“นั่นสินะคะ หนิงเซียวต้องสวยที่สุดในงาน ว่าแต่เราต้องจ้างช่างแต่งหน้าหรือเปล่า”
“คงไม่ต้องขนาดนั้นมั้งคะป้ากู่ หนูอยากแต่งหน้าบาง ๆ มากกว่าค่ะ ถ้าจ้างช่างมาคงแต่งหน้ามากเกินไปจนหนูดูแก่แน่เลย”
“ฮ่า ฮ่า ลูกนี่ก็ช่างคิดจริง ๆ นะ ใครเขาจะแต่งหน้าให้ลูกแก่กันเล่า”
“ไม่รู้ล่ะค่ะ ก็เวลาหนูถ่ายแบบทีไร พวกเขาก็ชอบแต่งหน้าหนัก ๆ จนหนูดูแก่อ่ะ”
“ตกลง ๆ ถ้าอย่างนั้นป้าจะไม่จ้างช่างแต่งหน้าก็แล้วกัน วันงานเราก็แต่งหน้ากันเองแล้วค่อยดูว่าเหมาะกับชุดหรือเปล่านะ ถ้าไม่เหมาะค่อยแต่งหน้ากันใหม่”
ซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวยิ้มรับคำกู่ซิง ซูหนิงจิงขอชุดลูกสาวกับกู่ซิงมาเพื่อที่เธอจะได้จ่ายค่าชุดรวมกัน กู่ซิงเข้าใจดีว่าซูหนิงจิงไม่อยากให้เธอใช้เงิน เธอจึงยื่นชุดส่งให้พร้อมรอยยิ้มขอบคุณ
พนักงานเห็นซูหนิงจิงถือชุดหลายชุดเอาไว้ก็รีบเข้ามาจะช่วยถือ แต่ซูหนิงจิงให้พน
อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัดที่คนของจ้านเกาจะมาถึง ซูหนิงจิงออกจากห้องมาบอกรายละเอียดที่เธอเพิ่งคุยกับยายของจ้านเกาและเจิ้งเหลียงฮวาให้ทั้งสองฟัง“ถ้าแม่ว่ามาแบบนี้ แสดงว่าเราต้องไปถึงบ้านพี่จ้านกันก่อนเวลาเหมือนกันใช่ไหมคะ หนูจะได้เตรียมชุดไปเปลี่ยนใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อนวันงานค่ะ”“ใช่แล้วล่ะ แม่ว่าจะพาพวกเราออกไปก่อนเวลาอาหารเช้า แล้วไปทานข้าวกับคุณยายของจ้านเกากันก่อน ส่วนเรื่องเปลี่ยนชุด คุณยายเตรียมห้องเอาไว้ให้พวกเราแล้ว”“อืม พี่เองก็จะเตรียมชุดให้พร้อมเหมือนกันค่ะ เราคงต้องตื่นกันแต่เช้าสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร”ทั้งสามพูดคุยเรื่องเครื่องประดับที่จะใส่ในงาน โดยซูหนิงจิงจะเป็นคนนำชุดเครื่องประดับเพชรที่เข้าชุดกับชุดของทั้งคู่ไปด้วยเอง หลังจบเรื่องเครื่องประดับแล้ว เสียงกริ่งหน้าห้องกลับดังขึ้นก่อนเวลานัด 10 นาทีพอดี ซูหนิงจิงกับกู่ซิงจึงลุกเดินไปส่งซูหนิงเซียวกันที่หน้าประตูห้อง“หนู
“ฮึ คิดว่าเก่งแล้วผมจะกลัวหรือไง เรื่องนี้ผมจะฟ้องพ่อแน่ พวกเราไปกันเถอะ ในเมื่อเราเตือนเขาแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิดแล้วเขาไม่เชื่อก็ปล่อยให้เขาถูกดูดเงินไปเถอะ”“หยุด! พวกคุณคิดว่าจะกล่าวหาฉันลอย ๆ แล้วเดินจากไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ เลขาเค่อคะ รบกวนแจ้งตำรวจให้ดิฉันด้วยค่ะ ดิฉันจะแจ้งความในเรื่องที่คนพวกนี้เคยคุกคามฉันมาก่อน และเรื่องที่พวกเขาดูหมิ่นฉันวันนี้ด้วย”เค่อหานหันไปหาเจ้านายเพื่อขอคำตอบ จ้านเกาพยักหน้าให้เขาทำตามที่ซูหนิงเซียวบอก อีกทั้งยังให้บอดี้การ์ดล้อมกลุ่มของหลงเอ้อหลางเอาไว้ไม่ให้หนีไปก่อนที่ตำรวจจะมาด้วยผู้จัดการห้างที่เพิ่งมาถึงได้ยินเหตุการณ์ช่วงท้าย เขารีบให้พนักงานเคลียร์คนที่ทานอาหารเสร็จออกจากร้านทันที ก่อนที่จะเหลือแค่กลุ่มของหลงเอ้อหลางกับกลุ่มของจ้านเกาเท่านั้น“มันจะมากเกินไปแล้วนะนังตัวดี คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าแจ้งความพวกเราน่ะ”“ฉันซูหน
ทั้งสองคนต่างไล่ดูแหวนคู่ตั้งแต่ด้านล่างจนขึ้นมาถึงชั้นบน ตอนนี้พวกเขามีแหวนที่เล็งเอาไว้แล้วสองสามคู่ แต่พอไล่ดูแหวนชั้นบนได้ไม่นาน ซูหนิงเซียวเห็นมีแหวนทองคำขาวประดับเพชรเม็ดไม่ใหญ่นักสำหรับแหวนผู้ชายแต่น้ำเพชรที่เธอดูนั้นมีประกายวาวมากจนดูโดดเด่นกว่าแหวนวงอื่น แหวนผู้หญิงเป็นทองคำขาวเช่นเดียวกัน แต่รูปร่างของแหวนจะเล็กกว่าและมีเพชรแถวเรียงกัน 4 เม็ด ประกายวาวที่สะท้อนกับแสงไฟในตู้ทำให้ซูหนิงเซียวชอบมากจริง ๆส่วนจ้านเกาที่ดูแหวนแถวบนเช่นกัน เขาชอบแหวนทองคำขาวประดับเพชรสีชมพูน้ำงามเล็ก ๆ กลางตัวเรือน แหวนผู้หญิงเป็นรูปกลีบดอกไม้ที่มีเพชรสีชมพูประดับอยู่ทั้งหมด 5 เม็ดกลายเป็นดอกไม้เล็ก ๆ เขารู้ว่าซูหนิงเซียวชอบเพชรสีชมพู แต่เธอคงคิดว่าราคาน่าจะแพง เขาจึงไม่เห็นเธอสนใจแหวนคู่นี้มากนัก“น้องหนิงเซียวเลือกได้หรือยังครับว่าจะเอาคู่ไหนขึ้นมาลอง”“พี่จ้านคิดว่าคู่นี้เป็นยังไงบ้างคะ” เธอชี้ไปที่แหวนคู่ที่เธอมองเอาไว้“ที่น้องเลือ
ซูหนิงจิงกับกู่ซิงใช้เวลาไม่นานในการเดินหาร้านที่ซูหนิงเซียวอยู่ จ้านเกาที่ยืนยิ้มรอซูหนิงเซียวจ่ายค่าเข็มกลัดเนคไทที่เธอเลือกให้เขาหันกลับไปมองประตูร้าน เพราะเค่อหานมากระซิบบอกเขาว่าซูหนิงจิงกับกู่ซิงมาถึงแล้ว“น้องหนิงเซียวรอที่นี่ก่อนนะครับ พี่จะไปทักทายป้าซูกับป้ากู่สักครู่”“ได้ค่ะ หนูจ่ายเงินเสร็จจะตามไปนะคะ พี่พาแม่กับป้ากู่นั่งรอที่หน้าร้านได้เลยค่ะ”“ครับผม”จ้านเกาเดินออกห่างจากซูหนิงเซียวไปหาซูหนิงจิงกับกู่ซิง เขาทักทายทั้งคู่ก่อนที่จะเชิญทั้งสองคนไปนั่งรอตามที่ซูหนิงเซียวบอก“ป้าซูกับป้ากู่มาถึงเร็วจังเลยครับ น้องหนิงเซียวเพิ่งเลือกของให้ผมได้ไม่นานนี้เอง”“เฮ้อ ป้าเป็นห่วงหนิงเซียวน่ะ กลัวว่าน้องจะคิดมากถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลยรีบมากัน”“อ้อ ที่จริงป้าซูไม่ต้องห่วงน้องมากขนาดนี้ก็ได้ครับ น้องอย
