ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำพนักงานขาย เธอพาซูหนิงเซียวกับกู่ซิงไปรอที่เคาเตอร์ตามที่พนักงานบอกอย่างไม่คิดมากอะไร แต่คนที่คิดมากกลับเป็นซูหนิงเซียว
“แม่คะ มันไม่แพงเกินไปเหรอคะ เครื่องนึงเกือบสองแสนหยวนเลย”
“ไม่แพงหรอกนะลูก ถ้าลูกใช้งานมันให้เต็มที่สมกับที่แม่เสียเงินซื้อให้”
“พี่ก็คิดว่าแพงไปหน่อยนะคะน้องซู อย่าลืมว่าหนิงเซียวยังไม่มีความรู้เรื่องกราฟฟิคเลยนะคะ พี่คิดว่าลดสเปคลงมาหน่อยน่าจะไม่มีปัญหากับงานของหนิงเซียวมั้งคะ”
“พี่กู่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ค่ะ ในเมื่อหนิงเซียวจำเป็นจะต้องหาความรู้เพิ่มเติม หนูก็จะพาไปหาซื้อหนังสือสักหลายเล่มให้ลูก ในเวลาว่างที่ไม่มีงาน หนิงเซียวจะได้หัดใช้งานโน้ตบุ๊คให้คล่องมือด้วยยังไงล่ะคะ”
“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่แม่ว่ามาก็ได้ค่ะ หนูจะพยายามเรียนรู้และใช้งานโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ให้เต็มที่ สมกับที่แม่เสียเงินจำนวนมากในครั้งนี้นะคะ แล้วเครื่องปร
พนักงานขายที่เห็นบอดี้การ์ดทั้งสี่ตกใจไม่น้อย เขาเพิ่งรู้ว่าลูกค้ารายใหญ่มีบอดี้การ์ดคอยตามอยู่ห่าง ๆ ถ้าเธอไม่เรียก พวกเขาก็คงไม่เข้ามาเป็นแน่ โชคดีที่เขาบริการลูกค้าเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นบอดี้การ์ดพวกนี้คงจัดการเขาไปแล้ว“เชิญคุณลูกค้าไปนั่งรอที่โซฟาด้านหน้าก่อนนะครับ ถ้าเครื่องเสร็จแล้วผมจะนำมาเปิดให้พวกคุณตรวจสอบสภาพก่อนรับสินค้าครับ”“ไม่มีปัญหาค่ะ ขอบคุณที่แนะนำสินค้าให้ดิฉันเป็นอย่างดีนะคะ”พนักงานขายยิ้มรับคำซูหนิงจิงและเดินนำพวกเธอไปนั่งรอที่โซฟาด้านหน้าร้าน ก่อนที่เขาจะรีบเข้าไปหาน้ำมาวางให้ลูกค้าบนโต๊ะระหว่างรอโน้ตบุ๊คราคามหาโหดที่ลูกค้าสั่งบอดี้การ์ดชื่ออาก้านยืนรออยู่หน้าร้านและคอยมองกลุ่มของซูหนิงจิงเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ตามหน้าที่ ส่วนพวกซูหนิงจิงที่กำลังรอโน้ตบุ๊คอยู่ก็นั่งคุยกันเบา ๆ ถึงเรื่องหนังสือที่แต่ละคนต้องการ 30 นาทีต่อมา บอดี้การ์ดทั้งสามที่ยกของไปเก็บก็กลับมาถึงหน้าร้านไอที หัวหน้าบอดี้การ์ดนำกุญแจร
หลังจากบอดี้การ์ดออกจากห้องไปแล้ว ซูหนิงจิงจึงบอกทุกคนให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าพวกเธอยังต้องเดินทางเข้าไปยังสตูดิโอที่มีงานถ่ายแบบของซูหนิงเซียวบริเวณใกล้ใจกลางเมืองหลวงหลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงเซียวที่วันนี้มีงานก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสสีขาว กระเป๋าและรองเท้าเธอใช้สีขาวมุกเพื่อไล่ระดับสีไม่ให้กลืนไปกับสีชุดมากนัก ส่วนซูหนิงจิงกับกู่ซิงก็สวมชุดเดรสเช่นกันแต่คนละสี พร้อมกับมีเสื้อสูทใส่คลุมเอาไว้ให้ดูสุภาพเท่านั้น ซูหนิงจิงเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้วก็ชวนกันไปที่รถทันที เพราะวันนี้ลูกค้านัดเอาไว้เวลา 10 โมงเช้า เธอกลัวว่ารถจะติดแล้วทำให้ไปถึงงานช้ากว่าที่ซูหนิงจิงจะพาลูกกับกู่ซิงไปถึงอาคารที่ตั้งสตูดิโอก็เหลือเวลา 10 นาทีเท่านั้นก็จะ 10 โมง ทั้งสามคนจึงรีบลงจากรถแล้วเข้าไปในอาคารโดยมีกู่ซิงนำทางไปที่สตูดิโอบนชั้น 3 ของอาคาร พวกเธอเข้าไปถึงสตูดิโอตรงเวลานัดพอดี กู่ซิงรีบเดินเข้าไปถามหาลูกค้าเพื่อจะบอกว่าพวกเธอมาถึงแล้ว แต่กลับมีเสียงโมโหดังออกมาเสียก่อนจากเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาด
