ฟ้าโปรดบีบมือตัวเองจนเลือดแทบจะไหลผ่านไม่ได้ เมื่อสมองหวนกลับไปคิดถึงเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นได้ก่อไว้ เธอก้าวเข้ามาเพื่อทำลายครอบครัวพี่ชายเธอให้ย่อยยับ ทำให้พี่ชายกับพี่สะใภ้เธอต้องแยกทางกันและมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย ในขณะที่คนต้นเรื่องกลับยังเสวยสุขผู้หญิงคนนั้นยังยิ้มได้ผู้หญิงคนนั้นยังใช้ชีวิตสุขสบายไม่ได้ทุกข์ร้อนเลยด้วยซ้ำ ต่างจากพี่สะใภ้ของเธอที่เหมือนตายทั้งเป็น เสียทั้งลูกในท้องและความรักต่างจากพี่ชายแท้ๆ ของเธอที่ต้องอยู่กับตราบาปในใจไปจนวันตายว่าทำให้ครอบครัวแตกแยก ทำให้ความรักพังและลูกก็จากไป แต่พี่ชายเธอก็สมควรได้รับกรรมโทษฐานนอกใจภรรยาตัวเองแต่ของแบบนี้ถ้าไม่มีคนเสี้ยมเธอก็รู้ว่าตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง พอทำลายเสร็จคนต้นเรื่องก็โบกมือลาบินไปชุบตัวที่ต่างประเทศก่อนจะกลับมาสวยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นส่วนปวินท์เขาก็ดูฉลาดดีนี่แต่ทำไมคราวนี้ถึง…โง่นัก คิดแล้วก็อารมณ์เสีย“เราจะไปคิดแทนเขาทำไม ในเมื่อเขาเลือกเองนี่” ฟ้าโปรดส่ายหน้าไล่ความคิดที่ไม่เข้าท่าของตัวเองให้ออกไปจากสมองจนผมปลิว ปวินท์ไม่ใช่คนโง่ที่จะถูกหลอกง่ายๆ แต่เอ๊ะหรือว่าหลายเดือนที่ผ่านมาความฉลาดของเขาจะดรอ
“ถ้าสมมุติ สมมุติเฉยๆ นะ ถ้าวันหนึ่งแฟนเก่าที่เลิกรากันไปเปิดตัวแฟนรักใหม่ ซึ่งแฟนใหม่ของแฟนเก่าเคยทำเรื่องเลวร้ายกับคนในครอบครัวเราจนไม่น่าให้อภัยมาก่อน พวกแกสองคนคิดว่าไง” ฟ้าโปรดไม่รู้จะอธิบายยังไงไม่ให้เรื่องเข้าตัวเองจึงฟังดูงุนงงเล็กน้อย “ถามก่อน เลิกกันแบบมิตรภาพยังอยู่หรือพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี” บัวฟ้าตั้งคำถามทันที เพราะการเลิกมีหลายรูปแบบซึ่งมันจะส่งผลต่อคำตอบในอนาคตเช่นกัน “มิตรภาพยังอยู่แค่ไม่ได้คุยกันอีกหลังจากเลิก ห่างๆ เหินๆ แต่ยังรู้สึกดีๆ ให้กัน”“ไอ้ความรู้สึกดีๆ ที่ว่ามาเนี่ยคือดีฝ่ายเดียวหรือดีทั้งคู่” แดนนี่ยิงคำถามใส่บ้าง “ทั้งคู่…มั้ง” ฟ้าโปรดไม่แน่ใจอีกฝ่ายว่ายังรู้สึกดีกับเธอไหม ทว่าเธอนั้นยังคงรู้สึกดีๆ กับเขาอยู่ แม้จะไม่ได้รักกันแล้วก็ตาม “ถ้าเลิกแบบยังรู้สึกดีๆ ให้กัน ก็คงเดินไปบอกให้เขาตาสว่าง แต่บอกไปแล้วเขาจะตาสว่างหรือยังดำดิ่งก็เรื่องของเขาละทีนี้ กลับกันถ้าเลิกแบบไม่สวยก็รับกรรมไปจ้ะ ไม่สน ไม่แคร์ ชีวิตใครชีวิตมัน ฝ่าด่านเคราะห์กันไปเอง”“ฉันเห็นด้วยกับบัวฟ้า” เมื่อได้ยินแดนนี่พูดแบบนั้น บัวฟ้าจึงยกมือขึ้นทำไฮไฟว์กับแดนนี่พร้อมส่งยิ้มให้กันอย่างร
