ตอนนี้ภาคินนั่งอยู่ที่ห้องทำงานของตัวเอง สายตาเขาจับจ้องไปยังสมาร์ตโฟนเพื่อหวังว่าลลิตาจะติดต่อกลับมาหาเขา แต่ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วยังคงไร้วี่แววจากเธอ...ระหว่างที่กำลังใจจดใจจ่อกับสมาร์ตโฟนอยู่นั้น ประตูห้องทำงานของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง จนภาคินสะดุ้งตกใจ เงยหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นบิดากำลังเดินเข้ามาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ“คุณพ่อมีอะไรครับ ถึงได้มาหาผมถึงห้องทำงานแบบนี้”เพียะ-! คุนธานีตบไปที่หน้าของภาคินอย่างจัง จนใบหน้าชายหนุ่มหันไปตามแรงมือภาคินหันหน้ามองบิดาด้วยความรู้สึกชาที่ใบหน้า “คุณพ่อมาตบผมทำไมครับ?” ท้ายเสียงมีความขุ่นเคือง“ตบทำไมงั้นเหรอ” น้ำเสียงคุณธานีเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเพียะ-! คุณธานีตบไปที่ใบหน้าอีกข้าง “ยังมีหน้ามาถามฉันเหรอว่าตบแกทำไมฮะ!” เสียงพูดของคุณธานีดังไปทั่วชั้นทำงาน ทำเอาพนักงานที่ได้ยินต่างพากันก้มหน้าก้มตาทำงาน เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกพ่วงแหไปด้วย“ตบทำไมงั้นเหรอ?” คุณธานีนำเอกสารที่เลขาถือมาด้วยปาใส่หน้าลูกชายตัวเอง “อ่าน-!”ภาคินยังคงงุนงงกับการกระทำของบิดา ที่จู่ ๆ บุกมาตบหน้าเขาที่ห้องทำงานถึงสองครั้งสองครา ชายหนุ่มก
“ยกเลิกได้ไง โพรเจกต์นี้ทางคินก็ทำไปเกินครึ่งแล้วหนิ ถึงยกเลิกก็เสียค่าสัญญาไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ” เธอเป็นเลขาเก่าของลลิตา ย่อมรู้เรื่องงานระหว่างทั้งสองบริษัทอยู่แล้ว เพราะต้องคอยรายงานให้ลลิตาอยู่เสมอ“อืม เยอะอยู่ แต่เขาก็ยินดีจ่ายทุกบาททุกสตางค์ ทำไงได้ล่ะ ทางนั้นพูดมาแล้วว่าไม่อยากร่วมงานด้วย” คิดถึงตอนนี้ภาคินถึงกับเอานิ้วนวดขมับ“ทั้งหมดเป็นเพราะดาใช่ไหม?” ท้ายเสียงเหมือนจะร้องไห้ภาคินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ช่างเถอะ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว คงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้”เรื่องทั้งหมดมันเหนือความคาดหมายที่คิดเอาไว้ เขาอุตส่าห์วางแผนสำรองไว้ตั้งหลายแผน แต่กลับไม่ได้ใช้สักแผน ทุกอย่างมันเกินการคาดเดาไปหมดเขาคิดน้อยไปหน่อย คิดว่าลลิตาจะรักเขา เหมือนอย่างญาดา แต่ไม่ใช่เลย เธอตัดความสัมพันธ์ได้เพียงชั่วข้ามคืน แถมยังตาต่อตา ฟันต่อฟันกับเขา ถึงขั้นไม่ขอร่วมธุรกิจกันอีกต่อไปญาดามองคนที่ทำหน้าเคร่งเครียด เธอก็มีท่าทีเครียดตามไปด้วย แต่แค่ภายนอกเท่านั้น เพราะด้านในจิตใจเธอกำลังกู่ร้องด้วยความยินดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นเธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าบริษัทภาคินจะเสียเงิน หรือขาดทุนไปกี่ล้าน หรือจะทะเลาะกับค
