“ไหนไอ้ตัวดีของฉันมันอยู่ไหน-! เรื่องที่มันบอกจริงหรือหลอกกัน!” ที่คุณวิภพถามหาพศวัฒน์ไม่ใช่อะไร เพราะเขากลัวว่าเจ้าตัวดีของเขาจะโกหก“คุณพ่ออย่าโวยวายสิครับ ว่าที่ลูกสะใภ้กลัวหมดแล้ว” พศวัฒน์เอ็ดพ่อตัวเองที่ยืนโวยวายอยู่คนเดียวคุณวิภพหยุดชะงักไปชั่วครู่หลังจากถูกเอ็ด เขาหันไปมองลลิตาก็เห็นว่าเธอยิ้มให้เล็กน้อยเหมือนสื่อเป็นนัยว่าตกใจอย่างที่ลูกชายของเขาพูดจริง ๆ“สวัสดีค่ะคุณลุง” ลลิตายกมือไหว้อย่างนอบน้อมคุณวิภพยิ้มให้ลลิตาอย่างเอ็นดู แต่ไม่วายหันไปมองค้อนใส่ลูกชายตนเอง เรื่องทั้งหมดที่เป็นแบบนี้เพราะใครกัน หากเล่ารายละเอียดให้ฟังสักนิด และมีเวลาเตรียมตัวสักหน่อย ลลิตาคงไม่เห็นเขาสภาพนี้อย่างแน่นอน“เอาละ ๆ มาครบแล้ว มาคุยเรื่องเด็ก ๆ กันเถอะ” คุณกัมปนาทเรียกสหายตัวเอง จะได้คุยเรื่องสำคัญต่อ“เรื่องหมั้น...” คุณกัมปนาทกำลังขยายความทว่าถูกคุณวิภพพูดตัดเสียก่อน“ที่ดินย่านสาทรหนึ่งไร่ หุ้นโรงแรมในเครือพัฒน์ธนโกศลสิบเปอร์เซ็นต์ บ้านริมแม่น้ำหนึ่งหลัง แล้วก็นี่หนูอ้าย” คุณวิภพให้ลลิตาดูอะไรบางอย่างในไอแพดของเขา“อะไรเหรอคะคุณลุง?” ที่คุณวิภพให้เธอดูนั้นเป็นคอนโดมิเนียมหลายสิบชั้นสุดหร
“ยังไงวันนี้คงต้องขอตัวกลับก่อน เพราะต้องกลับไปเตรียมของหมั้นให้หนูอ้ายด้วย นี่ถ้าเจ้าตัวดีบอกฉันสักนิด คงได้เตรียมมาตั้งแต่เนิ่นแล้ว” คุณวิภพไม่วายมองค้อนใส่เจ้าตัวดีของเขาแม้ว่ามีสิ่งต้องจัดการอีกมากมาย แต่คุณวิภพคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่เขานอนหลับสนิทและมีความสุขที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากวันพรุ่งนี้เขาและเจ้าลูกชายจะมาทำเรื่องหมั้นกับลลิตาอย่างเป็นทางการ “ผมลาก่อนนะครับคุณลุงคุณป้า” พศวัฒน์ยกมือไหว้ลาทั้งสองคนอย่างนอบน้อม“ลุงป้าอะไรกันตาไนต์ เรียกแม่สิลูก” คุณหญิงโสภิตยิ้มให้ว่าที่ลูกเขยอย่างเอ็นดู ในเมื่อพวกเขาจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว พศวัฒน์เองก็ควรเรียกพวกเขาว่าพ่อแม่เหมือนกัน เหมือนอย่างที่คุณวิภพให้ลลิตาเรียกว่าพ่อคนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มรับ “ครับ...คุณพ่อ คุณแม่”หลังจากที่ทั้งสองครอบครัวได้แยกย้ายกันเรียบร้อยแล้ว คุณวิภพและพศวัฒน์ก็กลับมาที่บ้านตัวเองเพื่อเตรียมของหมั้นลลิตาอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้“แกไม่ได้ไปบังคับให้หนูอ้ายมาแต่งงานกับแกเพื่อมาหลอกเอาใจฉันใช่ไหม?” เหมือนคุณวิภพฉุกคิดขึ้นมาได้ คนอย่างพศวัฒน์ไม่ได้เอาใจเขาอยู่แล้ว จึงเปลี่ยนถามคำถามใหม่“ไม่สิแกไม่ได้ไ
