วันนี้ทั้งวัน ซูหนิงเซียวจึงตั้งใจเรียนเรื่องการโพสท่าถ่ายแบบและการเดินแบบไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเดินแบบต้องใช้รองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ นับว่าแม่ของเธอคาดเดาได้ว่าเธอจำเป็นต้องใช้ของพวกนี้จริง ๆ
ซูหนิงจิงปล่อยให้ลูกสาวเรียนรู้กับกู่ซิงไปตามสบาย ส่วนเธอก็ให้ลูกนำเสื้อผ้าเมื่อวานออกมาให้ทั้งหมด ก่อนที่จะโทรไปที่ฟร้อนเพื่อให้คนงานในคอนโดนำเสื้อผ้าไปซักอบรีดให้เสร็จในวันนี้ช่วงเย็น ถึงจะต้องเสียค่าบริการให้กับคอนโดไม่น้อย แต่ซูหนิงจิงยอมจ่ายเพื่อความสะดวกสบายมากกว่าที่จะต้องทำเอง
กู่ซิงที่แน่ใจแล้วว่าซูหนิงจิงไม่ธรรมดาจริง ๆ ขนาดเรื่องแค่การซักอบรีดผ้านั้นเธอยังจ้างคนของคอนโดแทนการทำเองเหมือนตอนอยู่ก้านโจว เธอไม่นึกแปลกใจที่ทำไมซูหนิงจิงจึงซื้อคอนโดนี้ เพราะมีบริการหลายอย่างให้กับผู้อาศัยด้วยนี่เอง
กู่ซิงที่สอนซูหนิงเซียวโพสท่าและเดินแบบในวันนี้ก็พอใจอย่างยิ่งที่ซูหนิงเซียวทำออกมาได้ดีมาก อย่างที่เธอไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อนสามารถทำได้ดีถึงขนาดนี้ งานในวันพรุ่งนี้จึ
ซูหนิงเซียวเดินนำหน้าแม่ของเธอออกไปจากห้องพร้อมรอยยิ้มบางประดับอยู่บนใบหน้า เมื่อกู่ซิงกับฟางหลิงหลิงเห็นซูหนิงเซียวในลุคใหม่ พวกเธอถึงกับตกตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าเด็กคนเมื่อกี้ที่ดูใส ๆ จะเปลี่ยนไปเป็นสง่างามแบบนี้เพียงแค่เปลี่ยนชุด แต่งหน้าและทำผมเท่านั้น นับว่าพวกเธอสองคนเลือกนางแบบไม่ผิดเลยจริง ๆ“น้องหนิงเซียวสวยหรูดูแพงมากเลยค่ะ เหมาะกับเสื้อผ้าเซ็ตนี้ของพี่จริง ๆ ช่างกล้องพร้อมหรือยังคะ นางแบบดิฉันจะได้รีบทำงาน ยังเหลืออีกหลายชุดนะคะ”“พร้อมแล้วครับ ให้น้องเข้ามาในฉากได้เลยครับ”การทำงานเริ่มขึ้นหลังจากซูหนิงเซียวเดินเข้าไปในฉากที่ทีมงานจัดเอาไว้ ในฉากนั้นมีเก้าอี้หรูหราอยู่หนึ่งตัว ซูหนิงเซียวโพสท่าโดยใช้เก้าอี้เป็นตัวเสริมให้ชุดโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่ายืน หรือท่าอื่น ๆ ที่เธอโพสออกมา มีแต่เสียงชื่นชมว่าเธอทำได้ดีมากทั้งสีหน้า แววตาและการโพส ทำให้เสื้อผ้าชุดนี้เหมาะสมกับเหล่าคนชั้นสูงและร่ำรวยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของฟางหลิงหลิงใน
