ฟางจั๋วจิบชาไปแค่อึกเดียว ก็สำลักด้วยความเขินอาย กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ ปิดบังคุณเซียวไม่ได้เลย เมื่อคืนคุณบอกว่า โรคของผม สามารถรักษาให้หายขาดได้ใช่มั๊ย?”“สามารถรักษาให้หายขาดได้” เซียวเป่ยพยักหน้าฟางจั๋วพูดอย่างเร่งรีบว่า: “คุณเซียว งั้นรบกวนคุณออกใบสั่งยาให้ผมหน่อย”เซียวเป่ยยิ้ม หยิบใบสั่งยาออกมาจากลิ้นชัก ยื่นให้ฟางจั๋วแล้วพูดว่า “ไปที่ซื้อยาตามคำแนะนำข้างบนที่ร้านขายยาแผนจีนที่อยู่ท้ายซอยก็ได้แล้ว”ฟางจั๋วตกตะลึง รับใบสั่งยา แล้วพูดว่า “คุณเซียวเดาออกว่าผมจะมา?”เซียวเป่ยยิ้มแต่ไม่พูดอะไรฟางจั๋วไม่ได้อยู่นาน จ่ายค่ารักษา ลุกขึ้นแล้วจากไปก่อนจะไป ฟางจั๋วกล่าวว่า: “ใช่แล้วคุณเซียว ผมจะเผยข้อมูลให้คุณหน่อยว่า การแข่งขันคัดเลือกระดับเขตเมืองในสัปดาห์หน้า จะแบ่งออกเป็นเจ็ดสนามการแข่งขัน คะแนนจะถูกสะสม ตามการจัดอันดับของแต่ละเกม คนที่ถูกจัดอันดับรั้งท้ายจะตกรอบ สุดท้าย จะมีเพียงคนที่มีคะแนนสูงสุดในสิบอันดับแรกในเจ็ดสนามการแข่งขันเท่านั้น ที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับเขตเมืองในรอบต่อไปได้ ท้ายที่สุดแล้วจะคัดให้เหลือเพียงห้าคน ที่จะเป็นตัวแทนเ
หลี่เซียวลี่หัวเราะเยาะ เหยียบคันเร่ง แล้วออกจากที่นี่ไปทางฝั่งเซียวเป่ย พอกินข้าวกับเหอเทาเสร็จแล้ว กำลังจะกลับมาที่ร้านเล็กๆ ก็เห็นรถที่คุ้นเคยคันหนึ่งขับออกมาจากหน้าประตูไป“หลี่เซียวลี่?”เซียวเป่ยพูดอย่างสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจและในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นซูหว่านโทรมา“ประธานซู มีธุระอะไรเหรอ?” เซียวเป่ยถามอย่างเหม่อลอยเสียงของซูหว่านเย็นชา และน้ำเสียงที่ห้ามมีข้อกังขาใดๆ แล้วพูดว่า: “เซียวเป่ย เวลาบ่ายโมงครึ่ง ที่คาเฟ่หย่วนซาน ฉันอยากจะเจรจากับคุณ”คาเฟ่หย่วนซานเมื่อเซียวเป่ยมาถึงที่ประตู ก็เห็นซูหว่านนั่งอยู่ข้างหน้าต่างเอามือประสานหน้าอก ด้วยบุคลิกท่าทางที่เย็นชาสมแล้วที่เป็นผู้บริหารหญิงพอเดินไปถึงตรงหน้าซูหว่าน เซียวเป่ยก็นั่งลงอย่างสงบ ถามด้วยรอยยิ้มว่า: “ประธานซูมีอารมณ์สุนทรีย์ขนาดนี้เลยเหรอ ถึงได้ชวนผมมาดื่มกาแฟ?”“หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว” ซูหว่านกลอกตาใส่ซียวเป่ย แล้วถามด้วยสายตาเฉียบคมว่า: “บริษัทโย่เสวี่ยจำกัด มันหมายความว่ายังไง?”เซียวเป่ยยักไหล่ แล้วตอบว่า “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”ซูหว่านหัวเราะเบาๆแ