ซูหนิงจิงพอพาทุกคนไปถึงร้านนาฬิกาแบรนด์ดังแล้ว เธอสอบถามพนักงานโดยตรงว่ามีนาฬิกาแบบลิมิเต็ดบ้างหรือไม่ทันที เธอไม่สนใจว่าราคาจะแพงแค่ไหน เธอแค่ต้องการสะสมนาฬิกาเท่านั้น กู่ซิงที่เพิ่งหันมาสนใจเรื่องนาฬิกาเพราะเธอยังคงตามติดซูหนิงจิงว่าวันนี้เธอจะซื้อนาฬิกาแบบไหนและราคาเท่าไหร่ ถ้าหากกู่ซิงมีเงินอีกมากสักหน่อยก็คงจะซื้อไปสะสมเหมือนซูหนิงจิงเช่นกันส่วนจ้านเกานั้น เขาพาซูหนิงเซียวไปเดินดูนาฬิกาน่ารัก ๆ เหมาะกับวัยของเธอที่อีกด้านหนึ่งแทน เขาอยากซื้อนาฬิกาให้ว่าที่คู่หมั้นสักเรือนเช่นกัน หลังจากที่เขาได้นาฬิกาจากเธอและแม่มาก่อนหน้านี้“พี่จ้านแน่ใจเหรอคะว่าจะซื้อให้หนูน่ะ นี่นาฬิกาของหนูก็มีแล้วนะ แพงมากด้วย”“พี่แน่ใจครับ น้องหนิงเซียวลองเลือกมาไว้ใส่สลับกับเรือนที่ป้าซูซื้อให้สักเรือนนะ พี่อยากให้น้องหนิงเซียวใส่นาฬิกาของพี่จะได้คิดถึงพี่บ้างเวลาดูนาฬิกา”ซูหนิงเซียวไม่คิดว่าจ้านเกาจะพูดจาหวาน ๆ เป็นกับเขาด้วย เธอถึงกับหน้าแดงก่ำข
กว่าที่คนในห้องส่วนตัวจะทานอาหารเสร็จก็เลยเวลาหนึ่งทุ่มไปครึ่งชั่วโมงแล้ว จ้านเกาเห็นว่าค่ำมากแล้ว เขาจึงเดินออกไปส่งซูหนิงจิง กู่ซิงและซูหนิงเซียวที่ประตูห้างด้านข้าง ก่อนที่บอดี้การ์ดของซูหนิงจิงที่ตามมาวันนี้จะเข้าไปรับช่วงต่อหลังจากพวกเขาร่ำลากันเพียงเล็กน้อยหลังจากแยกกันแล้ว ซูหนิงจิงพาซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปขึ้นรถที่จอดอยู่ชั้น 4 ส่วนจ้านเกาก็กลับไปพร้อมบอดี้การ์ด เค่อหานเองก็แยกกับจ้านเกาแล้วกลับบ้านเขา เพราะพรุ่งนี้เขายังมีงานต้องทำอีกมากที่บริษัทซูหนิงจิงกลับถึงบ้านเกือบสามทุ่ม เธอรีบบอกให้ลูกและกู่ซิงแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้พวกเธอจะอยู่บ้านเพื่อติดตามออแกไนซ์ว่าเตรียมงานไปถึงไหน รวมทั้งสอบถามเรื่องแขกกับเจิ้งเหลียงฮวาอีกครั้ง ส่วนเรื่องคดีนั้น ซูหนิงจิงปล่อยให้ทนายฮวงไหลจัดการเหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอเคยใช้บริการเขามาตลอดหลายปีขณะยังบริหารงานบริษัทเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เธอเชื่อมั่นในฝีมือของเขามาตลอดว่าคดีนี้เธอจะชนะอีกครั้งและได้นำเงินจากพวกเด็กรวยไปบริจาคให้เด็กยากไร้ด้วย
