“คุณพีทสบายดีใช่ไหม” กวินตาลองหยั่งเชิงดูเท่านั้นเองว่าฟ้าโปรดจะมีปฏิกิริยายังไงหากเธอเอ่ยถึงฟ้าใหม่พี่ชาย ซึ่งคนตรงหน้าก็เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าที่คิด “สบายดีค่ะ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็ส่งยิ้มให้กวินตา เธอจะไม่มีทางทำให้ผู้หญิงตรงหน้าได้ใจกับเรื่องที่ก่อไว้อย่างเด็ดขาด “ดีใจจังที่ได้ยินแบบนี้” “แล้วพี่แก้มล่ะคะสบายดีไหม แต่เท่าที่ดูก็น่าจะสบายดีทั้งๆ ที่ทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังไม่เหลือชิ้นดีแท้ๆ แพมนับถือใจมากๆ เลยค่ะ” คำพูดของฟ้าโปรดทำให้กวินตาชักสีหน้าทันที “พี่ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ เรื่องมันลงเอ่ยแบบนั้นเพราะพี่ชายแพมต่างหาก”“คนที่ไม่รู้ตัวว่าทำชั่วทำผิดอะไรมักจะไม่ยอมรับหรอกค่ะ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็ส่งยิ้มให้กวินตาแต่อีกฝ่ายกลับมีแต่ความบึ้งตึง “ว่าแต่รถคันนี้สวยจัง ได้มายังไงหรือคะ”“ฉันก็ซื้อเองสิ ถามทำไม” กวินตาโกหก“ว้าว จริงเหรอคะเนี่ย ถ้าไม่บอกก็นึกว่าไปปอกลอกใครเขามา” กวินตาไม่พอใจกับคำดูถูกของฟ้าโปรดจนหน้าบึ้งตึง“จะมากไปแล้วนะแพม ยังไงฉันก็เป็นพี่เธอควรให้เกียรติกันมากกว่านี้หน่อย”“ถ้าจำไม่ผิดแพมมีแค่พี่ชายคนเดียว ส่วนพี่ส่วนเกินที่เป็นเหมือนเนื้องอกขอไม่นับดีกว่า” เอ่ยจบ ฟ้าโปรด
“ยังชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่สินะ”“ค่ะ ฉันเป็นคนประเภทถ้าชอบอะไรแล้วก็เปลี่ยนใจยากสักหน่อย” ปวินท์อยากถามเหลือเกินว่าเธอหมายถึงเรื่องความรักด้วยหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสถานะโสดจึงไม่อาจถามแบบนั้นได้จริงๆ“แล้วนี่คุณแพมมาเล่นฟิตเนสที่นี่ด้วยหรือเปล่า”“ใช่ค่ะ”“น่าแปลกเพราะผมก็มาที่นี่ประจำแต่กลับไม่เคยเจอกัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วแอบมองใบหน้าของคนตรงหน้า หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกันแต่เธอก็ยังคงอยู่ในความทรงจำเขาเสมอความรักที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นสวยงามและเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ แม้จะเพียงระยะสั้นๆ ก็ตาม รวมไปถึงสาเหตุของการเลิกราก็ไม่ได้เลิกเพราะไม่รักหรือเกลียดชังแต่เพราะเวลาที่ในตอนนั้นต่างไม่มีให้กันมากกว่า เขากับเธอต่างต้องโฟกัสเรื่องเรียนสุดท้ายจึงค่อยๆ ห่างและลดสถานะลง “คงยังไม่ถึงเวลามั้งคะ” เอ่ยเป็นเลศนัยจบฟ้าโปรดก็หยิบกาแฟขึ้นมาดื่ม นั่นเพราะเธอพยายามสร้างความบังเอิญเพื่อจะได้เจอกับปวินท์มาตลอดแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ“นั่นสิ คงยังไม่ถึงเวลา” คำพูดของปวินท์สื่อความหมายได้หลายๆ อย่าง ฟ้าโปรดสบตากับชายหนุ่มอย่างบังเอิญ จู่ๆ ใจก็เต้นโครมครามรวมถึงหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา“เอ่อ…ไห
