอะทะมาก ดิฉันอยากแนะ
ช่วงเย็นหลังสอบเสร็จวันสุดท้าย ซูหนิงเซียวเล่าให้แม่ฟังว่าเธอทำข้อสอบได้ไม่ยากอย่างที่กังวลตอนแรก และมั่นใจว่าจะสามารถเข้าเรียนที่เปี่ยวเซียนได้อย่างแน่นอนในระหว่างทานอาหารเย็น“รอผลสอบออกมาก่อนค่อยว่ากันก็ยังไม่สายนะลูก แล้วนี่ต้องรออีกนานไหมกว่าจะประกาศผลสอบของลูก”“ประมาณสองสัปดาห์ค่ะแม่ ตอนนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย ส่วนผลสอบก็สามารถดูผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ค่ะ แต่หนูคงไปดูพร้อมเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนดีกว่า เพราะยังต้องยื่นเรื่องมหาวิทยาลัยที่ต้องการหลังทราบคะแนนแล้วด้วยค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ลูกจ๊ะ ไปดูกับเพื่อน ๆ ก็ดีเหมือนกัน เพราะหลังจากนี้ต่างคนก็ต่างต้องแยกย้ายกันไปเรียนตามเมืองอื่น ๆ แล้ว”“นั่นสิคะแม่ หนูต้องคิดถึงเพื่อนมากแน่เลย แต่แค่ได้อยู่กับแม่ หนูก็พอใจแล้วค่ะ”ซูหนิงจิงลูบหัวลูกสาวพร้อมหัวเราะเบา ๆ กับเด็กติดแม่อย่างซูหนิงเซียว หลังทานอาหารเย็นกันเสร็จแล
หลังจากคุยกันจบแล้ว กู่ซิงก็ขอตัวกลับเพื่อให้สองแม่ลูกได้จัดการร้านต่อเพราะยังมีลูกค้าเข้าร้านมาเรื่อย ๆ ในวันหยุดเช่นนี้ ซูหนิงจิงและซูหนิงเซียวจึงบอกลากู่ซิงแล้วรีบไปทำชานมไข่มุกให้กับลูกค้า สองคนแม่ลูกต่างช่วยกันทำและนำไปส่งที่โต๊ะลูกค้าที่น่าจะเพิ่งเรียนพิเศษเสร็จช่วงสามเดือนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในจังหวัด ซูหนิงเซียวอ่านหนังสือหนักมากเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสอบครั้งนี้ เธอที่ไม่ชอบเรียนพิเศษจำเป็นจะต้องเรียนด้วยตัวเองมาตั้งแต่ ม.ต้น เพื่อจะได้มีเวลาช่วยงานแม่ที่ร้าน ซึ่งซูหนิงจิงก็รู้เรื่องนี้มาตลอด เธอไม่ห้ามหากผลการเรียนของลูกสาวยังดีอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดสิบปีที่ผ่านมาหนึ่งวันก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซูหนิงเซียวพักจากการอ่านหนังสือเพื่อให้สมองได้พักผ่อนบ้าง หลังจากที่โหมอ่านมาตลอดเวลาสามเดือน ซึ่งครั้งนี้เธอมั่นใจมากว่าจะสอบผ่านและได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เธอต้องการในวันสอบ ซูหนิงจิงหอมแก้มพร้อมกับกอดให้กำลังใจลูกสาวที่ต้องสอบในวันนี้ เธอรู้ดีว่าลูกต้องกดดันไม่น้อ
กู่ซิงที่เห็นซูหนิงเซียวหลังจากแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุดที่เธอเลือกให้ก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่เลือกซูหนิงเซียวแต่แรก“เอาล่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วรีบไปถ่ายกันเถอะค่ะ ยังเหลืออีกหลายชุดกว่าจะเสร็จ”“ตกลงค่ะคุณป้ากู่”ซูหนิงเซียวรีบตอบรับป้ากู่ที่พาเธอมาแปลงโฉมในวันนี้ เธอตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดตามที่ป้ากู่แนะนำระหว่างทางมาสตูดิโอนี้ ส่วนซูหนิงจิงเองก็เดินตามไปดูลูกถ่ายแบบครั้งแรกเช่นเดียวกันฉากที่เซ็ตเอาไว้ให้เข้ากับชุดเดรสเปิดไหล่ลายดอกไม้ดูสดใสเข้ากับการแต่งหน้าบาง ๆ และทรงผมที่เข้ากับวัยของซูหนิงเซียว ทำให้เจ้าของสตูดิโอพอใจไม่น้อย เธอบอกให้ซูหนิงเซียวลองโพสท่าเองก่อน หากมีตรงไหนที่ต้องปรับแก้ เธอจะบอกเอง ซึ่งซูหนิงเซียวสามารถแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาได้ดีแทบทุกท่าตามที่กู่ซิงสอนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำเอาเจ้าของสตูดิโอรีบเก็บภาพสวย ๆ แทบไม่ทัน กระทั่งถ่ายได้เกือบยี่สิบภาพ เจ้าของสตูดิโอก็สั่งให้ซูหนิงเซียวหยุดและ