“อย่ามองแบบนั้นสิ” ฟ้าโปรดพยายามเฉไฉแต่มีหรือจะรอดจากการไต่สวนของบัวฟ้า แม้จะไม่ได้มีอาชีพเป็นตำรวจหรือทนายตาสกิลการซักถามให้ได้คำตอบของเธอนั้นก็ไม่แพ้ใครแน่นอน “ตอบ”“ตอบก็ได้ คือว่าฉันกับคุณปวินท์เคยคบกันจจริงๆ แต่ก็แค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง” เมื่อถูกต้อน ในที่สุดฟ้าโปรดก็ยอมรับ เวลานี้ใบหน้าสวยแดงซ่านไม่รู้ว่าเพราะอายหรือเพราะฤทธิ์เหล้ากันแน่ “ไปคบกันตั้งแต่ตอนไหน เมื่อไหร่ ยังไง คบนานไหม ทำไมเลิก” แดนนี่ยิงคำถามใส่ฟ้าโปรดรัวๆ “ทีละคำถามได้ไหม สมองประมวลคำตอบไม่ทัน”“ทีละคำถามไม่ได้ ตอบมาทั้งหมดนั่นแหละ เร็วๆ” เอ่ยจบแดนนี่ก็เขย่าแขนของฟ้าโปรดไปมา แต่ออกแรงมากไปหน่อยร่างบอบบางของฟ้าโปรดจึงโอนเอนราวกับยืนบนพื้นที่กำลังเกิดแผ่นดินไหว ฟ้าโปรดตีหมับเข้าที่มือของแดนนี่เพื่อให้หยุดเขย่าตัวเธอ ก่อนจะหยิบเหล้ามาดื่มราวกับต้องการย้อมใจตัวเอง จากนั้นจึงพูดออกไป “ฉันรู้จักคุณปวินท์ตอนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ไม่เชิงคบหรอกแค่ทำความรู้จักกันช่วงสั้นๆ น่าจะราวๆ ห้าหกเดือน ช่วงเวลานั้นมันทำให้ฉันมีความสุขมากจริงๆ นะ เขาเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ฉันขาด แต่เพราะงานเรายุ่งกันทั้งคู่โดยเฉพาะฉันที่ต้อ
“ขอข้าวต้มได้ไหม อยากกินอะไรร้อนๆ” เสียงของแดนนี่ดังขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ทว่าหูกลับได้ยินเรื่องของกินเสียแล้ว “ตื่นแล้วหรือไง” “ยัง”“แล้วแมวที่ไหนตอบฉันย่ะ ตื่นแล้วก็พากันไปล้างหน้าอาบน้ำซะ ฉันลงไปบอกแม่บ้านให้เตรียมข้าวต้มให้ก่อน เจอกันที่ครัวเลยแล้วกัน” “โอเค/โอเครรรร” ฟ้าโปรดและแดนนี่เอ่ยรับ ซึ่ง แดนนี่นั้นลากเสียงให้ยาวเป็นพิเศษ จากนั้นเจ้าบ้านอย่างบัวฟ้าก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อบอกแม่บ้านให้เตรียมข้าวต้มให้สักหม้อ ประมาณครึ่งชั่วโมงฟ้าโปรดและแดนนี่ก็ตามไปสมทบ ข้าวต้มร้อนๆ ทำให้ทั้งสามหายแฮงค์ได้เป็นอย่างดี ก่อนมาย้ายที่นั่งมานั่งในห้องนั่งเล่น เพราะนี่เป็นวันหยุดทั้งหมดจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่คนที่หน้าสวยพร้อมแม้จะเป็นวันหยุดก็คือแดนนี่ ในขณะที่ฟ้าโปรดกับบัวฟ้านั้นไม่ได้แต่งหน้าเสียด้วยซ้ำ “ฉันว่าแกควรบอกให้คุณปวินท์ตาสว่างนะ”“เขาจะไม่หาว่าฉันเสือกใช่ไหม” นั่นคือสิ่งที่ ฟ้าโปรดกังวลเพราะไม่อยากทำลายมิตรภาพในอดีตเสียเท่าไหร่ แต่จะปล่อยไว้ก็ไม่ได้อีก แต่เส้นบางๆ ระหว่างหวังดีกับการเสือกก็ใกล้กันจนลังเล “ถ้าเขามองความหวังดีของแก
“คุณพีทสบายดีใช่ไหม” กวินตาลองหยั่งเชิงดูเท่านั้นเองว่าฟ้าโปรดจะมีปฏิกิริยายังไงหากเธอเอ่ยถึงฟ้าใหม่พี่ชาย ซึ่งคนตรงหน้าก็เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าที่คิด “สบายดีค่ะ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็ส่งยิ้มให้กวินตา เธอจะไม่มีทางทำให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ใจกับเรื่องที่ก่อไว้อย่างเด็ดขาด “ดีใจจังที่ได้ยินแบบนี้” “แล้วพี่แก้มล่ะคะสบายดีไหม แต่เท่าที่ดูก็น่าจะสบายดีทั้งๆ ที่ทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังไม่เหลือชิ้นดีแท้ๆ แพมนับถือใจมากๆ เลยค่ะ” คำพูดของฟ้าโปรดทำให้กวินตาชักสีหน้าทันที “พี่ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ เรื่องมันลงเอ่ยแบบนั้นเพราะพี่ชายแพมต่างหาก”“คนที่ไม่รู้ตัวว่าทำชั่วทำผิดอะไรมักจะไม่ยอมรับหรอกค่ะ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็ส่งยิ้มให้กวินตาแต่อีกฝ่ายกลับมีแต่ความบึ้งตึง “ว่าแต่รถคันนี้สวยจัง ได้มายังไงหรือคะ”“ฉันก็ซื้อเองสิ ถามทำไม” กวินตาโกหก“ว้าว จริงเหรอคะเนี่ย ถ้าไม่บอกก็นึกว่าไปปอกลอกใครเขามา” กวินตาไม่พอใจกับคำดูถูกของฟ้าโปรดจนหน้าบึ้งตึง“จะมากไปแล้วนะแพม ยังไงฉันก็เป็นพี่เธอควรให้เกียรติกันมากกว่านี้หน่อย”“ถ้าจำไม่ผิดแพมมีแค่พี่ชายคนเดียว ส่วนพี่ส่วนเกินที่เป็นเหมือนเนื้องอกขอไม่นับดีกว่า” เอ่ยจบ ฟ้าโปรด
“ยังชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่สินะ”“ค่ะ ฉันเป็นคนประเภทถ้าชอบอะไรแล้วก็เปลี่ยนใจยากสักหน่อย” ปวินท์อยากถามเหลือเกินว่าเธอหมายถึงเรื่องความรักด้วยหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสถานะโสดจึงไม่อาจถามแบบนั้นได้จริงๆ“แล้วนี่คุณแพมมาเล่นฟิตเนสที่นี่ด้วยหรือเปล่า”“ใช่ค่ะ”“น่าแปลกเพราะผมก็มาที่นี่ประจำแต่กลับไม่เคยเจอกัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วแอบมองใบหน้าของคนตรงหน้า หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกันแต่เธอก็ยังคงอยู่ในความทรงจำเขาเสมอความรักที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นสวยงามและเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ แม้จะเพียงระยะสั้นๆ ก็ตาม รวมไปถึงสาเหตุของการเลิกราก็ไม่ได้เลิกเพราะไม่รักหรือเกลียดชังแต่เพราะเวลาที่ในตอนนั้นต่างไม่มีให้กันมากกว่า เขากับเธอต่างต้องโฟกัสเรื่องเรียนสุดท้ายจึงค่อยๆ ห่างและลดสถานะลง “คงยังไม่ถึงเวลามั้งคะ” เอ่ยเป็นเลศนัยจบฟ้าโปรดก็หยิบกาแฟขึ้นมาดื่ม นั่นเพราะเธอพยายามสร้างความบังเอิญเพื่อจะได้เจอกับปวินท์มาตลอดแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ“นั่นสิ คงยังไม่ถึงเวลา” คำพูดของปวินท์สื่อความหมายได้หลายๆ อย่าง ฟ้าโปรดสบตากับชายหนุ่มอย่างบังเอิญ จู่ๆ ใจก็เต้นโครมครามรวมถึงหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา“เอ่อ…ไห
“จ้า” เสียงของฟ้าโปรดและบัวฟ้าเอ่ยรับออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน ก่อนที่ฟ้าโปรดจะเอ่ยขึ้น “หลังจากนี้ฉันจะลองหยั่งเชิงคุณเจดูอีกสักหน่อยว่ารักว่าหลงยัยจิ้งจอกนั่นมากแค่ไหน ถ้าหลงมากก็คงต้องใช้ยาแรงหน่อยเพื่อดึงสติแต่ถ้าไม่ก็เบาๆ พอให้ตาสว่าง” “แล้วเกิดคุณปวินท์ยังตามืดบอดอะ ไปต่อหรือพอ” คำถามดังมาจากแดนนี่ “พอ เพราะถ้าช่วยแล้วยังหูหนวกตาบอดอีกก็ปล่อยตามเวรตามกรรม