“เวลาคนเรามีไม่เท่ากันนะขอรับ เมื่อรู้สึกตรงกันก็อย่าได้ปิดโอกาสเสียล่ะขอรับ”หยางเจี่ยนเอ่ยขึ้นในขณะที่ฉินชีก้าวห่างออกไปไม่มากนัก ชายหนุ่มอาจเป็นเพียงหนุ่มน้อยในโลกนี้ แต่ชีวิตเก่านั้นเขามีวัยใกล้เคียงกับฉินชี มีหรือจะมองไม่ออกถึงสายตาแบบชายหญิงเพราะเขาไม่มีโอกาสได้รักใครในชีวิตเก่า เขาเลยไม่อยากให้ใครต้องพลาดการมีความรักสักครั้งในชีวิต มีโอกาสก็ควรรีบคว้าไว้ เพราะคนเราบอกไม่ได้จะอยู่หรือตายตอนไหนฉินชีไม่คิดว่านี้คือการล้อเลียน แต่มันคือความหวังดีของผู้เป็นนาย ซึ่งเขาเองใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสตนเอง แต่เพราะชีวิตที่อยู่กับความเสี่ยง เขาจึงไม่อยากดึงใครสักคนมาอยู่ในวงล้อมของอันตรายด้วยก็เท่านั้น เช่นเดียวกับที่ท่านหย่งสือเลือกมองท่านจื่อเว่ยอยู่ห่าง ๆ แทนการเดินเคียงข้างนาง“ไม่ตามไปดูว่าที่น้องเขยสักหน่อยหรือเจี่ยนเอ๋อร์”จางหย่งสือก้าวมายืนเคียงข้างหลานชาย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เขากับหยางเจี่ยนรู้เป้าหมายของสองแสบโดยบังเอิญ และแน่นอนว่างานหนักย่อมตกเป็นของฉินชี“เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมิใช่หรือขอรับ อย่าได้ห่วงเจ้าสองแสบเลยขอรับ มีทั้งพี่หลงพี่ฉินชีติดตามไป คนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นเป
“ขอรับท่านป้า ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ฉินชีจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะแต่ละคนใช่ธรรมดาที่ไหนกัน” หยางเจี่ยนตอบรับคำของผู้เป็นป้า“คนเราต้องรู้จักโลกภายนอก”จางหย่งสือรีบออกตัวแทนสองหลานรัก มีหรือเขาจะไม่รู้วีรกรรมของหลานชายหญิงที่กำลังออกท่องราตรี ใช่เขารักหลานลำเอียง แต่เพราะเขารู้ดีว่าภายหน้าหยางเจี่ยนต้องยืนในจุดใดและนี่คือความภูมิใจอีกหนึ่งอย่างของเขา ที่หลานชายคนโตสุขุมรอบคอบ สมกับตำแหน่งที่เขาจะส่งมอบให้ในอนาคต ส่วนสองแสบนั้นเขาให้สิทธิ์ในการเลือกทางเดินตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ในสายตาของเขามิห่างไปไหนหยางเจี่ยนหันไปส่งยิ้มอย่างรู้กันกับผู้เป็นป้า ชายหนุ่มไม่เคยที่จะต้องเสียเวลาคาดเดา กับคำพูดของผู้เป็นลุงเกี่ยวกับน้อง ๆ เขาไม่เคยริษยาที่ทั้งคู่ได้อิสระในการเที่ยวเล่นในโลกใบเดิมนั้น น้องสาวของเขาแทบไม่มีช่วงเวลาของวัยหนุ่มสาว ส่วนหยางไท้ยังเด็กนักหากเทียบกับเด็กหนุ่มในโลกเก่า ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ที่ทั้งคู่สรรหาพาผู้ติดตามไปเที่ยวเล่นขอแค่ไม่มีใครเดือดร้อนและตนเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย จะเที่ยวเล่นแค่ไหนเขาก็ไม่ติดขัดอันใด เพราะอีกไม่นานความเป็นเด็กของพวกเขาก็จะสิ้