มีอีกเรื่องที่เธอเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน คือลลิตาต้องย้ายเข้ามาอยู่กับพศวัฒน์ตามคำร้องขอของเขาบวกกับพ่อแม่เธอก็เห็นดีเห็นงามด้วย ที่จะให้เธอไปอยู่กับพศวัฒน์ เพราะอย่างน้อย ๆ ก็มีคนช่วยดูแลยามที่เธอเจ็บไข้ได้ป่วย“พี่ไนต์ไดร์เป่าผมอยู่ตรงไหนเหรอคะ?” ลลิตาพยายามหาทั้งในห้องน้ำและห้องแต่งตัวแล้ว แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอเนื่องจากย้ายมาอยู่แบบกะทันหันจึงไม่ได้เตรียมของใช้มา เพราะพรุ่งนี้เธอและพศวัฒน์จะไปซื้อของเข้าบ้านใหม่รวมถึงของใช้เธอด้วย อีกอย่างเสื้อผ้าชายหนุ่มก็เตรียมไว้ให้เธอตั้งแต่วันนั้นแล้ว จึงไม่ได้เอาของใช้มาเลยสักอย่าง รอรวบซื้อใหม่พรุ่งนี้ทีเดียว“ไม่มีครับ อ้ายจะใช้เหรอ?”“ค่ะ พอดีอ้ายสระผมเลยต้องเป่าผมให้แห้งก่อนนอน...แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอ้ายเช็ดเอาก็ได้” พูดจบเธอก็เดินกลับไปยังห้องแต่งตัวเหมือนเดิมเพื่อไปนั่งเช็ดผมให้แห้งในระหว่างที่กำลังเช็ดผมเพลิน ๆ อยู่นั้น คู่หมั้นเธอก็มาแย่งผ้าเช็ดผมของเธอไป“เดี๋ยวพี่เช็ดให้”“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอ้ายเช็ดเอง พี่ไนต์ไปพักผ่อนเถอะค่ะ” ลลิตาไม่พูดเปล่า เธอพยายามแย่งผ้าเช็ดผมผืนนั้นกลับคืนมา“ไม่ครับ อ้ายไม่นอนพี่ก็ไม่นอน” พศวัฒน์ยื
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เองครับ”เธอพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ สายตามองดูคนที่กำลังฉีกถุงยางอนามัย แล้วใส่ครอบลงไปสิ่งที่กำลังผงาดชี้หน้าเธอ พอได้เห็นขนาด ลลิตาถึงกับเผลอกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะมันใหญ่กว่าของภาคินเป็นเท่าตัว!“อ๊ะ!” เสียงลลิตาเล็ดลอดออกมา พร้อมกับมีสีหน้าเหยเก“เจ็บเหรออ้าย?”“ปะ... เปล่าค่ะ” แค่ไม่ชินกับขนาดของเขาเท่านั้นเองเธอพยายามนึกถึงเรื่องของคืนนั้น คืนที่เธอบอกให้พศวัฒน์มาขอเธอแต่งงาน แม้นึกไม่ออก แต่ก็จำได้ในวันถัดมา แต่เรื่องที่ได้เสียกับเขา เธอนึกไม่ออกจริง ๆ หรือเหตุการณ์หลังจากนั้นเธอจะเมาแบบไร้สติพศวัฒน์หรี่ตามองคนที่นอนตรงหน้า ใบหน้าเธอราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในขณะที่เขากำลังสอดใส่ เธอทำเหมือนว่าเขาเป็นอากาศ หรือกำลังเห็นเป็นภาพซ้อนของใคร...ปึก!“อ๊ะ!” ลลิตาถึงกลับร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ ถูกชายหนุ่มดันเข้ามาสุดแรง“คิดอะไรอยู่เหรอครับ?” เสียงทุ้มต่ำกระซิบถามข้างใบหูขาวชายหนุ่มขยับสะโพกออกแล้วดันเข้าไปใหม่ โดยที่ลลิตาไม่ทันได้เอ่ยปากตอบคำถามด้วยซ้ำปึก!เขาทำอยู่อย่างนั้น เน้นย้ำซ้ำ ๆ ตรงจุดเดิม“อ๊ะ พะ พี่ อ๊ะ พี่ไนต์...” น้ำเสียงขาดห้วงในบางช
โดนขนาดนี้ใครบ้างจะไม่เขินอาย ลลิตาถึงกับผละตัวออกจากการกอดแขนเขา แล้วรีบเปิดแค็ตตาล็อกเพื่อดูแหวนคู่ด้วยความรวดเร็ว “ระ เราดูแหวนกันเถอะค่ะ มีแหวนสวยเยอะแยะเลย”พศวัฒน์ยิ้มออกมาอย่างชอบใจกับท่าทีของหญิงสาว แม้เธอจะมีใบหน้าเรียบเฉย แต่สิ่งหนึ่งที่ลลิตาไม่รู้ตัวคือตอนนี้จมูกและใบหูเธอเริ่มเป็นสีแดงเพราะเขินอายการกระทำทั้งสองคนที่ใครเห็นต่างรู้สึกอิจฉากับความรักของทั้งสองคน แต่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของพวกเขาอยู่ในสายตาของคนคนหนึ่งตลอดเวลาภาคินเพิ่งกลับมาถึงไทยไม่กี่วันก่อนหลังจากที่บินไปหาผู้ร่วมลงทุนเจ้าใหม่ที่ต่างประเทศ วันนี้ว่างจึงพาญาดามาเลือกซื้อกระเป๋าแบนด์เนมยี่ห้อดังที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เขาไม่คิดเลยกลับมาครั้งนี้จะเห็นภาพบาดตาบาดใจ ลลิตามากับผู้ชายคนใหม่ ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำที่เขาไปต่างประเทศ เธอกลับควงคนใหม่เสียแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร พนักงานโรงแรมกระจอกคนนั้น คนที่ลลิตาเคยพูดว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอเหอะ! เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าลลิตาจะมีรสนิยมต่ำขนาดนี้ จะมีคนใหม่ทั้งที ทำไมไม่หาที่มันดีกว่านี้หน่อย ไอ้นั่นก็คงรอเสียบอยู่แล้วสินะ“คิน คินได้ยินที่ดาพูดหรือเปล่า”
ลลิตายิ้มแหยะ ๆ ให้ซีนาย “ขอยืมตัวลินแป๊บนะนาย” จากนั้นก็หันไปพูดกับพศวัฒน์ “ขอเวลาแป๊บหนึ่งนะคะ”พูดจบเธอก็ลากเพื่อนเธอเข้าห้องทำงานของพศวัฒน์ โดยไม่ลืมปิดประตูให้เรียบร้อยทันทีที่ปากปาลินเป็นอิสระก็รัวคำถามใส่คนที่ลากเธอมาแบบไม่หยุดยั้ง“แกบอกฉันมาให้หมดเลยนะ เรื่องทั้งหมดคืออะไร ไปคบกันตอนไหน? ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟังบ้างฮะ! แล้วแกกับพี่ไนต์ไปหมั้นกันได้ยังไง เมื่อไหร่ ตั้งแต่วันไหน ฉันจำได้ว่าฉันห่างกับแกแค่สามวัน สามวันสองคืนเท่านั้นที่ฉันห่างแก ไม่ได้คุยกับแก แต่พอมาวันนี้แกบอกฉันว่าแกกับพี่ไนต์หมั้นกันแล้ว อ๋อ... ถ้าฉันไม่ทักมา แกก็ไม่คิดจะบอกฉันเลยใช่ไหม? แกเล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ปาลินหยุดพูดเพื่อพักหายใจเธอกำลังจะอ้าปากถามต่อ ทว่าถูกลลิตาห้ามเอาไว้เสียก่อน“โอ๊ยยยย ยอมแล้ว ๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละ ใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหม แค่นี้ฉันก็สำนึกผิดไม่ทันแล้วเนี่ย” ลลิตาต้องตัดบทพูดเสียก่อน ไม่อย่างนั้นปาลินไม่ยอมหยุดแน่ ๆ แค่นี้เธอก็สำนึกผิดไม่ทันแล้วที่เธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะสถานการณ์ในตอนนั้นมันฉุกละหุก ขนาดตัวเองยังตั้งตัวไม่ทันด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นจะพูดไปเพ
“ไม่อยากทำก็ออกไปจากห้องฉัน แค่นั้นเอง” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซีนายพูดกับเขาสักนิดลลิตายังปวดขาอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องพาเธอออกไปกินข้าวนอกบ้านให้เธอปวดขาหนักกว่าเดิม อีกอย่างดินเนอร์ต้องมีแค่สองคน คือเขากับลลิตาเท่านั้นคนที่ถูกไล่ไม่ได้มีอาการน้อยใจ เขายักไหล่ไม่ได้แยแสคำไล่นั้นสักนิด “ไม่” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าไปก็ไม่ได้กินฝีมือเฮียน่ะสิ นี่...