สายตาซีนายยังคงจับจ้องไปที่ปาลิน พร้อมกับพูดต่อ “เอ่อ...เฮียสนใจอ้ายไม่ใช่เหรอ เนี่ยผมได้ข่าวว่าอ้ายเขา...”“เลิกกันแล้ว” พศวัฒน์พูดแทรก“ใช่ ๆ เขาเลิกกันแล้ว” ซีนายทวนคำพูดของพศวัฒน์ ก่อนจะหันมามองเขาพร้อมกับทำคิ้วขมวด “เดี๋ยวนะ เฮียรู้ได้ไงว่าเขาเลิกกันแล้ว!?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย ขนาดเขาเพิ่งรู้ว่าสองคนนั้นเลิกกันเมื่อไม่กี่วันก่อน“เฮียไม่บอกผมหน่อยเหรอ?” ซีนายถามย้ำ ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความสงสัย“เพราะแกช้าแบบนี้ไง ถึงโดนลินทิ้งเอา” น้ำเสียงพศวัฒน์เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายจี๊ด-! ได้ยินคำนี้ซีนายถึงกับเจ็บจี๊ด! เขาเดินไปนั่งบนโซฟาแล้วนั่งกอดอกทำหน้าบูดเหมือนตูดลิง ท่าทางคล้ายเด็กน้อยถูกขัดใจทีวันก่อนยังมาปรึกษาเขาเรื่องความรัก แต่ตอนนี้กลับมาปากคอเราะรายใส่เขาเสียอย่างนั้น ใช่สิ เขาไม่ใช่สาวสวยเหมือนอย่างลลิตาถึงจะได้รับความอ่อนโยนจากพศวัฒน์ ซีนายได้แต่บ่นอุบอิบไม่ให้ชายร่างสูงได้ยิน ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะถูกพูดจี้จุดอีกรอบก็ได้ เพราะพศวัฒน์ไม่เคยอ่อนโยนกับเขาเลยทางด้านสองสาว“อ้าย ฉันไม่ไหวแล้วอะแก” ปาลินพูดกับเพื่อนสาวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว“เป็นอะไร?”“ปวดฉี่อะดิ” เธอดื่มเยอะเก
“แค่กับอ้ายคนเดียว...”คำตอบของเขาทำให้เธอหันหน้าไปสบตากับชายหนุ่มพอดี นัยน์ตาสีดำจ้องมองแบบไม่ได้กะพริบตา กลายเป็นว่าเธอใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้นอีกแล้ว ความรู้สึกนี้อีกแล้ว เป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ได้ไปทะเลกับเขาในตอนนั้น“พี่ไนต์นี่ตลกจังเลยนะคะ” ลลิตาแสร้งพูดติดตลกแล้วยกแก้วค็อกเทลขึ้นมาดื่ม เพื่อคลายความร้อนที่อยู่ข้างในตัวเธอใช่เธอยกดื่ม ไม่ได้ค่อย ๆ ยกจิบเหมือนอย่างคนอื่น แถมดื่มแบบครั้งเดียวหมดติดต่อกันหลายแก้วอีกด้วยเวลาผ่านไปนานขนาดไหนไม่รู้ รู้เพียงว่าตอนนี้ลลิตาเริ่มมีอาการมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ของมันแน่อยู่แล้ว เพราะเธอเล่นดื่มเหมือนอาบขนาดนั้นลลิตามองดูคนข้างกายที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มด้วยสายตาหวานเยิ้มเพราะฤทธิ์เมา ริมฝีปากหนาที่แนบกับขอบแก้วเหล้า มันมีแรงดึงดูดเธออย่างน่าประหลาด“ริมฝีปากพี่ไนต์สวยจังเลยนะคะ ขนาดอ้ายเป็นผู้หญิงยังอิจฉาเลย” สายตาลลิตาเต็มไปด้วยความแพรวพราวลลิตาจ้องพินิจดูริมฝีปากพศวัฒน์อย่างตั้งใจ เธอว่าเธอบำรุงริมฝีปากตัวเองดีแล้ว แต่ความรู้สึกยังไม่น่ามองเท่าคนข้างกาย ทั้งที่เขาไม่ได้แต่งสีทาปากเหมือนกับเธอเลย แค่ใบหน้าหล่อเ