“ดิฉันไม่กังวลค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปที่ห้างแวะซื้อชุดเก้าอี้สนามกับร่มสักหน่อยดีไหมคะ จะได้ไม่ต้องหาที่นั่งรอกันลำบากมากนัก หากมีงานอื่นเราก็จะได้ใช้บ่อย ๆ ด้วย”“ก็ดีนะคะ ดิฉันก็ลืมคิดไป เรายังมีเวลาเหลืออีกนานกว่าจะถึงเวลานัดค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่ห้างใกล้ ๆ สวนสาธารณะก่อนก็แล้วกันนะคะ จะได้ทานอาหารที่นั่นค่อยไปเตรียมตัวที่สวนสาธารณะ”“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราออกไปกันเลยดีไหมคะ”“ได้ค่ะ ทุกคนไปหยิบกระเป๋ากันก่อนแล้วค่อยออกไปกันนะคะ”สามสาวต่างวัยกลับเข้าห้องเพื่อนำสิ่งของจำเป็นไปด้วยในวันนี้ ทุกคนต่างตรวจดูสิ่งของในกระเป๋าของตัวเองว่าลืมอะไรหรือไม่ ส่วนซูหนิงเซียววันนี้ก็ใส่เพียงแค่ต่างหูกับสร้อยข้อมือสีชมพูไปด้วยเท่านั้น เธอสวมชุดเอี๊ยมยีนส์ทับเสื้อคอปกแขนตุ๊กตาจึงไม่อยากสวมสร้อยให้เกะกะ กระเป๋าวันนี้เธอใช้กระเป๋าทรงกลมสีน้ำตาลที่แม่เลือกให้พร้อมกับสวมรองเท้าส้นเต
ซูหนิงจิงกดเงินสดมาไว้สองหมื่นหยวน เธอไม่ค่อยชอบกดเงินสดบ่อยนักจึงได้กดมาไว้ทีละเยอะ ๆ เช่นนี้ เมื่อกดเสร็จแล้วเธอก็เดินนำซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปยังร้านบะหมี่เนื้อตุ๋นที่เธอสังเกตเห็นก่อนจะลงไปชั้นใต้ดินในร้านยังมีคนไม่มากนักเพราะอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเที่ยง พวกเธอทั้งสามคนจึงเลือกที่นั่งก่อนจะนำเมนูมาดูเพื่อรอพนักงานมารับออเดอร์ หลังสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาแล้ว ทั้งสามคนก็นั่งกินไปคุยกันไปอย่างไม่เร่งรีบ กระทั่งพวกเธอสั่งเครื่องดื่มในครั้งที่สามสำหรับกลับบ้านในเวลาบ่ายสองโมง แล้วถือแก้วออกจากร้านเพื่อเข้าห้องน้ำก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นสี่ที่มีรถของพวกเธอจอดอยู่ซูหนิงจิงขับรถไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล ตอนนี้แดดยังแรงอยู่มาก เมื่อไปถึงที่จอดรถของสวนสาธารณะที่กู่ซิงบอกเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนช่วยกันยกกระเป๋าที่บรรจุเต็นท์กับเก้าอี้สนามไปวางใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากรถที่จอดอยู่นอกรั้วสวนสาธารณะมากนัก หลังช่วยกันกางเต็นท์กันแดดและเก้าอี้กับโต๊ะเสร็จแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินกลับไปที่รถเพื่อนำโน้ตบุ๊คมาค้นหาข้อ
