- ทัณฑสถานหญิง -ภวินทร์เดินเข้าไปด้านในก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมเอาไว้ให้ ด้านหน้าของเขาคือแม่ของน้ำตาล ซึ่งสีหน้าและท่าทางไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไรเลยไม่เหมือนกับพ่อของน้ำตาลที่เครียดเพราะได้เข้าไปอยู่ในนั้น "สวัสดีครับคุณน้ำฝน" "มาหาฉันถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?" "ผมจะมาส่งข่าวครับ ข่าวร้าย..." "....." "คือ...คุณมานพเสียชีวิตแล้วนะครับ เขาฆ่าตัวตายครับ" "ตายจริง.." แม่ของน้ำตาลร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจฝ่ามือแนบกับหน้าอกของตัวเองเอาไว้มองหน้าของภวินทร์นิ่ง ดวงตาแดงก่ำคล้ายกับคนจะร้องไห้ แต่ก็นะคนเป็นสามีภรรยากันมันก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดากับการที่คนรักของตัวเองต้องมาจากไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลากันเลยแบบนี้ "ผมเองก็เพิ่งจะรู้วันนี้เหมือนกันครับ ทางทัณฑสถานเขาโทรไปแจ้ง" ".....""ขอโทษนะครับผมไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้" "....." แม่ของน้ำตาลก้มหน้าลงพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย การกระทำนี้มันทำให้ภวินทร์รู้สึกว่าแม่ของน้ำตาลกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน ก่อนที่หญิงวัยกลางคนตรงหน้าของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาน้ำตาไหลหยดลงไปบนแก้ม "อื้ม...ฉันว่ามันก็สาสมกับที่ฉันกับคุณมานพทำเอ
หลังจากที่คุยกับแม่ของน้ำตาลเสร็จแล้วภวินทร์ก็กลับไปที่บ้านเพราะเขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับน้ำตาล ถึงจะไม่อยากให้เธอรู้เพราะกลัวว่ามันอาจจะกระทบจิตใจแต่หาเธอรู้ทีหลังเธอคงจะเสียใจมากกว่านี้ และต่อให้ตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าจริงๆ เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขาทั้งสองคนแต่น้ำตาลก็ยังไม่รู้เธอยังเข้าใจว่าเธอยังเป็นลูกของทั้งสองคนนั้นอยู่ มีแค่เขากับแม่ของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ "คุณภวินทร์" "น้ำตาลล่ะลงมากินข้าวหรือเปล่า?" "เรียบร้อยแล้วค่ะ" "....." เขาพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบขึ้นไปด้านบน เข้าไปหาเธอในห้องนอนซึ่งน้ำตาลกำลังนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่ "เธอทำอะไรอยู่?""ไม่มีอะไร" "ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก" "เรื่องอะไร?" "....." เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น "พ่อของเธอ...ตายแล้วนะ" "อ-อะไรนะ? เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?!" "พ่อของเธอตายแล้ว" "กะ เกิดอะไรขึ้น?!" "เจ้าหน้าที่บอกว่าพ่อของเธอผูกคอตัวเอง" "....." น้ำตาลยืนนิ่งสีหน้าของเธอดูตกใจมากๆ ดวงตากลมสั่นระริกคล้ายคนที่กำลังจะร้องไห้ เขารู้ว่าถ้าเอาเรื่องนี้มาบอกกับเธอเธอจะต้องตกใจและเสียใจมากอย่างแน่นอ