ฉันไม่สนใจคนโง่เหมือนกัน”“แต่คนโง่ที่ว่าแกก็ยังรู้สึกดีๆ ให้เขาอยู่นี่” คำพูดของบัวฟ้าทำเอาฟ้าใหม่เกิดอาการอึกๆ อักๆ รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที “กะ…ก็ตอนนี้เขาโสดให้ฉันสานต่อไหมเล่า ก็ไม่”“แล้วเกิดเขาโสด แกจะรื้อฟื้นถ่านไฟเก่าที่ยังมีเชื้อไฟขึ้นมาใหม่ไหม”“ถ้าเขาพร้อมจะรื้อฉันก็พร้อมจะสุมไฟให้โชติช่วง” แดนนี่ตบมือชุดใหญ่ให้กับคำพูดประโยคนี้ของฟ้าโปรดทันที เพราะมันโดนใจเขาเต็มๆ นั่นเอง “โอเค งั้นก็ตกลงตามนี้” บัวฟ้าเอ่ยบอก ไหนๆ จะลุยแล้วก็ไปให้สุด ฟ้าโปรดยังไม่ทันขอนัดปวินท์ชายหนุ่มก็เสนอมาเสียก่อน โดยสถานที่ให้หญิงสาวเป็นคนเลือกซึ่งเธอก็เลือกร้านอาหารของบัวฟ้า โดยเจ้าของร้านเลือกโต๊ะที่ดีที่สุดให้พวกเขาการได้นัดหมายกับอดีตคนร
เมื่อปวินท์กลับมาสมทบที่โต๊ะก็ประจวบกับอาหารที่สั่งไปทยอยมาเสิร์ฟ ทั้งสองแข่งกันดูแลฟ้าโปรดอย่างไม่รู้ตัว คนหนึ่งเช็ดจานอีกคนชิงเช็ดช้อน แดนนี่ตักข้าวใส่จานให้ฟ้าโปรดในขณะที่ปวิทน์ก็ตักกับข้าวใส่จานให้เธอเช่นกัน ทั้งสามคนคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระแต่ทุกอย่างกลับบ่งบอกถึงความสนิทสนม แดนนี่คอยสังเกตท่าทางของปวินท์ที่มีต่อฟ้าโปรดซึ่งเขาพอจะได้คำตอบอะไรบางอย่างเช่นกัน ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน จึงปรายตามองไปยังหนุ่มหล่อคนนั้นบ้างแม้จะกลัวคำสาปแช่งของฟ้าโปรดมากแค่ไหนทว่าใจมันก็เรียกร้อง เพราะแบบนั้นทำให้ปวินท์รู้สึกเอะใจว่าแดนนี่เป็นผู้ชายแบบไหน เขาจริงใจกับฟ้าโปรดหรือเข้ามาแค่ปอกลอกเธอเท่านั้น ที่สำคัญแดนนี่เป็นชายแท้หรือเปล่า แม้จะสงสัยแต่ปวินท์ก็ไม่มีจังหวะได้พิสูจน์ การกินอาหารด้วยกันครั้งนี้ ปวินท์อาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงคนทั้งคู่อย่างเต็มใจ แม้แดนนี่ค้านหัวชนฝาแต่สุดท้ายก็ต้องยอม “ขอบคุณนะคะที่เป็นเจ้ามือ”“ยินดีครับ” เอ่ยรับเสร็จปวินท์ก็ส่งยิ้มให้ฟ้าโปรดซึ่งแดนนี่ก็ยังสังเกตเขาอยู่เงียบๆ แต่ก็ได้คำตอบจนพอใจแล้วเหมือนกัน “มื้อหน้าผมขอเป็นเจ้ามือบ้างนะครับ อย่าปฏ
เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไรและเธอก็ต้องการเช่นเดียวกัน ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่าบ่งบอกถึงไฟปรารถนาที่กำลังปะทุ ปวินท์ค่อยๆ พาฟ้าโปรดลงนอนบนเตียงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถอนจูบออกด้วยซ้ำพร้อมกับขยับขึ้นคร่อมทับเธอไว้ จูบจากเขายังคงดูดดื่มเร่าร้อน ส่วนมือก็แสนซุกซนจนทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัว แต่จู่ๆ ฟ้าโปรดก็พลิกขึ้นไปนั่งคร่อมปวินท์ ชายหนุ่มแปลกใจแต่ก็ยินดีหากเธอจะเป็นคนคุมเกมรักในครั้งนี้ โดยใช้สิทธิ์เจ้าของวันเกิดนั่นเอง “อา” เสียงครางดังมาจากปวินท์ เมื่อฟ้าโปรดโน้มใบหน้าลงไปหยอกเย้าหน้าอกเขาด้วยปากอุ่นจัดสลับกับปลายลิ้นที่ตวัดหยอกเย้าโดยบางครั้งก็ดูดหนักๆ จนชายหนุ่มถึงกับแอ่นหน้าอกขึ้นรับ ทว่าความทรมานที่แสนซาบซ่านก็ไม่ได้มีแค่นั้น เมื่อฟ้าโปรดลากริมฝีปากร้อนผ่าวต่ำลงบริเวณหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เรียกว่าซิกแพคของชายหนุ่ม ปวิทน์ถึงกับเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องปลายเท้าจิกเกร็งเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถูกเธอจูบแต่ครั้งนี้เธอทำมากกว่าที่เคย กล้าสัมผัสร่างกายเขามากกว่าทุกครั้ง ปวินท์บอกให้ตัวเองใจเย็นๆ เข้าไว้ นอนรอรับสัมผัสที่ฟ้าโปรดกำลังจะมอบให้ เพราะก่อนหน้าเข
“ผมรักคุณ” แทนที่จะขานรับแต่ปวินท์กลับบอกรักฟ้าโปรดอย่างหนักแน่น แววตาของชายหนุ่มสื่อความหมายว่าเขาไม่ได้พูดเพียงเพราะอารมณ์พาไปเท่านั้น ก่อนจะมอบจูบให้คนในอ้อมกอดอีกครั้ง โดยครั้งนี้ยังคงยาวนานจนฟ้าโปรดเกือบขาดอากาศหายใจ เมื่อเขาถอนจุมพิตออกเธอถึงกับสูดอากาศเข้าปอดเพื่อหายใจแรงๆ “เราจะมีลูกกันกี่คนดีครับ”“ยังไม่แต่งงานก็ถามเรื่องลูกแล้ว ข้ามนั้นไปหน่อยหรือเปล่าคะ” ฟ้าโปรดเอ่ยถามอายๆ “งั้นก็แต่งกันพรุ่งนี้ มะรืนปั๊มลูก ปลายปีคุณคลอด โอเคทุกอย่างลงตัวเป๊ะ”“มั่นใจขนาดนั้นเชียวว่าฉันจะคลอดลูกปีนี้”“มั่นใจ” ปวินท์เม้มริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย ในสายตาของฟ้าโปรดเวลานี้ทำไมถึงมองว่าท่าทางของเขาดูเซ็กซี่เหลือเกินฟ้าโปรดยกมือขึ้นคล้องลำคอชายหนุ่มไว้แล้วออกแรงรั้งเขาลงมาจากนั้นก็มอบจูบให้ ซึ่งนี่คือการจูบเขาก่อนเป็นครั้งแรกโดยปวินท์ก็ตามน้ำด้วยการประคองจูบครั้งนี้ให้ยาวนานเท่าที่จะทำได้ เขาได้ยินฟ้าโปรดกระซิบบอกว่ารักแม้มันจะแผ่วเบาแต่มันกลับทำให้หัวใจคนฟังอย่างเขาพองโต เขารู้วิธีที่จะทำให้ฟ้าโปรดเร่าร้อนรวมถึงคล้อยตามและตอบสนองเขาด้วยความเต็มใจ จากนั้นทั้งคู่ก็ซ้อมเข้าหอกันก่อนถึงวันจร
“ผมยอมรับว่าตัวเองโง่เพราะเคยคิดที่จะจริงจังกับคุณแก้มเธอจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงลืมคุณไม่ได้เสียที คุณเอาแต่ตามหลอกหลอนผม” นั่นคือเหตุผลว่าเพราะอะไรที่ผ่านมาปวินท์ถึงไม่คบใครกระทั่งเจอกับกวินตา ซึ่งจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเป็นเธอ อาจมีบางสิ่งบางอย่างหรืออะไรก็ตามดลจิตดลใจให้เขากับกวินตารู้จักเพื่อสานสัมพันธ์กัน แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างหรืออะไรก็ตามเป็นตัวผลักกรรมที่เธอเคยทำไว้ให้เวียนเข้ามาสนองได้เร็วขึ้น “ฉันคนนะไม่ใช่ผี จะได้ตามหลอกหลอนคุณ”“ขอบคุณนะครับที่คุณพยายามช่วยผมมาตลอด ผมไม่โกรธไม่เคืองแม้จะรู้ความจริงแล้วว่าคุณไว้วานให้คุณแดนนี่มาเป็นคนรักปลอมๆ ให้”“รู้แล้วเหรอคะ” “ครับ คุณแดนนี่น่าจะเมาจนสารภาพกับคริสหมดทุกอย่างแล้ว”“แดนนี่นะแดนนี่ มันน่านัก” ฟ้าโปรดแยกเขี้ยวใส่แดนนี่ แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นเพราะมั่นใจว่าแดนนี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแน่นอน “คุณยังรู้สึกดีๆ กับผมอยู่ใช่ไหม”“วกมาเรื่องนี้ทำไม”“ว่าไงครับ ผมรอฟังคำตอบอยู่”“ถ้าคุณโสดแล้วฉันจะตอบ” ที่ตอบแบบนี้เพราะยังเข้าใจว่าตอนนี้ปวินท์ยังไม่ได้เลิกรากับกวินตานั่นเอง จึงอยากซื้อเวลาให้
