แชร์

บทที่ 314

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-01 18:00:01
ทั้งสนามเงียบสงัดในพริบตา

ซูชิงลั่วยังคงกลั้นหายใจพร้อมเพ่งสมาธิอยู่ ไม่ได้ผ่อนคลาย

แม้จะรักษาหน้าไว้ได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังรักษาชีวิตม้าเหงื่อโลหิตตัวนั้นไว้ไม่ได้

หากไม่ผิดความคาดหมาย ลูกต่อไปคงพลาดเป้า แต่ลูกที่สามจะเข้ากลางเป้าพอดี

เช่นนี้นางก็จะเหมือนกับองค์หญิงอวี้หยาง ล้วนแต่เข้าใจกลางเป้าสองลูกเหมือนกัน

ถ้าหากศรที่เข้าใจกลางเป้าเท่ากัน เช่นนั้นก็ต้องนับจากจำนวนศรที่เข้าเป้า

องค์หญิงอวี้หยางเข้าเป้าทั้งสามลูก

ซึ่งก็หมายความว่า แม้นางจะไม่สามารถยิงเข้าใจกลางเป้าได้ แต่ต้องยิงศรให้เข้าเป้าให้ได้ ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะรักษาชีวิตม้าเหงื่อโลหิตไว้ได้

นึกถึงภาพที่ม้าเหงื่อโลหิตคุกเข่าแล้วคลอเคลียแขนนาง ใจของนางก็พลันอ่อนยวบโดยไม่รู้ตัว

นางสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที หยิบศรขึ้นมา

ได้แต่อธิษฐานอยู่ในใจว่าขออย่าให้การยิงครั้งนี้พลาดเป้า

ค่อยๆ ง้างสายธนูช้าๆ

สายตาทุกคู่จับจ้องมาบนตัวนาง

ทันใดนั้นเองลมก็พัดมาอีกครั้ง

เสื้อของซูชิงลั่วพัดไปตามแรงลม นางเงยหน้ามองฟ้าปราดหนึ่ง

กลับมาพัดในเวลาแบบนี้เสียได้

ดูท่าไม่ดีเอาเสียเลย

เดิมทีซูชิงลั่วตั้งใจจะรอให้ลมระรอกนี้พัดผ่านไปก่อน จึงหย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 315

    ข้าหลวงผู้นั้นเข้าใจในทันที รีบเดินออกไป ไม่นานนักก็กลับมาด้วยท่าทางร้อนรนศรลูกสุดท้ายแล้วซูชิงลั่วโน้มตัวลงไปหยิบศร กลั้นหายใจเพ่งสมาธิ วางศรไว้บนสายธนูเพียงแค่แตะ ศรก็จะพุ่งออกไปทันทีบรรยากาศเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใดๆหิมะสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า มือถือคันธนู ร่างผอมเพรียวบาง ยืนอยู่ลำพัง ชุดสีเหลืองอำพันถูกลมพัดสะบัด เส้นผมปลิวไสวอยู่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกที่งดงามกว่าทั่วไปศรถูกปล่อยออกมาทว่าทันใดนั้นเอง กลับมีแสงสว่างสีขาวแสบตาส่องเข้ามาจากทางด้านขวาอย่างกะทันหัน พุ่งตรงเข้ามาในดวงตาของนางคือกระจก !ซูชิงลั่วถูกแสงนี้ส่องกระทบทำให้ตรงหน้าสว่างจ้าเป็นสีขาวขึ้นมาปุบปับ มองจุดแดงบนเป้าได้ไม่ค่อยชัดนัก ทว่าแรงที่มือรั้งกลับมาไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงแค่มองดูลูกศรพุ่งออกมาตรงหน้า ก่อนจะร่วงลงบนพื้นไม่ต้องรอให้ข้าหลวงรายงาน ทุกคนล้วนแต่รู้แล้วว่าศรไม่เข้าเป้าทันทีที่ศรพุ่งห่างออกไปจากสายธนู ซูชิงลั่วก็หันไปมองยังทิศทางที่มาของแสงสีขาวทันทีแทบจะในขณะเดียวกัน ศรลูกหนึ่งพุ่งไปทางกลุ่มคนอย่างกะทันหัน กระจกทองแดงด้ามหนึ่งถูกทิ่มทะลุ แล้วแตกกระจัดกระจายไปคนละทิศทางก่อนจะตกลง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 316