เอาความจริงเลยนะ ถ้าอ้ายไม่หมั้นกับเฮีย ผมก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้กินกับข้าวฝีมือเฮียหรือเปล่า” ซีนายพูดลอย ๆ แสร้งประชดประชันอีกฝ่ายตั้งแต่จำความได้ เขายังไม่เคยได้กินฝีมือทำอาหารพศวัฒน์เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่เคยเห็นพศวัฒน์เข้าครัวด้วยซ้ำ แต่พอได้หมั้นกับลลิตา พศวัฒน์เหมือนถูกปลุกสกิลพ่อบ้านให้ตื่นเสียอย่างนั้น“สองหนุ่มกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ?” ลลิตาเอ่ยถามด้วยความสงสัย“นั่นสิ” ปาลินเองก็สงสัยเหมือนกันกับลลิตาหลังจากที่หยอกล้อกับปาลินจนพอใจแล้ว ทั้งคู่จึงพากันออกมา ทว่าภาพที่พวกเธอเห็นทำเอาคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง ผู้ชายสองคนที่ใส่ผ้ากันเปื้อนพร้อมกับทำอาหารรอพวกเธอเงียบ ๆสองสาวเห็นอย่างนั
เวลาผ่านไป ลลิตาและพศวัฒน์ได้ใช้ชีวิตด้วยกันเรื่อยมาอย่างมีความสุข วันนี้เองก็เช่นกัน ดวงตางามค่อย ๆ ลืมตาตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้“โอ๊ย!” บิดตัวเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ยิ่งส่วนที่ใช้งานหนักอย่างช่วงล่วงยิ่งปวดเข้าไปใหญ่เธอไม่อยากพูดเลยว่าที่ผ่านมาช่วงล่างเธอไม่ได้พักเลยแม้แต่วันเดียว พศวัฒน์เล่นงานหนักแทบทุกวันไม่รู้ว่าเขาอดอยากมาจากไหน ถึงได้ขยันกินเธอทุกค่ำคืนแบบนี้มองไปข้างกายมีเพียงความว่างเปล่าเหมือนอย่างเคยทุกวัน เนื่องจากงานพศวัฒน์ค่อนข้างรัดตัว เพราะต้องดูแลหลายที่ทั้งบริษัทของบิดาและของเขาเอง จึงต้องไปทำงานแต่เช้าทุกวันร่างงามที่ไร้สิ่งปกคลุมร่างกายค่อย ๆ ลุกจากเตียงนอน พร้อมกับหยิบแก้วน้ำส้มที่วางไว้ข้างเตียงเหมือนอย่างเคย ชายหนุ่มจะเตรียมไว้ให้เธอในทุก ๆ เช้า ใบหน้างามอมยิ้มแล้วหยิบยกขึ้นมาดื่ม ก่อนจะลุกไปทำอย่างอื่นต่อหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ขับรถไปยังบริษัทตัวเองเพื่อทำงานอย่างทุก ๆ วัน“มีช่อดอกไม้มาส่งให้คุณอ้ายค่ะ” พิมพ์ภานำช่อดอกไม้มาให้ลลิตาที่ห้องทำงาน“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวอ้ายฝากพี่พิมพ์เอาแจกันมาให้ด้วยนะคะ” เธอยิ
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
ส่วนคนกลางอย่างลลิตาได้แต่ปลงตกที่เห็นพ่อลูกฟาดฟันกันแค่เพราะอยากประมูลให้เธอขณะที่หญิงสาวกำลังพูดปลอบใจพศวัฒน์อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแซะขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ“ไหนว่ามีเงินพันล้าน? แต่ไม่เห็นประมูลได้สักชิ้น ทั้งที่ของในงานรวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงแปดร้อยล้านเลยมั้ง” คุณหญิงวิไลลักษณ์ป้องปากหัวเราะกับบรรดาเพื่อน ๆ เธออย่างสะใจแน่นอนว่าเรื่องที่พศวัฒน์พูดโอ้อวดใส่เธอกับลูกว่ามีเงินเป็นพันล้าน หญิงสูงวัยได้เล่าให้คนในสมาคมฟังหมดแล้วลลิตามองดูสองแม่ลูกและคนอื่น ๆ ที่พากันดูถูกพศวัฒน์ เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มโดนดูถูก หากไม่ใช่เพราะเธอห้ามไม่ให้เขาประมูลแข่งกับบิดา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้พศวัฒน์มองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้า เขาเอื้อมไปกุมมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน “อ้ายไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ พี่ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ลลิตาอย่างอ่อนโยน ทว่าในใจเขาคาดโทษบิดาไว้เรียบร้อยขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งฟังเสียงของคนที่พูดแซะพวกเธออยู่นั้น พิธีกรบนเวทีก็ได้เอ่ยถามเจ้าของที่ครอบครองเพชรมากที่สุดในค่ำคืนนี้“ทางเราขออนุญาตสอบถามเหต