“สวัสดีครับน้อง เดี๋ยวรอให้ทีมงานพี่จัดฉากก่อนถ่ายให้เสร็จก่อนนะครับ เราค่อยเริ่มถ่ายกัน วันนี้มีชุดที่น้องจะต้องถ่ายอยู่ประมาณ 8 ชุดเท่านั้นครับ น่าจะไม่ค่ำมาก เพราะพี่อยากได้แสงตอนพระอาทิตย์ตกดิน น้องคงต้องเหนื่อยเรื่องการเปลี่ยนชุดสักหน่อยก่อนที่แสงจะหมดนะครับ”“ไม่มีปัญหาค่ะพี่ หนูจะพยายามเปลี่ยนชุดให้เร็วที่สุดค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นน้องนั่งรอกับคุณแม่และพี่กู่ก่อนก็แล้วกันนะครับ พี่จะไปดูทีมงานก่อน”“ได้ค่ะ” ซูหนิงเซียวยังคงยิ้มให้กับฉางเล่ออย่างมีมารยาท จนคนอย่างฉางเล่อที่มักชอบล้อเล่นกับนางแบบถึงกับไม่กล้าล้อเล่นกับซูหนิงเซียวเลยทีเดียว เขาเห็นมามากที่นางแบบมักจะอ่อยตากล้อง แต่สำหรับซูหนิงเซียวคนนี้ เขารู้สึกว่าเธอเข้าถึงยากกว่านางแบบคนอื่นจนไม่กล้าล้อเล่นเหมือนปกติ อีกทั้งแม่ของเธอเองก็ดูไม่เหมือนแม่บ้านธรรมดา ๆ เห็นได้จากการที่เธอนั่งดูงานที่โน้ตบุ๊คเครื่องหรูเขาก็พอจะรู้แล้วว่านางแบบคนใหม่นี้ฐานะน่าจะไม่ธรรมดา
หลังกินอาหารเช้ากันแล้ว ซูหนิงจิงก็บอกให้ลูกสาวใส่ชุดสูทที่เคยซื้อให้พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีดำมีสายรัดข้อเท้า กระเป๋าถือก็เป็นสีดำเข้าชุดกัน ส่วนตัวของซูหนิงจิงวันนี้สวมชุดกี่เพ้าผ่าข้างเข้ารูปสีฟ้าอ่อน พร้อมกับชุดเครื่องประดับชุดเพชรน้ำงามสีแดงเลือดนก ซึ่งตัดกับสีชุดของเธอจนทำให้เครื่องประดับโดดเด่นขึ้นมา ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าสีแดงเช่นเดียวกัน กระเป๋าถือของเธอใช้กระเป๋าสีน้ำตาลแดงใบใหญ่สำหรับใส่ชุดเครื่องเพชรแซฟไฟร์ของลูกสาว รวมทั้งกระเป๋าสตางค์ใบเล็กและเอกสารส่วนตัวเผื่อเอาไว้ด้วยกู่ซิงที่เห็นการแต่งตัวแบบจัดเต็มของซูหนิงจิงก็ได้แต่มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผมที่ปักปิ่นเป็นมวยเข้ากับชุดกี่เพ้าของซูหนิงจิงนั้นช่างหาที่ติไม่ได้เลย เธอได้แต่นับถือซูหนิงจิงที่สามารถแปลงโฉมตัวเองออกมาได้อย่างลงตัวและดูสง่างามไปหมดทั้งตัว ส่วนกู่ซิงนั้นใส่เพียงชุดสูทสำหรับออกงานวันนี้เท่านั้นเอง ด้วยเธอต้องคอยดูแลซูหนิงเซียวในห้องแต่งตัวด้วย เพราะกลัวว่านางแบบเก่า ๆ จะกลั่นแกล้งซูหนิงเซียวซึ่งเป็นนางแบบหน้าใหม่ในวงการ แถมยังได้ใส
“พี่คะ หนูขอทราบราคาทั้งหมดได้ไหมคะ รวมราคาทำห้องอัดเสียงเล็ก ๆ ที่บ้านให้หนูด้วยนะคะ”“สักครู่นะครับ พี่ขอไปคุยกับช่างก่อนว่าถ้าเครื่องมิกซ์ขนาดนี้พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมครบชุดจะต้องทำห้องขนาดประมาณเท่าไหร่ เชิญลูกค้านั่งรอที่โซฟาก่อนครับ”ซูหนิงจิงพยักหน้าให้พนักงานขายก่อนจะพาซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปนั่งรอที่โซฟาซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของหน้าร้าน“แม่คะ แม่คิดว่าหนูจะทำได้ไหมเรื่องร้องเพลงกับแต่งเพลง