ซูหนิงจิงที่เห็นว่าไหน ๆ พวกเธอก็อยู่ใกล้กลางเมืองแล้ว เธอจึงขับรถต่อไปยังใจกลางเมืองหลวงที่มีห้างให้เลือกมากมาย ซูหนิงจิงเห็นห้างใหญ่ห้างหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากสายตานัก และห้างนี้พวกเธอยังไม่เคยเข้ากันมาก่อน ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจขับรถเข้าไปหาที่จอดภายในห้างทันที ตอนนี้อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเที่ยงวัน รถในห้างจึงไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก ซูหนิงจิงได้ที่จอดรถบนชั้น 2 ของห้างซึ่งมีพื้นที่ว่างอีกหลายที่ให้จอดรถได้ เธอเห็นรถของบอดี้การ์ดกำลังหาที่จอดเช่นกัน ซูหนิงจิงจำรถของพวกเขาได้นานแล้ว เธอจึงรอให้พวกเขาจอดรถก่อนถึงจะลงจากรถทุกครั้ง“วันนี้เราจะดูหนังสืออย่างเดียวเหรอลูก”“แม่อยากดูอะไรเพิ่มก็ได้นะคะ ยังไงเราก็ว่างกันอยู่แล้วนี่นา”“นั่นสิน้องซู น้องอยากดูอะไรก็เดินนำได้เลยจ๊ะ พี่ไม่มีปัญหาเหมือนกัน”“ตกลงค่ะ ไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าห้างนี้จะมีอะไรดี ๆ ให้เราซื้อกันบ้าง”ซูหนิงจิงเดินนำทั้
กลุ่มบอดี้การ์ดรออาหารไม่ถึง 20 นาที ทั้งสี่คนช่วยกันยกถาดอาหารไปโต๊ะที่ซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวจองเอาไว้ให้ หลังวางถาดอาหารของซูหนิงจิงครบแล้ว พวกเขาก็เดินไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ ที่ซูหนิงเซียวลุกออกไปก่อนหน้านี้ จากนั้นคนทั้งสองกลุ่มต่างนั่งกินอาหารกันอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่อาหารที่สั่งมามีแต่พวกไก่ทอด มันบดและเฟรนช์ฟรายส์เท่านั้น ทำให้พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็กินอาหารเสร็จทุกคนจึงพากันลุกขึ้นเพื่อให้ลูกค้าคนอื่นมานั่งทานต่อทันที เพราะตอนนี้คนเข้าร้านมาเยอะมากจนต้องรอคิวหาที่นั่ง ซูหนิงจิงบอกกลุ่มบอดี้การ์ดว่าวันนี้เธอจะเดินนานหน่อย หากพวกเขาเหนื่อยก็หาน้ำทานแล้วนั่งรอก่อนได้“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกเราแวะซื้อกาแฟสักแก้วแล้วจะตามไปนะครับ คุณซูกับคุณหนูซูไม่ต้องกังวล ผมจะให้อาก้านตามไปก่อน แล้วจะรีบตามไปครับ”“ตกลงค่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ พวกเราเดินกันไม่เร็วนัก”บอดี้การ์ดสามคนต่างพยักหน้ารับคำของซูหนิงจิงและให้ก้านโจวตามพวกเธอไปก่อน ส