‘เคยชิมแล้วเหรอคะ... ถึงรู้ว่าหวาน’ชายหนุ่มกำลังโน้มใบหน้าไปจูบริมฝีปากที่เอ่ยให้เขาชวนชิม ทว่าถูกนิ้วชี้ลลิตาห้ามไว้เสียก่อนพศวัฒน์มองริมฝีปากสีแดงที่ถูกแต่งเติมจากลิปสติกอย่างเสียดาย ใกล้จนรับรู้ลมหายใจอีกฝ่ายแต่กลับไม่ได้ลิ้มลอง...“แล้วพี่ต้องทำยังไงครับถึงจะได้ชิม” แววตาพศวัฒน์เต็มไปด้วยประกายของความคาดหวัง“พี่ไนต์ขออ้ายแต่งงานสิคะ...”ตอนนี้ลลิตาได้แต่กรีดร้องในใจ“พี่ไนต์คะ คะ คือว่า...” ลลิตาอ้ำอึ้งที่จะพูดเรื่องนี้“อ้ายยังไม่ลืมคนนั้นเหรอครับ” พศวัฒน์เอ่ยถามแบบไม่อ้อมค้อม“ไม่ใช่นะคะ!” เธอปฏิเสธทันที ภาคินไม่ได้อยู่ในใจเธอนานแล้วและไม่จำเป็นต้องอาลัยอาวรณ์อะไรทั้งนั้น ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นพยายามขอคืนดีกับเธอก็ตาม เพียงแค่...“ที่จริงเราทั้งสองคนยังไม่เคยคบหาดูใจกันเลย อ้ายไม่รู้เรื่องของพี่ไนต์ พี่ไนต์ก็ไม่รู้เรื่องของอ้าย จู่ ๆ จะมาแต่งงานกันกะทันหันแบบนี้ พี่ไนต์โอเคที่จะแต่งงานกับอ้ายจริง ๆ เหรอคะ” ท้ายเสียงมีความไม่มั่นใจเล็กน้อยเรื่องฐานะของพศวัฒน์นั้นตัดทิ้งไปได้เลย คนที่อยู่ในเพนต์เฮาส์ราคาร้อยล้านฐานะต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เผลอ ๆ ร้านรูฟท็อปบาร์ที่เธอและปาลินไปประ
“อะไรนะ? เมื่อตะกี้พูดว่าอะไรนะ?” ชายสูงวัยรีบปรี่ตัวเข้ามาหาลูกสาวกับภรรยาของเขาทันที“คุณลุงสวัสดีครับ” พศวัฒน์ยกมือไหว้เจ้าของบ้านคุณกัมปนาทพยักหน้ารับ ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าลูกใครหลานใครมา เขาสนใจเรื่องที่ได้ยินเมื่อสักครู่นี้มากกว่า “เมื่อตะกี้พูดเรื่องอะไรกัน?”“ผมกับอ้ายกำลังคบกัน เลยอยากมาขอหมั้นไว้ก่อนครับ”ได้ยินคำพูดฉะฉานฟังชัดของชายหนุ่ม สองสามีภรรยาพากันหันหน้าไปมองบุตรสาวอย่างพร้อมเพรียงกัน ก็เห็นว่าลลิตาพยักหน้าให้เบา ๆ พวกเขาทั้งหมดจึงพากันไปยังห้องรับแขกเพื่อพูดถึงเรื่องในวันนี้“ลุงไม่เห็นรู้เลยว่าตาไนต์ชอบพอกันกับลูกสาวของลุงอยู่ ไปคบกันตั้งแต่ตอนไหนล่ะหึ ถึงได้ตกลงปลงใจหมั้นกันแล้ว”“มะ...!” พศวัฒน์ไม่ทันตอบด้วยซ้ำ เพราะถูกลลิตาพูดแทรกเสียก่อน“สักพักแล้วค่ะ” ลลิตาชิงตอบคำถามของพ่อตัวเอง เพราะฟังจากคำขึ้นต้นแล้วเขาต้องตอบว่าเมื่อคืนอย่างแน่นอน-!คุณกัมปนาทและคุณหญิงโสภิตพากันหรี่ตามองท่าทางเคอะเขินของบุตรสาว“อย่างงั้นเหรอ?” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน“ค่ะ” ลลิตาตอบเสียงแข็ง จนพศวัฒน์แทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่ เมื่อได้เห็นท่าทางเคอะเขินว่าที่ภรรยาของเขาในอนาคตคุณกัมป
“ไหนไอ้ตัวดีของฉันมันอยู่ไหน-! เรื่องที่มันบอกจริงหรือหลอกกัน!” ที่คุณวิภพถามหาพศวัฒน์ไม่ใช่อะไร เพราะเขากลัวว่าเจ้าตัวดีของเขาจะโกหก“คุณพ่ออย่าโวยวายสิครับ ว่าที่ลูกสะใภ้กลัวหมดแล้ว” พศวัฒน์เอ็ดพ่อตัวเองที่ยืนโวยวายอยู่คนเดียวคุณวิภพหยุดชะงักไปชั่วครู่หลังจากถูกเอ็ด เขาหันไปมองลลิตาก็เห็นว่าเธอยิ้มให้เล็กน้อยเหมือนสื่อเป็นนัยว่าตกใจอย่างที่ลูกชายของเขาพูดจริง ๆ“สวัสดีค่ะคุณลุง” ลลิตายกมือไหว้อย่างนอบน้อมคุณวิภพยิ้มให้ลลิตาอย่างเอ็นดู แต่ไม่วายหันไปมองค้อนใส่ลูกชายตนเอง เรื่องทั้งหมดที่เป็นแบบนี้เพราะใครกัน หากเล่ารายละเอียดให้ฟังสักนิด และมีเวลาเตรียมตัวสักหน่อย ลลิตาคงไม่เห็นเขาสภาพนี้อย่างแน่นอน“เอาละ ๆ มาครบแล้ว มาคุยเรื่องเด็ก ๆ กันเถอะ” คุณกัมปนาทเรียกสหายตัวเอง จะได้คุยเรื่องสำคัญต่อ“เรื่องหมั้น...” คุณกัมปนาทกำลังขยายความทว่าถูกคุณวิภพพูดตัดเสียก่อน“ที่ดินย่านสาทรหนึ่งไร่ หุ้นโรงแรมในเครือพัฒน์ธนโกศลสิบเปอร์เซ็นต์ บ้านริมแม่น้ำหนึ่งหลัง แล้วก็นี่หนูอ้าย” คุณวิภพให้ลลิตาดูอะไรบางอย่างในไอแพดของเขา“อะไรเหรอคะคุณลุง?” ที่คุณวิภพให้เธอดูนั้นเป็นคอนโดมิเนียมหลายสิบชั้นสุดหร