“จ้า” เสียงของฟ้าโปรดและบัวฟ้าเอ่ยรับออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน ก่อนที่ฟ้าโปรดจะเอ่ยขึ้น “หลังจากนี้ฉันจะลองหยั่งเชิงคุณเจดูอีกสักหน่อยว่ารักว่าหลงยัยจิ้งจอกนั่นมากแค่ไหน ถ้าหลงมากก็คงต้องใช้ยาแรงหน่อยเพื่อดึงสติแต่ถ้าไม่ก็เบาๆ พอให้ตาสว่าง” “แล้วเกิดคุณปวินท์ยังตามืดบอดอะ ไปต่อหรือพอ” คำถามดังมาจากแดนนี่ “พอ เพราะถ้าช่วยแล้วยังหูหนวกตาบอดอีกก็ปล่อยตามเวรตามกรรม ฉันไม่สนใจคนโง่เหมือนกัน”“แต่คนโง่ที่ว่าแกก็ยังรู้สึกดีๆ ให้เขาอยู่นี่” คำพูดของบัวฟ้าทำเอาฟ้าใหม่เกิดอาการอึกๆ อักๆ รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที “กะ…ก็ตอนนี้เขาโสดให้ฉันสานต่อไหมเล่า ก็ไม่”“แล้วเกิดเขาโสด แกจะรื้อฟื้นถ่านไฟเก่าที่ยังมีเชื้อไฟขึ้นมาใหม่ไหม”“ถ้าเขาพร้อมจะรื้อฉันก็พร้อมจะสุมไฟให้โชติช่วง” แดนนี่ตบมือชุดใหญ่ให้กับคำพูดประโยคนี้ของฟ้าโปรดทันที เพราะมันโดนใจเขาเต็มๆ นั่นเอง “โอเค งั้นก็ตกลงตามนี้” บัวฟ้าเอ่ยบอก ไหนๆ จะลุยแล้วก็ไปให้สุด ฟ้าโปรดยังไม่ทันขอนัดปวินท์ชายหนุ่มก็เสนอมาเสียก่อน โดยสถานที่ให้หญิงสาวเป็นคนเลือกซึ่งเธอก็เลือกร้านอาหารของบัวฟ้า โดยเจ้าของร้านเลือกโต๊ะที่ดีที่สุดให้พวกเขาการได้นัดหมายกับอดีตคนร
เมื่อปวินท์กลับมาสมทบที่โต๊ะก็ประจวบกับอาหารที่สั่งไปทยอยมาเสิร์ฟ ทั้งสองแข่งกันดูแลฟ้าโปรดอย่างไม่รู้ตัว คนหนึ่งเช็ดจานอีกคนชิงเช็ดช้อน แดนนี่ตักข้าวใส่จานให้ฟ้าโปรดในขณะที่ปวิทน์ก็ตักกับข้าวใส่จานให้เธอเช่นกัน ทั้งสามคนคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระแต่ทุกอย่างกลับบ่งบอกถึงความสนิทสนม แดนนี่คอยสังเกตท่าทางของปวินท์ที่มีต่อฟ้าโปรดซึ่งเขาพอจะได้คำตอบอะไรบางอย่างเช่นกัน ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน จึงปรายตามองไปยังหนุ่มหล่อคนนั้นบ้างแม้จะกลัวคำสาปแช่งของฟ้าโปรดมากแค่ไหนทว่าใจมันก็เรียกร้อง เพราะแบบนั้นทำให้ปวินท์รู้สึกเอะใจว่าแดนนี่เป็นผู้ชายแบบไหน เขาจริงใจกับฟ้าโปรดหรือเข้ามาแค่ปอกลอกเธอเท่านั้น ที่สำคัญแดนนี่เป็นชายแท้หรือเปล่า แม้จะสงสัยแต่ปวินท์ก็ไม่มีจังหวะได้พิสูจน์ การกินอาหารด้วยกันครั้งนี้ ปวินท์อาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงคนทั้งคู่อย่างเต็มใจ แม้แดนนี่ค้านหัวชนฝาแต่สุดท้ายก็ต้องยอม “ขอบคุณนะคะที่เป็นเจ้ามือ”“ยินดีครับ” เอ่ยรับเสร็จปวินท์ก็ส่งยิ้มให้ฟ้าโปรดซึ่งแดนนี่ก็ยังสังเกตเขาอยู่เงียบๆ แต่ก็ได้คำตอบจนพอใจแล้วเหมือนกัน “มื้อหน้าผมขอเป็นเจ้ามือบ้างนะครับ อย่าปฏ