หนูไม่อยากให้แม่ลงทุนโดยเสียเปล่ากับหนูนะคะ”“แม่บอกลูกแล้วว่าให้ทำตามที่ลูกชอบยังไงล่ะ ในเมื่อลูกคิดอยากเข้าวงการบันเทิงแต่แรกและเป็นคนขอแม่เอง แม่ก็สนับสนุนลูกทุกทางเท่านั้น เรื่องการที่ลูกจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ก็อยู่ที่ความพยายามของลูกเองและเหล่าแฟนคลับของลูกที่พวกเขาจะสนับสนุนผลงานของลูกกันมากขนาดไหน”“จริงอย่างที่น้องซูว่านะหนิงเซียว ถ้าหนูตั้งใจที่จะเอาดีทางด้านร้องเพลง
ไม่นานนักผู้จัดการคิวก็เรียกให้นางแบบเริ่มซ้อมเดินได้ นางแบบชุดแรกทั้งสิบคนต่างเดินอย่างรู้จังหวะกันเป็นอย่างดี ชุดที่สองเองก็ตามไปอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด พอถึงชุดที่สามก่อนที่ซูหนิงเซียวจะขึ้นไปเดินบนเวที รุ่นพี่คนก่อนหน้ากลับผลักเธอเพื่อจะให้ตกบันได ดีที่ซูหนิงเซียวระวังตัวเอาไว้ก่อนจึงหลบได้ทัน จนทำให้คนที่ผลักเธอตกลงจากบันไดเสียเองจนร้องเสียงหลง คนอื่น ๆ ได้ยินเสียงวุ่นวายที่หลังเวทีก็รีบเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซูหนิงเซียวที่ทำหน้าไม่พอใจพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าแม่กับป้ากู่ของเธอมาหลังเวทีด้วยเช่นเดียวกัน“พี่ทำอะไรกันคะ ตั้งใจทำร้ายร่างกายหนูแบบนี้หนูสามารถแจ้งความได้นะคะ”“เชอะ ใครจะไปทำร้ายแกกัน ฉันแค่สะดุดจะล้มมือเลยคิดจะคว้าตัวแกเอาไว้เท่านั้นเอง”“ฮ่า ฮ่า ถ้าอย่างนั้นเรามาเปิดกล้องวงจรปิดดูกันดีหรือเปล่าคะ ว่าพี่สะดุดล้มหรืออะไรกันแน่”ฟางหลิงหลิงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินมาไกล่เกลี่ยเพราะกลัวว่างานของเธอจะพังเพราะนา
คิวของซูหนิงเซียวมาถึงหลังจากที่แม่ของเธอสวมเครื่องเพชรชิ้นสุดท้ายให้เสร็จพอดี เธอจึงรีบเดินขึ้นบันไดไปต่อในทันที ฟางหลิงหลิงที่ลุ้นอยู่หน้าเวทีว่าซูหนิงเซียวจะเปลี่ยนชุดทันหรือไม่ พอเห็นซูหนิงเซียวเดินออกมาอย่างสง่างามเหมาะสมกับชุดฟินาเล่ของเธอเป็นอย่างมาก แถมเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่ซูหนิงเซียวสวมก็ยังเข้ากับชุดไม่แพ้กัน ทำให้ชุดฟินาเล่ของเธอโดดเด่นและดูมีค่ามากยิ่งขึ้นไปอีกบรรดาเพื่อนทั้งสามของฟางหลิงหลิงรีบมาสอบถามว่าเธอมีสปอนเซอร์เครื่องเพชรตั้งแต่เมื่อไหร่“ใครบอกว่าฉันมีสปอนเซอร์เครื่องเพชรกัน เครื่องเพชรชุดนี้เป็นของคุณซู แม่ของหนิงเซียวต่างหากล่ะ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณซูถึงดูเหมือนพวกคนชั้นสูง”“เฮ้อ พวกเราอิจฉาเธอจริง ๆ ที่มีนางแบบอย่างหนิงเซียวแถมยังมีแม่ที่สนับสนุนลูกได้มากถึงขนาดนี้”“ฮิ ฮิ นี่นับเป็นวาสนาของฉันแล้ว ที่พี่กู่ช่วยแนะนำหนิงเซียวให้ฉันก่อนพวกเธอ ไม่อย่างนั้นเราคงต้องแย่งกันเพื่อให้หนิงเซียวมาเดินแ
