แต่เธอไม่เข้าใจว่า อาหลงที่มีความแข็งแกร่งอย่างนี้ ถูกถีบหนึ่งทีก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้ว!ในขณะนี้ พอเห็นเซียวเป่ยเดินไปหาตนพร้อมกับกระบองไฟฟ้าที่อยู่ในมือ ถังปิงปิงก็ตกใจจนตัวสั่นไปหมด สีหน้าซีดเซียว และตะโกนว่า: “คุณ คุณ คิดที่จะทำอะไร? คุณอย่าเข้ามานะ! ฉันชื่อถังปิงปิง คุณปู่ของฉันชื่อถังจิ้งจือนะ!”“ถังจือจิ้งมีหลานสาวแบบนี้ ช่างซวยแปดชาติจริงๆ” เซียวเป่ยกล่าวด้วยความเย็นชาขณะที่เขากำลังจะสอนบทเรียนให้ถังปิงปิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและหยิ่งผยองคนนี้ ทันใดนั้น รถสปอร์ทแม็คลาเร็นสีดำคันหนึ่งก็มาหยุดอยู่ที่ข้างถนนจากนั้น ผู้หญิงในชุดกีฬาสีขาว รวบผมหางม้า ดูมีความสามารถ และท่าทางองอาจห้าวหาญคนหนึ่งก็ก้าวลงมาจากรถ!ทันทีที่เห็นผู้หญิงคนนั้น ถังปิงปิงดีใจขึ้นมาทันที โบกมือแล้วตะโกนว่า: “พี่สาว! อยู่ตรงนี้ ไอ้สารเลวนี่กำลังรังแกฉันอยู่...”ถังปิงปิงคนไม่ดีเอ่ยปากฟ้องก่อนเซียวเป่ยขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหุ่นดีมาก รูปร่างก็สมบูรณ์แบบ ทุกครั้งที่ก้าวเดิน หน้าอกก็จะสั่นเล็กน้อยแต่ในขณะนี้ ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นถูกปกค
“หุบปาก! อย่าเสียมารยาทกับปรมาจารย์เซียวนะ!”ถังจิ้งจือถลึงตาใส่ถังชิงจู๋ และพูดกล่าวต่อว่าตักเตือนจากนั้น ภายใต้นัยย์ตาที่ประหลาดใจเป็นอย่างมากของทุกคน ถังจิ้งจือเดินเขาไปที่ตรงหน้าของเซียวเป่ยอย่างช้าๆ โค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า: “ปรมาจารย์เซียว ต้องขอโทษจริงๆ เป็นเพระกระผมควบคุมดูแลไม่เข้มงวด จึงทำให้หลานสาวที่ไม่มีมารยาททั้งสองคนล่วงเกินคุณ กระผมขอโทษคุณแทนพวกเธอด้วย หลังจากที่กลับไปแล้ว ผมจะสั่งสอนพวกเธอทั้งสองคนอย่างเข้มงวดแน่นอน”ถังชิงจู๋ และถังปิงปิงตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความประหลาดใจคุณปู่เป็นหัวหน้าตระกูลถังแห่งเจียงจง มีสถานะที่สูงส่ง เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญอันดับต้นๆ จะมาเคารพเด็กหนุ่มเด็กกะโปโลคนหนึ่งได้ยังไง?เซียวเป่ยหัวเราะเบาๆ มองด้วยสายตาที่เฉียบคม และพูดว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลถัง หลานสาวทั้งสองคนของคุณ ต้องได้มีการสั่งสอนให้ดีๆจริงๆ”ถังจิ้งจือพยักหน้าไม่หยุด หันกลับมาแล้วตำหนิพี่น้องทั้งสองคนว่า : “ทำไมยังไม่มาขอโทษปรมาจารย์เซียวอีก!”“ไม่ทำ ไอ้สารเลวนี่เตะก้นหนู!” ถังชิงจู๋ตะโกนด้วยใบหน้าท
แม้ว่าเธอจะพูดเช่นนี้ แต่เธอมีแผนการอื่นอยู่ในใจแล้ว“ในอนาคต ติดต่อกับปรมาจารย์เซียวให้ดีๆ เขาเพิ่งจะหย่าร้าง สำหรับหลานสองคนแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสจู่ๆถังจิ้งจือก็พูดขึ้นมาทันทีที่พูดเหล่านี้ออกมา พี่น้องทั้งสองคนต่างก็ตกตะลึง“คุณปู่ คุณปู่กำลังพูดอะไรอยู่น่ะ!” ถังชิงจู๋กระทืบเท้า ไปหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย…พอกลับมาถึงร้านเล็กๆ เซียวเป่ยก็หยิบเตายาออกมา เช็ดอย่างดีอยู่หลายครั้ง ถึงจะเช็ดสะอาดพอมองดูอย่างละเอียดแล้ว เซียวเป่ยถึงกลับต้องร้องเชี่ยเอ้ยเตายานี้ ไม่ธรรมดาเลย!ตัวอักษรข้างบน ไม่ได้มีแต่สมัยราชวงศ์หมิงเท่านั้น แต่ยังมีสมัยสามก๊กด้วยแพทย์หัวถัว?หลังจากเห็นลายเซ็นตรงมุมมุมหนึ่ง เซียวเป่ยก็ยิ่งตื่นเต้น!นี่คือเตายาที่แพทย์หัวถัวใช้จริงๆซื้อของล้ำค่ามาในราคาที่แสนถูก!“คุณเซียว เป็นอะไรไป ถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้?” กู้โย่เสวี่ยไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ โน้มตัวลง ถามพร้อมกับกะพริบตาอันกลมโตเซียวเป่ยยิ้มและพูดว่า “คุณรู้มั๊ยว่าใครเคยใช้เตายานี้มาก่อน”กู้โย่เสวี่ยส่ายหัว“แพทย์หัวถัว” เซียวเป่ยยิ้มเอื้อกๆ!กู้โย่เสวี่ยก็
“ขอบคุณมากเสี่ยวหาน” ซูหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว ตอนเย็นเราจะไปกินข้าวที่ไหน? ถ้ายังคิดไม่ออก ฉันบังเอิญรู้จักร้านอาหารดนตรีดีๆอยู่ร้านหนึ่ง” หลงเสี่ยวหานพูดแบบไม่ได้ประดิดประดอย“ได้หมด คุณตัดสินใจเลย” ซูหว่านจ้องมองหลงเสี่ยวหาน ราวกับเด็กสาวที่บ้าผู้ชายคนหนึ่งในใจรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!เพื่อนรักตั้งแต่เล็กจนโตของตน ไปเรียนต่อต่างประเทศเมื่อสี่ปีก่อน สิ่งที่เธอเรียนก็คือศาสตร์ทางการแพทย์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสองสาขาในสาขาการแพทย์แผนจีน และการแพทย์แผนตะวันตกการกลับประเทศในครั้งนี้ ก็เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อสี่ปีก่อน ว่าจะกลับมาช่วยซูหว่าน ถึงขั้น สละโอกาสในการทำงานที่มีเงินประจำปีปีละยี่สิบห้าล้านบาทในต่างประเทศมันคือมีดเงิน!“เอาล่ะ ร้านอาหารผีเสื้อดนตรี ฉันจองเรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ” หลงเสี่ยวหานกล่าวด้วยรอยยิ้มตอนกลางคืนทางเข้าร้านอาหารผีเสื้อดนตรีเซียวเป่ยลงจากรถ กู้โย่เสวี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “เดี๋ยวฉันจะไปจอดรถ คุณรอฉันครู่หนึ่ง”เซียวเป่ยพยักหน้า ยืนอยู่ที่ประตูไม่นาน ก็มีรถเมอร์เซเดสเบนซ์จีคลาสสีดำขนาดใหญ่คันหนึ่
