มื้อเที่ยง ทั้งสามคนนำอาหารมื้อเช้ามาอุ่นกินกันเท่านั้น ก่อนที่ซูหนิงจิงจะนำสมุดโน้ตที่จดช่วงเช้าเดินกลับเข้าห้องตัวเองไปโดยไม่ได้พูดอะไร ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงจึงช่วยกันเก็บล้างสิ่งของในห้องครัวก่อนจะไปนั่งอ่านหนังสือกันที่ห้องรับแขกเหมือนเมื่อเช้านี้ ทั้งสองรู้ดีว่าถ้าซูหนิงจิงแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้แล้ว เธอจะอธิบายให้พวกเธอฟังอย่างแน่นอน
ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ซูหนิงจิงยังคงขลุกตัวอยู่ในห้องเป็นส่วนใหญ่ เธอจะออกมาจากห้องเฉพาะตอนทานข้าวเท่านั้น เรื่องอาหารก็เป็นซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่ช่วยกันทำ ทั้งสองคนไม่อยากให้ซูหนิงจิงต้องมาเสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเธอจึงช่วยกันดูแลเรื่องอาหารให้กับซูหนิงจิงแทน เพื่อที่ซูหนิงจิงจะได้ใช้เวลาในการหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในบริษัทให้เสร็จโดยเร็ว และวันจันทร์นี้พวกเธอจะไปที่ตลาดหุ้นด้วยกัน ซูหนิงจิงจึงไม่น่าจะมีเวลาจัดการปัญหาของบริษัทในวันนั้น
ซูหนิงจิงที่เห็นลูกกับกู่ซิงดูแลเรื่องอาหารให้เธอตลอดสองวันก็เข้าใจดีว่าพวกเธอคงต้องการให้เธอจัดการเรื่องปัญหาในบริษัทให้เส
ซูหนิงจิงนั่งดูเอกสารหุ้นทั้งสองตัวของลูกสาวแล้วสรุปได้ว่าน่าจะต้องรออีกสักปีสองปีตามที่ไป่เฉิงคาดการณ์เช่นกัน“ลูกต้องการซื้อเพิ่มแค่ตัวละ 200,000 หยวนใช่ไหม เดี๋ยวแม่จะเพิ่มทุนให้ลูกอีกตัวละ 1 ล้านหยวนนะ”“ขอบคุณมากค่ะแม่ แต่หนูอยากซื้อเท่าที่ตัวเองไหวนะคะ หนูไม่อยากใช้เงินแม่ค่ะ”“ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้ เงินเล็กน้อยถือว่าแม่ให้เป็นค่าขนมก็แล้วกัน”ซูหนิงเซียวได้แต่ต้องยิ้มรับเงินที่แม่กำลังจะโอนให้ เธอรู้ดีว่าแม่อยากให้เธอมีประสบการณ์ในการเล่นหุ้น ถึงแม้จะได้มากได้น้อยหรือไม่ได้เลย แม่ของเธอก็คงไม่คิดมากอะไรกับเงินพวกนี้กู่ซิงที่ดูเอกสารหุ้นของเธอที่ซื้อเอาไว้สองตัวก็คิดที่จะขายหุ้นเหมือนกัน เพราะตอนนี้เงินต้นที่เธอลงไปตัวละหนึ่งล้านหยวนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เธอพอใจกับจำนวนเงินนี้แล้ว หากถือต่อเธอก็ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอยู่ดี เธอจึงคิดที่จะตัดขายออกทั้งหมดแล้วนำเงินมาซื้อ
