ซูหนิงจิงกดเงินสดมาไว้สองหมื่นหยวน เธอไม่ค่อยชอบกดเงินสดบ่อยนักจึงได้กดมาไว้ทีละเยอะ ๆ เช่นนี้ เมื่อกดเสร็จแล้วเธอก็เดินนำซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปยังร้านบะหมี่เนื้อตุ๋นที่เธอสังเกตเห็นก่อนจะลงไปชั้นใต้ดิน
ในร้านยังมีคนไม่มากนักเพราะอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเที่ยง พวกเธอทั้งสามคนจึงเลือกที่นั่งก่อนจะนำเมนูมาดูเพื่อรอพนักงานมารับออเดอร์ หลังสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาแล้ว ทั้งสามคนก็นั่งกินไปคุยกันไปอย่างไม่เร่งรีบ กระทั่งพวกเธอสั่งเครื่องดื่มในครั้งที่สามสำหรับกลับบ้านในเวลาบ่ายสองโมง แล้วถือแก้วออกจากร้านเพื่อเข้าห้องน้ำก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นสี่ที่มีรถของพวกเธอจอดอยู่
ซูหนิงจิงขับรถไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล ตอนนี้แดดยังแรงอยู่มาก เมื่อไปถึงที่จอดรถของสวนสาธารณะที่กู่ซิงบอกเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนช่วยกันยกกระเป๋าที่บรรจุเต็นท์กับเก้าอี้สนามไปวางใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากรถที่จอดอยู่นอกรั้วสวนสาธารณะมากนัก หลังช่วยกันกางเต็นท์กันแดดและเก้าอี้กับโต๊ะเสร็จแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินกลับไปที่รถเพื่อนำโน้ตบุ๊คมาค้นหาข้อ
“สวัสดีครับน้อง เดี๋ยวรอให้ทีมงานพี่จัดฉากก่อนถ่ายให้เสร็จก่อนนะครับ เราค่อยเริ่มถ่ายกัน วันนี้มีชุดที่น้องจะต้องถ่ายอยู่ประมาณ 8 ชุดเท่านั้นครับ น่าจะไม่ค่ำมาก เพราะพี่อยากได้แสงตอนพระอาทิตย์ตกดิน น้องคงต้องเหนื่อยเรื่องการเปลี่ยนชุดสักหน่อยก่อนที่แสงจะหมดนะครับ”“ไม่มีปัญหาค่ะพี่ หนูจะพยายามเปลี่ยนชุดให้เร็วที่สุดค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นน้องนั่งรอกับคุณแม่และพี่กู่ก่อนก็แล้วกันนะครับ พี่จะไปดูทีมงานก่อน”“ได้ค่ะ” ซูหนิงเซียวยังคงยิ้มให้กับฉางเล่ออย่างมีมารยาท จนคนอย่างฉางเล่อที่มักชอบล้อเล่นกับนางแบบถึงกับไม่กล้าล้อเล่นกับซูหนิงเซียวเลยทีเดียว เขาเห็นมามากที่นางแบบมักจะอ่อยตากล้อง แต่สำหรับซูหนิงเซียวคนนี้ เขารู้สึกว่าเธอเข้าถึงยากกว่านางแบบคนอื่นจนไม่กล้าล้อเล่นเหมือนปกติ อีกทั้งแม่ของเธอเองก็ดูไม่เหมือนแม่บ้านธรรมดา ๆ เห็นได้จากการที่เธอนั่งดูงานที่โน้ตบุ๊คเครื่องหรูเขาก็พอจะรู้แล้วว่านางแบบคนใหม่นี้ฐานะน่าจะไม่ธรรมดา