“สูตรในครั้งนี้ ทีมวิจัยและพัฒนาของบริษัทฯ ได้ทดลองซ้ำไปมาหลายร้อยครั้งแล้ว ไม่มีปัญหาใดๆ!”“ในเมื่อคุณบอกว่ามันมีปัญหา ถ้าอย่างนั้นคุณพูดได้อย่างชัดเจนไหมว่าปัญหาอยู่ตรงไหน!”เซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คนจำนวนไม่มากจะมีอาการคัน และเป็นผื่นแดงที่ผิวหนัง”“ช่างน่าขัน! ช่างน่าขันจริงๆ!”ซูหว่านหัวเราะเยาะเย้ยสองครั้ง แล้วพูดว่า “เซียวเป่ย คุณบอกฉันหน่อย ว่ามาส์กหน้าชนิดไหนในตลาด ที่ไม่มีผลข้างเคียงกับคนจำนวนน้อย? คุณกำลังพยายามทำให้ฉันกลัวเหรอ?”เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของเซียวเป่ยก็เคร่งขรึมลง เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ทำให้คุณกลัว ผมแค่เตือนคุณก็เท่านั้น”“ฉันไม่ต้องการให้คุณเตือนฉัน! ผลิตภัณฑ์มีปัญหาหรือไม่ ฉันรู้ดีกว่าคุณ!”“คุณแค่รอดูผลิตภัณฑ์ที่ปิงฉิ้นกรุ๊ปเปิดตัวในครั้งนี้ กวาดล้างอุตสาหกรรมมาส์กหน้าทั้งหมดก็พอแล้ว”ซูหว่านพูดอย่างเย็นชา เปิดประตู ออกจากร้านกาแฟไปเซียวเป่ยจนใจหลังจากนั่งได้สักพัก เขาก็ลุกขึ้นแล้วจากไปทางด้านของซูหว่าน พอกลับมาที่บริษัทฯแล้ว ก็โทรหาหลี่เซียวลี่ทันที และถามว่า: “มาร์กหน้าของพวกเราต้องใช้
ในไม่ช้า กู้โย่เสวี่ยก็ขับรถพาเซียวเป่ยไปที่ถนนโบราณที่ตลาดตะวันตกทันใดนั้น เซียวเป่ยก็ถูกทัศนียภาพอันครึกครื้นของถนนโบราณที่อยู่ตรงหน้าดึงดูดผู้คนมากมายสองข้างทางมีร้านขายหยกโบราณ คนที่เข้าๆออกๆล้วนเป็นคนที่มาหาช่องทางซื้อของในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด และยังมีนักท่องเที่ยวด้วยบนถนน ยังมีพ่อค้าแม่ค้ามากมายที่ปูผ้าบนพื้น แล้วนำเครื่องหยกโบราณชนิดต่างๆจำนวนหนึ่งมาวางไว้ข้างบน เพื่อตะโกนขายดูเหมือนกู้โย่เสวี่ยจะชอบสถานที่ที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวาแบบนี้ พรางมองไปรอบๆพรางแนะนำว่า: “คุณเซียว ที่นี่คล้ายกับพานเจียหยวนที่อยู่ที่เมืองจิงตูเลย แต่พานเจียหยวนใหญ่กว่าที่นี่มาก”เซียวเป่ยพยักหน้า กวาดสายตามองแบบสบายๆ พบว่าของบางอย่างที่ขายตามแผงลอยเหล่านั้น มีไม่กี่อันที่เป็นของจริง ล้วนเป็นสิ่งที่พ่อค้าแม่ขายใจดำนำมาหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างถิ่นเขาเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนซื้อของปลอมมาสองสามชิ้น แล้วจากไปอย่างมีความสุขราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าเดินไปได้สักพัก เซียวเป่ยก็เริ่มมองหาเตายาที่ตนเองต้องการไม่ช้า เซียวเป่ยก็หยุดอยู่ตรงหน้าพ่อค้าแผงลอยคนหนึ่งเมื่อพ่อค
เซียวเป่ยหัวเราะเยาะเย้ยสองครั้ง แล้วเอาเตายาคืนให้เจ้าของร้านแผงลอย หันหลังแล้วกำลังจะจากไปเมื่อเห็นว่าเซียวเป่ยกำลังจะออกไป เจ้าของร้านแผงลอยก็ร้อนใจ รีบตะโกนว่า: “เดี๋ยวก่อน เถ้าแก่ คุณอยากจะซื้อมันจริงๆใช่มั๊ย?”เซียวเป่ยโบกมือ พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ผมแค่อยากจะซื้อเตายากลับไปต้มยาที่บ้าน หนึ่งล้านบาท แพงเกินไป ห้าหมื่นแสนหนึ่งว่าไปอย่าง”ขณะที่พูด เซียวเป่ยก็จงใจชะลอความเร็วของฝีเท้าลงเมื่อเจ้าของร้านแผงลอยได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้ว และตะโกนอย่างเด็ดขาดว่า: “หนึ่งแสนบาท! ถูกกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว! ถ้าอยากได้ ก็เอาไป”เซียวเป่ยยิ้ม หันกลับมา แล้วพูดว่า “ตกลง”เมื่อกู่โย่เสวี่ยได้ยินดังนี้ ก็กังวล และถามว่า: “คุณเซียว คุณจะซื้อมันจริงๆเหรอ? เตายานี้ดูไปแล้วธรรมดามาก แล้วก็สกปรก ... หากคุณอยากจะได้เตายา ฉันจะให้คนหาอันดีๆมาให้คุณสักอันในภายหลัง” “ไม่ต้องพูด ผมคิดคำนวณไว้แล้ว” เซียวเป่ยกล่าวเตือนเบาๆเมื่อเห็นดังนี้ กู่โย่เสวี่ยก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีกไม่ช้า เซียวเป่ยก็จ่ายเงินไปเจ้าของร้านแผงลอยแอบมีความสุขอยู่ในใจ แต่กลับแสดงสีหน้าท่าทางที่เศร้าใจ แล
“คุณ!”ใบหน้าของถังปิงปิงก็ดูแย่ลงทันที นัยย์ตาแฝงไปด้วยเย็นชาตั้งแต่เล็กจนโต เธออยากได้อะไรก็ต้องได้ไม่เคยมีใครกล้ามาหักหน้าเธอแบบนี้ในที่สาธารณะ!ไอ้สารเลวที่น่ารังเกียจ!“คุณจะมีปัญหากับคุณหนูอย่างฉันให้ได้เลยใช่มั๊ย?” ถังปิงปิงเยาะเย้ยอย่างชั่วร้าย: “คุณก็ไม่ไปถามดู ว่าฉันเป็นใคร! ไม่ต้องพูดถึงถนนโบราณสายนี้ แม้แต่ทั่วทั้งเจียงจง ถ้าเป็นของที่ฉันอยากได้ ไม่เคยเลยที่ฉันจะซื้อไม่ได้!”“วันนี้ ถ้าคุณไม่เอาเตายามาให้ฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”ความโอหังอวดดี วางอำนาจบาตใหญ่ และความดื้อรั้นถูกถังปิงปิงแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างเต็มตาเซียวเป่ยพินิจมองไปที่ถังปิงปิง พูดอย่างเย็นชาว่า: “จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณก็ลองดูสิ”ความโกรธปรากฏบนใบหน้าของถังปิงปิง แล้วตะเบ็งว่า: “คุณปู่ของฉันคือถังจิ้งจือ!”“ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ต่อให้คุณปู่ของคุณมาด้วยตนเอง ก็ไม่มีประโยชน์!”ถังปิงปิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายตัวเหม็นคนหนึ่งทำให้โกรธถึงขนาดนี้ จึงโบกมือเล็กๆ แล้วตะโกนว่า: “ไปแย่งมันมาให้ฉัน!”ทันใดนั้น บอดี้การ์ดสองคนก็ล้อมรอบเซียวเป่