ทั้งสามคนเข้าไปในห้างและมองหาร้านอาหารในชั้น 4 แต่กลับไม่มีเลย พวกเธอจึงมองลงไปด้านล่างเพื่อสำรวจดูก่อน เพราะห้างนี้ไม่มีแผนที่เหมือนห้างใหญ่ที่พวกเธอเคยไป ซูหนิงเซียวที่เห็นว่าชั้น 1 มีร้านอาหารรีบชี้ให้แม่กับกู่ซิงดูทันที เมื่อเห็นแล้วว่ามีร้านที่ชั้น 1 ทั้งสามก็เดินลงบันไดเลื่อนไปยังจุดหมายทันทีร้านที่ชั้น 1 เต็มไปด้วยคนที่มาเดินห้างอย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่วันนี้เป็นวันทำงานแท้ ๆ แต่ดูเหมือนห้างนี้จะมีกิจกรรมบางอย่างจึงทำให้มีคนมารอดูเป็นจำนวนมาก ทั้งสามคนได้แต่เลือกร้านบะหมี่ที่คนน้อยที่สุดแทนที่จะเป็นร้านอาหารอื่นที่น่ากินมากกว่า พวกเธอขี้เกียจไปนั่งรอคิวที่หน้าร้านจึงเลือกกินอะไรง่าย ๆ แทนหลังจากเข้าไปนั่งที่โต๊ะว่างและสั่งบะหมี่เสร็จ ซูหนิงเซียวก็เอ่ยปากถามแม่กับป้ากู่ของเธอด้วยความประหลาดใจ“วันนี้เขามีอะไรที่ห้างนี้หรือเปล่าคะแม่ ป้ากู่ ทำไมคนถึงเยอะมากขนาดนี้ได้”“ป้าคิดว่าน่าจะมีการจัดอีเว้นท์ของดารานะ คนพวกนี้น่าจะเป็นแฟนคล
ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำพนักงานขาย เธอพาซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปรอที่เคาเตอร์ตามที่พนักงานบอกอย่างไม่คิดมากอะไร แต่คนที่คิดมากกลับเป็นซูหนิงเซียว“แม่คะ มันไม่แพงเกินไปเหรอคะ เครื่องนึงเกือบสองแสนหยวนเลย”“ไม่แพงหรอกนะลูก ถ้าลูกใช้งานมันให้เต็มที่สมกับที่แม่เสียเงินซื้อให้”“พี่ก็คิดว่าแพงไปหน่อยนะคะน้องซู อย่าลืมว่าหนิงเซียวยังไม่มีความรู้เรื่องกราฟฟิคเลยนะคะ พี่คิดว่าลดสเปคลงมาหน่อยน่าจะไม่มีปัญหากับงานของหนิงเซียวมั้งคะ”“พี่กู่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ค่ะ ในเมื่อหนิงเซียวจำเป็นจะต้องหาความรู้เพิ่มเติม หนูก็จะพาไปหาซื้อหนังสือสักหลายเล่มให้ลูก ในเวลาว่างที่ไม่มีงาน หนิงเซียวจะได้หัดใช้งานโน้ตบุ๊คให้คล่องมือด้วยยังไงล่ะคะ”“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่แม่ว่ามาก็ได้ค่ะ หนูจะพยายามเรียนรู้และใช้งานโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ให้เต็มที่ สมกับที่แม่เสียเงินจำนวนมากในครั้งนี้นะคะ แล้วเครื่องปร
พนักงานขายที่เห็นบอดี้การ์ดทั้งสี่ตกใจไม่น้อย เขาเพิ่งรู้ว่าลูกค้ารายใหญ่มีบอดี้การ์ดคอยตามอยู่ห่าง ๆ ถ้าเธอไม่เรียก พวกเขาก็คงไม่เข้ามาเป็นแน่ โชคดีที่เขาบริการลูกค้าเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นบอดี้การ์ดพวกนี้คงจัดการเขาไปแล้ว“เชิญคุณลูกค้าไปนั่งรอที่โซฟาด้านหน้าก่อนนะครับ ถ้าเครื่องเสร็จแล้วผมจะนำมาเปิดให้พวกคุณตรวจสอบสภาพก่อนรับสินค้าครับ”“ไม่มีปัญหาค่ะ ขอบคุณที่แนะนำสินค้าให้ดิฉันเป็นอย่างดีนะคะ”พนักงานขายยิ้มรับคำซูหนิงจิงและเดินนำพวกเธอไปนั่งรอที่โซฟาด้านหน้าร้าน