หลังกินอาหารเช้ากันแล้ว ซูหนิงจิงก็บอกให้ลูกสาวใส่ชุดสูทที่เคยซื้อให้พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีดำมีสายรัดข้อเท้า กระเป๋าถือก็เป็นสีดำเข้าชุดกัน ส่วนตัวของซูหนิงจิงวันนี้สวมชุดกี่เพ้าผ่าข้างเข้ารูปสีฟ้าอ่อน พร้อมกับชุดเครื่องประดับชุดเพชรน้ำงามสีแดงเลือดนก ซึ่งตัดกับสีชุดของเธอจนทำให้เครื่องประดับโดดเด่นขึ้นมา ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าสีแดงเช่นเดียวกัน กระเป๋าถือของเธอใช้กระเป๋าสีน้ำตาลแดงใบใหญ่สำหรับใส่ชุดเครื่องเพชรแซฟไฟร์ของลูกสาว รวมทั้งกระเป๋าสตางค์ใบเล็กและเอกสารส่วนตัวเผื่อเอาไว้ด้วยกู่ซิงที่เห็นการแต่งตัวแบบจัดเต็มของซูหนิงจิงก็ได้แต่มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผมที่ปักปิ่นเป็นมวยเข้ากับชุดกี่เพ้าของซูหนิงจิงนั้นช่างหาที่ติไม่ได้เลย เธอได้แต่นับถือซูหนิงจิงที่สามารถแปลงโฉมตัวเองออกมาได้อย่างลงตัวและดูสง่างามไปหมดทั้งตัว ส่วนกู่ซิงนั้นใส่เพียงชุดสูทสำหรับออกงานวันนี้เท่านั้นเอง ด้วยเธอต้องคอยดูแลซูหนิงเซียวในห้องแต่งตัวด้วย เพราะกลัวว่านางแบบเก่า ๆ จะกลั่นแกล้งซูหนิงเซียวซึ่งเป็นนางแบบหน้าใหม่ในวงการ แถมยังได้ใส
“พี่คะ หนูขอทราบราคาทั้งหมดได้ไหมคะ รวมราคาทำห้องอัดเสียงเล็ก ๆ ที่บ้านให้หนูด้วยนะคะ”“สักครู่นะครับ พี่ขอไปคุยกับช่างก่อนว่าถ้าเครื่องมิกซ์ขนาดนี้พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมครบชุดจะต้องทำห้องขนาดประมาณเท่าไหร่ เชิญลูกค้านั่งรอที่โซฟาก่อนครับ”ซูหนิงจิงพยักหน้าให้พนักงานขายก่อนจะพาซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปนั่งรอที่โซฟาซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของหน้าร้าน“แม่คะ แม่คิดว่าหนูจะทำได้ไหมเรื่องร้องเพลงกับแต่งเพลง หนูไม่อยากให้แม่ลงทุนโดยเสียเปล่ากับหนูนะคะ”“แม่บอกลูกแล้วว่าให้ทำตามที่ลูกชอบยังไงล่ะ ในเมื่อลูกคิดอยากเข้าวงการบันเทิงแต่แรกและเป็นคนขอแม่เอง แม่ก็สนับสนุนลูกทุกทางเท่านั้น เรื่องการที่ลูกจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ก็อยู่ที่ความพยายามของลูกเองและเหล่าแฟนคลับของลูกที่พวกเขาจะสนับสนุนผลงานของลูกกันมากขนาดไหน”“จริงอย่างที่น้องซูว่านะหนิงเซียว ถ้าหนูตั้งใจที่จะเอาดีทางด้านร้องเพลง