“ใช่แล้วจะยังไงล่ะ! อย่างน้อย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด! ฉันไม่มีอะไรที่จะต้องละอายใจ!”ซูหว่านตะเบ็งเสียงพูดด้วยความโกรธ “ไม่เหมือนคุณ หน้าซื่อใจคด!”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว ขี้เกียจที่จะอธิบายอะไรทันใดนั้น กู้โย่เสวี่ยก็เข้ามาเห็นซูหว่านอยู่ที่ประตูก็ตกตะลึงเช่นกัน พูดอย่างสงสัยว่า: “คุณหนูซู คุณมาทานอาหารอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”ขณะที่พูด เธอก็เดินตรงไปจับแขนของเซียวเป่ยเอาไว้ยิ้มแล้วกล่าวกับซูหว่านด้วยสีหน้าที่แย่มาก: “คุณหนูซู งั้นฉันกับเซียวเป่ยขอตัวเข้าไปก่อนนะ ขอให้คุณและเพื่อนของคุณคนนั้นรับประทานอาหารอย่างมีความสุขนะคะ”พูดจบซูหว่านยังไม่ทันได้พูดอะไร กู้โย่เสวี่ยก็จูงเซียวเป่ยเข้าไปในร้านอาหาร“หึ!”ซูหว่านกระทืบเท้าด้วยความโกรธ มองไปที่ด้านหลังของเซียวเป่ยกับกู้โย่เสวี่ยก็รู้สึกอึดอัดใจมากส่วนด้านนี้ หลงเสี่ยวหานจอดรถเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาอย่างสง่าเปิดเผยเลิกคิ้วที่งดงาม แล้วถามว่า: “ คนเมื่อกี้เป็นใครกัน?”ซูหว่านพูดอย่างเย็นชาว่า: “คนที่ไม่สำคัญคนหนึ่ง พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”“โอเค”หลงเสี่ยวหานยิ้ม ผู้หญิงทั้งสองคนคล้องแขนกันก็เดินเข้าไปในร้านอาหารแต่สายตาของห
หลงเสี่ยวหานยืนอยู่ข้างหลังเอามือกอดอก เฉกเช่นผู้หญิงที่กล้าแกร่ง กล่าวถามอย่างเย็นชาเซียวเป่ยหันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวที่มีบุคลิกเย็นชาอยู่ข้างหลัง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “พวกเรารู้จักกันหรอครับ?”หลงเสี่ยวหานยิ้มอย่างเฉยเมย แนะนำตัวเองว่า: “ฉันเป็นเพื่อนสนิทของซูหว่าน ฉันชื่อหลงเสี่ยวหานค่ะ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ไปเรียนต่อต่างประเทศเมื่อสี่ปีก่อนเลยไม่สามารถร่วมงานแต่งงานของเธอได้ค่ะ”เพื่อนสนิทหรอครับ?เซียวเป่ยขมวดคิ้วไม่เคยได้ยินซูหว่านพูดมาก่อนเลยจริงๆ“คุณหลงมีธุระอะไรรึเปล่า?” เซียวเป่ยถามหลงเซียวหานเหลือบมองเซียวเป่ยสองครั้งด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม และพูดด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งว่า: “สามปีที่แล้ว ฉันยังคิดว่าสามีที่ดีแบบไหนที่ซูหว่านจะแต่งงานด้วย ถึงได้ยินเธอพูดทั้งวันว่า สามีของตนเองช่างเก่งกาจ หล่อเหลาและมีพรสวรรค์มาก”“ตอนนี้ดูเหมือนว่า คุณก็ไม่ดีสักเท่าไหร่เลย ธรรมดามาก”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ถ้าคุณหลงมาเพียงเพื่อพูดเรื่องเหล่านี้ ไม่จำเป็นเลย ผมได้หย่ากับซูหว่านแล้วครับ”หลงเสี่ยวหานยิ้มอย่างสงบนิ่ง แล้วพูดว่า “แม้ว