‘คงมีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ ที่จะออกไปให้เจ้าบั่นคอ’ เหลียนฮวาเริ่มมองหาทางหนี ขืนนางยังรั้งอยู่ต่อมีหวังคงไม่พ้นต้องปะทะกันเป็นแน่ ต่อให้นางมากด้วยฝีมือ แต่หากเทียบกับจ้าวหมิงเยี่ยนางยังอ่อนหัดนัก หมับ! ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะหนีไป มือหนาคว้าไหล่ผู้บุกรุกเอาไว้ได้ทัน เหลียนฮวารีบหมุนตัวพร้อมคว้าจับข้อมือแกร่งเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกข้อมือของแม่ทัพหนุ่มในทันที เพื่อมิให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวทันปึก! หญิงสาวกระแทกกำปั้นเข้าท้องแขนของแม่ทัพหนุ่ม เพื่อผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง พอที่จะทำให้นางหาจังหวะหลบหนี อ๊ะ! แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อมือหยาบของแม่ทัพหนุ่ม กลายเป็นตีนตุ๊กแกไปเสียอย่างนั้น ยิ่งพยายามผลักอีกฝ่ายยิ่งติดหนึบราวกาวดักหนูหญิงสาวได้แต่ด่าทอตนเองอยู่ภายในใจ สลับกับการสรรหาคำมาเปรียบเทียบจ้าวหมิงเยี่ยกับสิ่งต่าง ๆ ยิ่งเสียงหัวเราะในลำคอของเขาเล็ดลอดออกมาให้นางได้ยิน มันเสมือนเขากำลังลงมือกลั่นแกล้งเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพหนุ่มได้นึกสนุก ลงมือเย้าแขกที่เขามิได้เชิญสักหน่อย เหลียนฮวาเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้ได้ไม่ยากว่าเขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้ คน
ถนนห่างจากจวนแม่ทัพ คนชุดดำทั้งหกยืนหอบหายใจแรง ๆ ทุกคนล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะพากันหลบหนีออกมา หลังจากฉินชี ซึ่งได้เป็นคนเข้าไปช่วยคุณหนูให้พ้นมือของท่านแม่ทัพจ้าวหมิงเยี่ย“เกือบไปแล้วไหมเล่า ฮ่า ๆ”ตัวตนเหตุยังมีหน้ามาหัวเราะร่า เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นเรื่องธรรมดาเสียอย่างนั้น“พี่รองมิกลัวท่านแม่ทัพจะติดตามมาหรือขอรับ”หยางไท้ยังคงหันกลับไปมองทิศทางที่เพิ่งจากมา เขาเองก็ตกใจไม่น้อยในตอนที่เห็นพี่สาวถูกจับได้...ข้างกำแพงจวนแม่ทัพก่อนหน้า หมับ! ติ้งรีบคว้าร่างของคุณชายน้อยเอาไว้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพุ่งลงจากกำแพง เพื่อที่จะไปช่วยคุณหนูใหญ่ ซึ่งกำลังต่อสู้โรมรันอยู่กับคนในจวนแม่ทัพ“มิได้ขอรับ หากคุณชายเข้าไปอาจเกิดอันตรายนะขอรับ”“แต่พี่สาวของข้าเล่า”“เป็นหน้าที่ขอข้าน้อยเองขอรับ”ติ้งเป็นคนเสนอตัวไปแทนคุณชายน้อย เพราะหากบุกกันเข้าไปหมด จากเรื่องเล็กน้อยจะกลายเป็นใหญ่โตขึ้นมาทันทีอย่างแน่นอนกึก! ติ้งจำต้องหยุดกายในทันที เมื่อมีเงาร่างของใครอีกคนพุ่งออกจากความมืด ตรงไปยังผู้เป็นนายและคนในจวนแม่ทัพ เมื่อเห็นว่าคุณหนูได้ถูกพาตัวออกจากการการต่อสู้ เขาจึงได้พ