ไม่นานนักผู้จัดการคิวก็เรียกให้นางแบบเริ่มซ้อมเดินได้ นางแบบชุดแรกทั้งสิบคนต่างเดินอย่างรู้จังหวะกันเป็นอย่างดี ชุดที่สองเองก็ตามไปอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด พอถึงชุดที่สามก่อนที่ซูหนิงเซียวจะขึ้นไปเดินบนเวที รุ่นพี่คนก่อนหน้ากลับผลักเธอเพื่อจะให้ตกบันได ดีที่ซูหนิงเซียวระวังตัวเอาไว้ก่อนจึงหลบได้ทัน จนทำให้คนที่ผลักเธอตกลงจากบันไดเสียเองจนร้องเสียงหลง คนอื่น ๆ ได้ยินเสียงวุ่นวายที่หลังเวทีก็รีบเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซูหนิงเซียวที่ทำหน้าไม่พอใจพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าแม่กับป้ากู่ของเธอมาหลังเวทีด้วยเช่นเดียวกัน“พี่ทำอะไรกันคะ ตั้งใจทำร้ายร่างกายหนูแบบนี้หนูสามารถแจ้งความได้นะคะ”“เชอะ ใครจะไปทำร้ายแกกัน ฉันแค่สะดุดจะล้มมือเลยคิดจะคว้าตัวแกเอาไว้เท่านั้นเอง”“ฮ่า ฮ่า ถ้าอย่างนั้นเรามาเปิดกล้องวงจรปิดดูกันดีหรือเปล่าคะ ว่าพี่สะดุดล้มหรืออะไรกันแน่”ฟางหลิงหลิงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินมาไกล่เกลี่ยเพราะกลัวว่างานของเธอจะพังเพราะนา
คิวของซูหนิงเซียวมาถึงหลังจากที่แม่ของเธอสวมเครื่องเพชรชิ้นสุดท้ายให้เสร็จพอดี เธอจึงรีบเดินขึ้นบันไดไปต่อในทันที ฟางหลิงหลิงที่ลุ้นอยู่หน้าเวทีว่าซูหนิงเซียวจะเปลี่ยนชุดทันหรือไม่ พอเห็นซูหนิงเซียวเดินออกมาอย่างสง่างามเหมาะสมกับชุดฟินาเล่ของเธอเป็นอย่างมาก แถมเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่ซูหนิงเซียวสวมก็ยังเข้ากับชุดไม่แพ้กัน ทำให้ชุดฟินาเล่ของเธอโดดเด่นและดูมีค่ามากยิ่งขึ้นไปอีกบรรดาเพื่อนทั้งสามของฟางหลิงหลิงรีบมาสอบถามว่าเธอมีสปอนเซอร์เครื่องเพชรตั้งแต่เมื่อไหร่“ใครบอกว่าฉันมีสปอนเซอร์เครื่องเพชรกัน เครื่องเพชรชุดนี้เป็นของคุณซู แม่ของหนิงเซียวต่างหากล่ะ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณซูถึงดูเหมือนพวกคนชั้นสูง”“เฮ้อ พวกเราอิจฉาเธอจริง ๆ ที่มีนางแบบอย่างหนิงเซียวแถมยังมีแม่ที่สนับสนุนลูกได้มากถึงขนาดนี้”“ฮิ ฮิ นี่นับเป็นวาสนาของฉันแล้ว ที่พี่กู่ช่วยแนะนำหนิงเซียวให้ฉันก่อนพวกเธอ ไม่อย่างนั้นเราคงต้องแย่งกันเพื่อให้หนิงเซียวมาเดินแ
หลังจากซูหนิงเซียวเดินลงไปที่หลังเวทีแล้ว เธอเดินไปหากู่ซิงพร้อมถอนหายใจเสียงดังอย่างโล่งอกที่ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรระหว่างที่เธอกำลังเดินอยู่“ฮ่า ฮ่า เป็นยังไงบ้างนะเรา โล่งใจขึ้นบ้างหรือยัง”“โล่งขึ้นเยอะเลยค่ะป้ากู่ หนูทำตามที่ป้ากู่บอกว่าคนดูเป็นผัก มันช่วยให้หนูลดความตื่นเต้นไปได้มากเลยนะคะ ขอบคุณป้ากู่มากค่ะที่แนะนำ”“ไม่เป็นไร นี่เป็นหน้าที่ของป้าอยู่แล้ว เดี๋ยวหนูต้องรอมอบดอกไม้ให้ฟางหลิงหลิงทีหลังอีก จะเข้าไปนั่งพักผ่อนในห้องก่อนหรือเปล่าจ๊ะ”“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูรอทีมงานเอาดอกไม้มาให้ที่นี่ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบ รองเท้าของทีมงานทำให้หนูเจ็บเท้าไม่น้อยเลยค่ะป้ากู่”“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกป้าก่อนเล่า ป้าจะได้หาพลาสเตอร์มาแปะเท้าให้หนูก่อน”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทนได้ อีกไม่นานก็จบงานแล้ว รองานอื่นหนูค่อยเตรียมรองเท้ามา
ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงต่างนับถือในความกล้าของซูหนิงจิง พวกเธอเดินตามไปเงียบ ๆ อย่างคนที่ยังตกใจไม่หายว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ในงานเดินแบบครั้งแรกของซูหนิงเซียว รอกระทั่งทั้งสามคนเดินกลับขึ้นรถไปแล้ว กู่ซิงกับซูหนิงเซียวจึงผ่อนลมหายใจออกมาได้เสียที“เป็นอะไรกันไปหมด หืม… ทำไมถึงหายใจแรงแบบนี้ล่ะ”“หนูไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในงานเดินแบบงานแรกของหนูสิคะแม่”“ใช่ค่ะคุณซู ความจริงที่ฉันเคยดูแลดารามานานก็มีอยู่บ้าง แต่ดิฉันก็ไม่ยอมให้เด็กในสังกัดไปทำเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ แต่ครั้งนี้กลับมีผู้ชายมากจนฉันตั้งตัวไม่ทัน”“ดิฉันเข้าใจดีค่ะคุณกู่ ไม่ต้องกลัวว่าดิฉันจะต่อว่าคุณเรื่องนี้หรอกนะคะ ดิฉันเองเข้าร่วมงานเลี้ยงมาไม่น้อย เรื่องพวกนี้ดิฉันเจอมาเยอะแล้ว อย่ากังวลไปเลยค่ะ พวกเขาไม่กล้าเอาชื่อเสียงมาแลกกับดิฉันหรอกนะคะ”หลังจากคุยกันสักพัก ซูหนิงจิงก็ขับรถออกจากโรงแรมเพื่อไปแวะ
ซูหนิงจิงเดินไปดูแผนที่ของห้างก่อนจะพากู่ซิงกับซูหนิงเซียวเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสามซึ่งมีร้านสินค้าแบรนด์เนมหลายแบรนด์อย่างไม่ชักช้า“วันนี้แม่จะเลือกรองเท้าให้ลูกเองนะ ส่วนลูกมีหน้าที่สวมแล้วลองเดินดูว่าเดินสบายหรือเปล่า อย่าคิดที่จะโกหกแม่ล่ะ หากใส่ไม่สบายก็บอกว่าไม่สบาย เข้าใจไหม”“หนูเข้าใจแล้วค่ะแม่ หนูไม่กล้าโกหกแม่หรอกนะคะ หนูรู้ว่าแม่หวังดีกับหนูที่สุด”“เข้าใจก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็รีบกันหน่อย เพราะวันนี้แม่จะซื้อให้ลูกหลายแบบ”ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงได้แต่รีบก้าวไว ๆ ตามซูหนิงจิงที่เดินเร็วมากกว่าปกติหลายเท่า นานมากแล้วที่ซูหนิงจิงไม่ได้ทำตัวรวดเร็วแบบนี้หลังจากเลิกบริหารบริษัท ปกติเธอเป็นคนที่เดินเร็วและทำอะไรเร็วมาแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่เปลี่ยนไปจากการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวมาสิบปีเท่านั้นซูหนิงจิงเดินดูร้านไม่นานนักก็เห็นแบรนด์รองเท้ากับกระเป๋าที่เธอต้องการ เธอรีบเดินเข้าไปในร