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของคริสเช่นเดียวกับ ปวินท์ นั่นทำให้ผู้บริหารหนุ่มเหม่อทั้งๆ ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับกวินตา โดยทุกอย่างในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องของฟ้าโปรดทั้งนั้น “คุณเจคะ คุณเจ”“ครับ”“คิดอะไรในใจอยู่หรือเปล่าคะ แก้มเรียกคุณตั้งหลายครั้งแล้วคุณก็ยังไม่ตอบรับกลับมา” กวินตาแสร้งทำสีหน้าผิดหวังเพื่อให้ดูน่าสงสาร “ขอโทษครับแก้ม พอดีผมเอาเรื่องงานมาคิดนิดหน่อย”“อย่างนั้นเหรอคะ พักนี้คุณดูยุ่งๆ เครียดๆ ชอบกล ถ้ามีอะไรให้แก้มช่วยก็บอกนะคะ แก้มยินดี” แม้เรื่องทำงานจะไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัด แต่สถานการณ์ในตอนนี้เธอควรพูดให้มันเป็นเรื่องง่ายเพื่อซื้อความรักและความไว้ใจจากปวินท์ให้ได้มากที่สุด จะดีหรือร้ายจะไปต่อหรือเลิกสำหรับเธอแล้วมักจะตัดสินในช่วงแรกๆ ของการเริ่มคบหากันเท่านั้นและเท่าที่ดูๆ มาปวินท์ไม่ใช่คนโง่ที่เธอจะเข้าไปปอกลอกได้ง่ายๆ แต่เพราะแบบนั้นเธอจึงรู้สึกว่าท้าทายหากเอาชนะเขาได้และทำให้เขาสยบแทบเท้า“ขอบคุณมากครับ” ยิ่งกวินตาเข้าใจเข้ามากเท่าไหร่แทนที่จะยินดีปวินท์กลับรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ นั่นเพราะตอนนี้เขาเอาแต่หมกมุ่นเรื่องฟ้าโปรดจนบางครั้งก็ลืมสถานะของตัวเองไ
แม้จะไม่พอใจปวินท์แต่ดูเหมือนคนที่เธอไม่พอใจจนอยากเข้าไปตบหน้าสักฉาดนั่นคือฟ้าโปรด ก่อนจะเกิดความสงสัยว่าพวกเขาไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่ตอนไหนหรือฟ้าโปรดมีอะไรแอบแฝงถึงได้เข้ามาตีสนิทปวินทร์ ไม่ใช่ตั้งใจเข้ามาเพื่อแก้แค้นให้พี่ชายหรอกนะ ถ้าฟ้าโปรดคิดจะทำแบบนั้นเธอก็จะชิงลงมือก่อน กวินตามองไปยังเป้าหมายซึ่งนั่นคือแดนนี่ “อยากเข้าหาคนของฉันนัก ฉันก็จะทำแบบแกคืนบ้าง นังแพม” กวินตายืนกำหมัดแน่นขณะที่สายตายังมองตรงไปยังฟ้าโปรดเขม็ง แล้วลองโทรหาปวินท์ว่าเขาจะรับสายเธอไหม สรุปคือ…ไม่กรี๊ดดดดเสียงกรีดร้องดังมาจากกวินตา หัวใจเธอเต้นแรงเพราะมันถูกกระตุ้นจากความไม่พอใจแต่กลับโยนความผิดทั้งหมดให้ฟ้าโปรดรับแต่เพียงคนเดียววันนั้นกวินตาลงทุนสะกดรอยตามแดนนี่ตั้งแต่ที่ห้างสรรพสินค้า กระทั่งเห็นว่าเป้าหมายตรงไปยังฟิตเนส ประจวบเหมาะกับในรถมีชุดเล่นโยคะของตัวเองติดอยู่ เธอจึงรีบเข้าไปด้านในแล้วถามหาคอร์สโยคะ“โอเคค่ะ ฉันรอได้” กวินตายิ้มให้พนักงานตรงหน้าเคาน์เตอร์ คอร์สโยคะที่เธอต้องการจะมีขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ฉะนั้นเธอจึงมีเวลาอ่อยเป้าหมายพอสมควรกวินตาเดินตามหาแดนนี่กระทั่งเห็นเขากำลังเล่น
เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ เธอก็รีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วกดโทรหาแดนนี่เพื่อให้ไปสมทบที่ร้านของบัวฟ้าทันที ฟ้าโปรดไปถึงก่อนตามมาด้วยแดนนี่ที่มาทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดออกกำลังกาย ส่วนเจ้าของร้านอย่างบัวฟ้าก็ต้องเปิดประตูร้านให้แขกซุปเปอร์วีวีไอพีทั้งสองเข้าไปข้างในก่อนเวลาทั้งแดนนี่และบัวฟ้าต่างอุทานออกมาเมื่อได้ฟังสิ่งที่ฟ้าโปรดบอก โดยเฉพาะแดนนี่เพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าคริสจะเป็นเพื่อนกับปวินท์ ความลับแตกแบบไม่รู้ตัวแบบนี้สงสัยต้องกลับไปจัดการให้หลังหักแต่ถามว่าถึงขั้นต้องเลิกเลยไหมก็คงไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น เพราะตนเองก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คริสพูดรวมถึงเหตุผลที่คริสพูดก็คงเพราะหวังดีในฐานะคนรู้จักกับฟ้าโปรดมาก่อน“เอาไงต่อละทีนี้” “สารภาพบาปไปเลย” บัวฟ้าตอบคำถามนั้นของแดนนี่แทนฟ้าโปรดที่ตอนนี้ยังคงนิ่งอยู่ ถูกจับได้แถมหลักฐานครบถ้วนขนาดนี้ จะปฏิเสธยังไงถึงจะรอด อีกอย่างนี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าปวินท์แคร์ฟ้าโปรดมากแค่ไหน “เอางั้นเลยเหรอ” สีหน้าของฟ้าโปรดยังคงลังเล“หลักฐานแน่นออกขนาดนี้ แกจะเฉไฉหรือดื้อต่อไปแบบมึนๆ ยังไงก่อน” เอ่ยบอกเสร็จบัวฟ้าก็ส่ายหน้าไปมา “นั่นสิ ถ้าขืนแถก็คงสี่ข้างถลอกปอก
ปวินท์พาตัวเองไปที่บริษัทของฟ้าโปรดแทบจะเกือบทุกวัน บางวันไม่ตั้งใจผ่านแต่บางวันกลับตั้งใจไปดักรอเพื่อจะพบหน้าอีกฝ่าย ยิ่งเธอหายไปแบบนี้เขายิ่งเป็นห่วง ไม่รู้ว่าเคลียร์กับแดนนี่เข้าใจแล้วหรือยังแต่เหตุผลเดียวที่ฟ้าโปรดไม่ได้ติดต่อปวินท์ไปในตอนนี้คือเธอยุ่งกับงานมาก ถึงขนาดกินข้าวแทบไม่ตรงเวลาจนโรคกระเพาะกำเริบ เพราะแบบนั้นบางวันแดนนี่จึงต้องหอบมื้อเที่ยงมานั่งกินด้วยกันที่บริษัทของเธอแล้วลงไปหากาแฟดื่มกันอีกแก้วก่อนจะแยกย้าย แต่ปวินท์ก็บังเอิญผ่านมาเห็นเข้าเพราะวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ชายหนุ่มตั้งใจมาหาฟ้าโปรดนั่นเองภาพความสนิทสนมของทั้งคู่เหมือนชนวนเร่งอารมณ์โกรธให้พวยพุ่ง ปวินท์ยืนหน้าบึ้งมองตรงไปยัง ฟ้าโปรดและแดนนี่อย่างไม่พอใจ ขนาดเขาเอาทั้งคลิปทั้งรูปให้เธอดูพร้อมบอกว่าแดนนี่มีรสนิยมแบบนี้ ไหง ฟ้าโปรดก็ยังไม่เลิกราด้วยง่ายๆ นั่นทำให้เขาเดินไปกระชากคอเสื้อของแดนนี่แล้วโยนออกไปให้ห่างฟ้าโปรด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้จริตความตกใจแบบผู้หญิงของแดนนี่ปรากฎขึ้นทันที “ทำบ้าอะไรของคุณ” ฟ้าโปรดผลักอกของปวินท์สุดแรงแล้วตะคอกถามอย่างไม่พอใจกลับไป จู่ๆ เขาก็โผล
เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไรและเธอก็ต้องการเช่นเดียวกัน ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่าบ่งบอกถึงไฟปรารถนาที่กำลังปะทุ ปวินท์ค่อยๆ พาฟ้าโปรดลงนอนบนเตียงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถอนจูบออกด้วยซ้ำพร้อมกับขยับขึ้นคร่อมทับเธอไว้ จูบจากเขายังคงดูดดื่มเร่าร้อน ส่วนมือก็แสนซุกซนจนทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัว แต่จู่ๆ ฟ้าโปรดก็พลิกขึ้นไปนั่งคร่อมปวินท์ ชายหนุ่มแปลกใจแต่ก็ยินดีหากเธอจะเป็นคนคุมเกมรักในครั้งนี้ โดยใช้สิทธิ์เจ้าของวันเกิดนั่นเอง “อา” เสียงครางดังมาจากปวินท์ เมื่อฟ้าโปรดโน้มใบหน้าลงไปหยอกเย้าหน้าอกเขาด้วยปากอุ่นจัดสลับกับปลายลิ้นที่ตวัดหยอกเย้าโดยบางครั้งก็ดูดหนักๆ จนชายหนุ่มถึงกับแอ่นหน้าอกขึ้นรับ ทว่าความทรมานที่แสนซาบซ่านก็ไม่ได้มีแค่นั้น เมื่อฟ้าโปรดลากริมฝีปากร้อนผ่าวต่ำลงบริเวณหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เรียกว่าซิกแพคของชายหนุ่ม ปวิทน์ถึงกับเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องปลายเท้าจิกเกร็งเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถูกเธอจูบแต่ครั้งนี้เธอทำมากกว่าที่เคย กล้าสัมผัสร่างกายเขามากกว่าทุกครั้ง ปวินท์บอกให้ตัวเองใจเย็นๆ เข้าไว้ นอนรอรับสัมผัสที่ฟ้าโปรดกำลังจะมอบให้ เพราะก่อนหน้าเข
“ผมรักคุณ” แทนที่จะขานรับแต่ปวินท์กลับบอกรักฟ้าโปรดอย่างหนักแน่น แววตาของชายหนุ่มสื่อความหมายว่าเขาไม่ได้พูดเพียงเพราะอารมณ์พาไปเท่านั้น ก่อนจะมอบจูบให้คนในอ้อมกอดอีกครั้ง โดยครั้งนี้ยังคงยาวนานจนฟ้าโปรดเกือบขาดอากาศหายใจ เมื่อเขาถอนจุมพิตออกเธอถึงกับสูดอากาศเข้าปอดเพื่อหายใจแรงๆ “เราจะมีลูกกันกี่คนดีครับ”“ยังไม่แต่งงานก็ถามเรื่องลูกแล้ว ข้ามนั้นไปหน่อยหรือเปล่าคะ” ฟ้าโปรดเอ่ยถามอายๆ “งั้นก็แต่งกันพรุ่งนี้ มะรืนปั๊มลูก ปลายปีคุณคลอด โอเคทุกอย่างลงตัวเป๊ะ”“มั่นใจขนาดนั้นเชียวว่าฉันจะคลอดลูกปีนี้”“มั่นใจ” ปวินท์เม้มริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย ในสายตาของฟ้าโปรดเวลานี้ทำไมถึงมองว่าท่าทางของเขาดูเซ็กซี่เหลือเกินฟ้าโปรดยกมือขึ้นคล้องลำคอชายหนุ่มไว้แล้วออกแรงรั้งเขาลงมาจากนั้นก็มอบจูบให้ ซึ่งนี่คือการจูบเขาก่อนเป็นครั้งแรกโดยปวินท์ก็ตามน้ำด้วยการประคองจูบครั้งนี้ให้ยาวนานเท่าที่จะทำได้ เขาได้ยินฟ้าโปรดกระซิบบอกว่ารักแม้มันจะแผ่วเบาแต่มันกลับทำให้หัวใจคนฟังอย่างเขาพองโต เขารู้วิธีที่จะทำให้ฟ้าโปรดเร่าร้อนรวมถึงคล้อยตามและตอบสนองเขาด้วยความเต็มใจ จากนั้นทั้งคู่ก็ซ้อมเข้าหอกันก่อนถึงวันจร
“ผมยอมรับว่าตัวเองโง่เพราะเคยคิดที่จะจริงจังกับคุณแก้มเธอจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงลืมคุณไม่ได้เสียที คุณเอาแต่ตามหลอกหลอนผม” นั่นคือเหตุผลว่าเพราะอะไรที่ผ่านมาปวินท์ถึงไม่คบใครกระทั่งเจอกับกวินตา ซึ่งจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเป็นเธอ อาจมีบางสิ่งบางอย่างหรืออะไรก็ตามดลจิตดลใจให้เขากับกวินตารู้จักเพื่อสานสัมพันธ์กัน แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างหรืออะไรก็ตามเป็นตัวผลักกรรมที่เธอเคยทำไว้ให้เวียนเข้ามาสนองได้เร็วขึ้น “ฉันคนนะไม่ใช่ผี จะได้ตามหลอกหลอนคุณ”“ขอบคุณนะครับที่คุณพยายามช่วยผมมาตลอด ผมไม่โกรธไม่เคืองแม้จะรู้ความจริงแล้วว่าคุณไว้วานให้คุณแดนนี่มาเป็นคนรักปลอมๆ ให้”“รู้แล้วเหรอคะ” “ครับ คุณแดนนี่น่าจะเมาจนสารภาพกับคริสหมดทุกอย่างแล้ว”“แดนนี่นะแดนนี่ มันน่านัก” ฟ้าโปรดแยกเขี้ยวใส่แดนนี่ แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นเพราะมั่นใจว่าแดนนี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแน่นอน “คุณยังรู้สึกดีๆ กับผมอยู่ใช่ไหม”“วกมาเรื่องนี้ทำไม”“ว่าไงครับ ผมรอฟังคำตอบอยู่”“ถ้าคุณโสดแล้วฉันจะตอบ” ที่ตอบแบบนี้เพราะยังเข้าใจว่าตอนนี้ปวินท์ยังไม่ได้เลิกรากับกวินตานั่นเอง จึงอยากซื้อเวลาให้
ในขณะที่ฟ้าโปรดซึ่งเวลานี้ยังไม่รู้สถานการณ์ของปวินท์และกวินตาว่าชายหนุ่มได้บอกเลิกอีกฝ่ายแล้วนั้นก็กำลังชั่งใจว่าเธอควรเตือนสติปวินท์อีกครั้งหรือปล่อยไป สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะยื่นมือเข้าไปทำให้ปวินท์ตาสว่างเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งๆ ที่แดนนี่และบัวฟ้าห้ามแล้วก็ยังดื้อไม่ฟัง “คุณอยู่ไหน” ฟ้าโปรดที่ตัดสินใจโทรหาปวินท์ก่อนเอ่ยถามทันทีที่ชายหนุ่มรับสาย“บ้านครับ” เจ้าของเสียงดูร่าเริงเป็นพิเศษที่จู่ๆ วันนี้ฟ้าโปรดก็โทรหา ความรู้สึกเสียอกเสียใจที่ต้องเลิกรากับกวินตาไปนั้นแทบไม่มี นั่นเพราะเธอทำตัวเธอเองผลที่ออกมาจึงเป็นไปในทางลบเช่นกัน “ฉันไปหาได้ไหม” “จะดีเหรอคุณ ดึกแล้วนะ” คำพูดกวนๆ ของปวินท์ทำเอาฟ้าโปรดควันออกหู “ฉันแค่ไปหา ไปคุยธระด้วยไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีแต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ฉันจะถือว่าได้พยายามแล้ว”“ใจเย็นสิครับอย่าพึ่งโมโห วางสายก่อนเดี๋ยวผมส่งพิกัดไปให้” เมื่อได้ยินแบบนั้นฟ้าโปรดก็วางสายไปทันที ปวินท์จึงจัดการส่งตำแหน่งผ่านทางข้อความไลน์ไปบอกเธอ ตามด้วยข้อความแสดงความเป็นห่วงไปอีกหนึ่งประโยค ‘ขับรถดีๆ นะครับ ไม่ต้องรีบ’ ฟ้าโปรดไม่ได้สนใจข้อความสุดท้ายของเขา เพราะเมื่อได้ท
“อ้อ…ว่าแต่คุณอยากเจอฉันทำไมหรือคะ” “ไม่มีเหตุผลครับ” “ถ้าไม่มีเหตุผลก็เชิญกลับเถอะค่ะ งานฉันยุ่ง” ฟ้าโปรดไล่ปวินท์กลับเอาดื้อๆ ใจชักจะร้อนรุ่มขึ้นมาหน่อยๆ “โกรธอะไรผมหรือเปล่า” “คุณสำคัญกับฉันถึงขนาดต้องโกรธด้วยเหรอ” “โกรธอยู่แน่ๆ คงเพราะเรื่องคุณแก้มใช่ไหม” ปวินท์เดาได้ถูกราวกับมานั่งอยู่ในใจของฟ้าโปรด เมื่อเขาจับได้แบบนี้เธอจึงต้องเฉไฉเอาตัวให้รอด “ขอไม่ตอบนะคะ” “โอเค งั้นผมไม่กวนเวลาทำงานคุณดีค่ะ” “เอ้” ฟ้าโปรดอุทานออกมาอย่างงุนงง “กลับก่อนนะครับ ไว้วันหลังผมจะแวะมาใหม่” เอ่ยบอกเสร็จปวินท์ก็ลุกขึ้นจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทำงานของฟ้าโปรด ทำเอาเจ้าของห้องนั่งกะพริบตาปริบๆ มองตามหลังเขาไปอย่างงุนงง สรุปเขามาเพื่อปั่นประสาทเธอใช่ไหม ปวินท์ยืนยิ้มคนเดียวอยู่ในลิฟต์ แค่ได้เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียง แค่ได้รู้ว่าเธอเป็นห่วงเขาก็มากพอแล้ว หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ฟ้าโปรดยังคงงงกับพฤติกรรมของปวินท์ เพราะหลังจากนั้นสองวันกวินตาก็โพสต์ผ่านโซเชียลว่าเธอกับชายหนุ่มไปดินเนอร์ด้วยกัน สถานะของพวกเขายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนทำให้กวินตายิ่งลำพองใจว่าเอา ปวินท์ได้อยู่หมัด หนำซ้ำวัน