“ฮึ หลิวอ้ายโหรว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับจ้าวไห่ถังสมสู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าตอนนั้นเขาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใครมาก่อนมาหลังให้กฎหมายตัดสินก็น่าจะรู้แล้วไหม ส่วนเรื่องลูกสาวของฉันจะคบกับใครก็ไม่เกี่ยวกับพวกเธอสองแม่ลูก และลูกสาวฉันก็หมั้นกับเขาแล้ว แค่นั่งข้างกันมันจะเป็นอะไรกันเชียว ลูกสาวเธอเสียอีกที่หมั้นตั้งแต่อายุแค่ 15 เธอยังมีหน้ามาว่าฉันขายลูกสาวเหมือนเธออีกเหรอ”“กรี๊ด นังหนิงจิง แกกล้าว่าฉันขายลูกสาวเหรอ ฉันจะบอกแกให้นะว่าตระกูลหลงต่างหากที่ขอหมั้นลูกสาวฉันเอาไว้ก่อนน่ะ ไม่เหมือนพวกแกแม่ลูกหรอกที่เที่ยวเร่เอาตัวไปขายให้ตระกูลจ้าน”“จ้านเกา บอกพวกเธอให้ป้าหน่อยว่าความจริงคืออะไร ก่อนจะไล่พวกเธอออกไป”“ครับป้าซู พวกคุณฟังให้ดีนะครับ ผมจ้านเกา เป็นคนขอหมั้นน้องหนิงเซียวก่อนเอง ส่วนพวกคุณ ผมได้ข่าวว่าจ้าวไห่ถังกำลังจะหมดตัวนี่ครับ พวกคุณยังมีเวลามาอวดดีกับป้าซูและน้องหนิงเซียวได้ยังไงกัน แทนที่
ก่อนเวลาอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมง จ้านเกาก็ชวนทุกคนออกจากร้านน้ำชาเพื่อไปยังห้างใกล้ ๆ ก่อนที่คนจะเยอะในช่วงเที่ยง เขาจ่ายค่าบริการทั้งหมดสองห้องก่อนจะเดินตามหลังทุกคนไปขึ้นรถตู้ที่คนขับมาจอดรอที่หน้าร้าน คนขับออกจากร้านชาแล้วกลับรถไปบนถนนเพื่อเดินทางไปห้างซึ่งอยู่ไม่ไกล พวกเขาไปถึงหน้าห้างโดยใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น บอดี้การ์ดเดินลงจากรถไปรอเหล่าเจ้านายลงมาอย่างพร้อมเพรียงกันทั้ง 7 คน ส่วนอีก 3 คนที่ยังคงขับรถอยู่รอให้เจ้านายลงจากรถก่อนจึงจะขับไปจอดรถในที่จอดรถพร้อมกันทีหลังจ้านเกาตกลงกันเรื่องร้านอาหารบนรถแล้วสั่งให้บอดี้การ์ดนำทางไปที่ร้านเนื้อย่างเจ้าดังในห้าง เขารู้ดีว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้มักมาเดินเล่นที่นี่บ่อย ๆ เวลาที่ตากับยายของเขาไม่ได้ออกไปไหน กลุ่มของจ้านเกามีบอดี้การ์ดล้อมรอบเพื่อไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ ตากับยายของจ้านเกาเดินมองร้านรวงต่าง ๆ ที่ไม่ได้มานานหลายปี“ร้านค้าเดี๋ยวนี้ดูหรูหราขึ้นเยอะนะตา”“นั่นสิ เราคงไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตากันนานไปหน่