[อืม ป้าว่างวันมะรืนนี้ค่ะ วันนี้กับพรุ่งนี้หนิงเซียวยังมีงานถ่ายแบบอีกสองงานน่ะ][ถ้าอย่างนั้นผมนัดวันมะรืนเลยนะครับ เอาเป็นที่ห้องอาหารโรงแรม J ของผมก็แล้วกันนะครับ ผมจะได้ให้คนเปิดห้องอาหารส่วนตัวเอาไว้ก่อน][ตกลงจ๊ะ กี่โมงดีล่ะ ป้าจะได้เตรียมตัวเผื่อรถติดด้วย][สักหกโมงเย็นก็แล้วกันครับ เดี๋ยววันมะรืนผมกับป้าเจิ้งจะรอที่ฟร้อนหน้าโรงแรม][โอเคจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวไปดูหนิงเซียวก่อนนะ เพราะกำลังจะออกไปทำงานกันแล้วน่ะจ๊ะ][ครับคุณป้า ไว้พบกันวันมะรืนนะครับ สวัสดีครับ]หลังวางสายแล้ว จ้านเกาก็โทรหาเจิ้งเหลียงฮวาเรื่องนัดทานข้าวทันที ซึ่งเธอเองก็รับปากหลานชายว่าจะไปตามเวลานัดพร้อมสามีแน่นอน ช่วงนี้เธอยังไม่ได้คุยกับเพื่อนรักอย่างซูหนิงจิงเรื่องโครงการใหม่เลย ถ้ามีโอกาสเธอก็อยากให้สามีได้งานนี้มากกว่า ถึงแม้สามีจะบอกไม่ให้เธอขอร้องเพื่อนก็เถอะ เธอแค่อยากช่วยงานเขาบ้างเท่านั้นเอง
ผู้กำกับกับทีมงานหลายคนปรบมือให้กับการแสดงของซูหนิงเซียว เธอที่ได้ยินเสียงคัทก็ปาดน้ำตาออกแล้วลุกขึ้นยืนคำนับให้กับคนที่ปรบมือให้เธอ หลังหมดฉากนี้ไปจะเป็นซีนอารมณ์ของเธอคนเดียวยาวไปจนจบเพลง“คุณซูแสดงได้ดีมากครับ รบกวนคุณไปปรับอารมณ์อีกครั้งก่อนที่ผมจะเซ็ตฉากใหม่นะครับ เพราะหลังจากนี้จะเป็นซีนอารมณ์ในห้องพักของคุณแล้ว”“ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณที่ชมนะคะผู้กำกับ”ซูหนิงเซียวไปยืนทบทวนบทบาทอีกครั้งอย่างสงบ ด้านซูหนิงจิงกับกู่ซิงก็ไม่ไปรบกวนซูหนิงเซียวที่กำลังทำสมาธิอยู่ พวกเธอสองคนไม่คิดว่าซูหนิงเซียวจะสามารถแสดงได้ดีถึงขนาดนี้ในครั้งแรกที่ถ่ายมิวสิควิดีโอ นับว่าการที่ซูหนิงเซียวไปเรียนที่เปี่ยวเซียนนั้นไม่เสียหลายจริง ๆด้านจ้านเกาที่ได้รับโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ก็คิดอยู่นาน กระทั่งเขาสั่งเค่อหานให้ตรวจสอบนักแสดงชื่อหวงเต๋อที่กล้ามายุ่งกับผู้หญิงที่เขาดูแลอยู่ และให้เค่อหานทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้ชายคนนี้หลุดออกจากวงการไปเสีย
ซูหนิงเซียวเห็นทุกคนต่างมองมาที่เธอก็ได้แต่ทำจิตใจให้สงบ เธอเดินเข้าไปสอบถามทีมงานว่าจะเริ่มต้นแสดงจากตรงไหนก่อน เพราะบทที่ให้เธอมาเริ่มแสดงตามบทเพลงตั้งแต่ท่อนแรก แต่เธอไม่แน่ใจว่าจะมีการสลับฉากก่อนหรือไม่จึงได้สอบถามออกมา นี่เป็นเรื่องที่รุ่นพี่ในชมรมการแสดงเคยเล่าให้เธอฟังว่าบางเรื่องก็ถ่ายทำไปตามใจผู้กำกับ บางเรื่องก็ถ่ายตามบท เราเป็นนักแสดง จึงต้องสอบถามให้ดีเพื่อจะได้เข้าถึงบทบาทได้ถูกต้อง“ผมจะเริ่มถ่ายฉากที่คุณกับพระเอกพบกันและรักกันก่อนครับ ตามเนื้อหาเพลงไปเลยนะครับ ส่วนคุณก็ร้องคลอไปด้วยนะครับ เราจะสลับถ่ายสองกล้องพร้อมกันแล้วค่อยตัดต่อกันทีหลัง ถ้ามีตรงไหนที่ต้องแก้ไข ผมจะสั่งคัทเอง”นักร้อง พระเอกและซูหนิงเซียวต่างรับคำของผู้กำกับอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้านพระเอกมิวสิคที่เห็นว่าซูหนิงเซียวสวยมากจริง ๆ ก็คิดที่จะเอาเปรียบเธอสักเล็กน้อยเวลาเล่นมิวสิค เขาส่งยิ้มให้ซูหนิงเซียวแล้วแนะนำตัวอย่างคิดว่าตัวเองหล่อมาก“สวัสดีครับน้อง พี่ชื่อหวงเต๋อนะครับ ยินดีที่ไ
โอวหยางหลงยิ่งถ่ายภาพของซูหนิงเซียวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชื่นชมความสามารถของเด็กคนนี้ไม่น้อย ทั้งที่เธอยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงในวงการนางแบบสักเท่าไหร่ แต่กลับสามารถทำงานได้ไม่ต่างจากมืออาชีพเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเคยได้ยินเพื่อนคนหนึ่งชื่นชมเธอมาก่อน ครั้งนี้พอรู้ว่าจะได้มาถ่ายเธอ เขาจึงยอมรับงานนี้เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมมาถ่ายให้หย่งกวงที่ขอร้องให้เขาช่วยถ่ายรั่วซีซีให้อีกคนหรืออย่างไร และเด็กคนนี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ไม่ว่าเธอจะสวมชุดไหน เธอสามารถโพสท่าให้ชุดโดดเด่นขึ้นมาได้ไม่ยาก อีกอย่างความสวยของเธอก็นับว่าไม่ธรรมดา สมกับที่เพื่อนเขาชมเธอให้เขาฟังไม่น้อย เด็กแบบนี้พวกเขาชอบที่จะสนับสนุนมากกว่านางแบบเรื่องมากอย่างรั่วซีซีช่วงบ่ายสองโมง การถ่ายแบบทั้งหมดก็เสร็จสิ้น ชุดที่รั่วซีซีจะต้องถ่ายก็เป็นซูหนิงเซียวรับผิดชอบถ่ายให้ทั้งหมด ถึงแม้แบบจะดูเซ็กซี่ไปหน่อย แต่เธอก็ทำออกมาได้ดี ซึ่งตอนแรกซูหนิงจิงไม่ค่อยพอใจนักที่จี้จุนจะให้ลูกเธอแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้ หากลูกสาวเธอไม่ข้อร้องให้ช่วยจี้จุนล่ะก็ เธอไม่มีวันให้ลูกแต่งตัว
จี้จุนได้แต่ปวดหัวกับความเรื่องมากของรั่วซีซี นี่ถ้าไม่ใช่เจ้าของนิตยสารอยากได้รั่วซีซีมาขึ้นปกด้วยล่ะก็ เธอมีหรือที่จะเรียกรั่วซีซีมาถ่ายแบบ ในวงการนี้ต่างรู้กันดีว่าเธอเป็นเมียน้อยของเจ้าของนิตยสารเล่มนี้ ทุกครั้งที่รั่วซีซีอยากขึ้นปกเธอก็จะไปอ้อนคู่นอนของเธอให้หางานให้แบบนี้จี้จุนเข้าไปคุยกับรั่วซีซีเกือบ 10 นาที จึงออกมาตามช่างแต่งหน้าให้เข้าไปทำงานของเธอได้เลย โดยไม่ต้องสนใจเสียงบ่นของรั่วซีซี