ถ้าไม่ได้ฟ้าโปรดเขาก็คงโง่ให้กวินตาหลอกปั่นหัวไปอีกนาน เพราะฉะนั้นเขาต้องตอบแทนฟ้าโปรดด้วยการเอาตัวเองใส่พานแล้วยกให้เธอไปครอง‘ครับ แล้วนี่คุณต้องไปพบคุณหมออีกทีเมื่อไหร’‘เดือนหน้าค่ะ’‘รู้กำหนดวันแน่ชัดแล้วหรือยัง’‘รู้ค่ะ’กวินตาพิมพ์ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี โดยลืมเอะใจอะไรบางอย่างเสียสนิท ‘วันที่เท่าไหร่ครับ ผมจะได้ไปกับคุณด้วย’เมื่อครู่เธอยังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ แต่พออ่านประโยคนี้ของปวินท์อารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันที‘เอ่อ…น่าจะสิบหกมั้งคะ ฉันก็จำได้ไม่ค่อยแม่น’ ‘บอกวันที่กับผมอีกที ผมอยากไปกับคุณด้วย’ ‘ได้ค่ะ’กวินตาพิมพ์ตอบรับกลับมาก่อนแล้วค่อยหาทางแก้สถานการณ์เอาทีหลัง ทั้งคู่คุยกันอีกหลายนาทีก่อนที่กวินตาจะขอตัวไปพักโดยให้เหตุผลว่าเธอรู้สึกพะอืดพะอมซึ่งปวินท์ก็ไม่ได้ค้านอะไร แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นโทรศัพท์มือถือของกวินตาก็ลอยไปอีกทางเพราะเธอขว้างมันไปเอง ปวินท์ถามทุกอย่างเกี่ยวเรื่องท้องเกี่ยวกับลูก แต่กลับเว้นไว้เพียงเรื่องที่เธอกำลังรอให้เขาถามนั่นคือเรื่องแต่งงาน เมื่อไหร่จะพูด เมื่อไหร่จะถาม เมื่อไหร่จะบอกเราแต่งงานกันนะที่รักหรือคำพูดง่ายๆ ว่าผมรักคุณ ปวินท์ก็ยังไม่เคย
“เหมือนกันราวกับแกะ”“อะไรนะครับ” “คุณก็ไม่ใช่คนโง่นี่ทำไมถึงถูกปั่นหัวจนหมดสภาพได้ถึงขนาดนี้” คำพูดของฟ้าโปรดยิ่งทำให้ปวินท์งุนงงเข้าไปใหญ่“ผมเหรอถูกปั่นหัว จากใคร”“จากยัยจิ้งจอกเก้าหางที่ส่งรูปอัลตราซาวด์ทิพย์นี่มาให้คุณไงคะ”“ยัยจิ้งจอกเก้าหางหมายถึงคุณแก้มอย่างนั้นเหรอ” “ใช่” ฟ้าโปรดพยักหน้ารับในขณะที่ปวินท์ยังคงจับต้นชนปลายยังไม่ได้เท่าไหร่ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อให้คลายความสงสัยไปทีละข้อ “แล้วที่คุณพูดว่ารูปอัลตราซาวด์ทิพย์คืออะไร มันไม่มีจริงใช่ไหม”“อืม…โอเค ฉันจะเล่าอะไรให้คุณฟัง ฟังจบแล้วคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของคุณ” เสียงถอนหายใจดังมาจากฟ้าโปรดเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับครอบครัวพี่ชายเธอให้ปวินท์ฟังอย่างละเอียด ครอบครัวที่แสนอบอุ่นแต่ต้องมาพังทลายเพราะผู้หญิงที่ชื่อว่ากวินตา ผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของคนอื่นเพียงเพราะความสนุกและอยากเอาชนะ เมื่อได้ทุกอย่างเธอก็สะบัดก้นหนีไปชุบตัวที่ต่างประเทศ เสวยสุขกับเงินที่ได้ไปจนพอใจแล้วกลับมาราวกับไม่เคยก่อกรรมกับใครไว้ภาพอัลตราซาวด์ทิพย์ที่หาได้จากกูเกิ้ลภาพซองยาบำรุงครรภ์จากโรงพยาบาลที่ปริ้