“ยังไงวันนี้คงต้องขอตัวกลับก่อน เพราะต้องกลับไปเตรียมของหมั้นให้หนูอ้ายด้วย นี่ถ้าเจ้าตัวดีบอกฉันสักนิด คงได้เตรียมมาตั้งแต่เนิ่นแล้ว” คุณวิภพไม่วายมองค้อนใส่เจ้าตัวดีของเขาแม้ว่ามีสิ่งต้องจัดการอีกมากมาย แต่คุณวิภพคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่เขานอนหลับสนิทและมีความสุขที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากวันพรุ่งนี้เขาและเจ้าลูกชายจะมาทำเรื่องหมั้นกับลลิตาอย่างเป็นทางการ “ผมลาก่อนนะครับคุณลุงคุณป้า” พศวัฒน์ยกมือไหว้ลาทั้งสองคนอย่างนอบน้อม“ลุงป้าอะไรกันตาไนต์ เรียกแม่สิลูก” คุณหญิงโสภิตยิ้มให้ว่าที่ลูกเขยอย่างเอ็นดู ในเมื่อพวกเขาจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว พศวัฒน์เองก็ควรเรียกพวกเขาว่าพ่อแม่เหมือนกัน เหมือนอย่างที่คุณวิภพให้ลลิตาเรียกว่าพ่อคนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มรับ “ครับ...คุณพ่อ คุณแม่”หลังจากที่ทั้งสองครอบครัวได้แยกย้ายกันเรียบร้อยแล้ว คุณวิภพและพศวัฒน์ก็กลับมาที่บ้านตัวเองเพื่อเตรียมของหมั้นลลิตาอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้“แกไม่ได้ไปบังคับให้หนูอ้ายมาแต่งงานกับแกเพื่อมาหลอกเอาใจฉันใช่ไหม?” เหมือนคุณวิภพฉุกคิดขึ้นมาได้ คนอย่างพศวัฒน์ไม่ได้เอาใจเขาอยู่แล้ว จึงเปลี่ยนถามคำถามใหม่“ไม่สิแกไม่ได้ไ
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
ส่วนคนกลางอย่างลลิตาได้แต่ปลงตกที่เห็นพ่อลูกฟาดฟันกันแค่เพราะอยากประมูลให้เธอขณะที่หญิงสาวกำลังพูดปลอบใจพศวัฒน์อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแซะขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ“ไหนว่ามีเงินพันล้าน? แต่ไม่เห็นประมูลได้สักชิ้น ทั้งที่ของในงานรวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงแปดร้อยล้านเลยมั้ง” คุณหญิงวิไลลักษณ์ป้องปากหัวเราะกับบรรดาเพื่อน ๆ เธออย่างสะใจแน่นอนว่าเรื่องที่พศวัฒน์พูดโอ้อวดใส่เธอกับลูกว่ามีเงินเป็นพันล้าน หญิงสูงวัยได้เล่าให้คนในสมาคมฟังหมดแล้วลลิตามองดูสองแม่ลูกและคนอื่น ๆ ที่พากันดูถูกพศวัฒน์ เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มโดนดูถูก หากไม่ใช่เพราะเธอห้ามไม่ให้เขาประมูลแข่งกับบิดา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้พศวัฒน์มองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้า เขาเอื้อมไปกุมมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน “อ้ายไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ พี่ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ลลิตาอย่างอ่อนโยน ทว่าในใจเขาคาดโทษบิดาไว้เรียบร้อยขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งฟังเสียงของคนที่พูดแซะพวกเธออยู่นั้น พิธีกรบนเวทีก็ได้เอ่ยถามเจ้าของที่ครอบครองเพชรมากที่สุดในค่ำคืนนี้“ทางเราขออนุญาตสอบถามเหต