ก่อนเวลาอาหารเช้านิดหน่อย ซูหนิงเซียวที่ตื่นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานแล้วแต่แอบมองจ้านเกาวิ่งออกกำลังกายรอบสวนหลังบ้านอย่างให้กำลังใจอยู่นานจนเกือบจะถึงเวลาอาหารเช้า เธอไม่คิดว่าตื่นมาแล้วจะได้พบพี่จ้านใส่เสื้อกล้ามพอดีตัววิ่งออกกำลังกายอยู่ เธอจึงรีบวิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งดูต่อตาเป็นมัน ซูหนิงเซียวไม่คิดว่าพี่จ้านของเธอจะซ่อนรูปไม่น้อย เขาดูแลรูปร่างดีกว่าคนทั่วไปเสียอีก เธอเห็นแค่มัดกล้ามเขาที่แนบเข้ากับเสื้อกล้ามซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ได้แต่ใจเต้นตึกตักอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นผู้ชายรูปร่างดีขนาดนี้แถมคนตัวใหญ่ที่กำลังวิ่งอยู่ยังเป็นคู่หมั้นของเธออีกด้วย เธอได้แต่ฝันหวานว่าถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วเธอจะรู้สึกยังไง ยิ่งคิดซูหนิงเซียวก็ยิ่งเขินจนเธอไม่รู้ว่าจ้านเกาเข้าบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ซูหนิงเซียวจึงรีบลุกจากระเบียงหลังห้องออกไปข้างนอกทันที เธอคิดว่าป่านนี้แม่กับป้ากู่คงรอทานข้าวที่ห้องรับแขกแต่เช้าแล้วจ้านเกาที่ออกกำลังกายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ไม่รู้เลยว่ามีสาวน้อยแอบมองเขาอยู่ที่ระเบียง จ
จ้านเกาที่ได้รับรูปภาพของซูหนิงเซียวรีบเปลี่ยนหน้าจอมือถือเป็นรูปนั้นในทันที ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจจะใส่ภาพหน้าจอเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ครั้งนี้นั้นเขาอยากได้ภาพนี้เอาไว้มองเวลาทำงานจริง ๆ“ขอบใจน้องหนิงเซียวนะครับ พี่จะดูรูปนี้บ่อยๆ เวลามีงานเครียด ๆ จะได้ผ่อนคลายเหมือนได้เจอหน้าน้องหนิงเซียวนะครับ”ซูหนิงเซียวที่ไม่รู้จะตอบกลับยังไงได้แต่เขินจนหน้าแดงไปถึงใบหู เธอพยักหน้าเบา ๆ ตอบกลับจ้านเกาเท่านั้น จ้านหย่งเหอที่หมั่นไส้หลานชายทนไม่ไหว“อะแฮ่ม ระวังคำพูดบ้างเจ้าหลานชาย แม่เขานั่งอยู่ทนโท่ แต่กลับพูดจาเกี้ยวพาเขาต่อหน้าแบบนี้ได้ยังไงกัน แกไม่อายแต่น้องอายเห็นไหมนั่น”“โธ่ ตาครับ นานๆ ทีผมจะได้เห็นความสามารถของน้อง ให้ผมคุยกับน้องดีๆ บ้างไม่ได้เหรอครับ คุณป้าซูอย่าถือสาผมเลยนะครับ ผมชอบภาพของน้องจริง ๆ”“ป้าไม่ถือสาหรอกจ๊ะ แต่อย่าชมน้องมากเกินไปจนเหลิงเอาล่ะ เดี๋ยวหนิงเซี