ก่อนที่เขาจะรีบเข้าไปหาน้ำมาวางให้ลูกค้าบนโต๊ะระหว่างรอโน้ตบุ๊คราคามหาโหดที่ลูกค้าสั่งบอดี้การ์ดชื่ออาก้านยืนรออยู่หน้าร้านและคอยมองกลุ่มของซูหนิงจิงเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ตามหน้าที่ ส่วนพวกซูหนิงจิงที่กำลังรอโน้ตบุ๊คอยู่ก็นั่งคุยกันเบา ๆ ถึงเรื่องหนังสือที่แต่ละคนต้องการ 30 นาทีต่อมา บอดี้การ์ดทั้งสามที่ยกของไปเก็บก็กลับมาถึงหน้าร้านไอที หัวหน้าบอดี้การ์ดนำกุญแจร
หลังจากบอดี้การ์ดออกจากห้องไปแล้ว ซูหนิงจิงจึงบอกทุกคนให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าพวกเธอยังต้องเดินทางเข้าไปยังสตูดิโอที่มีงานถ่ายแบบของซูหนิงเซียวบริเวณใกล้ใจกลางเมืองหลวงหลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงเซียวที่วันนี้มีงานก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสสีขาว กระเป๋าและรองเท้าเธอใช้สีขาวมุกเพื่อไล่ระดับสีไม่ให้กลืนไปกับสีชุดมากนัก ส่วนซูหนิงจิงกับกู่ซิงก็สวมชุดเดรสเช่นกันแต่คนละสี พร้อมกับมีเสื้อสูทใส่คลุมเอาไว้ให้ดูสุภาพเท่านั้น ซูหนิงจิงเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้วก็ชวนกันไปที่รถทันที เพราะวันนี้ลูกค้านัดเอาไว้เวลา 10 โมงเช้า เธอกลัวว่ารถจะติดแล้วทำให้ไปถึงงานช้ากว่าที่ซูหนิงจิงจะพาลูกกับกู่ซิงไปถึงอาคารที่ตั้งสตูดิโอก็เหลือเวลา 10 นาทีเท่านั้นก็จะ 10 โมง ทั้งสามคนจึงรีบลงจากรถแล้วเข้าไปในอาคารโดยมีกู่ซิงนำทางไปที่สตูดิโอบนชั้น 3 ของอาคาร พวกเธอเข้าไปถึงสตูดิโอตรงเวลานัดพอดี กู่ซิงรีบเดินเข้าไปถามหาลูกค้าเพื่อจะบอกว่าพวกเธอมาถึงแล้ว แต่กลับมีเสียงโมโหดังออกมาเสียก่อนจากเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาด
ซูหนิงจิงที่เห็นว่าไหน ๆ พวกเธอก็อยู่ใกล้กลางเมืองแล้ว เธอจึงขับรถต่อไปยังใจกลางเมืองหลวงที่มีห้างให้เลือกมากมาย ซูหนิงจิงเห็นห้างใหญ่ห้างหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากสายตานัก และห้างนี้พวกเธอยังไม่เคยเข้ากันมาก่อน ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจขับรถเข้าไปหาที่จอดภายในห้างทันที ตอนนี้อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเที่ยงวัน รถในห้างจึงไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก ซูหนิงจิงได้ที่จอดรถบนชั้น 2 ของห้างซึ่งมีพื้นที่ว่างอีกหลายที่ให้จอดรถได้ เธอเห็นรถของบอดี้การ์ดกำลังหาที่จอดเช่นกัน ซูหนิงจิงจำรถของพวกเขาได้นานแล้ว เธอจึงรอให้พวกเขาจอดรถก่อนถึงจะลงจากรถทุกครั้ง“วันนี้เราจะดูหนังสืออย่างเดียวเหรอลูก”“แม่อยากดูอะไรเพิ่มก็ได้นะคะ ยังไงเราก็ว่างกันอยู่แล้วนี่นา”“นั่นสิน้องซู น้องอยากดูอะไรก็เดินนำได้เลยจ๊ะ พี่ไม่มีปัญหาเหมือนกัน”“ตกลงค่ะ ไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าห้างนี้จะมีอะไรดี ๆ ให้เราซื้อกันบ้าง”ซูหนิงจิงเดินนำทั้