ค่ำคืนในวันถัดมา ณ จวนสกุลหรง คืนนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของท่านราชครูหรงอู่ฉี เหล่าขุนนางต่างก็ต้องประชันอวดความมั่งคั่งของตน เพื่อข่มกันในงานอยู่เนือง ๆ แน่นอนว่าหลานสาวคนโปรดเช่นหรงเหมยเหนียงย่อมต้องทำทุกวิถีทางให้ตนเองโดดเด่น และเหนือกว่าบุตรสาวสกุลอื่น หรงเหมยเหนียงกำลังพิศมองตนเองในคันช่องบนโต๊ะ ชุดสีหวานพลิ้วไหวดั่งต้องมนต์ของนาง งดงามสมกับเป็นช่างมือดีจากร้านผ้าสกุลเฉิน ใบหน้าในวัยแรกแย้มเติมแต่งได้อย่าลงตัวที่สำคัญไปกว่านั้น คืนนี้มารดาของนางจะขยับฐานะจากภรรยารอง ก้าวสู่การเป็นภรรยาเอก นางจะไม่ต้องทนกล้ำให้ใครมองว่าเป็นรองพี่สาวต่างมารดาอีกต่อไป“เรียนคุณหนู นายท่านกับฮูหยินพร้อมคุณชาย ได้รออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ”“อืม! ไปสิ!”ร่างงามก้าวออกจากเรือนด้วยท่วงท่าราวนางหงส์ คำตราหน้าที่นางแบกรับมาทั้งชีวิต กำลังจะได้รับการปลดปล่อยแล้วในวันนี้ บางครั้งความรักหาใช่สิ่งที่คู่ควรต่ออนาคตเบื้องหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องหัวใจ ใบหน้าของใครบางคนได้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวราวกลองศึก เมื่อรอยยิ้มของชายหนุ่มผู้อยู่บนหลังอาชาสีดำทมิฬเมื่อหลายวันก่อน ได้ทำให้เรีย
“อื้อ!” จางหย่งสือกดจูบหนัก ๆ ลงไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนใบหน้าออกอย่างรวดเร็ว“ข้ามัดจำเอาไว้ก่อน หลังแต่งงานข้าจะไม่ปล่อยเจ้าให้รอดไปเป็นครั้งที่สอง”จื่อเว่ยทำได้เพียงก้มหน้างุด นางช่างไร้ยางอายนัก กล้าทำเรื่องบัดสีนี้ได้อย่างไรกัน“อย่าได้แม้แต่จะคิดหนีข้าไปอีกเข้าใจหรือไม่ เพราะสิ่งที่เจ้าทำข้าเสียหาย ช่วยรับผิดต่อข้าด้วย”“บ้าไปแล้ว!”จื่อเว่ยไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดได้มากกว่านี้ เพราะรอยยิ้มและแววตาหวานเชื่อมของจางหย่งสือ ทำให้นางแทบละลายกองอยู่เสียตรงนี้เลยทีเดียว“ไปกันได้แล้ว มัวเล่นอันใดกันอยู่”เอ่ยจบมือหนาได้กระชากเอวขอดให้ชิดกาย ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปขึ้นรถม้า แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าหลาน ๆ และผู้ติดตามล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หยางเจี่ยนหันกลับไปยิ้มให้กับทุกคน เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นลุง แม้ว่าในชีวิตเก่าเขาจะผ่านอะไรมาไม่น้อย แต่เรื่องความรักประสบการณ์ของเขานับว่าเป็นศูนย์ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นอกจากจะเหนือความคาดหมาย ยังเป็นการบอกรักที่หลายคนคงลุ้นจนตัวโก่งมิแพ้คู่รักหมาด ๆ อย่างแน่นอน ว่าจะมีสิ่งใดพลิกผันอีกหรือไม่หยางเจี่ยนพยักหน้าน้อย ๆ พร้