หลายวันมานี้เขามีเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงไม่ติดต่อหาเธอเหมือนที่เคยทำ นั่นเพราะอยากอยู่กับตัวเอง เขาค่อนข้างมั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกวินตาอาจไปกันไม่ได้ แต่ไม่อยากดึงฟ้าโปรดเข้ามาแล้วถูกคนอื่นกล่าวหาว่าเธอเป็นมือที่สามทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ก่อนหน้านี้เขากำลังเริ่มต้นใหม่กับกวินตาก็จริงแต่ในใจเขากลับไม่เคยลืมฟ้าโปรดได้เลยแม้แต่วันเดียว ถ้าถามหาคนผิดมันจึงควรเป็นเขาไม่ใช่ใครอื่น เพราะแบบนั้นเขาจึงอยากจบทุกอย่างกับกวินตาให้ดีกว่านี้แต่ก็ต้องรอให้เธอกลับจากต่างประเทศเสียก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่อาจทำแบบนั้นได้อีกแล้ว ไม่ได้จริงๆ‘ผมขอโทษ’นั่นคือประโยคที่ปวินท์เอาแต่พร่ำบอกฟ้าโปรดก่อนที่ชายหนุ่มจะขอตัว เขาไม่เปิดช่องว่างให้เธอได้พูดหรือบอกอะไรด้วยซ้ำ เอาแต่พูดขอโทษซ้ำๆ ราวกับคนที่พึ่งฆ่าคนตายมาหยกๆ เห็นแบบนั้นแล้วฟ้าโปรดก็ทั้งสงสารและโกรธ ผู้ชายเป็นอะไรกันหมดถึงตามผู้หญิงไม่ค่อยทัน โง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่“ปล่อยให้โง่ไปอีกสักพักแล้วกัน” ฟ้าโปรดเอ่ยกับตัวเองแต่ก็ยังจับตามองเขารวมไปถึงกวินตาอยู่เสมอ เรื่องนี้แดนนี่และบัวฟ้าก็รับรู้มาตั้งแต่ต้น “แกห้ามบอกให้คุณคริสรู้เรื่องที่ยัยจิ้งจอกเก้า
แต่ถึงอย่างนั้นความสัมพันธ์ของปวินท์และกวินตาก็ยังคงยืดเยื้ออีกเป็นเดือนๆ เพราะหญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้ ปวินท์ได้คุยด้วยซ้ำพอถูกเขาตื๊อหนักเขาก็บินไปต่างประเทศเสียดื้อๆ ทำตัวเหมือนปกติทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ปกตินั่นยิ่งทำให้ ปวินท์เกิดความอึดอัดนั่นจึงทำให้เขาขาดการติดต่อกับฟ้าโปรดไปด้วย“คุณเจแปลก” สีหน้าของฟ้าโปรดเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ส่วนแดนนี่และบัวฟ้าที่อยู่ด้วยก็เริ่มทำหน้าฉงนตามเช่นกัน “แปลกยังไง” แดนนี่เอ่ยถามก่อนซึ่งมันเป็นคำถามที่ตรงใจของบัวฟ้า “เขาหายไปเลย” น้ำเสียงของฟ้าโปรดดูกังวล“หายไปเลยเหรอ ถ้าหายไปเลยก็น่าคิด” บัวฟ้าเอ่ยขึ้นบ้าง“อือ ปกติเขาจะส่งไลน์มาหา ทักทายหรือถามคำถามทั่วๆ ไป แต่นี่เขาหายไปหลายวันแล้ว” ยิ่งพูดสีหน้าของฟ้าโปรดก็ยิ่งเครียดจนหัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อก่อนเธอไม่เคยต้องมานั่งรอข้อความจากปวินท์เพราะรู้ว่าชายหนุ่มจะส่งมาหาในทุกๆ วัน แถมยังแกล้งเมินเฉยใส่เขาบ่อยๆ แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงเฝ้ารอและเป็นห่วงเขาทว่ากลับไม่กล้าโทรหรือส่งข้อความอะไรไปหา ได้แต่รออย่างร้อนใจอยู่คนเดียวเป็นบ้าคนเดียว เฮ้อ “แกก็ส่งข้อความไปหาเขาสิ” บัวฟ้าเสนอ“จะดีเหรอ” เอ่ยจบฟ้าโปรดก็