ในขณะที่ฟ้าโปรดซึ่งเวลานี้ยังไม่รู้สถานการณ์ของปวินท์และกวินตาว่าชายหนุ่มได้บอกเลิกอีกฝ่ายแล้วนั้นก็กำลังชั่งใจว่าเธอควรเตือนสติปวินท์อีกครั้งหรือปล่อยไป สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะยื่นมือเข้าไปทำให้ปวินท์ตาสว่างเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งๆ ที่แดนนี่และบัวฟ้าห้ามแล้วก็ยังดื้อไม่ฟัง “คุณอยู่ไหน” ฟ้าโปรดที่ตัดสินใจโทรหาปวินท์ก่อนเอ่ยถามทันทีที่ชายหนุ่มรับสาย“บ้านครับ” เจ้าของเสียงดูร่าเริงเป็นพิเศษที่จู่ๆ วันนี้ฟ้าโปรดก็โทรหา ความรู้สึกเสียอกเสียใจที่ต้องเลิกรากับกวินตาไปนั้นแทบไม่มี นั่นเพราะเธอทำตัวเธอเองผลที่ออกมาจึงเป็นไปในทางลบเช่นกัน “ฉันไปหาได้ไหม” “จะดีเหรอคุณ ดึกแล้วนะ” คำพูดกวนๆ ของปวินท์ทำเอาฟ้าโปรดควันออกหู “ฉันแค่ไปหา ไปคุยธระด้วยไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีแต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ฉันจะถือว่าได้พยายามแล้ว”“ใจเย็นสิครับอย่าพึ่งโมโห วางสายก่อนเดี๋ยวผมส่งพิกัดไปให้” เมื่อได้ยินแบบนั้นฟ้าโปรดก็วางสายไปทันที ปวินท์จึงจัดการส่งตำแหน่งผ่านทางข้อความไลน์ไปบอกเธอ ตามด้วยข้อความแสดงความเป็นห่วงไปอีกหนึ่งประโยค ‘ขับรถดีๆ นะครับ ไม่ต้องรีบ’ ฟ้าโปรดไม่ได้สนใจข้อความสุดท้ายของเขา เพราะเมื่อได้ท
“อ้อ…ว่าแต่คุณอยากเจอฉันทำไมหรือคะ” “ไม่มีเหตุผลครับ” “ถ้าไม่มีเหตุผลก็เชิญกลับเถอะค่ะ งานฉันยุ่ง” ฟ้าโปรดไล่ปวินท์กลับเอาดื้อๆ ใจชักจะร้อนรุ่มขึ้นมาหน่อยๆ “โกรธอะไรผมหรือเปล่า” “คุณสำคัญกับฉันถึงขนาดต้องโกรธด้วยเหรอ” “โกรธอยู่แน่ๆ คงเพราะเรื่องคุณแก้มใช่ไหม” ปวินท์เดาได้ถูกราวกับมานั่งอยู่ในใจของฟ้าโปรด เมื่อเขาจับได้แบบนี้เธอจึงต้องเฉไฉเอาตัวให้รอด “ขอไม่ตอบนะคะ” “โอเค งั้นผมไม่กวนเวลาทำงานคุณดีค่ะ” “เอ้” ฟ้าโปรดอุทานออกมาอย่างงุนงง “กลับก่อนนะครับ ไว้วันหลังผมจะแวะมาใหม่” เอ่ยบอกเสร็จปวินท์ก็ลุกขึ้นจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทำงานของฟ้าโปรด ทำเอาเจ้าของห้องนั่งกะพริบตาปริบๆ มองตามหลังเขาไปอย่างงุนงง สรุปเขามาเพื่อปั่นประสาทเธอใช่ไหม ปวินท์ยืนยิ้มคนเดียวอยู่ในลิฟต์ แค่ได้เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียง แค่ได้รู้ว่าเธอเป็นห่วงเขาก็มากพอแล้ว หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ฟ้าโปรดยังคงงงกับพฤติกรรมของปวินท์ เพราะหลังจากนั้นสองวันกวินตาก็โพสต์ผ่านโซเชียลว่าเธอกับชายหนุ่มไปดินเนอร์ด้วยกัน สถานะของพวกเขายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนทำให้กวินตายิ่งลำพองใจว่าเอา ปวินท์ได้อยู่หมัด หนำซ้ำวัน