ระหว่างทางที่ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเดินกลับเข้าไปห้องรับแขกเพื่อรอเวลาทำพิธี พวกเธอกลับพบคุณนายหานกับคุณนายโจวที่มาพร้อมเด็ก ๆ จึงแวะทักทายกัน“ไม่คิดว่าจะได้พบคุณซูกับคุณกู่ที่งานนี้นะคะ”“ในการ์ดเชิญไม่ได้บอกเหรอคะว่าจ้านเกาหมั้นกับใคร พอดีดิฉันกับพี่กู่ยุ่งอยู่กับการดูแลออแกไนซ์เลยไม่ได้ถามเหลียงฮวาน่ะค่ะ”“ไม่ได้บอกนะคะ ว่าแต่คุณซูรู้ไหมคะว่าคุณจ้านจะหมั้นกับผู้หญิงที่ไหน ทำไมพวกเราไม่เคยได้ข่าวว่าเขาคบหากับผู้หญิงคนไหนมาก่อนคะ”“คุณป้าคะ หนิงเซียวมาด้วยหรือเปล่าคะ”“มาสิจ๊ะ หนิงเซียวนั่งอยู่กับคุณตา คุณยายของจ้านเกาน่ะ”“อืม ถ้าอย่างนั้นหนูรอให้จบพิธีก่อนค่อยชวนหนิงเซียวมานั่งด้วยกันดีกว่าค่ะ”“อ่า ป้าลืมบอกไปว่าหนิงเซียวเป็นคนที่กำลังจะหมั้นกับจ้านเกาน่ะจ๊ะ คงไม่สะดวกที่จะนั่งกับพวกหนูนักนะจ๊
เมื่อทุกคนเห็นว่าเด็กทั้งสองกลับมาแล้ว พวกเขาจึงเริ่มทานข้าวร่วมกันอย่างอบอุ่น ระหว่างมื้ออาหารทุกคนคุยกันอย่างออกรสเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริง หลังจากร่วมทานอาหารกันเสร็จแล้ว ทีมออแกไนซ์เดินแจกของชำร่วยที่เป็นแก้วน้ำสกรีนรูปจ้านเกาและซูหนิงเซียว ซึ่งอยู่ในแพ็คเกจของอ้ายหลิว แต่ละตระกูลที่ได้รับแก้วคู่ต่างยิ้มให้กับของชำร่วยน่ารัก ๆ ทั้งที่นี่เป็นแค่งานหมั้นเท่านั้น แต่ในเมื่อเจ้าภาพจัดให้ พวกเขาก็รับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มจ้านเกาพาซูหนิงเซียวที่ทานอิ่มแล้วเดินไปหาเพื่อนทั้งสองของเธอที่โต๊ะ เขาแยกออกมาคุยกับนายใหญ่ของแต่ละตระกูลเรื่องธุรกิจของเขา เพื่อให้ซูหนิงเซียวได้คุยกับเพื่อนสนิทของเธอ ส่วนซูหนิงจิงก็ตามจ้านเกากับลูกสาวมาเช่นเดียวกัน เธอรู้ดีว่าพวกคนตระกูลใหญ่อยากรู้เรื่องโครงการของเธอที่กำลังสร้างไม่น้อย กู่ซิงที่ว่างอยู่จึงนั่งคุยกับคุณตา คุณยายของจ้านเกาเป็นเพื่อนพวกเขาแทน เจิ้งเหลียงฮวากับสามีเดินตามซูหนิงจิงออกไปด้วยเช่นกัน พวกเขาเคยชินกับการเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่แล้ว ทั้งสองคนทักทายแขกคนอื่น ๆ อย่างสนิทสนมและแยกเป็นก