หลังจากสองแม่ลูกเดินจากไป ลลิตาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้าอมยิ้ม“ร้ายจังเลยนะคะ”“ร้ายตรงไหนครับ พี่ก็แค่พูดความจริง ว่าแต่อ้ายอยากได้ทั้งหมดจริง ๆ เหรอ”“จะบ้าเหรอพี่ไนต์” หญิงสาวทำหน้าดุใส่เขา “เอาแค่ที่ชอบก็พอค่ะ”เธอรู้ว่าพศวัฒน์สามารถซื้อทั้งหมดได้สบาย แต่วันนี้เธอตั้งใจมาดูสักเซตสองเซตก็พอ เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขนาดนั้น ที่บ้านเธอก็เยอะมากพอแล้ว แล้วไหนจะของหมั้นที่คุณวิภพมอบให้เธออีกตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งชมเครื่องเพชรที่เหล่านางแบบใส่ประชันโฉมกัน แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป จนกระทั่งนางแบบใส่เพชรชุดหนึ่งเดินออกมา“ชุดนี้อ้ายว่าสวยดีนะคะ เหมาะกับคุณแม่พอดีเลย” ลลิตาชี้ให้ชายหนุ่มดูชุดเครื่องประดับที่ลลิตาสนใจ เป็นพลอยทับทิมสีแดงล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามทั้งชุด ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล หรือแม้แต่แหวน ก็ล้วนเป็นลวดลายเดียวกันทั้งเซตขณะนั้นเองพิธีกรประมูลก็ได้เสนอราคาเพชรชุดนี้ให้กับผู้ที่สนใจ“ราคาชุดนี้เริ่มต้นที่ห้าล้าน...”“สิบล้าน” พศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกับบอกราคาประมูลอย่างไม่รีรอ“สิบสองล้าน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นภาคินที่ประมูลแข่งกับเขาพศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกั
“ก็ฉันจะประมูลเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฉัน แกจะทำไม?” คุณวิภพยังคงพูดด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนเดิมพศวัฒน์ถอนหายใจกับคำพูดที่เอาแต่ใจของบิดา เขาถกเถียงเรื่องนี้กับบิดามาสักพักแล้ว และไม่มีทีท่าว่าชายชราผู้นี้จะยอมตัดใจโดยง่าย“อ้ายเป็นว่าที่ภรรยาผมครับ และจะเป็นแม่ของลูกผมด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ” ชายหนุ่มอธิบายเรื่องนี้กับบิดาเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เจอกันในงานคุณวิภพกอดอกแล้วหันหน้ามองทางอื่น “ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะประมูลชุดเพชรเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ไม่ยอมเจ้าตัวดีของเขาเด็ดขาดชายหนุ่มถอนหายใจรอบที่ร้อย ถ้าบิดายืนกรานจะประมูลเพชรแข่งกับเขา ก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ตอนนี้เขาคร้านจะโต้เถียงกับบิดาแล้ว คิดได้อย่างนั้นพศวัฒน์ก็เดินกลับเข้าไปข้างในงานทันที ไม่ได้สนใจชายสูงวัยที่ยืนหันหลังเพราะกำลังแง่งอนตนแม้แต่น้อยทางด้านลลิตาหญิงสาวจิบเครื่องดื่มที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ข้าง ๆ เธอยังคงมีเสียงนกเสียงกาพูดไม่หยุดหย่อน จนกระทั่ง“ป้าคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับหนูอ้ายเลยนะ ดำกับขาวยังไงก็รวมกันไม่ได้อย