“ตกลงดิฉันเอาเรือนนี้ด้วยค่ะ รบกวนคุณใส่กล่องและพาดิฉันไปดูนาฬิกาผู้ชายรุ่นที่เพิ่งเข้ามาล่าสุดต่อด้วยนะคะ ดิฉันจะซื้อไปฝากคนรู้จักค่ะ”“รอสักครู่นะคะ นาฬิกาผู้ชายอยู่ที่ตู้อีกด้านหนึ่งค่ะ”พนักงานรีบรับนาฬิกาจากมือของซูหนิงจิงและนำกล่องมาใส่ให้ ก่อนที่เธอจะถือกล่องนาฬิการาคาแพงทั้งสามเรือนนำหน้ากลุ่มซูหนิงจิงไปยังตู้นาฬิกาชายตามที่ลูกค้าต้องการ“แม่จะซื้อให้ผู้ชายที่ไหนกันคะ ไม่เห็นแม่บอกก่อนเลย”“จะใครซะอีกล่ะลูก ถ้าไม่ใช่พี่จ้านของลูกน่ะ แม่แค่อยากขอบใจที่เขาดูแลพวกเรามาตลอดตั้งแต่รู้จักกัน ลูกไม่คิดว่าพี่เขาควรได้รับของขวัญบ้างหรือยังไง”“โธ่ แม่คะ หนูเปล่าคิดอย่างนั้นเสียหน่อย แม่อยากซื้อให้เขาก็ซื้อสิคะ หนูแค่สงสัยว่าแม่จะซื้อให้ผู้ชายที่ไหนก็เท่านั้นเอง”“ลูกนี่ขี้ระแวงจริง ๆ คิดว่าแม่จะหาพ่อใหม่ให้ลูกหรือยังไงกัน เด็กโง่&rdqu
ซูหนิงจิงเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของบริษัทกลางเมืองหลวง เธอจึงชวนซูหนิงเซียวกับกู่ซิงเดินทางกลับก่อนรถจะติด ส่วนอาหารเย็นนั้นค่อยทำกินกันทีหลังก็ไม่น่าจะสายเกินไปซูหนิงเซียวกับกู่ซิงที่ช่วยกันถือถุงเสื้อผ้าอยู่ต่างรับคำซูหนิงจิง พวกเธออยากกลับไปพักผ่อนแล้วเหมือนกัน เพราะวันนี้พวกเธอเดินเล่นกันมาเกือบทั้งวันแล้วบอดี้การ์ดเข้ามาสอบถามเพื่อจะช่วยถือของให้ซูหนิงจิง แต่เธอกับลูกและกู่ซิงเห็นว่าของพวกนี้ไม่ได้หนักอะไร ทั้งสามจึงไม่รบกวนพวกเขา ซูหนิงจิงแจ้งให้เขาทราบว่าเธอกำลังจะกลับบ้านกันแล้ว บอดี้การ์ดจึงถอยห่างจากกลุ่มของซูหนิงจิงแล้วคอยเดินตามพวกเธอไปที่ลานจอดรถ ก่อนที่ทุกคนจะออกจากห้างไปหลังจากนำของที่ซื้อมาเก็บใส่ท้ายรถซูหนิงจิงพาทุกคนกลับถึงคอนโดตอน 6 โมงเย็นพอดี บอดี้การ์ดที่ตามหลังมาลงจากรถเพื่อไปขอหลักฐานคลิปเสียงจากซูหนิงจิง“คุณเข้าไปที่ห้องกับพวกเราก่อนนะคะ รอให้ดิฉันกับทุกคนเก็บของก่อนแล้วมาคุยเรื่องนี้กัน”
เค่อหานออกจากห้องแล้วจึงโทรหาผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ เพื่อแจ้งเรื่องตามที่เจ้านายของเขาบอกเอาไว้ เขาได้แต่คิดว่าสองแม่ลูกซูช่างมีอิทธิพลกับเจ้านายเขาไม่น้อย ถึงแม้เจ้านายเขาจะบอกว่ากำไรจากบริษัทตระกูลฟงจะเล็กน้อยก็เถอะ แต่มันก็ได้ถึงหลายสิบล้านหยวนเลยทีเดียว เค่อหานไม่เข้าใจว่าสองแม่ลูกนี่มีอะไรดี ถึงทำให้เจ้านายของเขาทำดีกับพวกเธอมากกว่าคนทั่วไปแบบนี้ จริงอยู่ว่าเขาพอจะรู้เรื่องความสามารถของซูหนิงจิง แต่กับซูหนิงเซียวเขาไม่เห็นว่าเด็กคนนั้นจะดีกว่าผู้หญิงคนอื่นตรงไหน เรื่องนี้เขาคงต้องสอบถามกับบอดี้การ์ดที่ไปดูแลเธออย่างลับๆ ทีหลัง รอให้เรื่องการฟ้องร้องจบลงเสียก่อน เขาจะหาเวลาถามดูให้ได้จ้านเกาที่วันนี้กลับบ้านเร็ว รีบไปนั่งคุยกับตาและยายของเขาเรื่องที่ได้รับของขวัญเมื่อเช้านี้ เขายังโชว์นาฬิกาให้พวกท่านดูพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างมีความสุข ทำให้สองตายายได้แต่หันมองหน้ากันก่อนจะคุยกับหลานชาย“หลานแน่ใจนะว่านาฬิกาที่ได้รับมา พวกเธอจะไม่หวังผลตอบแทนทีหลัง”“แน่ใจสิ
“ลูกอยากได้ชุดของเธอเอาไว้ใส่หรือเปล่าล่ะ ถ้าชอบก็ค่อยให้ป้ากู่ติดต่อขอซื้อให้”“จะดีเหรอคะแม่ หนูเพิ่งซื้อเสื้อผ้ามาตั้งเยอะเมื่อไม่นานนี้เอง”“ดีสิลูก จะคิดมากไปทำไม ในเมื่อเสื้อผ้าก็ต้องใส่กันทุกวันอยู่แล้ว ลูกจะได้มีชุดสลับใส่บ้างเวลาไปเรียนยังไงล่ะ”“ถ้าอย่างนั้นหนูต้องรบกวนป้ากู่เรื่องนี้หน่อยนะคะ หนูชอบทุกชุดของคุณหวังค่ะ”“ได้สิ ป้าจะติดต่อซื้อให้นะ ส่วนราคาเดี๋ยวป้าจะแจ้งให้ทราบทีหลังจ๊ะ”“ขอบคุณมากค่ะป้ากู่”ทั้งสามเลิกคุยกันเมื่อมาถึงรถ ซูหนิงจิงแวะที่ร้านอาหารไม่ไกลจากสตูดิโอนักเพราะไม่อยากกลับไปทำอาหารเย็นเอง บอดี้การ์ดทั้งสี่ที่ตามมาก็เข้าไปทานด้วยเช่นเดียวกัน ซูหนิงจิงจึงถือโอกาสจ่ายเงินให้พวกเขาด้วยเช่นเคยหนึ่งเดือนต่อมาช่วงที่ผ่านมาซูหนิ