ถ้าไม่ได้ฟ้าโปรดเขาก็คงโง่ให้กวินตาหลอกปั่นหัวไปอีกนาน เพราะฉะนั้นเขาต้องตอบแทนฟ้าโปรดด้วยการเอาตัวเองใส่พานแล้วยกให้เธอไปครอง‘ครับ แล้วนี่คุณต้องไปพบคุณหมออีกทีเมื่อไหร’‘เดือนหน้าค่ะ’‘รู้กำหนดวันแน่ชัดแล้วหรือยัง’‘รู้ค่ะ’กวินตาพิมพ์ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี โดยลืมเอะใจอะไรบางอย่างเสียสนิท ‘วันที่เท่าไหร่ครับ ผมจะได้ไปกับคุณด้วย’เมื่อครู่เธอยังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ แต่พออ่านประโยคนี้ของปวินท์อารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันที‘เอ่อ…น่าจะสิบหกมั้งคะ ฉันก็จำได้ไม่ค่อยแม่น’ ‘บอกวันที่กับผมอีกที ผมอยากไปกับคุณด้วย’ ‘ได้ค่ะ’กวินตาพิมพ์ตอบรับกลับมาก่อนแล้วค่อยหาทางแก้สถานการณ์เอาทีหลัง ทั้งคู่คุยกันอีกหลายนาทีก่อนที่กวินตาจะขอตัวไปพักโดยให้เหตุผลว่าเธอรู้สึกพะอืดพะอมซึ่งปวินท์ก็ไม่ได้ค้านอะไร แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นโทรศัพท์มือถือของกวินตาก็ลอยไปอีกทางเพราะเธอขว้างมันไปเอง ปวินท์ถามทุกอย่างเกี่ยวเรื่องท้องเกี่ยวกับลูก แต่กลับเว้นไว้เพียงเรื่องที่เธอกำลังรอให้เขาถามนั่นคือเรื่องแต่งงาน เมื่อไหร่จะพูด เมื่อไหร่จะถาม เมื่อไหร่จะบอกเราแต่งงานกันนะที่รักหรือคำพูดง่ายๆ ว่าผมรักคุณ ปวินท์ก็ยังไม่เคย
“เหมือนกันราวกับแกะ”“อะไรนะครับ” “คุณก็ไม่ใช่คนโง่นี่ทำไมถึงถูกปั่นหัวจนหมดสภาพได้ถึงขนาดนี้” คำพูดของฟ้าโปรดยิ่งทำให้ปวินท์งุนงงเข้าไปใหญ่“ผมเหรอถูกปั่นหัว จากใคร”“จากยัยจิ้งจอกเก้าหางที่ส่งรูปอัลตราซาวด์ทิพย์นี่มาให้คุณไงคะ”“ยัยจิ้งจอกเก้าหางหมายถึงคุณแก้มอย่างนั้นเหรอ” “ใช่” ฟ้าโปรดพยักหน้ารับในขณะที่ปวินท์ยังคงจับต้นชนปลายยังไม่ได้เท่าไหร่ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อให้คลายความสงสัยไปทีละข้อ “แล้วที่คุณพูดว่ารูปอัลตราซาวด์ทิพย์คืออะไร มันไม่มีจริงใช่ไหม”“อืม…โอเค ฉันจะเล่าอะไรให้คุณฟัง ฟังจบแล้วคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของคุณ” เสียงถอนหายใจดังมาจากฟ้าโปรดเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับครอบครัวพี่ชายเธอให้ปวินท์ฟังอย่างละเอียด ครอบครัวที่แสนอบอุ่นแต่ต้องมาพังทลายเพราะผู้หญิงที่ชื่อว่ากวินตา ผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของคนอื่นเพียงเพราะความสนุกและอยากเอาชนะ เมื่อได้ทุกอย่างเธอก็สะบัดก้นหนีไปชุบตัวที่ต่างประเทศ เสวยสุขกับเงินที่ได้ไปจนพอใจแล้วกลับมาราวกับไม่เคยก่อกรรมกับใครไว้ภาพอัลตราซาวด์ทิพย์ที่หาได้จากกูเกิ้ลภาพซองยาบำรุงครรภ์จากโรงพยาบาลที่ปริ้