หลังจากสองแม่ลูกเดินจากไป ลลิตาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้าอมยิ้ม“ร้ายจังเลยนะคะ”“ร้ายตรงไหนครับ พี่ก็แค่พูดความจริง ว่าแต่อ้ายอยากได้ทั้งหมดจริง ๆ เหรอ”“จะบ้าเหรอพี่ไนต์” หญิงสาวทำหน้าดุใส่เขา “เอาแค่ที่ชอบก็พอค่ะ”เธอรู้ว่าพศวัฒน์สามารถซื้อทั้งหมดได้สบาย แต่วันนี้เธอตั้งใจมาดูสักเซตสองเซตก็พอ เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขนาดนั้น ที่บ้านเธอก็เยอะมากพอแล้ว แล้วไหนจะของหมั้นที่คุณวิภพมอบให้เธออีกตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งชมเครื่องเพชรที่เหล่านางแบบใส่ประชันโฉมกัน แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป จนกระทั่งนางแบบใส่เพชรชุดหนึ่งเดินออกมา“ชุดนี้อ้ายว่าสวยดีนะคะ เหมาะกับคุณแม่พอดีเลย” ลลิตาชี้ให้ชายหนุ่มดูชุดเครื่องประดับที่ลลิตาสนใจ เป็นพลอยทับทิมสีแดงล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามทั้งชุด ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล หรือแม้แต่แหวน ก็ล้วนเป็นลวดลายเดียวกันทั้งเซตขณะนั้นเองพิธีกรประมูลก็ได้เสนอราคาเพชรชุดนี้ให้กับผู้ที่สนใจ“ราคาชุดนี้เริ่มต้นที่ห้าล้าน...”“สิบล้าน” พศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกับบอกราคาประมูลอย่างไม่รีรอ“สิบสองล้าน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นภาคินที่ประมูลแข่งกับเขาพศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกั
“ก็ฉันจะประมูลเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฉัน แกจะทำไม?” คุณวิภพยังคงพูดด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนเดิมพศวัฒน์ถอนหายใจกับคำพูดที่เอาแต่ใจของบิดา เขาถกเถียงเรื่องนี้กับบิดามาสักพักแล้ว และไม่มีทีท่าว่าชายชราผู้นี้จะยอมตัดใจโดยง่าย“อ้ายเป็นว่าที่ภรรยาผมครับ และจะเป็นแม่ของลูกผมด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ” ชายหนุ่มอธิบายเรื่องนี้กับบิดาเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เจอกันในงานคุณวิภพกอดอกแล้วหันหน้ามองทางอื่น “ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะประมูลชุดเพชรเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ไม่ยอมเจ้าตัวดีของเขาเด็ดขาดชายหนุ่มถอนหายใจรอบที่ร้อย ถ้าบิดายืนกรานจะประมูลเพชรแข่งกับเขา ก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ตอนนี้เขาคร้านจะโต้เถียงกับบิดาแล้ว คิดได้อย่างนั้นพศวัฒน์ก็เดินกลับเข้าไปข้างในงานทันที ไม่ได้สนใจชายสูงวัยที่ยืนหันหลังเพราะกำลังแง่งอนตนแม้แต่น้อยทางด้านลลิตาหญิงสาวจิบเครื่องดื่มที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ข้าง ๆ เธอยังคงมีเสียงนกเสียงกาพูดไม่หยุดหย่อน จนกระทั่ง“ป้าคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับหนูอ้ายเลยนะ ดำกับขาวยังไงก็รวมกันไม่ได้อย