“ฮึ หลิวอ้ายโหรว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับจ้าวไห่ถังสมสู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าตอนนั้นเขาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใครมาก่อนมาหลังให้กฎหมายตัดสินก็น่าจะรู้แล้วไหม ส่วนเรื่องลูกสาวของฉันจะคบกับใครก็ไม่เกี่ยวกับพวกเธอสองแม่ลูก และลูกสาวฉันก็หมั้นกับเขาแล้ว แค่นั่งข้างกันมันจะเป็นอะไรกันเชียว ลูกสาวเธอเสียอีกที่หมั้นตั้งแต่อายุแค่ 15 เธอยังมีหน้ามาว่าฉันขายลูกสาวเหมือนเธออีกเหรอ”“กรี๊ด นังหนิงจิง แกกล้าว่าฉันขายลูกสาวเหรอ ฉันจะบอกแกให้นะว่าตระกูลหลงต่างหากที่ขอหมั้นลูกสาวฉันเอาไว้ก่อนน่ะ ไม่เหมือนพวกแกแม่ลูกหรอกที่เที่ยวเร่เอาตัวไปขายให้ตระกูลจ้าน”“จ้านเกา บอกพวกเธอให้ป้าหน่อยว่าความจริงคืออะไร ก่อนจะไล่พวกเธอออกไป”“ครับป้าซู พวกคุณฟังให้ดีนะครับ ผมจ้านเกา เป็นคนขอหมั้นน้องหนิงเซียวก่อนเอง ส่วนพวกคุณ ผมได้ข่าวว่าจ้าวไห่ถังกำลังจะหมดตัวนี่ครับ พวกคุณยังมีเวลามาอวดดีกับป้าซูและน้องหนิงเซียวได้ยังไงกัน แทนที่
ก่อนเวลาอาหารเที่ยงหนึ่งชั่วโมง จ้านเกาก็ชวนทุกคนออกจากร้านน้ำชาเพื่อไปยังห้างใกล้ ๆ ก่อนที่คนจะเยอะในช่วงเที่ยง เขาจ่ายค่าบริการทั้งหมดสองห้องก่อนจะเดินตามหลังทุกคนไปขึ้นรถตู้ที่คนขับมาจอดรอที่หน้าร้าน คนขับออกจากร้านชาแล้วกลับรถไปบนถนนเพื่อเดินทางไปห้างซึ่งอยู่ไม่ไกล พวกเขาไปถึงหน้าห้างโดยใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น บอดี้การ์ดเดินลงจากรถไปรอเหล่าเจ้านายลงมาอย่างพร้อมเพรียงกันทั้ง 7 คน ส่วนอีก 3 คนที่ยังคงขับรถอยู่รอให้เจ้านายลงจากรถก่อนจึงจะขับไปจอดรถในที่จอดรถพร้อมกันทีหลังจ้านเกาตกลงกันเรื่องร้านอาหารบนรถแล้วสั่งให้บอดี้การ์ดนำทางไปที่ร้านเนื้อย่างเจ้าดังในห้าง เขารู้ดีว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้มักมาเดินเล่นที่นี่บ่อย ๆ เวลาที่ตากับยายของเขาไม่ได้ออกไปไหน กลุ่มของจ้านเกามีบอดี้การ์ดล้อมรอบเพื่อไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ ตากับยายของจ้านเกาเดินมองร้านรวงต่าง ๆ ที่ไม่ได้มานานหลายปี“ร้านค้าเดี๋ยวนี้ดูหรูหราขึ้นเยอะนะตา”“นั่นสิ เราคงไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตากันนานไปหน่
ก่อนเวลาอาหารเช้านิดหน่อย ซูหนิงเซียวที่ตื่นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานแล้วแต่แอบมองจ้านเกาวิ่งออกกำลังกายรอบสวนหลังบ้านอย่างให้กำลังใจอยู่นานจนเกือบจะถึงเวลาอาหารเช้า เธอไม่คิดว่าตื่นมาแล้วจะได้พบพี่จ้านใส่เสื้อกล้ามพอดีตัววิ่งออกกำลังกายอยู่ เธอจึงรีบวิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งดูต่อตาเป็นมัน