เมื่อหนุ่มสาวอีกสามคน ได้ก้าวมายืนอยู่สองข้างชายหญิงผู้มาเยือน โดยเฉพาะเจ้าของงานและบุตรชาย ที่แทบเหมือนถูกฟ้าฝ่าลงมากลางแสกหน้าทำได้เพียงยิ้มแกน ๆ ก้าวออกไปต้อนรับแขกใบหน้าที่แทบจะเหมือนกับท่านเสนาบดีหรงจิ่ง ไม่ต้องให้ผู้ใดมาบอกว่าทั้งสามคนคือใคร สกุลหรงทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งสามคือทายาทสายตรง ที่พวกเขาคิดว่าตายไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเจียงชูเหนียงถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเห็นชัดตาว่าใครที่ติดตามจางหย่งสือมาร่วมงาน ทุกปีสกุลจางเพียงแค่ส่งตัวแทนมาเท่านั้นทว่าปีนี้คุณชายใหญ่สกุลจางมาด้วยตนเอง ไม่ต้องคาดเดาถึงเหตุผลของการมาร่วมอวยพรในครานี้เลย หากไม่เพราะสามพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วจะมีสิ่งใดจูงใจคนหยิ่งผยองเช่นจางหย่งสือให้มาเหยียบสกุลหรงได้เล่า“คุณชายจาง เอ่อ...”ท่านราชครูหรงแสร้งไม่รู้ว่าหนุ่มสาวด้านข้างของจางหย่งสือคือผู้ใด แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามที รอยยิ้มที่คล้ายจริงใจของเจ้าบ้าน ทำให้สามพี่น้องแอบแอบเยาะหยันเจ้าของงานอยู่ภายในใจ“นี่คือคุณหนูฟางจื่อเยว่ คู่หมั้นของข้า”“จื่อเยว่ข้าคารวะท่านราชครู”จื่อเยว่ย่อกายงดงามราวสตรีในรั้ววัง ทำให้บุรุษหลาย
สามพี่น้องคลี่ยิ้มกับแขกในงานตามมารยาท หลายสกุลเริ่มค้นหาตัวตนของทั้งสาม เพราะข่าวที่ได้ยินมานั้นคุณชายใหญ่ในท่านเสนาบดี ทำตัวราวอันธพาล น้องสาวฝาแฝดมากด้วยตัณหาทำตัวเหลวแหลกกับบุรุษมากหน้า บุตรชายคนเล็กในฮูหยินใหญ่สติปัญญามิเต็มเท่าใดนักทว่าในเวลานี้สามพี่น้องไร้ซึ่งลักษณ์ที่ถูกกล่าวอ้าง ทั้งยังไร้วี่แววของสติปัญญาอันอ่อนด้อยอย่างที่เป็นข่าวแผ่กระจาย ตรงกันข้ามทั้งสามดูสูงค่าสมสายเลือดของบิดามารดายิ่งนัก“ยินดีกับท่านราชครูขอรับ ที่คุณชายคุณหนูทั้งสามกลับสู่เมืองหลวงแล้ว ช่างเป็นนิมิตรหมายอันดียิ่งนักขอรับ”หนึ่งในขุนนางอาวุโสได้ลุกขึ้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง คล้ายดังหมัดมือชกสามพี่น้องอยู่ในที ซึ่งทั้งสามยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี“ย่อมต้องเป็นวันดีสิท่านเจ้ากรม หลาน ๆ ของข้าที่ติดตามสะใภ้ข้าไปรักษาตัวนานหลายปีกลับมาทั้งที คืนนี้เรามาร่วมฉลองกันเต็มที่ เชิญทุกท่านดื่ม”สาวใช้ได้ยกถาดใส่จอกสุรายื่นส่งให้สามพี่น้อง เพื่อร่วมดื่มอวยพร ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าบ้าน หยางเจี่ยนรับมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะช้อนสายตามองน้องสาวและน้องชายกลิ่นที่เจือจางอาจไม่สร้างความแคลงใจต่อผู้อื่น แต่มิใช่เขาส