หลายวันมานี้เขามีเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงไม่ติดต่อหาเธอเหมือนที่เคยทำ นั่นเพราะอยากอยู่กับตัวเอง เขาค่อนข้างมั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกวินตาอาจไปกันไม่ได้ แต่ไม่อยากดึงฟ้าโปรดเข้ามาแล้วถูกคนอื่นกล่าวหาว่าเธอเป็นมือที่สามทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ก่อนหน้านี้เขากำลังเริ่มต้นใหม่กับกวินตาก็จริงแต่ในใจเขากลับไม่เคยลืมฟ้าโปรดได้เลยแม้แต่วันเดียว ถ้าถามหาคนผิดมันจึงควรเป็นเขาไม่ใช่ใครอื่น เพราะแบบนั้นเขาจึงอยากจบทุกอย่างกับกวินตาให้ดีกว่านี้แต่ก็ต้องรอให้เธอกลับจากต่างประเทศเสียก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่อาจทำแบบนั้นได้อีกแล้ว ไม่ได้จริงๆ‘ผมขอโทษ’นั่นคือประโยคที่ปวินท์เอาแต่พร่ำบอกฟ้าโปรดก่อนที่ชายหนุ่มจะขอตัว เขาไม่เปิดช่องว่างให้เธอได้พูดหรือบอกอะไรด้วยซ้ำ เอาแต่พูดขอโทษซ้ำๆ ราวกับคนที่พึ่งฆ่าคนตายมาหยกๆ เห็นแบบนั้นแล้วฟ้าโปรดก็ทั้งสงสารและโกรธ ผู้ชายเป็นอะไรกันหมดถึงตามผู้หญิงไม่ค่อยทัน โง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่“ปล่อยให้โง่ไปอีกสักพักแล้วกัน” ฟ้าโปรดเอ่ยกับตัวเองแต่ก็ยังจับตามองเขารวมไปถึงกวินตาอยู่เสมอ เรื่องนี้แดนนี่และบัวฟ้าก็รับรู้มาตั้งแต่ต้น “แกห้ามบอกให้คุณคริสรู้เรื่องที่ยัยจิ้งจอกเก้า
แต่ถึงอย่างนั้นความสัมพันธ์ของปวินท์และกวินตาก็ยังคงยืดเยื้ออีกเป็นเดือนๆ เพราะหญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้ ปวินท์ได้คุยด้วยซ้ำพอถูกเขาตื๊อหนักเขาก็บินไปต่างประเทศเสียดื้อๆ ทำตัวเหมือนปกติทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ปกตินั่นยิ่งทำให้ ปวินท์เกิดความอึดอัดนั่นจึงทำให้เขาขาดการติดต่อกับฟ้าโปรดไปด้วย“คุณเจแปลก” สีหน้าของฟ้าโปรดเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ส่วนแดนนี่และบัวฟ้าที่อยู่ด้วยก็เริ่มทำหน้าฉงนตามเช่นกัน “แปลกยังไง” แดนนี่เอ่ยถามก่อนซึ่งมันเป็นคำถามที่ตรงใจของบัวฟ้า “เขาหายไปเลย” น้ำเสียงของฟ้าโปรดดูกังวล“หายไปเลยเหรอ ถ้าหายไปเลยก็น่าคิด” บัวฟ้าเอ่ยขึ้นบ้าง“อือ ปกติเขาจะส่งไลน์มาหา ทักทายหรือถามคำถามทั่วๆ ไป แต่นี่เขาหายไปหลายวันแล้ว” ยิ่งพูดสีหน้าของฟ้าโปรดก็ยิ่งเครียดจนหัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อก่อนเธอไม่เคยต้องมานั่งรอข้อความจากปวินท์เพราะรู้ว่าชายหนุ่มจะส่งมาหาในทุกๆ วัน แถมยังแกล้งเมินเฉยใส่เขาบ่อยๆ แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงเฝ้ารอและเป็นห่วงเขาทว่ากลับไม่กล้าโทรหรือส่งข้อความอะไรไปหา ได้แต่รออย่างร้อนใจอยู่คนเดียวเป็นบ้าคนเดียว เฮ้อ “แกก็ส่งข้อความไปหาเขาสิ” บัวฟ้าเสนอ“จะดีเหรอ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็