กลุ่มบอดี้การ์ดรออาหารไม่ถึง 20 นาที ทั้งสี่คนช่วยกันยกถาดอาหารไปโต๊ะที่ซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวจองเอาไว้ให้ หลังวางถาดอาหารของซูหนิงจิงครบแล้ว พวกเขาก็เดินไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ ที่ซูหนิงเซียวลุกออกไปก่อนหน้านี้ จากนั้นคนทั้งสองกลุ่มต่างนั่งกินอาหารกันอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่อาหารที่สั่งมามีแต่พวกไก่ทอด มันบดและเฟรนช์ฟรายส์เท่านั้น ทำให้พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็กินอาหารเสร็จทุกคนจึงพากันลุกขึ้นเพื่อให้ลูกค้าคนอื่นมานั่งทานต่อทันที เพราะตอนนี้คนเข้าร้านมาเยอะมากจนต้องรอคิวหาที่นั่ง ซูหนิงจิงบอกกลุ่มบอดี้การ์ดว่าวันนี้เธอจะเดินนานหน่อย หากพวกเขาเหนื่อยก็หาน้ำทานแล้วนั่งรอก่อนได้“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกเราแวะซื้อกาแฟสักแก้วแล้วจะตามไปนะครับ คุณซูกับคุณหนูซูไม่ต้องกังวล ผมจะให้อาก้านตามไปก่อน แล้วจะรีบตามไปครับ”“ตกลงค่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ พวกเราเดินกันไม่เร็วนัก”บอดี้การ์ดสามคนต่างพยักหน้ารับคำของซูหนิงจิงและให้ก้านโจวตามพวกเธอไปก่อน ส
“ตกลงดิฉันเอาเรือนนี้ด้วยค่ะ รบกวนคุณใส่กล่องและพาดิฉันไปดูนาฬิกาผู้ชายรุ่นที่เพิ่งเข้ามาล่าสุดต่อด้วยนะคะ ดิฉันจะซื้อไปฝากคนรู้จักค่ะ”“รอสักครู่นะคะ นาฬิกาผู้ชายอยู่ที่ตู้อีกด้านหนึ่งค่ะ”พนักงานรีบรับนาฬิกาจากมือของซูหนิงจิงและนำกล่องมาใส่ให้ ก่อนที่เธอจะถือกล่องนาฬิการาคาแพงทั้งสามเรือนนำหน้ากลุ่มซูหนิงจิงไปยังตู้นาฬิกาชายตามที่ลูกค้าต้องการ“แม่จะซื้อให้ผู้ชายที่ไหนกันคะ ไม่เห็นแม่บอกก่อนเลย”“จะใครซะอีกล่ะลูก ถ้าไม่ใช่พี่จ้านของลูกน่ะ แม่แค่อยากขอบใจที่เขาดูแลพวกเรามาตลอดตั้งแต่รู้จักกัน ลูกไม่คิดว่าพี่เขาควรได้รับของขวัญบ้างหรือยังไง”“โธ่ แม่คะ หนูเปล่าคิดอย่างนั้นเสียหน่อย แม่อยากซื้อให้เขาก็ซื้อสิคะ หนูแค่สงสัยว่าแม่จะซื้อให้ผู้ชายที่ไหนก็เท่านั้นเอง”“ลูกนี่ขี้ระแวงจริง ๆ คิดว่าแม่จะหาพ่อใหม่ให้ลูกหรือยังไงกัน เด็กโง่&rdqu
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