“หากเจ้ายินยอมแต่โดยดี ข้าจะมอบตำแหน่งที่คู่ให้” “กระบี่เจ้า! ควบคุมมันมิให้สั่นได้เสียก่อน ค่อยคิดสิ่งอื่นดีกว่าไหม…” หญิงสาววางถ้วยชาลง บนโต๊ะอย่างใจเย็น พรึ่บ! ปึก! เคร้ง! รวดเร็วจนชายหนุ่ม ขาสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ กระบี่ในมือร่วงลงพื้น ก่อนที่เขาจะเบนสายตา ไปมองยังหญิงสาว ซึ่งตอนนี้กลับไปนั่งยังที่เดิม เสมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อครู่ มันมิใช่ฝีมือของนาง “จะลงมือกับใครก็ตาม เจ้าต้องศึกษาอีกฝ่ายให้แจ่มแจ้ง หึๆ ยังดีที่ตรงนี้เป็นข้า ถ้าเป็นผู้ติดตามของข้าทั้งสอง เจ้าคงไม่ได้ยืนต่อคำ เกินชั่วอึดใจ...” ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าถอดสี เขาไม่คิดว่าแผนการที่แยบยล จะถูกล่วงรู้จนหมดสิ้นเช่นนี้ “ผู้ใดอยู่ข้างนอก เข้ามานี่เร็ว!” อ๋องน้อยโหว ตะโกนเรียกเหล่าองครักษ์ ทว่ากลับไร้ซึ่งวี่แวว ชายหนุ่มรีบย่อกายลงเก็บกระบี่ โดยที่สายตา หาได้ละไปจากร่างงาม ที่นั่งดื่มชาอย่างเพลิดเพลิน ราวกับเขาที่อยู่ร่วมห้อง เป็นเพียงอากาศธาตุ “หึๆ มิใช่เจ้าสั่งห้ามใครมารบกวนหรอกหรือ แต่คนของข้าอยู่ข้างนอกนะ เรียกได้...” “หญิงแพศยา! สตรีมีคู่หมาย
ยิ่งไม่เคยรู้ถึงฝีมือของคู่ต่อสู้ เขายิ่งต้องรีบเผด็จศึก ให้ได้โดยไว จึงมิคิดที่จะลีลาให้ตนเอง กลายเป็นฝ่ายเสียท่า สิ้นคำของชายหนุ่ม เงาร่างในชุดสีดำสองคน ก้าวออกจากหลังฉากกั้น ซึ่งเป็นส่วนด้านหลังห้องที่มีหน้าต่าง “อือๆ” เจ้าของจวนทำได้แค่...ส่งเสียงทัดทานในลำคอ ทว่ากลับไม่สามารถต่อต้านการกระทำใดๆ ของชายชุดดำได้เลย อาภรณ์เนื้อดีถูกถอดออก จนแหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนที่ชายชุดดำจะดึงมีดเล่มเล็กออกมา “นายหญิง โปรดพักผ่อนรอสักครู่ขอรับ” ชายผู้ถือมีดเอ่ยกับผู้เป็นนาย จินอู่หันหลังให้ พร้อมสะบัดมือเล็กน้อย เพื่อให้คนของเขา ลงมือได้แล้ว หากไม่ติดว่าที่นี่ คือถิ่นศัตรู...คำว่าเงียบเสียง จะไม่มีเลยสำหรับเขา ความเจ็บปวดของศัตรู ควรประกาศให้โลกรู้ แต่เมื่อสถานที่ไม่อำนวย เขาก็ไม่ติดที่จะลงมืออย่างเงียบๆ โหวอ๋องดวงตาเหลือกลาน แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เมื่ออาวุธคู่กายของเขา กำลังถูกเฉือดเฉือนประหนึ่งหนูถูกถลกหนัง แม้มันจะไม่รู้สึกเจ็บ ทว่าใจของบุรุษแท้เยี่ยงเขา มันแหลกละเอียดจนมิเหลือชิ้นดี “สกุลโหว ควรสิ้นสุดที่เจ้าสองพ่อลูก อย่าได้สร้าง