เพียงแต่ ซูหว่านรู้สึกว่าคำพูดที่หลงเสี่ยวหานพูดไปนั้นมันมากเกินไปจริงๆเธอไม่เคยรู้สึกว่าการแต่งงานสามปีเป็นจุดด่างพร้อยอะไรเลยเซียวเป่ยมองซูหว่านด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่เยาะเย้ยตนเองว่า: “ประธานซูครับ ต่อไปมีอะไรจะพูดก็ให้พูดต่อหน้าตรงๆ ไม่จำเป็นต้องให้เพื่อนสนิทมาเยาะเย้ยหรือทำให้ผมอับอายหรอกครับ”“เซียวเป่ย คุณเข้าใจผิดแล้ว...” ซูหว่านขมวดคิ้ว อยากที่จะอธิบายเซียวเป่ยทำเสียงฮึดฮัด มองไปที่หลงเสี่ยวหานความหมายชัดเจนมาก ทุกคนต่างก็อยู่ที่นี่ ยังจะเข้าใจผิดอะไรได้อีก?หรือว่า คำพูดเหล่านั้นเมื่อครู่นี้ เป็นเพราะหลงเสี่ยวหานคนนั้นพูดด้วยตนเอง?“ประธานซูครับ ผมไม่เคยคิดที่จะแข่งขันกับคุณเลย แต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป ผมจำเป็นจะต้องต่อสู้กลับ” เซียวเป่ยพูดอย่างเย็นชาเมื่อซูหว่านได้ยินดังนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปหลงเสี่ยวหานเดินเข้ามา พูดอย่างเย็นชาว่า: “เสี่ยวหว่าน คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับเขา พวกเราไปกันเถอะ”ขณะที่พูด หลงเสี่ยวหานก็จูงซูหว่านกลับไปยังพื้นที่ Bเซียวเป่ยยิ้มอย่างเย็นชา หันหลังกลับและจากไปพอออกจากร้านอาหาร เขา
หลงเสี่ยวหานดูตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัดคนที่สามารถคิดค้นพัฒนาใบสั่งยาอันนี้ออกมาได้ ได้ต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน!หากให้คนที่อยู่สถาบันวิจัยต่างประเทศเหล่านั้นค้นพบใบสั่งยาอันนี้ คงจะสร้างความฮือฮาในวงการแพทย์อย่างแน่นอน!ใบหน้าของซูหว่านเต็มไปด้วยความเคอะเขิน จะบอกความจริงกับหลงเสี่ยวหานดีมั๊ยถึงยังไงซะ ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลงเสี่ยวหานได้ดูถูกเหยียดหยามเซียวเป่ยต่อหน้า ที่ร้านอาหารดนตรีหากบอกเธอว่าเซียวเป่ยเป็นคนคิดค้นใบสั่งยานี้ หลงเสี่ยวหานจะคิดยังไง?หลังจากลังเลเล็กน้อย ซูหว่านก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ใบสั่งยานี้แผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัทของฉันได้ทำการศึกษาวิจัยร่วมกัน”เมื่อได้ยินดังนี้ หลงเสี่ยวหานก็รู้สึกผิดหวังมากทันทีที่แท้เป็นความร่วมมือของทีมแต่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่า ทีมวิจัยและพัฒนาของซูหว่านยอดเยี่ยมมาก“เสี่ยวหาน ใบสั่งยานี้มีปัญหามั๊ย?” ซูหว่านค่อนข้างที่จะกังวลเรื่องนี้หากหลงเสี่ยวหานสามารถแก้ปัญหาเรื่องใบสั่งยานี้ต้องใช้ร่วมกับศาสตร์การฝังเข็มของเซียวเป่ยได้ นั่นถึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นใบสั่งยาที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?