ช่างแต่งหน้าได้แต่ต้องเข้าไปในห้องเพื่อแต่งหน้าให้กับนางแบบเรื่องมากที่ไม่ได้สวยเท่านางแบบอีกคนสักนิด แต่กลับมีนิสัยไม่ดีแบบนี้ คราวหน้าเธอคงต้องถามชื่อก่อนว่าต้องไปแต่งหน้าให้ใคร ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเสียอารมณ์แบบนี้อีกแน่ซูหนิงจิงที่ได้ยินได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ เธอไม่คิดว่าการให้ลูกถ่ายแบบคู่เป็นครั้งแรก จะต้องเจอกับนางแบบนิสัยเสียเช่นนี้ ซูหนิงจิงได้แต่ต้องถอนหายใจว่าเป็นเธอที่อยากให้ลูกมีประสบการณ์ถ่ายแบบกับคนอื่นบ้างจึงรับงาน ในอนาคตลูกสาวเธออาจจะต้องเจอคนที่เรื่องมากกว่านี้ก็เป็นได
ช่วงสัปดาห์ต่อมา ซูหนิงเซียวเห็นแม่ยุ่งกับงานทุกวัน เธอเลยขอป้ากู่ไม่รับงานจนกว่าจะปิดเทอม เพื่อจะได้คอยดูแลทำอาหารให้แม่บ้าง ซูหนิงจิงพอรู้แบบนี้ก็ไม่อยากขัดใจลูก ในเมื่อลูกอยากดูแลเธอ เธอก็จะปล่อยให้ลูกดูแลไป ดีเสียอีกที่เธอไม่ต้องคอยตะลอนขับรถให้ลูกสาวไปถ่ายแบบทุกวันหยุดจ้านเกาหลังจากกลับบ้านแล้ว เขาเล่าให้ตากับยายฟังว่าซูหนิงเซียวเข้าใจเขาผิดอย่างไร ทำเอาสองเฒ่าชราต่างนึกเอ็นดูเด็กคนนี้ทั้งที่ยังไม่ได้เจอตัวจริง เพียงแค่เห็นในหน้านิตยสารเท่านั้นสองเดือนต่อมาซูหนิงเซียวที่สอบปลายภาคเสร็จก็ไม่ได้กังวลกับผลการสอบในครั้งนี้ เธอมั่นใจว่าตัวเองน่าจะได้คะแนนดีไม่น้อย ส่วนปิดเทอมหนึ่งเดือนครั้งนี้ เธอจะทำงานของตัวเองที่บอกป้ากู่ช่วยรับงานหลังทราบวันปิดเทอมแล้วช่วงสองเดือนที่ผ่านมา แพทริกนัดปรึกษาเรื่องออกแบบกับซูหนิงจิงบ่อย ๆ จนตอนนี้การออกแบบคอนโดแห่งที่สองใกล้เสร็จแล้ว เหลือเพียงคอนโดแห่งที่สามเท่านั้นที่ยังไม่เริ่มต้นการออกแบบ แต่แพท
จ้านเกาที่เอาแต่มองซูหนิงเซียวก็ไม่เข้าใจว่าเธอไม่ชอบอะไรเขาหรือเปล่าทำไมเธอถึงได้ทำหน้าไม่พอใจแบบนี้ทุกครั้งที่เขามองดูเธอ ซูหนิงจิงที่เห็นจ้านเกาน่าจะเข้าใจลูกสาวเธอผิดก็ได้แต่แอบขอโทษเขาในใจ เรื่องนี้เอาไว้มีเวลาเธอค่อยบอกเขาก็แล้วกัน เธอต้องจัดการลูกสาวตัวดีของเธอก่อนที่หวงแม่ไม่เข้าท่าหลังทานอาหารกันเสร็จแล้ว คนอื่น ๆ ก็กลับไปนั่งคุยกันต่อเรื่องทั่วไปก่อนจะเริ่มคุยเรื่องงานกันทีหลัง เพราะพวกเขาอยากรอซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่ช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดในครัวอยู่ จ้านเกาที่กลัวว่าสาวจะไม่ชอบรีบถามซูหนิงจิงอย่างอดรนทนไม่ไหวทันทีที่นั่งลง“คุณป้าซูครับ น้องทำไมทำหน้าเหมือนไม่ค่อยชอบหน้าผมล่ะครับ นี่ผมทำอะไรให้น้องโกรธหรือเปล่าครับ”เขาใช้ภาษาถิ่นเพื่อไม่ให้ถูกเพื่อนล้อแทนการใช้ภาษาอังกฤษที่คุยกันก่อนหน้านี้ทันที“เฮ้อ หนิงเซียวเข้าใจผิดว่าคุณจ้านสนใจดิฉันน่ะค่ะ เธอหวงแม่มากเลยทำหน้าแบบนี้ คุณจ้านก็ไม่ต้องสนใจเธอมากหรอกนะคะ หนิงเซี