ก่อนที่หลงเอ้อหลางจะหายเจ็บและลงมือกับซูหนิงเซียวอีกครั้ง กำลังตำรวจและบอดี้การ์ดที่มาถึงก่อนรีบเข้าไปช่วยเหลือซูหนิงเซียวหลังจากจับกุมเพื่อนทั้งห้าคนของเขา หลงเอ้อหลางที่ถูกจับกุมด่าทอต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสาดเสียเทเสียเหมือนคนบ้า เขาไม่คิดว่าตำรวจจะมาเร็วถึงขนาดนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นซูหนิงเซียวมากขึ้นไปอีก เขายังไม่ได้ล้างแค้นเธอเลยแต่กลับถูกจับเสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขามั่นใจว่าคุณตาจะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่ อีกอย่างเขายังไม่ได้ทำอะไรซูหนิงเซียว เขาจึงไม่สนใจว่าตำรวจพวกนี้จะตั้งข้อหาอะไรเขา ซูหนิงเซียวที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้ารีบม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม โชคดีที่หลงเอ้อหลางไม่ได้มัดมือมัดเท้าเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังพอที่จะต่อกรกับเขาได้จนกระทั่งความช่วยเหลือมาถึง แต่ด้วยความดีใจที่รอดพ้นจากเงื้อมมือคนเลว ซูหนิงเซียวก็ร้องไห้อย่างสุดจะกลั้น เธออับอายไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จ้านเกามาถึงก็ตรงเข้าไปต่อยหลงเอ้อหลางจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่หลงเอ้อหลางที่บ้าไปแล้วกลับหัวเราะออกมาแล้วเยาะเย้ยจ้านเกาเร
ซูหนิงเซียวไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เธอมัวแต่รีบเข้าห้องน้ำจนกระทั่งสบายท้องแล้วจึงออกมาด้านนอก แต่กลับพบกลุ่มของหลงเอ้อหลางรอเธออยู่ ซูหนิงเซียวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจอคนพวกนี้อีกในงานของมหาวิทยาลัยของเธอ“พวกคุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ”“ฮึ ถ้าเราไม่เข้ามาแล้วจะได้แก้แค้นเธอเมื่อไหร่กัน”“นั่นสิ เธอทำพวกเราเสียเงินไม่น้อยเลยนะคราวก่อน วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดจากพวกเราไปได้เลย”“จับเธอ!!!” หลงเอ้อหลางไม่ยอมเสียเวลาพูดมากเหมือนเพื่อน เขากลัวว่าวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิงที่สุด เพื่อนของหลงเอ้อหลางสามคนดาหน้าเข้าไปเตรียมล็อกแขนซูหนิงเซียวและปิดปากไม่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือได้ง่าย ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังยื่นมือเข้าไป ซูหนิงเซียวก็เตะพวกเขาจนลงไปกองกับพื้น“โอ้ย! นังบ้า ฤทธิ์เยอะนักนะ พวกแกเข้าไปอีก คราวนี้ฉันจะช่วยด้วย” หลงเอ้อหลางเรียกเพื่อนอีกสองคน ซูหนิงเซียวพยายามต่อสู้กับหลงเอ้อหลางตามที่เธอ