“คุณหนูเฉินเป็นอย่างไรบ้าง” เป็นสาวใช้อาวุโส ที่เอ่ยถามกับสาวใช้สกุลเฉิน และผู้ติดตามหนุ่ม “คุณหนูดื่มยาแก้เมา และหลับอยู่เจ้าค่ะ” เจินจู ตอบสาวใช้สูงวัย ก่อนจะเหลือบตามองไปยัง สาวใช้ของอนุหรู สตรีผู้เพียรพยายามรั้ง ให้คุณหนูของนางพักในจวน “ข้าจะมาเชิญคุณหนูเฉิน กลับเข้าพักยังเรือนรับรอง ด้วยตอนนี้เฉินฮูหยิน ได้พักผ่อนรออยู่แล้ว” “หากไม่มีคำสั่งใดจากปากของฮูหยิน ข้าคงมิอาจปล่อยให้คุณหนูห่างสายตา เอาเป็นว่าข้าจะให้เจินจู ติดตามท่านเข้าไปพบฮูหยินของเราก็แล้วกัน” “นี่เป็นประสงค์ของท่านอ๋อง ที่มิอยากให้ผู้ใดตำหนิ ว่าดูแลแขกไม่ดี” หญิงชราตวัดสายตาดุใส่ชายหนุ่ม ผู้ไร้ความยำเกรงในอายุและฐานะของนาง ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบเฉย แม้เพียงครึ่งเสี้ยงของใบหน้า นางก็รู้ดีว่าคนผู้นี้ ไม่ได้สะท้านต่อคำของนางเลย “งานเลี้ยงกับคนเมามาย ย่อมเป็นของคู่กัน และมิใช่ทุกคนที่ต้องการพักในจวนของเจ้าภาพ คุณหนูอยู่ในรถม้าแล้ว รอเพียงฮูหยินกลับออกมา เราก็พร้อมกลับจวน” จากความอ่อนน้อม พลันเป็นดุดัน จนทำให้ชายหนุ่มหลายคน ที่ยืนอยู่เบื้องหลังส
“สามหาว! เจ้ากล้าข่มขู่ท่านอ๋องเยี่ยงนั้นรึ!” “ทำไมข้าต้องขู่ผู้ใดด้วย อีกอย่างถ้าท่านบริสุทธิ์ใจจริง จะเป็นเดือดเป็นร้อนไปไย แค่คุณหนูเฉินจะกลับบ้านตนเอง หรือมีสิ่งใดเป็นนอกในอย่างนั้นรึ! ดูรั้งนางจนออกหน้าเยี่ยงนี้” ชายหนุ่มเอียงหน้าช้า พร้อมมุมปากบิดขึ้นน้อยๆ การกระทำนั้นชวนให้อนุคนงาม หนาวสะท้านไปทั้งกาย บุรุษที่น่ากลัวย่อมเป็นคนที่มีหลากหลายบุคลิก ซึ่งปกติแล้วหรงเล่อถงสุขุมนุ่มลึก ทว่าตอนนี้...เขายิ่งกว่าคนจิตวิปลาสอย่างไรอย่างนั้น “นอกในอันใดกัน นางเป็นแขกของสามีข้า การดูแลเอาใจใส่ ย่อมเป็นเรื่องที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว” “เช่นนั้นหลีกทางข้าเถิด อนุหรู” หรงเล่อถง กดน้ำเสียงให้ลึก และชัดเจนว่าเขาพร้อมขัดขวางเรื่องนี้ อย่างไม่คิดยินยอมปล่อยผ่าน ต่อให้สตรีที่กำลังตกที่นั่งลำบาก มิใช่พี่น้อง เขาก็คงปล่อยให้สตรีเหล่านั้น แปดเปื้อนจากคนโสมมได้เป็นอันขาด ถึงเขาจะมิใช่คนดีไปเสียทุกเรื่อง แต่เขามีพี่สาวน้องสาว พวกนางจะเป็นเช่นหากต้องอยู่อย่างอดสู แบกรับความอัปยศไปทั้งชีวิตเฉินหนิงฮวาในตอนนี้ ดวงตาปรือจนแทบจะปิดแล้ว ชายหนุ่มพอจะเดาได้ ว่าเกิดจากสาเ
“หยุดนะ! เจ้าจะทำอะไรลูกข้า!” เจียงชูเหนียง รีบผลักร่างของคนสนิทออก ก่อนจะหันไปหาบุตรชาย มือบางหมายจะเอื้อมไปแตะ ที่ข้างแก้มของผู้เป็นลูก ทว่าร่างสูงกลับเบี่ยงกายหลบ “อย่าล้ำเส้นข้าอีก มิเช่นนั้น...ข้าจะไม่ใจดีเช่นครั้งก่อน” “ครั้งก่อน...” เจียงชูเหนียง ถึงกับเซถอยหลัง คนของนางไม่เคยลงมือกับบุตรชาย มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่ทั้งคู่เคยปะทะกัน เมื่อปีก่อนที่อารามบนเขา แววตาแตกตื่นทำได้เพียง มองตามแผ่นหลังของบุตรชาย ที่กลืนหายไปในความมืด “ไหนเจ้าบอกว่า เขาไม่เห็นเจ้าอย่างไรเล่า แล้ว...