หลังอาหารเที่ยง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงชวนพวกซูหนิงจิงไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน แน่นอนว่าพวกเธอไม่ปฏิเสธ ซูหนิงเซียวยังขอเวลาไปเอาโน้ตบุ๊คมาวาดรูประหว่างดื่มชา เธออยากหัดวาดภาพอยู่พอดีจึงเตรียมอุปกรณ์วาดรูปที่ต่อกับโน้ตบุ๊คมาด้วยครบชุดพ่อบ้านมาตามทุกคนที่ห้องรับแขกหลังจัดโต๊ะน้ำชาเอาไว้แยกเป็นสองโต๊ะคือโต๊ะของจ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง ซูหนิงจิงกับกู่ซิง อีกโต๊ะเป็นจ้านเกาและซูหนิงเซียวที่มีโน้ตบุ๊คพร้อมอุปกรณ์วาดรูปนั่งอยู่ ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเห็นว่าวันนี้พวกเธอมาถึงช้าจึงไม่ได้ชวนผู้อาวุโสทั้งสองออกไปนั่งดื่มชานอกบ้าน แต่พวกเธอจะชวนท่านไปพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าแทนจ้านเซียงชิงชวนซูหนิงจิงกับกู่ซิงดูสวนดอกไม้หลากสีสรรที่เธอให้คนสวนดูแลเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี“สวยจังเลยนะคะคุณป้า วันงานหมั้นหนูกับพี่กู่มัวแต่คุยกับแขกเลยไม่มีเวลาดูสวนดอกไม้กันเลยค่ะ”“นั่นสิคะ เรามาที่นี่ก็หลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้สังเกตเลย ดีนะคะที่วันนี้คุณป้าชวนพวกเรามาน
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงจิง กู่ซิงกับซูหนิงเซียวก็พูดถึงเรื่องที่ต้องไปค้างที่บ้านจ้านเกากันสัปดาห์ละครั้งเว้นสัปดาห์“แม่แน่ใจเหรอคะว่าจะไปค้างบ้านพี่จ้านกันวันหยุด”“ทำไมเหรอ ลูกไม่อยากไปหรือยังไง”“เปล่าค่ะ หนูแค่แปลกใจที่แม่กับป้ากู่ไม่ปฏิเสธคุณตา คุณยาย”“แม่แค่เห็นว่าท่านเอ็นดูพวกเราจริง ๆ และคงเหงาที่ไม่มีลูกหลานอยู่ด้วยน่ะจ๊ะ”“ป้าก็คิดเหมือนแม่หนูนะหนิงเซียว พวกท่านอายุมากแล้ว เราก็ถือซะว่าไปพักผ่อนดีไหมจ๊ะ”“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะเอาโน้ตบุ๊คไปด้วย เผื่อจะได้หัดวาดรูปค่ะ”วันนี้ซูหนิงจิงไม่เอาโน้ตบุ๊คออกมาทำงานเหมือนทุกวัน พอเธอได้คุยกับตายายของจ้านเกาเมื่อวานนี้ เธอจึงหาเวลาพักสมองบ้าง ซูหนิงจิงเลือกพักผ่อนในวันอาทิตย์เช่นนี้ เธอแค่นั่งมองดูลูกสาวหัดวาดรูปในโน้ตบุ๊คพร้อมรอยยิ้ม ส่วนก
“ส่วนใหญ่น้องใหม่จะมากับผู้ปกครองเป็นส่วนใหญ่นะ มีไม่กี่คนหรอกที่มาลงทะเบียนคนเดียว พวกเธอลองดูนั่นสิ เห็นไหมว่าน้องใหม่มากับผู้ปกครอง”“อ๋อ พวกเราเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราจะไปทำงานก่อนนะ วันนี้ไม่น่าจะมีรุ่นพี่มาลงทะเบียนกันแล้วมั้ง น่าจะมีแต่เด็กใหม่ทั้งหมด”“นั่นสิ ไปกัน ๆ ฉันตื่นเต้นจังเลย ว่าแต่เพื่อนที่จะรับช่วงต่อจากเรามากันหรือยังเนี่ย”“น่าจะมาแล้วนะ ดูสิ พวกเขายืนรอกันอยู่ที่ทางเดินไปห้องทะเบียนน่ะ”“ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ ยิ่งสายคนน่าจะยิ่งเยอะนะ ไม่รู้วันนี้จะมีรุ่นน้องกี่คนเข้ามาลงทะเบียน พวกเราต้องคอยมารับน้องกันทั้งสัปดาห์เลยนะเนี่ย”“เอาน่า เรามีหน้าที่อะไรก็ทำไปก่อนเถอะ เธอจะบ่นทำไมกันเสี่ยวเซียน”“พวกเธออย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ เดี๋ยวรุ่นน้องก็ตกใจหมดหรอก พวกพี่นั่งรอที่โต๊ะได้นะคะ พวกหนูมีงานที่ต้อ