จ้าวหลงเฉิงที่เริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่สองเดือนก่อน ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจากละครที่แสดงเป็นน้องชายนางเอกเมื่อเดือนที่แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับคัดเลือกให้แสดงบทนี้แต่แรก นี่เป็นเพราะหลิวอ้ายโหรวยอมจ่ายเงินสนับสนุนละครเรื่องนี้มากถึงสองล้านหยวนจนลูกชายได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดง หลังจากนี้หลิวอ้ายโหรวที่ทำให้ลูกชายมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ไม่ต้องเสียเงินอีก ถึงแม้เธอจะจ่ายค่าชดเชยไปถึงสิบล้านหยวนแล้วก็ตาม แต่เธอยังมีเงินที่เหลือจากการจำนองที่ดินอยู่หลายล้านหยวน เธอจึงสามารถนำเงินมาต่อยอดให้ลูกชายเข้าวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว จ้าวลี่ลี่เห็นน้องชายเริ่มดังก็ชักจะอยากเข้าวงการบันเทิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จ้าวไห่ถังไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงเหมือนจ้าวหลงเฉิง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่เข้าวงการมักจะถูกเอาเปรียบ ต่างกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะได้รับบทอะไรก็ไม่เสียหายเหมือนดาราหญิง และเขามั่นใจแล้วว่าหลิวอ้ายโหรวจะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดี จ้าวลี่ลี่จึงทำได้แค่ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อจะได้รีบจบการศึกษาแล้วหางานทำ &n
คืนนั้นหลังจากหลิวอ้ายโหรวคุยกับจ้าวไห่ถังเรื่องจะให้ลูกสาวไปทำงานในวงการบันเทิง จ้าวไห่ถังรู้ว่าลูกสาวเขาเรียนไม่ค่อยเก่งแต่แรก เขาจึงไม่คัดค้านอะไร เช้าวันต่อมาระหว่างทานอาหาร หลิวอ้ายโหรวบอกจ้าวลี่ลี่ว่าจะให้ทำงานในวงการบันเทิง ทำให้จ้าวลี่ลี่ที่เคยดูถูกพวกดาราที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอไม่ก่อนไม่พอใจทันที“หนูไม่ทำหรอกนะคะแม่ ถ้าหนูไปทำงานในวงการบันเทิง ตระกูลหลงจะไม่ดูถูกหนูเหรอคะ หนูยังไม่อยากถูกถอนหมั้นจนเสียหน้าคนในวงสังคมนะ” จ้าวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ“เอ๊ะ แค่ทำงานงานวงการบันเทิงใครเขาจะดูถูกแกกัน เมื่อก่อนฉันก็ทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครในสังคมดูถูกฉันสักนิด ไม่รู้ล่ะ ถ้าแกไม่ทำงานก็ไม่ต้องขอเงินพ่อแกไปซื้อเสื้อผ้าอีก” หลิวอ้ายโหรวยื่นคำขาด“นี่คุณจะเสียงดังทำไมกัน ถ้าลูกไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนี่นา คุณก็หัดอยู่บ้านซะบ้างจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ใช่หาแต่เรื่องออกไปซื้อของไม่จำเป็นพวกนั้นอยู่ตลอด ลูกก็ด้วยนะลี่ลี่ เลิกซื้อได้แล้วเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางพวกนั้น พ่อเห็