หรือเจ้าทำนอกเหนือจากที่ข้ารู้” “เขาก็แค่หยั่งเชิงเรา เจ้าอย่าได้เผยพิรุธจะดีกว่า เลือดในกายเขามีของเจ้าแค่ครึ่งเดียว อย่าคาดหวังให้มาก ว่าเขาจะเหมือนเจ้า เพราะขนาดพ่อแท้ๆ เขายังไม่เหมือนเลย กลับไปได้นิสัยของยายแก่ แม่สามีเจ้ามาแทบทั้งสิ้น” “พูดเรื่องนี้ก็ดี เจ้าหานางพบรึยัง!” “ยัง! หรงเล่อถงไม่เคยเผยร่องรอย ให้ข้าตามไปจนถึงตัวยายแก่นั้นได้เลย” “อย่าช้า! นางรู้เรื่องมากเกินไป หากปล่อยไว้ เล่อถงต้องคิดแปรพักตร์” “เหม
น้ำเสียงของชายหนุ่ม ไม่มีคำว่าเสแสร้ง เขาไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมจึงกล้าที่จะพูดความรู้สึกแท้จริงออกมา ทั้งที่เขาไม่เคยให้ใครได้เห็นมันเลยสักครั้ง อาจเพราะนาง เหมือนพี่สาวของเขาก็เป็นได้ “แล้วทำไม จึงไม่ไปหาพวกเขาเล่าเจ้าคะ” “หากข้าทำทุกอย่างได้ตามใจ ก็คงดีไม่น้อย ลูกภรรยารองที่ต้องแบกอนาคตของมารดา แค่หายใจผิดที่ก็คือหายนะแล้ว” “ดูลำบากนะเจ้าคะ” “ใช่!” “แล้วที่คุณชายพูดกับข้า มิกลัวข้าไปเล่าให้ผู้อื่นฟังหรือเจ้าคะ และไม่กลัวจะมีคนแอบฟังรึ!” “หึๆ ข้ามั่นใจว่าจะรู้แค่เราสี่คนเท่านั้น เพราะต่อให้คนที่คิดแอบฟังอยากได้ยิน ก็ไม่อาจเฉียดใกล้ตรงนี้ได้” ชายหนุ่มชำเลืองมองไปที่ ผู้ติดตามของหญิงสาว กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมา ต่อให้เป็นนักฆ่าระดับสูง ก็ยังต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนลงมือ และมิใช่แค่ชายผู้นี้เท่านั้น สาวใช้ของคุณหนูเฉิน ก็หาใช่ธรรมดาไม่... “เรื่องบางเรื่อง หากพูดออกมาแล้วสบายใจ ก็อย่าได้เก็บมันไว้เลยเจ้าค่ะ เว้นแค่เรื่องที่จะนำภัยมาสู่ตนเอง จึงมิควรเอ่ยออกมา คนเราล้วนมีเรื่องที่ยากจะพูดได้ แต่ก็ใช่ว่าบางเรื่องจะระบายออ
ใช้เวลากว่าสองชั่วยาม อาหารมากมายถูกจัดขึ้นโต๊ะ ซึ่งมันเป็นเวลาที่พระอาทิย์ลับขอบฟ้าไปแล้วเช่นกัน หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว สองย่าหลานก็มานั่งร่วมกินอาหาร รวมถึงสาวใช้ข้างกาย ที่ได้รับอนุญาตให้ร่วมโต๊ะ กับเจ้านายทั้งสอง“ถงเอ๋อร์ เจ้าได้ข่าวพี่ๆ กับน้องชายเจ้าบ้างหรือไม่”หญิงชราถามถึงหลานชายหญิง ที่ติดตามสะใภ้ใหญ่ของนาง ไปอยู่ไกลถึงเมืองชีเป่ย นางคิดถึงหลานๆ เหลือเกิน ยิ่งเมื่อนึกถึงความต่ำช้าของลูกและสามี นางยิ่งไม่อยากให้หลานชายคนรอง ต้องมีชีวิตมั่วหมองเพราะมีพ่อกับปู่ เป็นคนเห็นแก่ได้ และกระหายในอำนาจ จนมิสนถูกผิด แต่อย่างไร...นางก็มิอาจพูดความจริง บางอย่างออกมาได้ หาไม่แล้วชีวิตของหรงเล่อถง คงไม่ปลอดภัยอีกต่อไป“พวกเขาก็สุขสบายดีขอรับ เอาไว้เมื่อไหร่ที่พี่ใหญ่ พี่รองและน้องเล็กกลับมาเมืองหลวง ข้าจะพาพวกเขามาพบท่านย่านะขอรับ” “ขอบใจเจ้ามาก อย่างไรเจ้าก็พี่น้อง อย่าให้คำว่าอำนาจมาบังตา จนทำร้ายกันเองเล่า ข้าเชื่อว่าแม่ใหญ่ของเจ้า จะไม่สอนให้พี่น้องของเจ้า ช่วงชิงสิ่งใดและทำร้ายเจ้า นางเป็นคนจิตใจดี และย่าก็เชื่อว่าเจ้า จะมีเลือดของย่า มากที่สุดในกายเช่นกัน”