    เสียงโห่ร้องยินดีกระหน่ำจนกลบแทบจะทุกสิ่งอย่าง"ยอดไปเลย !""ฮูหยินลู่ยิงเข้าใจกลางเป้าติดกันสิบลูก นี่คืออัจฉริยภาพตัวจริง""ต่อให้เป็นบุรุษก็มีน้อยคนที่จะมีทักษะยิงธนูที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้""คราวนี้องค์หญิงอวี้หยางไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วใช่หรือไม่...""ชู่ว เบาๆ หน่อย…"ขณะที่ผู้คนกำลังดื่มด่ำอยู่กับภาพเหตุการณ์ชวนตื่นเต้นเมื่อครู่ มีเพียงลู่เหิงจือที่เห็นหยดเลือดตรงปลายนิ้วของซูชิงลั่วเลือดสีแดงสดหยดลงบนหิมะสีขาวสะอาด ราวกับดอกกุหลาบดอกหนึ่งใจเขาพลันบีบรัดด้วยความเจ็บปวด ราวกับถูกสายธนูรัดไว้ทว่าซูชิงลั่วกลับสงบนิ่งใจเย็น ยังคงไม่รู้ตัวว่าตนเองได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ตอนยิงธนู นางมีลางสังหรณ์ที่ประหลาดอย่างหนึ่ง เหมือนรู้ว่าตัวเองจะยิงเข้ากลางเป้าติดกันกระทั่งลู่เหิงจือก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าข้างหนึ่งลงไปตรงหน้านาง นางถึงจะรู้สึกตัวว่าปลายนิ้วกำลังมีเลือดไหลออกมา ขณะเดียวกันความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาในเวลานี้ด้วยบรรยากาศที่คึกคักร้อนแรงพลันเงียบสงบลงไปในทันตาเห็นอัครมหาเสนาบดีที่ดูเฉยชาและอยู่สูงดุจดวงจันทร์สุกสกาว หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ แล้วค่อยๆ พันแผลรอบนิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 317

    เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่ากลับต้องไปแต่งกับองค์ชายผู้ที่ไม่เป็นที่รักและสำมะเลเทเมาที่สุดในเมืองหลวง ได้ยินมาว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ร่วมหอกันเลยไม่รู้ว่าปีที่แล้วที่นางพลัดตกน้ำ ถูกผู้ใดลอบทำร้ายกันแน่ฮ่องเต้ทรงตรัส : "เจ้าอยากแต่งกับหญิงสาวบ้านใด"องค์รัชทายาทเอ่ย : "ลูกอยากแต่งคุณหนูใหญ่จวนหย่งซุ่นป๋อลู่หมิงซือเป็นชายารอง"ฮ่องเต้นิ่งเงียบไปชั่วขณะทุกคนเองก็ตะลึงงันไปเช่นกันคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งซุ่นป๋อ...ท่านตาของนางหลิ่วเจิ้งเฉิงเป็นผู้คุมสอบคัดเลือกขุนนางในปีนี้ถ้าหากจะบอกว่าในใจองค์รัชทายาทไร้ซึ่งแผนการใดๆ ไม่ได้คิดจะหยิบยืมโอกาสนี้เสาะหาผู้ที่มีความสามารถ เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดเชื่อมุมปากฉีอ๋องเผยให้เห็นยิ้มเยาะทีหนึ่งมีหลิ่วเจิ้งเฉิงแล้วจะอย่างไร เจ้ากำจัดลู่เหิงจือได้หรือองค์รัชทายาทพูดต่อ : "พระชายาอายุยังน้อย เพิ่งจะแต่งเข้ามาในจวน วันทั่วไปงานราชการของลูกก็มีมากมาย เลี่ยงไม่ได้ที่จะหมางเมินนาง ทำให้นางรู้สึกเหงา นางเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับแม่นางลู่มาตลอด หากแม่นางลู่เข้ามาในจวนแล้ว พวกนางสองคนจะได้เป็นเพื่อนกันพอดี"ประโยคนี้ฟังดูแล้วไม่มีช่องโหว่ใดๆ เล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 318