จ้าวไห่ถังกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงวันเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิวอ้ายโหรวที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีขนของกลับมาบ้านเวลานี้ เธอรอให้เขาวางกล่องของลงก่อนจะถามเขาอย่างสงสัย“นี่คุณเอาอะไรมาเยอะแยะคะ แล้ววันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?”“เฮอะ ของพวกนี้ผมเอามาจากห้องทำงานผมนั่นแหละ ตอนนี้ซูหนิงจิงเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว ผมยังจะมีหน้าทำงานอยู่ที่นั่นต่อได้ยังไงกัน หลังจากนี้คุณก็อย่าใช้เงินเปลืองนักก็แล้วกัน เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ไม่ต้องขนซื้อมาเหมือนเมื่อก่อนอีก เงินเดือนที่ผมจะได้ลดลงมาจากเดิมเกินครึ่งแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเงินห้าหมื่นหยวนต่อเดือนจะพอจ่ายค่าคนใช้พวกนี้ไหม ไม่แน่ผมอาจจะต้องให้คนออกสักสองสามคน เหลือไว้แค่คนทำอาหารกับทำความสะอาดแค่สองคนพอ รอให้ลูกกลับมาผมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง” จ้าวไห่ถังพูดอย่างหนักใจ“อ้าว แล้วคุณปล่อยให้นังหนิงจิงไล่คุณออกได้ยังไงล่ะคะ ก็ไหนตอนที่หย่ากัน นังนั่นมันบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของคุณอีกน่ะ ทำแบบนี้มันไม่ผิดสัญญาหย่าร้างกับคุณเหรอคะ แล้วคุณทำไมไม่หาทนายมาฟ้องเรียกค่าเสี
บอดี้การ์ดทั้งสี่ปล่อยให้ซูหนิงจิงและกู่ซิงเข้าไปในห้องเหลียงฟาง ส่วนพวกเขานั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้พวกเธอมีความเป็นส่วนตัวก่อนที่ทนายฮวงจะมาถึง“หนิงจิง คุณแน่ใจนะว่าจ้าวไห่ถังจะยอมรับข้อตกลงของคุณ”“อืม ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัท เขาก็คงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่ฉันเสนอหรอกนะ ฉันหวังว่าเขาจะตกลงตามข้อเสนอ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงต้องเสียเวลาในการขึ้นศาลซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และตอนนี้ภรรยาของเขายังถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากฉันกับจ้านเกา ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคนเห็นแก่เงินอย่างจ้าวไห่ถังคงไม่ปฏิเสธข้อตกลงของคุณแน่ ๆ” 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของซูหนิงจิงก็ดังขึ้น เธอบอกให้เหลียงฟางออกไปรับฮวงไหลแทนเธอ เพราะไม่อยากให้ข่าวการมาของเธอไปถึงหูจ้าวไห่ถังเร็วนัก เหลียงฟางใช้เวลาไม่นานก็พาฮวงไหลเข้ามาในห้องก่อนจะชวนทุกคนไปยังห้องประชุมใหญ่ชั้นบน ซึ่งระหว่างทางเขาโทรแจ้งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งจ้าวไห่ถังให้เข้าร่วมประชุมด้
หลังจากพูดคุยกับฮวงไหลอยู่เกือบสองชั่วโมง ซูหนิงเซียวก็ลุกออกไปส่งเขากลับ ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อรอฟังว่าแม่ของเธอจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากลุงฮวงจัดการเรื่องคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว“แม่แน่ใจเหรอคะว่าเข้าไปบริหารบริษัทในอีกไม่กี่วันนี้ หนูกลัวว่าพ่อจะสร้างปัญหาให้แม่ค่ะ” ซูหนิงจิงยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะลูบหัวเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยนไม่ให้ซูหนิงเซียวคิดมากเกินไป เธอเข้าใจดีว่าลูกเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน“แม่แน่ใจจ๊ะ เรื่องพ่อของลูกก็อย่ากังวลไปเลยนะ ลูกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าแม่มีลุงฮวงคอยช่วยเหลืออยู่น่ะ และแม่ยังมีป้ากู่เข้าไปช่วยงานแม่ที่นั่นด้วย ทีนี้สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”“หนิงเซียวไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะดูแลแม่ของหนูให้ดีเองจ๊ะ อย่าลืมว่าเรายังมีบอดี้การ์ดไปด้วยอีกสี่คนเลยนะ”“เฮ้อ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะป้ากู่ หนูก็ยังเป็นห่วงแม่อยู่ดีค่ะ หนูรู้นิสัยพ่อดีว่าเขารักหน้าตาตัวเองขนาดไหน ถ้าแม่เข้าไปแย่งตำแหน่งประธานมาล่ะก็ พ่อมีหวังอาละวาดแน่ ๆ”“เขาไม่มีสิทธิที่จะอาละวาดหรอกนะลูก ในเมื่อห
หลังผ่านวันเปิดโครงการไปได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้มีลูกค้าซื้อห้องไปแล้วเกินกว่าครึ่งของจำนวนห้องทั้งหมดในโครงการทั้งสามอาคาร ซูหนิงจิงจึงตัดสินใจแจ้งเหลียงฟางเรื่องที่เธอจะกลับเข้าไปบริหารงานในบริษัทอีกครั้ง[ คุณคิดดีแล้วใช่ไหมหนิงจิง? ผมกลัวว่าจ้าวไห่ถังจะสร้างปัญหาให้คุณนะ ][ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล ฉันจะพาฮวงไหลเข้าไปจัดการทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานที่นั่นเอง ][ อืม ถ้าอย่างนั้นผมจะแจ้งเรื่องให้หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ทราบอย่างลับ ๆ ก่อนก็แล้วกัน คุณคิดจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่?][ น่าจะประมาณอีก 3-4 วันนะ ฉันกำลังจะส่งเอกสารการถือหุ้นและเอกสารที่ฉันแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ผ่านมาน่ะ ][ ตกลง ผมจะรอวันที่คุณเข้ามาที่นี่ก็แล้วกัน ถ้าจ้าวไห่ถังไม่ยินยอม ผมจะเรียกผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าประชุมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งกับจ้าวไห่ถังมากนัก ผมกลัวว่าเขาจะหาทางแก้แค้นคุณเอา ][ ได้ ขอบใจมากนะเหลียงฟาง แล้วค่อยเจอกัน ฉันขอตัวไปส่งเอกสารให้ทนายก่อน ][ ครับ สวัสดีครับ ] กู่ซิงที่ทำหน้าที่เลขาของซูหนิงจิ
“เพราะคุณคนเดียวทำให้พวกเราต้องเสียโอกาสซื้อห้องในโครงการนี้!!!” สามีภรรยาตระกูลรองหลายคนต่างโทษหลิวอ้ายโหรวเป็นเสียงเดียวกัน“อ้าว ทำไมพวกคุณพูดแบบนี้ล่ะคะ ในเมื่อพวกคุณเองเป็นคนสนับสนุนฉันตั้งแต่แรกน่ะ” หลิวอ้ายโหรวมีหรือจะยอมรับความผิดครั้งนี้ง่าย ๆ เธอเพียงแค่บอกข้อสันนิษฐานออกไปเท่านั้น เป็นพวกเขาที่เห็นด้วยกับเธอเอง บอดี้การ์ดต่างมองกลุ่มคนที่กำลังเอะอะโวยวายอย่างกับแม่ค้าพ่อค้าปากตลาดอย่างสมน้ำหน้า พวกเขาต้องคอยเฝ้าจนกว่าคนพวกนี้จะขับรถออกจากโครงการไป ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาเข้าไปวุ่นวายภายในอีกคงไม่ดีแน่ หลังจากทะเลาะกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาต่างดึงแขนภรรยาของตัวเองเดินกลับขึ้นรถในทันที ตอนแรกเจียวจูว่าจะไม่ช่วยหลิวอ้ายโหรว แต่ด้วยลูกชายของเธอยังเป็นคู่หมั้นของจ้าวลี่ลี่อยู่ เธอจึงต้องออกหน้าช่วยหลิวอ้ายโหรวจนถูกหมายหัวไปด้วย เมื่อเข้าไปในรถแล้ว จ้าวไห่ถังกับหลงฮ่าวต่างคนต่างต่อว่าด่าทอภรรยาตัวเองจนถึงบ้าน พว