แต่เธอไม่เข้าใจว่า อาหลงที่มีความแข็งแกร่งอย่างนี้ ถูกถีบหนึ่งทีก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้ว!ในขณะนี้ พอเห็นเซียวเป่ยเดินไปหาตนพร้อมกับกระบองไฟฟ้าที่อยู่ในมือ ถังปิงปิงก็ตกใจจนตัวสั่นไปหมด สีหน้าซีดเซียว และตะโกนว่า: “คุณ คุณ คิดที่จะทำอะไร? คุณอย่าเข้ามานะ! ฉันชื่อถังปิงปิง คุณปู่ของฉันชื่อถังจิ้งจือนะ!”“ถังจือจิ้งมีหลานสาวแบบนี้ ช่างซวยแปดชาติจริงๆ” เซียวเป่ยกล่าวด้วยความเย็นชาขณะที่เขากำลังจะสอนบทเรียนให้ถังปิงปิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและหยิ่งผยองคนนี้ ทันใดนั้น รถสปอร์ทแม็คลาเร็นสีดำคันหนึ่งก็มาหยุดอยู่ที่ข้างถนนจากนั้น ผู้หญิงในชุดกีฬาสีขาว รวบผมหางม้า ดูมีความสามารถ และท่าทางองอาจห้าวหาญคนหนึ่งก็ก้าวลงมาจากรถ!ทันทีที่เห็นผู้หญิงคนนั้น ถังปิงปิงดีใจขึ้นมาทันที โบกมือแล้วตะโกนว่า: “พี่สาว! อยู่ตรงนี้ ไอ้สารเลวนี่กำลังรังแกฉันอยู่...”ถังปิงปิงคนไม่ดีเอ่ยปากฟ้องก่อนเซียวเป่ยขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหุ่นดีมาก รูปร่างก็สมบูรณ์แบบ ทุกครั้งที่ก้าวเดิน หน้าอกก็จะสั่นเล็กน้อยแต่ในขณะนี้ ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นถูกปกค
“หุบปาก! อย่าเสียมารยาทกับปรมาจารย์เซียวนะ!”ถังจิ้งจือถลึงตาใส่ถังชิงจู๋ และพูดกล่าวต่อว่าตักเตือนจากนั้น ภายใต้นัยย์ตาที่ประหลาดใจเป็นอย่างมากของทุกคน ถังจิ้งจือเดินเขาไปที่ตรงหน้าของเซียวเป่ยอย่างช้าๆ โค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า: “ปรมาจารย์เซียว ต้องขอโทษจริงๆ เป็นเพระกระผมควบคุมดูแลไม่เข้มงวด จึงทำให้หลานสาวที่ไม่มีมารยาททั้งสองคนล่วงเกินคุณ กระผมขอโทษคุณแทนพวกเธอด้วย หลังจากที่กลับไปแล้ว ผมจะสั่งสอนพวกเธอทั้งสองคนอย่างเข้มงวดแน่นอน”ถังชิงจู๋ และถังปิงปิงตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความประหลาดใจคุณปู่เป็นหัวหน้าตระกูลถังแห่งเจียงจง มีสถานะที่สูงส่ง เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญอันดับต้นๆ จะมาเคารพเด็กหนุ่มเด็กกะโปโลคนหนึ่งได้ยังไง?เซียวเป่ยหัวเราะเบาๆ มองด้วยสายตาที่เฉียบคม และพูดว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลถัง หลานสาวทั้งสองคนของคุณ ต้องได้มีการสั่งสอนให้ดีๆจริงๆ”ถังจิ้งจือพยักหน้าไม่หยุด หันกลับมาแล้วตำหนิพี่น้องทั้งสองคนว่า : “ทำไมยังไม่มาขอโทษปรมาจารย์เซียวอีก!”“ไม่ทำ ไอ้สารเลวนี่เตะก้นหนู!” ถังชิงจู๋ตะโกนด้วยใบหน้าท
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?