    น้ำเสียงของลู่เหิงจือชัดถ้อยชัดคำและกังวานไปไกลเมื่ออยู่ในที่เงียบ"กระหม่อมตัวคนเดียว ชินกับความสงบ หากไม่มีชิงลั่ว อย่าว่าแต่ทายาท เกรงว่าชาตินี้กระหม่อมคงจะไม่แต่งงาน"น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาราวกับหิมะที่บางเบาไร้น้ำหนักในยามนี้"ฉะนั้นแล้ว มีหรือไม่มีทายาท สำหรับกระหม่อมไม่ใช่เรื่องสำคัญใดเลย""หากมี แน่นอนว่าย่อมดี""แต่หากไม่มี ก็ดีที่ชิงลั่วจะได้ไม่ต้องทนเจ็บปวดจากการคลอดบุตร หากชิงลั่วชอบเด็ก วันข้างหน้าพวกเรารับอุปถัมภ์สักคนก็ได้ หากนางไม่ชอบ กระหม่อมก็รู้สึกยินดีที่จะไม่มีผู้ใดมารบกวน"บุรุษผู้ใดบ้างจะคิดว่าทายาทไม่สำคัญจริงๆแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ลู่เหิงจือในชุดสีขาวแสงจันทร์ ท่าทางเย็นชาและสง่า พูดประโยคเหล่านี้ออกมาอย่างง่ายๆ สบายๆ ทำให้คนรู้สึกเชื่ออย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเลยสักนิดเพราะหลายปีก่อนหน้านี้ เขาเฉยชาไร้ความต้องการ ไม่สนใจสตรีมาก่อนจริงๆทุกคนต่างก็รับรู้เขาชอบซูชิงลั่วถึงขนาดนี้เลยหรือชอบจนให้นางเป็นข้อยกเว้น ชอบกระทั่งที่แม้จะไม่มีทายาท ก็จะไม่ยอมรับอนุเข้ามาเช่นนั้นหรือสายตาที่ทุกคนมองไปยังซูชิงลั่วมีความอิจฉาเพิ่มขึ้นมาฮองเฮาหัวเราะเบาๆลู่เหิงจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 319

    ขอแค่มีความหวังก็พอแล้วซูชิงลั่วเบาใจลงมาบ้าง : "ขอบคุณท่านหมอหลวงซ่ง"หมอหลวงซ่งลูบหนวดพร้อมคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองยังลู่เหิงจือแล้วพูดอย่างกรุ้มกริ่ม : "เดี๋ยวข้าจะสั่งยาบำรุงให้ใต้เท้าอีกสักหน่อย"ซูชิงลั่ว "......"นางอดพูดไม่ได้จริงๆ : "ของเขาไม่จำเป็นหรอก ร่างกายเขาแข็งแรงดียิ่งนัก"ลู่เหิงจือ "......"หมอหลวงซ่งเกือบจะหลุดขำออกมา "เช่นนั้นก็ช่างเถอะ"ลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย : "ท่านไปได้แล้ว"ถูกตัดบทเช่นนี้ ซูชิงลั่วอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อยเมื่อนึกถึงเรื่องในความฝัน นางจึงพูดกับลู่เหิงจือต่อ : "กระดาษแผ่นนั้น แม่นมเหมยเป็นผู้เขียน มีผู้เปิดเผยมันออกไป ฮองเฮาถึงได้คิดจะใช้วิธีนี้ข่มข้า"ลู่เหิงจือเอ่ยถาม : "เจ้าคิดว่าผู้ใด"ซูชิงลั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง : "น่าจะไม่ใช่แม่นมเหมย"ในหัวนางมีผู้ที่สงสัยอยู่ เพียงแต่เพราะอยู่ต่อหน้าลู่เหิงจือจึงไม่พูดออกไป ถึงอย่างไรก็แค่สงสัยเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานนางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ "บ่าวหลายคนในจวนล้วนแต่เพิ่งซื้อเข้ามา บางทีอาจถูกผู้ใดสอดแนมเข้ามา แต่ก็มีเพียงไม่กี่คน กลับไปตรวจสอบก็คง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 320

    หลังจากเห็นชัดๆ แล้วว่าคือสิ่งใด ใบหน้าของเมิ่งชิงไต้ก็แดงก่ำลามไปถึงต้นคอเพราะดูไปแล้วตัวอักษรไม่ได้เยอะมากนัก อีกทั้งซูชิงลั่วยังนำพกติดตัวออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ นางจึงคิดว่าอาจจะเป็นบทกลอน เดิมตั้งใจจะเปิดดูแล้วเอ่ยชมน้องซูสักสองสามประโยค คิดไม่ถึงว่ากลับเป็น...ของลับของสตรีนางเสียใจที่ตนหุนหันพลันแล่นเกินไป ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะซูชิงลั่วเองก็หน้าแดงแจ๋ไม่แพ้กันแต่อยู่ข้างนอก นางยังรู้จักรักษาหน้าตาให้ลู่เหิงจือ จึงรีบพูดด้วยความเก้อเขิน : "นี่คือนิยายที่ข้าคัดลอกมา..."เมิ่งชิงไต้พยักหน้าหงึกๆ แล้วก็ไม่มีกะจิตกะใจจะดูการเย็บปักแบบสองหน้าแล้ว รีบหลับตาพับกระดาษแล้วยัดกลับลงไปทว่ายังไม่ทันได้ใส่กระดาษแผ่นนั้นกลับเข้าไปในถุงหอม ก็มีมือข้างหนึ่งมาขวางไว้เสียก่อน"นี่คืออะไร"เซี่ยถิงอวี่เห็นเมิ่งชิงไต้หน้าแดงระเรื่อจึงเกิดสนใจสิ่งที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา เดินเข้าไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาเปิดดูหลังจากนั้นก็เห็นลายมือที่คุ้นเคยยิ่งนัก...อีกทั้งเนื้อหาที่ยากจะบรรยายเดิมทีคิดว่าอย่างแย่ที่สุดก็คงจะเป็นแค่กลอนลามกจำพวกนั้น แต่ทุกคนล้วนแต่ออกเรือนกันแล้ว นำมาดูบ้างก็ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 321

    ถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็ทรงพระชนมายุมากแล้ว อยู่ด้านนอกเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ดื่มสุราอีกไม่กี่แก้วก็ปล่อยงานเลี้ยงให้องค์รัชทายาทดูแลจัดการต่อองค์รัชทายาทเป็นคนสบายๆ เป็นกันเองมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้ทุกคนต่างก็สนุกสนาน เข้ากันได้เป็นอย่างดีครื้นเครงกันไปได้สักพักใหญ่ แต่ละคนก็ค่อยๆ จับกลุ่มคุยกันเองวันนี้ซูชิงลั่วโดดเด่นมีหน้ามีตาเป็นพิเศษ ทั้งยังเป็นฮูหยินของอัครมหาเสนาบดี จึงมีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาขอดื่มด้วยเพื่อแสดงความเคารพนางคออ่อน ดื่มไปไม่กี่แก้วก็รู้สึกมึนหัว จึงให้ลู่เหิงจือดื่มแทนพอเขาดื่มแทน เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ก็พากันเข้ามาขอดื่มเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้มีความคิดอื่นใด เพียงแค่นานๆ ทีจะได้มีโอกาสเห็นลู่เหิงจือใกล้ๆ เช่นนี้ไม่นานนักลู่เหิงจือก็รู้สึกรำคาญ อ้างว่าซูชิงลั่วเมามากแล้ว ก่อนจะอุ้มนางกลับไปยังเรือนพักชั่วคราวเตาไฟในเรือนพักชั่วคราวกำลังลุกโชติช่วงซูชิงลั่วมองลู่เหิงจือด้วยสายตาที่เมามาย ปล่อยให้เขาวางนางลงบนเตียง จากนั้นก็ยื่นมือไปกอดคอเขาเอาไว้แสงจากเปลวไฟสะท้อนเงาร่างขนาดใหญ่ของลู่เหิงจือบนกระโจมสีขาวให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ไปอีกแบบแววตาของลู่เหิงจือเย็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 322

    ม้าเหงื่อโลหิตกินข้าวโพดปิ้งไปสิบกว่าฝัก ในที่สุดก็คลอเคลียที่แขนของซูชิงลั่วด้วยความพอใจ ก่อนจะฟุบลงข้างนางด้วยความเชื่องซูชิงลั่วลูบแผงคอให้มัน พลางพูดกับลู่เหิงจือ : "ต่อไปมันจะเป็นม้าของพวกเราแล้ว พวกเราตั้งชื่อให้มันเถอะ"น้ำเสียงของลู่เหิงจือนิ่งเรียบ : "เรียกมันว่าม้าช่างประจบ"“……”ซูชิงลั่วไม่ยอม : "มันช่างประจบเช่นไร มันออกจะเชื่อฟังว่าง่าย เช่นนี้เรียกมันว่าเจ้าเด็กดี ดีหรือไม่""เด็กดีตรงไหน" สีหน้าของลู่เหิงจือมองซูชิงลั่วคล้ายกับกำลังบ่งบอกว่า "สายตาเจ้าใช้ไม่ได้เอาเสียเลย" ก่อนจะกวาดสายตาไปมองม้าเหงื่อโลหิตปราดหนึ่ง "อีกอย่างมันเป็นม้าตัวผู้ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะเรียกมันว่าเจ้าเด็กดี"ดูเหมือนเพื่อจะสนับสนุนคำพูดของลู่เหิงจือ เจ้าม้าเหงื่อโลหิตส่งเสียงร้องยาวหนึ่งที แสดงออกว่าตนไม่ยินยอมให้เรียกชื่อเจ้าเด็กดีนี้จริงๆ"เจ้าก็ช่างเลือกเหมือนกันนี่" ซูชิงลั่วลูบม้าเหงื่อโลหิตเบาๆ นึกถึงท่าทางที่มันย่ำบนหิมะแล้วยืนตรงอยู่นอกกระโจมเมื่อครู่นี้ จึงพูดขึ้นมา : "เช่นนั้นก็ชื่อท่าเสวี่ยที่แปลว่าย่ำหิมะแล้วกัน"เจ้าม้าเหงื่อโลหิตน่าจะชอบชื่อนี้อยู่ไม่น้อย ไม่ได้ปฏิเสธอีก ทั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status