หลังจากที่เสร็จสิ้นงานแม่ของน้ำตาลก็ต้องกลับไปในที่เดิม ถึงเธอจะไม่อยากให้แม่ของเธอไปแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ "โตแล้วนะจะเป็นแม่คนแล้วอย่าร้องไห้เข้าใจไหม" "ต่อให้โตแค่ไหน ถ้ามันมีเรื่องให้เสียใจก็ร้องไห้ได้ทั้งนั้นแหละค่ะแม่" "อย่าร้องไห้สิเดี๋ยวลูกเกิดมาจะขี้แงเอานะ" "ฮึก...แล้วอีกเมื่อไหร่หนูถึงจะได้เจอแม่อีก" "อีกไม่นานหรอก อยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองให้ดี อย่าดื้อเข้าใจไหม" "....." น้ำตาลพยักหน้าตอบรับทั้งน้ำตา "แม่ขอคุยกับคุณวินเขาหน่อยนะ" "ทำไมล่ะแม่หนูก็ยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้นี่" "เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เรายังไม่ต้องรู้ตอนนี้หรอก" "เธอเข้าไปนั่งรอในรถเถอะฉันให้คนสตาร์ทรถไว้ให้แล้ว" ภวินทร์พูด"ไปเถอะลูกเอาไว้ครั้งหน้าให้คุณวินเขาพาไปหาแม่บ่อยๆ นะ" "ก็ได้ค่ะแม่" น้ำตาลยอมเดินไปนั่งรออยู่ในรถ ก่อนที่ภวินทร์และแม่ของเธอจะเดินออกไปคุยด้วยกัน "คุณมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ?""ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณยังมีความเคียดแค้นอยู่อีกไหม แต่ถ้าคุณจะแค้นฉันกับสามีฉันก็ไม่ว่าแต่อย่าไปทำน้ำตาลเธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย หรือถ้าคุณจะใช้เหตุผลว่าเพราะน้ำตาลเป็นลูกของฉัน ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าน้ำตาลไม่ใช่ลูกแท
บ้านภวินทร์ “น้ำตาล..."“วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่อยากทะเลาะอะไรทั้งนั้น ขอฉันอยู่คนเดียว” พูดจบเธอก็เดินขึ้นไปด้านบนในทันที ไม่ได้สนใจภวินทร์หรือแม่บ้านที่เดินออกมาต้อนรับเลย วันนี้เธอเหนื่อยจนบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเพิ่งจะสูญเสียพ่อไปด้วยหรือเปล่า ตอนนี้เธอร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมาแล้ว แกร๊ก~“กินข้าวสักหน่อยสิ สองสามคำก็ยังดี"“พ่อฉันเพิ่งตายไป จะให้ฉันกินอะไรลงอีกเหรอ?” เธอหันกลับมามองเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แววตาของเธอที่มองเขาไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากคำว่าเป็นปวด เป็นอย่างที่แม่ของเธอบอกกับเขาว่าการแก้แค้นในครั้งนี้มีแค่เขาที่เป็นคนเจ็บปวด และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาเองคือคนที่เจ็บปวดกับเรื่องทั้งหมด “สักนิดก็ยังดีนะ เธอไม่ได้ตัวคนเดียวสักหน่อย"“…..” ไม่ใช่ว่าเธอลืมว่าตอนนี้เธอกำลังท้อง แต่เพราะเรื่องราวร้ายๆ ที่มันเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ มันจึงทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ต่อให้เขาจะสรรหาของกินมาวางตรงหน้าให้มันก็เท่านั้น เพราะเธอก็กระเดือกอะไรไม่ลงอยู่ดี “หรือกินอย่างอื่นก็ยังดี เอาไหมเดี๋ยวไปทำให้"“จะมาทำดีกับฉันทำไม?” “ฉันแค่อยากให้เธอกินอะไรบ้าง เธอไม่มีอะไรตกถึงท้องเ