รถลีมูซีนหรูหราสีดำขับมาจอดยังหน้าประตูทางเข้าของงานประมูลเครื่องเพชร โดยมีพนักงานคอยต้อนรับและเปิดประตูให้กับคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ประตูทางด้านหลังคนขับทั้งสองฝั่งถูกเปิดโดยพนักงาน เผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูงสง่าสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนลูกครึ่ง ดวงตาคมบ่งบอกถึงอำนาจมองไปรอบ ๆ บริเวณสถานที่จัดงาน พร้อมกับเดินไปยังอีกฝั่งฝ่ามือหนายื่นมือรอให้คนข้างในเอื้อมมากุมมือ หญิงสาวผมลอนยาวอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูสีดำยาวทำให้ขับผิวขาวกระจ่างยิ่งกว่าเดิม ตามร่างกายไม่ว่าจะเป็นใบหูขาว ช่วงลำคอยาวระหง ข้อมือขาว หรือแม้แต่นิ้วนางข้างขวา ล้วนเต็มไปด้วยการสวมใส่เครื่องเพชรเม็ดงามสีเขียวมรกต เป็นของตกทอดสู่รุ่นต่อรุ่นของตระกูลพัฒน์ธนโกศล ซึ่งเป็นของที่คุณวิภพนำมาเป็นของหมั้นให้กับเธอทั้งสองคนเดินเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องมองดูหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินควงแขนเข้ามาในงาน สาวสวยในชุดราตรีเรียบหรูพวกเขารู้จักเป็นอย่างดี เธอคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ซีทีเอ็น ลลิตา โชติธานนท์แต่ผู้ชายข้างกายที่เธอควงแขนมาด้วยวันน
“เท่านิ้วก้อยไม่พอ เรื่องบนเตียงยังห่วย บางทีฉันก็แปลกใจนะคะ มีแค่นี้ยังอยากเจ้าชู้ หรือเป็นปม?” ลลิตาพูดจี้จุด พร้อมกับหมุนดูนิ้วก้อยไปมา เธอไม่ได้สนใจใบหน้าภาคินด้วยซ้ำว่ามีสีหน้ายังไง หญิงสาวยังคงพูดต่อ“แล้วถ้าเทียบกับบริกรกระจอก ๆ ที่คุณดูถูกละก็...” คราวนี้หญิงสาวเปลี่ยนมายกแขนตัวเองแล้วลูบไล้ช่วงแขนอย่างเย้ายวน"ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพถึงความแตกต่าง คุณคือเสากั้นทางเดิน ส่วนสามีฉันคือเสาหลักกิโล พอจะนึกภาพออกไหมคะ?"ระหว่างที่เธอกำลังยียวนกวนประสาทภาคินอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลัง ลลิตาหันหลังไปดูก็เห็นเป็นชายร่างสูงยืนกอดอกพิงประตูกำลังหัวเราะพวกเธออยู่ลลิตาเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาพศวัฒน์ทันที ภาคินกำลังจะเดินตามไปทว่าถูก Guard ของคลับมายืนขวางทางเขาไว้เสียก่อน“พี่ไนต์มาแอบดูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” ท้ายเสียงมีความตื่นตระหนก เพราะเธอเผาขนเรื่องของเขาเยอะพอสมควร“มายืนดูได้สักพักแล้วครับ” ชายร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ใบหน้าที่กำลังแดง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ตั้งแต่ตอนที่อ้ายอวดสรรพคุณพี่ให้เขาฟัง...”พศวัฒน์ยิ้มให้คนกำลังหน้าแดงอย่างเอ็นดู เขาไม่คิดว่าคู่หมั้