ซูหนิงเซียวไม่คิดว่าพี่จ้านของเธอจะซ่อนรูปไม่น้อย เขาดูแลรูปร่างดีกว่าคนทั่วไปเสียอีก เธอเห็นแค่มัดกล้ามเขาที่แนบเข้ากับเสื้อกล้ามซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ได้แต่ใจเต้นตึกตักอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นผู้ชายรูปร่างดีขนาดนี้แถมคนตัวใหญ่ที่กำลังวิ่งอยู่ยังเป็นคู่หมั้นของเธออีกด้วย เธอได้แต่ฝันหวานว่าถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วเธอจะรู้สึกยังไง ยิ่งคิดซูหนิงเซียวก็ยิ่งเขินจนเธอไม่รู้ว่าจ้านเกาเข้าบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ซูหนิงเซียวจึงรีบลุกจากระเบียงหลังห้องออกไปข้างนอกทันที เธอคิดว่าป่านนี้แม่กับป้ากู่คงรอทานข้าวที่ห้องรับแขกแต่เช้าแล้วจ้านเกาที่ออกกำลังกายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ไม่รู้เลยว่ามีสาวน้อยแอบมองเขาอยู่ที่ระเบียง จ
จ้านเกาที่ได้รับรูปภาพของซูหนิงเซียวรีบเปลี่ยนหน้าจอมือถือเป็นรูปนั้นในทันที ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจจะใส่ภาพหน้าจอเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ครั้งนี้นั้นเขาอยากได้ภาพนี้เอาไว้มองเวลาทำงานจริง ๆ“ขอบใจน้องหนิงเซียวนะครับ พี่จะดูรูปนี้บ่อยๆ เวลามีงานเครียด ๆ จะได้ผ่อนคลายเหมือนได้เจอหน้าน้องหนิงเซียวนะครับ”ซูหนิงเซียวที่ไม่รู้จะตอบกลับยังไงได้แต่เขินจนหน้าแดงไปถึงใบหู เธอพยักหน้าเบา ๆ ตอบกลับจ้านเกาเท่านั้น จ้านหย่งเหอที่หมั่นไส้หลานชายทนไม่ไหว“อะแฮ่ม ระวังคำพูดบ้างเจ้าหลานชาย แม่เขานั่งอยู่ทนโท่ แต่กลับพูดจาเกี้ยวพาเขาต่อหน้าแบบนี้ได้ยังไงกัน แกไม่อายแต่น้องอายเห็นไหมนั่น”“โธ่ ตาครับ นานๆ ทีผมจะได้เห็นความสามารถของน้อง ให้ผมคุยกับน้องดีๆ บ้างไม่ได้เหรอครับ คุณป้าซูอย่าถือสาผมเลยนะครับ ผมชอบภาพของน้องจริง ๆ”“ป้าไม่ถือสาหรอกจ๊ะ แต่อย่าชมน้องมากเกินไปจนเหลิงเอาล่ะ เดี๋ยวหนิงเซี
หลังอาหารเที่ยง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงชวนพวกซูหนิงจิงไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน แน่นอนว่าพวกเธอไม่ปฏิเสธ ซูหนิงเซียวยังขอเวลาไปเอาโน้ตบุ๊คมาวาดรูประหว่างดื่มชา เธออยากหัดวาดภาพอยู่พอดีจึงเตรียมอุปกรณ์วาดรูปที่ต่อกับโน้ตบุ๊คมาด้วยครบชุดพ่อบ้านมาตามทุกคนที่ห้องรับแขกหลังจัดโต๊ะน้ำชาเอาไว้แยกเป็นสองโต๊ะคือโต๊ะของจ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง ซูหนิงจิงกับกู่ซิง อีกโต๊ะเป็นจ้านเกาและซูหนิงเซียวที่มีโน้ตบุ๊คพร้อมอุปกรณ์วาดรูปนั่งอยู่ ซูหนิงจิงกับกู่ซิงเห็นว่าวันนี้พวกเธอมาถึงช้าจึงไม่ได้ชวนผู้อาวุโสทั้งสองออกไปนั่งดื่มชานอกบ้าน แต่พวกเธอจะชวนท่านไปพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าแทนจ้านเซียงชิงชวนซูหนิงจิงกับกู่ซิงดูสวนดอกไม้หลากสีสรรที่เธอให้คนสวนดูแลเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี“สวยจังเลยนะคะคุณป้า วันงานหมั้นหนูกับพี่กู่มัวแต่คุยกับแขกเลยไม่มีเวลาดูสวนดอกไม้กันเลยค่ะ”“นั่นสิคะ เรามาที่นี่ก็หลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้สังเกตเลย ดีนะคะที่วันนี้คุณป้าชวนพวกเรามาน
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงจิง กู่ซิงกับซูหนิงเซียวก็พูดถึงเรื่องที่ต้องไปค้างที่บ้านจ้านเกากันสัปดาห์ละครั้งเว้นสัปดาห์“แม่แน่ใจเหรอคะว่าจะไปค้างบ้านพี่จ้านกันวันหยุด”“ทำไมเหรอ ลูกไม่อยากไปหรือยังไง”“เปล่าค่ะ หนูแค่แปลกใจที่แม่กับป้ากู่ไม่ปฏิเสธคุณตา คุณยาย”“แม่แค่เห็นว่าท่านเอ็นดูพวกเราจริง ๆ และคงเหงาที่ไม่มีลูกหลานอยู่ด้วยน่ะจ๊ะ”“ป้าก็คิดเหมือนแม่หนูนะหนิงเซียว พวกท่านอายุมากแล้ว เราก็ถือซะว่าไปพักผ่อนดีไหมจ๊ะ”“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะเอาโน้ตบุ๊คไปด้วย เผื่อจะได้หัดวาดรูปค่ะ”วันนี้ซูหนิงจิงไม่เอาโน้ตบุ๊คออกมาทำงานเหมือนทุกวัน พอเธอได้คุยกับตายายของจ้านเกาเมื่อวานนี้ เธอจึงหาเวลาพักสมองบ้าง ซูหนิงจิงเลือกพักผ่อนในวันอาทิตย์เช่นนี้ เธอแค่นั่งมองดูลูกสาวหัดวาดรูปในโน้ตบุ๊คพร้อมรอยยิ้ม ส่วนก
“ส่วนใหญ่น้องใหม่จะมากับผู้ปกครองเป็นส่วนใหญ่นะ มีไม่กี่คนหรอกที่มาลงทะเบียนคนเดียว พวกเธอลองดูนั่นสิ เห็นไหมว่าน้องใหม่มากับผู้ปกครอง”“อ๋อ พวกเราเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราจะไปทำงานก่อนนะ วันนี้ไม่น่าจะมีรุ่นพี่มาลงทะเบียนกันแล้วมั้ง น่าจะมีแต่เด็กใหม่ทั้งหมด”“นั่นสิ ไปกัน ๆ ฉันตื่นเต้นจังเลย ว่าแต่เพื่อนที่จะรับช่วงต่อจากเรามากันหรือยังเนี่ย”“น่าจะมาแล้วนะ ดูสิ พวกเขายืนรอกันอยู่ที่ทางเดินไปห้องทะเบียนน่ะ”“ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ ยิ่งสายคนน่าจะยิ่งเยอะนะ ไม่รู้วันนี้จะมีรุ่นน้องกี่คนเข้ามาลงทะเบียน พวกเราต้องคอยมารับน้องกันทั้งสัปดาห์เลยนะเนี่ย”“เอาน่า เรามีหน้าที่อะไรก็ทำไปก่อนเถอะ เธอจะบ่นทำไมกันเสี่ยวเซียน”“พวกเธออย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ เดี๋ยวรุ่นน้องก็ตกใจหมดหรอก พวกพี่นั่งรอที่โต๊ะได้นะคะ พวกหนูมีงานที่ต้อ