ข่าวการหมั้นหมายของจ้านเกาถูกปิดบังจากสื่อเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ตระกูลหลงที่มีหลงเอ้อหลางบอกกล่าวว่าทำไมเขาถึงถูกจับกลับรู้ดีว่าตอนนี้จ้านเกามีคู่หมั้นเป็นลูกสาวของซูหนิงจิงผู้เก่งกาจแล้ว หลงฮ่าวโมโหที่ลูกชายไม่ยอมเชิญเขาไปร่วมงานหมั้นที่มีแต่ตระกูลเก่าแก่เข้าร่วมด้วย แถมลูกชายคนรองยังก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาให้เขาปวดหัวอีก ถึงเขาจะต่อว่าลูกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อจ้านเกาไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อตั้งแต่ที่เมียเก่าเขาตายไป ส่วนหลงเอ้อหลางก็มีเจียวจูเมียใหม่เขาคอยให้ท้ายอยู่ ทำให้หลงเอ้อหลางไม่ยอมเรียนหนังสือให้จบแล้วมาช่วยงานเขาสักที แต่กลับมั่วสุมอยู่กับกลุ่มเพื่อนเกเรทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้วเจียวจูเห็นสามีโกรธลูกชายตัวเองก็ยิ่งเข้าข้างลูกและโทษว่าเป็นความผิดของซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวที่ทำให้ลูกชายเธอต้องถูกจับในครั้งนี้“คุณก็ดีแต่โทษคนอื่นอาจู คุณไม่รู้นิสัยลูกชายคุณหรือยังไง”“เอ๊ะ เอ้อหลางก็ลูกคุณเหมือนกันนะ คุณจะมาพูดแบบนี้ได้ยังไง อีกอย่างที่ฉันพู
จ้านเกากับซูหนิงเซียวที่เพิ่งส่งแขกกลับหมดแล้ว จูงมือกันเดินไปนั่งร่วมกับพวกผู้ใหญ่ที่ห้องรับแขก“เหนื่อยไหมเด็ก ๆ”“ผมไม่เหนื่อยครับ คุณตา น้องหนิงเซียวเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยค่ะ เพราะวันนี้หนูใส่รองเท้าส้นสูงเดินมากไป นั่งพักสักหน่อยก็หายค่ะ”“ตอนนี้เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแล้วนะ แม่หนูซูถ้ามีอะไรให้จ้านเกาช่วยบอกเขาได้เลยนะ ยายกับตาพร้อมที่จะสนับสนุนแม่หนูซูกับหนิงเซียวจ๊ะ”“ขอบคุณทุกคนนะคะที่ต้อนรับเราสองแม่ลูก ตอนนี้หนูยังไม่มีอะไรให้จ้านเกาช่วยค่ะคุณยาย แต่หลังจากโครงการเสร็จสิ้น จ้านเกาน่าจะเหนื่อยหน่อยตอนเปิดขายห้องนะคะ ป้าฝากดูแลด้วยนะจ้านเกา”“อ้อ โครงการของแม่หนูซู ตากับยายพอรู้บ้าง จ้านเกาหลานอย่าลืมซื้อไว้สัก 20 ห้องแล้วค่อยปล่อยขายทีหลังด้วยล่ะ”“ครับคุณตา คุณยาย ป้าซูไม่ต้องกังว