Share

บทที่ 218

Author: หอมดังเดิม
นางรู้ดีว่าการที่ลู่เหิงจือยอมให้นางพูดคุยกับหลี่ว์เผิงเทียนตามลำพังเกือบทั้งเช้าเป็นเรื่องยากมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังอดทนฟังคำพูดไร้สาระของหลี่ว์เผิงเทียนอีกด้วย

ลู่เหิงจือมองนางด้วยท่าทางอ่อนน้อมและยิ้มเล็กน้อย “ฮูหยินพึงพอใจก็ดีแล้ว”

เขาดูอ่อนโยนเหลือเกิน

ซูชิงลั่วอดใจไม่ไหวจิ้มลงบนฝ่ามือของเขาเบาๆ

เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าดวงตาที่เคยเย็นชาของลู่เหิงจือกลับอบอุ่นขึ้น และมองตรงมาที่นาง

หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น ขณะนี้นางรู้สึกไม่เอาไหนและคิดว่าหากเขาอยากจะ......ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้

ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมาในสมอง ก็ทำให้ตนตกตะลึง

นางคงเมาแน่ๆ ต้องใช่แน่นอน!

ลู่เหิงจือโน้มตัวลงมาแตะปลายจมูกของนาง กำลังจะจูบนางแต่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนมาจากนอกรถม้า

“ท่านอัครมหาเสนาบดีโปรดช่วยพวกเราด้วย พวกเราไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว”

“ท่านอัครมหาเสนาบดี ใต้เท้าผู้ทรงความยุติธรรม ขอร้องท่าน......”

“……”

ทั้งสองตกตะลึง ผละจากกันในทันที

ซูชิงลั่วรู้สึกตัวตื่นจากฤทธิ์สุราอย่างรวดเร็ว

ลู่เหิงจือชะโงกหน้าออกจากม่านรถ มองเห็นคนราวสิบกว่าคนล้อมรถอยู่ด้านหน้า ส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็ก ผอมโซ ใบหน้าดำคล้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 219

    ลู่เหิงจือไม่ได้ยินเสียงซุบซิบของฝูงชนก่อนหน้านี้ขณะที่เขาปลอมตัวออกไปสำรวจนอกเมือง ก็ได้พบกับกลุ่มคนเร่ร่อนเหล่านี้แล้วหางเต๋อโย่วพยายามจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเขา จึงสั่งให้ไล่ขอทานทั้งหมดออกไปนอกเมืองหังโจว และสั่งให้ทหารที่เฝ้าประตูเมืองไม่ให้ปล่อยให้คนเร่ร่อนเข้าเมืองโชคดีที่ยามนั้นหางเต๋อโย่วยังคงสั่งให้คนไปต้มข้าวแจกจ่ายให้แก่ราษฎรนอกเมืองทุกวัน เขาจึงยังไม่ได้ทำการใดทว่าปีนี้เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ราคาข้าวก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วคาดว่าหางเต๋อโย่วคงไม่มีข้าวที่จะแจกจ่ายให้แก่คนเร่ร่อนอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหวังเหลียงฮั่นคอยกดดันอยู่ด้วยยามนี้คนเร่ร่อนเข้ามาในเมืองอย่างกะทันหัน ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าต้องเป็นแผนการของหวังเหลียงฮั่นแน่นอนกองทัพก้านโจวจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ แต่คนเร่ร่อนก็ไม่รู้ว่าอดอาหารมานานแค่ไหน หลายคนจึงทนไม่ไหวแล้วซูชิงลั่วลงจากรถม้าตามลู่เหิงจือไปฝูงชนก็เงียบสงบลงทันทีกลุ่มคนเร่ร่อนห้อมล้อมทั้งคู่แบบหลวมๆ กล้าๆ กลัวๆ และมองมาที่สามีภรรยาคู่นั้นด้วยสายตาที่ทั้งขอร้องและคาดหวัง เพียงหวังว่าจะได้อาหารสักคำไกลออกไป ใต้กำแพง มีหญิงผอมโซคนหน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 220