สามเดือนต่อมา....น้ำตาลเดินลงมาจากบันไดด้วยสภาพที่กำลังท้องโย้ โดยมีภวินทร์คอยประคองเธอลงมาด้วย ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่เธอจะคลอดเต็มทีแล้วด้วย"เดินไหวไหม?""ไหวสิ" "วันนี้ฉันว่าจะออกไปซื้อเสื้อผ้ามาเตรียมไว้ให้ลูกสาวน่ะเธออยากไปด้วยกันไหม" "ก็อยากไปนะ แต่ฉันเหนื่อย แค่ยืนก็รู้สึกปวดขาแล้ว คุณไปคนเดียวเถอะให้ฉันอยู่ที่บ้านนี่แหละ" จนถึงตอนนี้น้ำตาลยังไม่ได้หายโกรธกับสิ่งที่เขาทำขนาดนั้นแต่เธอก็ไม่ได้อยากจะเก็บมาคิดให้มันต้องเป็นปัญหาไม่จบไม่สิ้น ทั้งที่เขาก็ดูแลเธอดีขนาดนี้ เวลาพูดด้วยกันก็ดีบ้างไม่ดีบ้างแต่ความสัมพันธ์ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ "คืนนี้ฉันนวดขาให้เอาไหม" "ไม่เป็นไร" "ถ้าปวดขาก็บอกกันสิฉันจะได้นวดขาให้ เธอจะได้รู้สึกสบายนอนหลับง่าย" "....." ไม่รู้ว่าเพราะอะไรไม่ว่าเธอจะเจ็บปวดตรงไหนเธอไม่ค่อยบอกกับเขา และก็ไม่ค่อยให้เขามาทำอะไรให้ด้วย เพราะเธอเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นหนักขนาดที่จะต้องมานั่งบีบหรือนวดกัน "ของที่จำเป็นที่จะต้องซื้อให้ลูก เธอเอาอะไรเพิ่มอีกไหม" "ไม่ล่ะ" "....." "ของใช้เด็กซื้อเยอะไปก็เท่านั้นเด็กยังไงก็โตขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนเรื่อยๆ อยู่แล้ว ซื้อมาถ้าใช้ไ
น้ำตาล Talk คุณปู่ของคุณวินพาฉันหนีออกมาจากบ้านของเขา โดยสร้างสถานการณ์ภายในบ้านให้มันเหมือนกับว่าฉันถูกลักพาตัวโดยคู่อริของเขา คุณปู่ให้คนของคุณปู่จัดการเรื่องหลักฐานทั้งหมดแม้กระทั่งกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ก็ทำลายทิ้ง ทุกคนที่อยู่ในบ้านยังคงนอนสลบกันอยู่ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าป่านนี้แล้วทุกคนจะฟื้นกันแล้วหรือยัง ฉันเองก็ไม่คิดหรอกว่าฉันจะหนีไปจากเขา แต่พอมาคิดดูแล้วที่คุณปู่พูดก็น่าสนใจเหมือนกัน คนอย่างเขามันต้องลองได้อยู่คนเดียวบ้างจะได้รู้ว่าชีวิตที่มันไม่เหลือใครเลยมันรู้สึกยังไง เพราะเขาทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น คุณปู่บอกกับฉันว่าคนอย่างคุณวินเขาตามหาตัวฉันได้ไม่ยากหรอก แค่อยากให้เขาได้รู้สึกบ้างว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีฉันขึ้นมาเขาจะเป็นยังไง ฉันเองก็คิดแบบเดียวกับคุณปู่นะ ฉันไม่ได้คิดที่จะพรากพ่อพรากลูกไปจากกันหรอก เพราะฉันรู้ว่าเขารักลูก แต่บางทีถ้าเขาและฉันห่างกันไปสักนิดเขาอาจจะรู้ตัวบ้างก็ได้ว่าจริงๆ แล้วเขารักฉันหรือแค่ต้องการลูกเท่านั้น "ถ้าเหนื่อยก็นอนพักซะเถอะ" "คุณปู่ไปเจอกับคุณวินได้ยังไงหรอคะ?" "ปู่เคยมีลูกแต่ลูกชายของปู่เขาเสียไปตอนหนุ่มๆ น่ะ ปู่ก็เลยอยู่คนเดียวมาตลอดจนได้
ใช้ระยะเวลาในการเดินทางหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกันแต่ก็มาถึงบ้านที่ภวินทร์เคยอยู่ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ได้อย่างปลอดภัย และก็ดูเหมือนว่าทางคุณปู่จะเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้หมดแล้ว เพราะมีการจัดห้องจัดข้าวของสำหรับของเด็กอ่อนไว้มากมาย ทุกคนที่นี่ต่างก็ให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดีทุกคน เหมือนกับว่าได้รับชีวิตใหม่เลย เธอไม่คิดว่าจะยังมีคนอื่นที่ดีกับเธอขนาดนี้ และด้วยท้องที่ใหญ่ขึ้นมันทำให้น้ำตาลทำอะไรลำบากและเชื่องช้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่พอใจกับตรงนี้เลย กลับกันทุกคนต่างผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลเธอโดยไม่ปล่อยให้เธอต้องอยู่คนเดียวเลยนอกจากในห้องนอน "หืม กลิ่นหอมอะไรคะเนี่ย?" ขณะที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้โยก