รถลีมูซีนหรูหราสีดำขับมาจอดยังหน้าประตูทางเข้าของงานประมูลเครื่องเพชร โดยมีพนักงานคอยต้อนรับและเปิดประตูให้กับคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ประตูทางด้านหลังคนขับทั้งสองฝั่งถูกเปิดโดยพนักงาน เผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูงสง่าสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนลูกครึ่ง ดวงตาคมบ่งบอกถึงอำนาจมองไปรอบ ๆ บริเวณสถานที่จัดงาน พร้อมกับเดินไปยังอีกฝั่งฝ่ามือหนายื่นมือรอให้คนข้างในเอื้อมมากุมมือ หญิงสาวผมลอนยาวอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูสีดำยาวทำให้ขับผิวขาวกระจ่างยิ่งกว่าเดิม ตามร่างกายไม่ว่าจะเป็นใบหูขาว ช่วงลำคอยาวระหง ข้อมือขาว หรือแม้แต่นิ้วนางข้างขวา ล้วนเต็มไปด้วยการสวมใส่เครื่องเพชรเม็ดงามสีเขียวมรกต เป็นของตกทอดสู่รุ่นต่อรุ่นของตระกูลพัฒน์ธนโกศล ซึ่งเป็นของที่คุณวิภพนำมาเป็นของหมั้นให้กับเธอทั้งสองคนเดินเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องมองดูหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินควงแขนเข้ามาในงาน สาวสวยในชุดราตรีเรียบหรูพวกเขารู้จักเป็นอย่างดี เธอคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ซีทีเอ็น ลลิตา โชติธานนท์แต่ผู้ชายข้างกายที่เธอควงแขนมาด้วยวันน
“เท่านิ้วก้อยไม่พอ เรื่องบนเตียงยังห่วย บางทีฉันก็แปลกใจนะคะ มีแค่นี้ยังอยากเจ้าชู้ หรือเป็นปม?” ลลิตาพูดจี้จุด พร้อมกับหมุนดูนิ้วก้อยไปมา เธอไม่ได้สนใจใบหน้าภาคินด้วยซ้ำว่ามีสีหน้ายังไง หญิงสาวยังคงพูดต่อ“แล้วถ้าเทียบกับบริกรกระจอก ๆ ที่คุณดูถูกละก็...” คราวนี้หญิงสาวเปลี่ยนมายกแขนตัวเองแล้วลูบไล้ช่วงแขนอย่างเย้ายวน"ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพถึงความแตกต่าง คุณคือเสากั้นทางเดิน ส่วนสามีฉันคือเสาหลักกิโล พอจะนึกภาพออกไหมคะ?"ระหว่างที่เธอกำลังยียวนกวนประสาทภาคินอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลัง ลลิตาหันหลังไปดูก็เห็นเป็นชายร่างสูงยืนกอดอกพิงประตูกำลังหัวเราะพวกเธออยู่ลลิตาเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาพศวัฒน์ทันที ภาคินกำลังจะเดินตามไปทว่าถูก Guard ของคลับมายืนขวางทางเขาไว้เสียก่อน“พี่ไนต์มาแอบดูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” ท้ายเสียงมีความตื่นตระหนก เพราะเธอเผาขนเรื่องของเขาเยอะพอสมควร“มายืนดูได้สักพักแล้วครับ” ชายร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ใบหน้าที่กำลังแดง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ตั้งแต่ตอนที่อ้ายอวดสรรพคุณพี่ให้เขาฟัง...”พศวัฒน์ยิ้มให้คนกำลังหน้าแดงอย่างเอ็นดู เขาไม่คิดว่าคู่หมั้