    คนของหางเต๋อโย่วได้เร่งสร้างโรงทานชั่วคราวขึ้นมาในบริเวณใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว และหลังจากสร้างเสร็จก็รีบไปสร้างที่อื่นต่อทันทีผู้คนที่มาขอรับข้าวต้มมีจำนวนมากจนมองไม่เห็นปลายแถวฉางกุ้ยแม้จะยุ่งอยู่ก็ยังไม่ลืมอธิบายให้ซูชิงลั่วฟังว่า “ก่อนหน้านี้เคยเกิดกบฏของชาวบ้านเร่รอนใกล้ๆ เมืองหลวง ใต้เท้าอาจกังวลจึงออกตรวจตราด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า มองดูสถานการณ์ตรงหน้าพลางพูดว่า “บอกให้คนที่พาเด็กน้อยมาด้วยแทรกแถวรับก่อนได้เลย”เนื่องจากคนเร่ร่อนมีจำนวนมาก คนที่คอยตักข้าวต้มจึงไม่เพียงพอ ซูชิงลั่วหลังจากสำรวจบริเวณโดยรอบแล้ว จึงเริ่มช่วยตักข้าวต้มร่วมกับจื๋อหยวนนาวไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย เมื่อไม่มีฟืนก็ไปตัดฟืนมาเติม เมื่อข้าวหมดก็ช่วยจื๋อหยวนแบกถุงข้าว เมื่อข้าวต้มสุกแล้วก็แบ่งปันให้กับทุกคนด้วยตัวเองไม่นานชาวบ้านเร่ร่อนจำนวนมากก็หลงรักท่านฮูหยินอัครมหาเสนาบดีผู้นี้ แม้จะมีรูปโฉมที่ไม่งดงาม แต่กลับเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และจิตใจดีงามอย่างยิ่งโชคดีที่ฝนตกไม่หนัก ซูชิงลั่วยืนอยู่ที่โรงทานข้างเตาไฟก็ไม่รู้สึกหนาวเลย กลับรู้สึกเหงื่อออกเพราะทำงานหนักเกินไปด้วยซ้ำฝนและเหงื่อเปียกชุ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 221

    ทุกคนจำต้องถอยหลังไปหลายก้าวหนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาว่า “ฮูหยิน พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะชิงอาหารหรอก แต่ว่าพวกเราอดอาหารมาสองสามวันแล้ว ข้าวก็จะหมดแล้ว ท่านจะให้พวกเราเข้าแถวก็มิใช่เอาชีวิตของพวกเราไปหรอกหรือ”“ถูกต้อง ถูกต้องเลย”“ใครว่าข้าวหมด” ซูชิงลั่วพูดเสียงดัง “หลี่ว์เผิงเทียน เถ้าแก่ของเมืองหังโจวเป็นพี่ชายบุญธรรมของข้า เขากำลังจะขนข้าวมาให้ทุกคนโดยเร็ว ทุกคนรอได้เลย”สถานการณ์คับขัน นางจึงแสล้งทำเป็นว่าหลี่ว์เผิงเทียนเป็นพี่ชายบุญธรรมของนาง เพื่อให้สถานการณ์สงบลงชั่วคราวนางไม่พูดถึงชื่อของหลี่ว์เผิงเทียนก็ยังดี แต่พอพูดถึงก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก“หลี่ว์เผิงเทียน? คนตระหนี่ที่ผัดผักใส่เนื้อยังต้องนับจำนวนชิ้นน่ะหรือ”“เขา? จะให้ข้าวพวกเรา?”“เป็นไปได้อย่างไร ฮูหยิน อย่ามาหลอกพวกเราเลย”“ถูกต้อง......”สถานการณ์ที่เพิ่งสงบลง ก็ดูเหมือนจะวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้งเวลานี้เอง รถม้าคันหนึ่งก็แล่นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นจากระยะไกล“ดู คือหลี่ว์เผิงเทียนจริงๆ ด้วย!”“ข้าวสาร ท่านนำข้าวสารมาด้วย!”“ข้าวสารจำนวนมาก สิบกว่าคันรถ!”“มีข้าวสารจริงๆ ด้วย ฮูหยินอั