น้ำตาลก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างที่เหมือนจะเป็นอาหารแต่ก็หอมกลิ่นสมุนไพรด้วย พอได้กลิ่นหอมของสิ่งนี้แล้วเธอกลับรู้สึกผ่อนคลายแบบบอกไม่ถูก "เป็นกลิ่นยาหอมต้มค่ะคุณหนูคนท้องเอามากินได้ แต่กลิ่นได้นิดหน่อยนะคะกินเยอะไม่ได้" "แต่ยาพวกนี้คุณวินบอกว่าคนท้องกินไม่ได้นี่คะ" ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเธอท้องเรื่องยาเรื่องอาหารการกินทุกอย่างเขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมด และเขาก็ยังบอกอีกว่าอาหารบางอย
พอถึงกำหนดคลอดก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยเพราะคุณปู่ได้ให้คนจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะเป็นคนที่มีอิทธิพลด้วยหรือเปล่าจึงจัดการอะไรได้ไม่ยาก ทั้งที่น้ำตาลมากระทันหันโดยที่ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยเพราะต้องทำเป็นเหมือนกับว่าเธอถูกลักพาตัวมาจึงไม่ได้เอาอะไรมาแม้แต่อย่างเดียว แต่ก็จัดการทุกอย่างไปได้อย่างง่ายดายโดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย "ทารกเป็นเพศหญิงแข็งแรงและสมบูรณ์ดีค่ะ" "....." น้ำตาลถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินว่าลูกของเธอนั้นคลอดออกมาอย่างปลอดภัย คุณปู่กับอาม่าก็มารออยู่ที่หน้าห้องคลอดเหมือนกันรอลุ้นกับเหลนที่จะคลอดออกมา แกร๊ก~ "หมอ...""ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีครับ ทารกและแม่ปลอดภัยดีทั้งคู่ครับ" "แล้วเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?""ผู้หญิงครับแข็งแรงสมบูรณ์มากเลยครับ" "เทพเจ้าดูแลคุ้มครองให้คุณหนูทั้งสองปลอดภัย" อาม่าพึมพำออกมาคนเดียว เมื่อได้รู้ว่าน้ำตาลนั้นปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง "สักพักพยาบาลจะพาทั้งแม่และเด็กออกมานะครับไม่ต้องยืนรอก็ได้" ไม่นานน้ำตาลก็ถูกเข็นออกมาโดยที่เธอกับลูกน้อยนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน คุณปูยังไม่กลับไปไหนเพราะยังเห่อเห
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั
น้ำตาล Talk เช้าวันต่อมา เมื่อวานฉันขอให้เขาบอกคนของเขาออกไปจากมหาวิทยาลัย และมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนเขาขอทำรอยที่อยู่ตรงคอของฉัน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีเจ้าของแล้ว เขาต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับฉันนั่นเอง ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมหรอกเพราะต่อให้ฉันจะอายุบรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่ที่ฉันไปเรียนมันก็สถานศึกษานี่นา ทำแบบนี้ไปมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรด้วยสิ แต่จะไปห้ามคนอย่างเขาได้ยังไง ฉันโดนทำรอยตรงคอมานี่แหละ แต่ยังดีที่เขาไม่ได้ทำรอยใหญ่เป็นจุดสังเกตให้ใครมองเห็นง่ายๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับเข้าใจไหม""ถ้าคุณมีประชุมเดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาลูกกลับบ้านก่อน""ไม่ได้ ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน""....." "ถ้าใครมาจีบเธออีก บอกฉันนะฉันจะจัดการเอง" "คุณนี่ก็นะ ทำรอยบนคอของฉันมาซะขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก" "ไม่รู้ล่ะ""....." ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ สั่งห้ามนู่นห้ามนี่อย่างกับว่าไม่รู้จักคนอย่างฉันอย่างนั้นแหละ ฉันเดินเข้าไปเรียนตามปกติและก็ทักทายเพื่อนสนิทคนนึงที่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันไม่เข้าหาใคร จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้ฉั
ตกเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกสาวภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดและมีคนเดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือภวินทร์ แต่สีหน้าของเขามันดูแปลกไป เขามองเธอแบบแปลกๆ ราวกับว่าเธอไปทำอะไรผิดมา "มองอะไรของคุณ?" เธอถามอย่างงงๆ"....." เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเธอ นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่รู้เนี่ยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทะเลาะกันนี่นาและเธอก็ไปเรียนตามปกติ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอพาลูกกลับมาก่อนเพราะเขามีประชุมในช่วงเย็นเลยไม่อยากให้ลูกอยู่รอเขา "นี่คุณ! ตกลงเป็นอะไรของคุณเนี่ย?"".....""ถามก็ตอบสิ ถ้าไม่พูดอีกทีนะฉันจะไล่ออกไปนอนห้องข้างนอกเลย" "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะไปอาบน้ำอากาศมันร้อน" "....." เธอมองอย่างงงๆ เพราะการกระทำของเขามันแปลกไป เขาไม่ใช่คนที่จะประเมินเฉยใส่เธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแปลกไปอย่างแน่นอน ผ่านไปสักพัก ตึง! "อ๊ะ?!" น้ำตาลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้อีกฝั่งของประตูไปกระทบเข้ากับผนังของห้องเสียงดังทำให้เธอสะดุ
เวลาต่อมา น้ำตาลยังคงใช้ชีวิตดำเนินในแบบของเธออยู่แบบนั้น ตอนเช้าตื่นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนกลับมาก็ดูแลลูกต่อ เพราะชีวิตของเธอมันมีแค่นี้จริงๆ "นี่เธอเป็นลูกคนรวยใช่ไหมฉันเห็นรถหรูๆ มารับทุกวันเลย" "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบ ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรแล้ว ก็แค่ได้แต่งงานกับผู้ชายมีเงินก็เท่านั้น "ยังไงเนี่ยฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย" "ฉันเคยเป็นลูกคนรวยอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ พ่อของฉันเขาตายแล้ว ธุรกิจก็ล้มละลาย ส่วนแม่ก็ไปทำงานอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา" "เอ่อ...นี่ฉันถามอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่หรอกฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ" น้ำตาลเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอคิดด้วยซ้ำว่ามันสาสมแล้วกับเรื่องที่พ่อของเธอเคยทำ อย่างน้อยพ่อของเธอก็ได้ชดใช้คืนให้กับพ่อแม่ของภวินทร์แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ก็ตาม"อืม...ตอนกลางวันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยกันไหม" "อื้ม ก็ได้" พอพักกลางวันน้ำตาลกับเพื่อนก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เพราะเธอยังมีเรียนภาคบ่า