“สุราดีนะเจ้าคะ” หนิงฮวาเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงปนเขินอาย ตามจริตของสตรี“หากคุณหนูใหญ่ชอบ ข้ายินดีมอบให้เป็นของกำนัล”“หนิงฮวา ขอบคุณท่านอ๋องน้อย ที่มีน้ำใจเจ้าค่ะ”“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”ชายหนุ่มเจ้าบ้าน ยังคงเลือกที่จะดื่มสุราอีกหลายจอก กับสองแม่ลูกสกุลเฉิน และนั้นทำให้หญิงสาวอีกคน ซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่ง กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ ที่คนรักของนาง ให้ความสนใจหญิงอื่นต่อหน้าถึงนางจะเป็นบุตรสาวเสนาบดี แต่นางก็ยังคงเป็นเพียงลูกภรรยารอง ไม่อาจเทียบกับบุตรสาวคนโต สกุลคหบดีที่กำนิดจากภรรยาเอกและเท่าที่สืบรู้มา นายท่านสกุลเฉิน มีเพียงภรรยาเดียว นั่นหมายความว่าทุกอำนาจ อยู่ในมือมารดาของคุณหนูใหญ่สกุลเฉิน นางที่มารดายังเป็นรอง ไหนเลยจะเทียบเคียง“อย่าทำสิ่งใดออกนอกหน้า แค่ลูกพ่อค้า! จะเทียบอันใดเจ้าได้”ฮูหยินรองหรงเอ่ยกับบุตรสาว แม้ว่าในใจจะหวาดหวั่นอยู่มาก แต่นางไม่มีวันแสดงสิ่งใด ให้ศัตรูได้เห็นเด็ดขาด“แต่ท่านอ๋องน้อย”“ท่านอ๋องทำถูกแล้ว ถ้าไม่ไปทักทายพวกนาง จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวตนแท้จริงคือใคร”“เจ้าค่ะ”เมื่อหาข้อโต้แย้งมารดาไม่ได้ หญิงสาวจำต้องยอมนิ่งเงียบ แม้ว่าใบหน้างามจะแสร้งยิ้ม แต่ก็
“นายหญิงน้อยฟาง ตัวแทนสกุลจาง”เป็นเฟยที่ยื่นเทียบเชิญ พร้อมบอกถึงสถานะผู้เป็นนาย หลังจากแม่ลูกสกุลเฉิน ก้าวจากไปแล้ว “เชิญนายหญิงน้อยฟาง ด้านในขอรับ” พ่อบ้านประสานมือโค้งกาย เช่นที่ทำกับแขกคนอื่นๆ ก่อนจะเรียกสาวใช้มานำทาง เพื่อเข้าไปยังลานจัดเลี้ยง จื่อเว่ย เดินตามสาวใช้จวนอ๋องเข้าไป โดยมีชิงหลิงและเฟยก้าวตาม ทั้งสามเดินเข้ามาถึงลานสำหรับจัดเลี้ยง ซึ่งดูเหมือนคืนนี้ จะไม่มีการแยกชายหญิง “นายหญิงฟาง เชิญนั่งเจ้าค่ะ” สาวใช้ผายมือให้แก่ตัวแทนสกุลจาง ก่อนจะเดินจากไป เฟยและชิงหลิง ก้าวเข้าไปยืนอยู่เบื้องหลังของผู้เป็นนาย จื่อเว่ยเหลือบตามองไปยังโต๊ะข้างกัน ก่อนจะค้อมหัวเล็กน้อย ให้แก่แม่ลูกสกุลเฉิน ซึ่งนับเป็นคู่แข่งทางการค้าคนสำคัญ “ไยวันนี้สกุลจาง จึงได้ให้หญิงงามมาเพียงลำพังเล่า ท่านหย่งสือและหลานๆ ไปที่ใดกัน” เป็นท่านอ๋องน้อยโหว ที่เดินเข้ามาถามจื่อเว่ย คราแรกเขาแอบผิดหวังเล็กน้อย ที่หรงเหลียนฮวาไม่มาด้วย แต่เมื่อครู่นี้...เขาได้ยลโฉมหญิงงามทั้งสอง จากสกุลเฉิน เลยทำให้ความรู้สึกใหม่เข้ามาทดแทน จึงไม่ใคร่จะใส่ใจ ว่าหรงเหลียนฮวาจะมาห