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 222

    "นี่ นี่คือฮูหยินอัครมหาเสนาบดีรึ""โอ้สวรรค์ ข้ายังไม่เคยเห็นหญิงใดงดงามเพียงนี้มาก่อนเลย ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดอย่างไรดี""ใบหน้าของนางขาวผ่องราวกับผ้าไหม""ดวงตาคู่นั้น แค่เหลือบมองมา ข้าก็พร้อมถวายชีวิตให้กับนาง.......""ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีกับท่านอัครมหาเสนาบดีเหมาะสมกันมากเลย!"“……”แย่แล้ว ครื่องสำอางบนใบหน้าฉันโดนฝนชะล้างออกหมดแล้วซูชิงลั่วเผลอเอามือลูบใบหน้า มองลู่เหิงจือด้วยความงงงวย ไม่รู้จะทำอย่างไรดีโชคดีที่มีเขาอยู่ด้วย นางไม่จำเป็นต้องรู้ว่าควรทำอย่างไรเขาก็คือความมั่นใจของนางลู่เหิงจือเพียงยิ้มอย่างสบายใจ และพูดอย่างเปิดเผยว่า “งดงามมากจนข้าไม่อยากให้ใครเห็นเลยล่ะ”“……”ซูชิงลั่วใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ ลู่เหิงจือพูดออกมาได้อย่างไรทำให้ฝูงชนเดือดพล่านเพราะคำพูดของเขาด้วยลู่เหิงจือและซูชิงลั่วเป็นศูนย์กลาง ผู้คนรอบข้างก็ขยายวงออกไปเรื่อยๆ ราวกับวงน้ำที่ขยายออกไปเป็นวงๆ“โอ้! ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีเป็นหญิงงามล่มเมืองจริงๆ ด้วย! ทุกคนรีบมาดูเร็ว!”“รอยปานบนใบหน้าของฮูหยิน ท่านอัครมหาเสนาบดีเป็นคนสั่งให้วาดเองเพราะความหึงหว

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 223

    หวังเหลียงฮั่นและหวังซูพูดขึ้นพร้อมกัน "ยังมีเรื่องอะไรอีก"เสนาธิการตอบว่า "ก่อนหน้านี้นางโลมที่ท่านอัครมหาเสนาบดีพักค้างคืนที่โรงเตี๊ยมด้วย ก็คือฮูหยินอัครมหาเสนาบดี ระหว่างที่ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีแจกข้าวต้มกลางสายฝน บ่าวในโรงเตี๊ยมก็จดจำฮูหยินได้”หวังซู๋ฉินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา แล้วหันหลังเดินจากไปหวังเหลียงฮั่นทำสีหน้างุนงง “ลู่เหิงจือมีอะไรผิดปกติหรือไม่”ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีบ่าวรับใช้วิ่งมาอย่างเร่งรีบ แล้วมอบจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ บอกว่าส่งมาจากเมืองหลวงโดยใช้ม้าเร็วหวังเหลียงฮั่นอ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างรวดเร็วใต้แสงไฟในระเบียง“เยี่ยมมากลู่เหิงจือ เล่ห์เหลี่ยมชั้นเลิศ ตรวจสอบบัญชีภาษีได้โดยไม่ให้ใครรู้”เขาหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “ลี่หลูล่ะ รีบไปตามลี่หลูเร็ว! ลู่เหิงจือเจ้าเล่ห์เหลือเกิน เราต้องรีบแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่รู้ว่ามีอะไรรอพวกเราอยู่ข้างหน้าอีก”*เมื่อขึ้นรถม้าแล้ว ซูชิงลั่วก็ปล่อยให้ลู่เหิงจือโอบกอดตลอดทาง โดยไม่กล้าสบตาเขาเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง และพยายามปลอบใจตัวเองว่านางกับลู่เหิงจือ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 224

    ซูชิงลั่วรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้แช่น้ำอุ่น ร่างกายอบอุ่นและความเมื่อยล้าก็หายไปปัญหาเดียวคืออ่างอาบน้ำเล็กเกินไปสำหรับสองคนร่างกายของทั้งคู่สัมผัสกันอยู่ตลอดเวลา แล้วก็แยกออกจากกันทันทีลู่เหิงจือไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เพียงแค่ตั้งใจอาบน้ำ และช่วยนางราดน้ำที่หลังเป็นระยะๆหลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งวัน นางรู้สึกเมื่อยล้าไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะน่องที่ปวดเมื่อยมาก จนไม่มีแรงอยากจะอาบน้ำลู่เหิงจือมองออก จึงค่อยๆ ราดน้ำอุ่นลงที่หลังของนาง อาสาช่วยนางอาบน้ำซูชิงลั่วรู้สึกเพลิดเพลินกับการถูกปรนนิบัติ ถึงขั้นมีความคิดว่า “การอาบน้ำกับเขาก็ไม่เลวนะ” “ต่อจากนี้ก็อาบได้อีกหลายรอบเลย”นางพิงอกของลู่เหิงจือ อ้าปากหาวเบาๆ แล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่อ่างเล็กไปหน่อย อึดอัดมาก”ลู่เหิงจือขณะที่กำลังถูแขนให้นาง ก็โอบเอวนางจากด้านหลังแล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “พอเรากลับเมืองหลวง ค่อยทำอ่างอาบน้ำใบใหญ่กัน”“……”แผ่นหลังถูกผิวของเขาสัมผัสอย่างฉับพลัน ซูชิงลั่วอดที่จะเกร็งไหล่ไม่ได้ ความรู้สึกเสียวซ่านวิ่งจากศีรษะลงมาตามหลังของนางมือของน่งเกร็งเล็กน้อยและจับขอบถังไม้ไว้"ไม่ ไม่เป็นไร"ความหม

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 225

    เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของซูชิงลั่ว แล้วปลอบโยนว่า “เจ้าวางใจได้ เรื่องที่นี่ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย”ซูชิงลั่วมักจะเชื่อฟังเขาเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอม“หากท่านไม่เก็บโฉวกว่างไว้ ข้าก็จะไม่ไป" นางสะบัดมือเขาออก “พี่สามบอกแล้วว่าที่นี่ไม่มีอันตราย”ก็ไม่มีอันตรายจริงๆ แต่นางอยู่ด้วยเขาจะเสียสมาธิลู่เหิงจือถอนหายใจอย่างจนใจซูชิงลั่วมองเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า “พี่สาม เป้าหมายของพวกเขาคือท่าน ไม่ใช่ข้า”ลู่เหิงจือตอบว่า “แต่พวกเขาจะใช้เจ้าเล่นงานข้า”ซูชิงลั่วโกรธมากจนพูดว่า “อย่างนั้นข้ากลับไเมืองหลวงเลยดีกว่า”ลู่เหิงจือมองนางยู่นาน และพูดเสียงเรียบว่า “ได้”ทั้งสายตาและน้ำเสียงบอกให้นางรู้ว่าต่อรองไม่ได้แล้วซูชิงลั่วโกรธจนหันหลังให้เขา ไม่ยอมพูดอะไรอีกลู่เหิงจือยืนอยู่ที่หัวเตียงคนเดียว ผิงผมจนแห้ง ดับเทียน แล้วขึ้นนอนท่ามกลางความมืดมิด ได้ยินเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งสองคนผ่านไปนานมากก็ไม่มีใครพูดอะไรเลยไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ลู่เหิงจือก็ถามขึ้นมาว่า “หลับแล้วหรือไม่”ไม่มีเสียงตอบรับจากซูชิงลั่วลู่เหิงจือเอนต

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 226

    เรื่องที่ซูชิงลั่วพูดออกมานั้นช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป แม้แต่ลู่เหิงจือที่พบเจอเรื่องราวใหญ่โตมานักต่อนักก็ยังต้องนิ่งไปครู่หนึ่งผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงค่อยเอ่ยว่า "ดังนั้น ที่เจ้าพบว่าลู่เหยียนแอบนัดพบคนอื่น และขอถอนหมั้นกับเขา เพราะเจ้าได้ฝันถึงเรื่องนั้นใช่หรือไม่""ใช่แล้ว"ลู่เหิงจือหลุบตาลงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรซูชิงลั่วพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน "ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แต่พี่สาม ท่านต้องเชื่อข้านะ...""ข้าเชื่อเจ้า" ลู่เหิงจือดึงนางเข้ามากอดฉับพลันฝ่ามือของเขาลูบไล้เส้นผมดำขลับของนางอย่างแผ่วเบา กอดนางแน่น ราวกับนางเป็นสมบัติล้ำค่าในอ้อมแขนของเขาฝ่ามือของเขาหยุดลงตรงแผ่นหลัง ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า "ตอนนั้นเจ้ากลัวหรือไม่?"ซูชิงลั่วนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงตอนที่นางฝันว่าตายทั้งกลมในฝันนั้น กลัวหรือไม่หัวใจของนางรู้สึกปวดหนึบ น้ำตาแทบจะไหลลงมานางเล่าเรื่องความฝันของตัวเองให้เขาฟัง เขาเชื่อโดยไม่ถามถึงเหตุผลว่าทำไมนางถึงอยากให้โฉวกว่างอยู่ด้วย หรือนางฝันเห็นอะไรเกี่ยวกับเขา เขาจะมีอันตรายอะไร แต่กลับห่วงเพียงว่านางกลัวหรือไม่ซูชิงลั่วโอบก

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status