ข่าวการหมั้นหมายของจ้านเกาถูกปิดบังจากสื่อเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ตระกูลหลงที่มีหลงเอ้อหลางบอกกล่าวว่าทำไมเขาถึงถูกจับกลับรู้ดีว่าตอนนี้จ้านเกามีคู่หมั้นเป็นลูกสาวของซูหนิงจิงผู้เก่งกาจแล้ว หลงฮ่าวโมโหที่ลูกชายไม่ยอมเชิญเขาไปร่วมงานหมั้นที่มีแต่ตระกูลเก่าแก่เข้าร่วมด้วย แถมลูกชายคนรองยังก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาให้เขาปวดหัวอีก ถึงเขาจะต่อว่าลูกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อจ้านเกาไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อตั้งแต่ที่เมียเก่าเขาตายไป ส่วนหลงเอ้อหลางก็มีเจียวจูเมียใหม่เขาคอยให้ท้ายอยู่ ทำให้หลงเอ้อหลางไม่ยอมเรียนหนังสือให้จบแล้วมาช่วยงานเขาสักที แต่กลับมั่วสุมอยู่กับกลุ่มเพื่อนเกเรทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้วเจียวจูเห็นสามีโกรธลูกชายตัวเองก็ยิ่งเข้าข้างลูกและโทษว่าเป็นความผิดของซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวที่ทำให้ลูกชายเธอต้องถูกจับในครั้งนี้“คุณก็ดีแต่โทษคนอื่นอาจู คุณไม่รู้นิสัยลูกชายคุณหรือยังไง”“เอ๊ะ เอ้อหลางก็ลูกคุณเหมือนกันนะ คุณจะมาพูดแบบนี้ได้ยังไง อีกอย่างที่ฉันพู
จ้านเกากับซูหนิงเซียวที่เพิ่งส่งแขกกลับหมดแล้ว จูงมือกันเดินไปนั่งร่วมกับพวกผู้ใหญ่ที่ห้องรับแขก“เหนื่อยไหมเด็ก ๆ”“ผมไม่เหนื่อยครับ คุณตา น้องหนิงเซียวเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยค่ะ เพราะวันนี้หนูใส่รองเท้าส้นสูงเดินมากไป นั่งพักสักหน่อยก็หายค่ะ”“ตอนนี้เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแล้วนะ แม่หนูซูถ้ามีอะไรให้จ้านเกาช่วยบอกเขาได้เลยนะ ยายกับตาพร้อมที่จะสนับสนุนแม่หนูซูกับหนิงเซียวจ๊ะ”“ขอบคุณทุกคนนะคะที่ต้อนรับเราสองแม่ลูก ตอนนี้หนูยังไม่มีอะไรให้จ้านเกาช่วยค่ะคุณยาย แต่หลังจากโครงการเสร็จสิ้น จ้านเกาน่าจะเหนื่อยหน่อยตอนเปิดขายห้องนะคะ ป้าฝากดูแลด้วยนะจ้านเกา”“อ้อ โครงการของแม่หนูซู ตากับยายพอรู้บ้าง จ้านเกาหลานอย่าลืมซื้อไว้สัก 20 ห้องแล้วค่อยปล่อยขายทีหลังด้วยล่ะ”“ครับคุณตา คุณยาย ป้าซูไม่ต้องกังว