ซูหนิงจิงที่เห็นสายตาของจ้านเกาเอาแต่มองลูกสาวเธอตาหวานเยิ้มก็ได้แต่กระแอมไอเตือนเขาสักหน่อย ลูกสาวเธอตอนนี้ยังเข้าใจผิดอยู่ว่าเขาชอบเธอ ยิ่งเขาแสดงออกแบบนี้ หน้าลูกสาวเธอยิ่งงอเข้า ๆ จนเธอกลัวว่าลูกจะอาละวาดเอาเพราะความหวงแม่จ้านเกาได้แต่รีบจิบกาแฟแล้ววางถ้วยลงอย่างเสียดาย เขาไม่คิดว่าป้าซูจะรู้ทันจนกระแอมเตือนสติเขา จากนั้นจ้านเกาก็กลับเข้ามาสู่โหมดเป็นงานเป็นการอีกครั้ง แต่เขาก็แอบมองเธอด้วยหางตาอยู่ตลอด เขาเห็นว่าเธอทำหน้าไม่ค่อยพอใจนักก็นึกว่าเธอไม่ชอบที่เขามองเธอบ่อย ๆซูหนิงจิงได้แต่ต้องกลอกตามองบนอย่างไม่รู้จะบอกลูกว่าอย่างไร เธอจึงหันไปคุยกับแพทริกเรื่องภาพรวมโครงการที่เธอต้องการแทน ซูหนิงเซียวกดอัดเสียงตอนที่แม่กำลังคุยงานเอาไว้ด้วยเผื่อว่าแม่จะหลงลืมอะไรไปพอแพทริกนั่งฟังไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งอยากออกแบบงานให้กับคุณผู้หญิงตรงหน้า เขาไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดดีเช่นนี้ เขายังไม่เคยเห็นใครสร้างคอนโดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายภายในโดยที่คนในคอนโดแทบไม่ต้องออกไปไหนแบบนี้มาก่อน ตอ
ซูหนิงเซียวพอรู้ว่าแม่อยากทำสเต็ก เธอก็เลือกซอสสำหรับทำน้ำราดหน้าและผักต่าง ๆ เอาไว้วางประดับไว้บนจานสเต็ก ไหนจะส้อมกับมีดที่ต้องเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าอีก ซูหนิงจิงเห็นลูกเลือกของบ้างแล้ว ตัวเองจึงเดินแยกไปกับกู่ซิงเพื่อซื้อเนื้อมาหลายชิ้นเผื่อเอาไว้ รวมทั้งเตาย่างสเต็กอันใหม่ด้วย เพราะที่คอนโดมีเพียงเตาไฟฟ้าสองหัวอยู่เท่านั้น เธออยากให้เนื้อสเต็กออกมาสวย จึงต้องซื้อเตาย่างไฟฟ้าอันใหม่มาแทน อีกทั้งเตานี้ยังสามารถย่างได้ทีละหลายชิ้น ทำให้ลดเวลาการย่างได้มากอีกด้วยไม่นานนักทั้งสามคนก็มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อดูว่าขาดเหลืออะไรอีก ซูหนิงจิงเห็นบ้านยังไม่มีชุดจานชามดี ๆ จึงชวนกู่ซิงกับซูหนิงเซียวไปเลือกไว้ใช้บ้างเผื่อมีแขกมาบ้านอีก ไหนจะแก้วน้ำและชุดน้ำชาที่เธอยังไม่มีแบบสวย ๆ ติดบ้านไว้ด้วย ซูหนิงเซียวช่วยแม่กับป้ากู่เลือกหนึ่งชุด ส่วนกู่ซิงกับซูหนิงจิงก็เลือกกันคนละชุด โดยไม่คิดว่าของพวกนี้จะมากเกินไป อย่างไรการสลับใช้บ้างก็ทำให้รู้สึกไม่จำเจ“แม่คะ หนูว่าเราทำซุปไก่แก้เลี่ยนกินกับสเต็กด้วยดีไหมคะ”