ใช้ระยะเวลาในการเดินทางหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกันแต่ก็มาถึงบ้านที่ภวินทร์เคยอยู่ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ได้อย่างปลอดภัย และก็ดูเหมือนว่าทางคุณปู่จะเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้หมดแล้ว เพราะมีการจัดห้องจัดข้าวของสำหรับของเด็กอ่อนไว้มากมาย ทุกคนที่นี่ต่างก็ให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดีทุกคน เหมือนกับว่าได้รับชีวิตใหม่เลย เธอไม่คิดว่าจะยังมีคนอื่นที่ดีกับเธอขนาดนี้ และด้วยท้องที่ใหญ่ขึ้นมันทำให้น้ำตาลทำอะไรลำบากและเชื่องช้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่พอใจกับตรงนี้เลย กลับกันทุกคนต่างผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลเธอโดยไม่ปล่อยให้เธอต้องอยู่คนเดียวเลยนอกจากในห้องนอน "หืม กลิ่นหอมอะไรคะเนี่ย?" ขณะที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้โยก น้ำตาลก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างที่เหมือนจะเป็นอาหารแต่ก็หอมกลิ่นสมุนไพรด้วย พอได้กลิ่นหอมของสิ่งนี้แล้วเธอกลับรู้สึกผ่อนคลายแบบบอกไม่ถูก "เป็นกลิ่นยาหอมต้มค่ะคุณหนูคนท้องเอามากินได้ แต่กลิ่นได้นิดหน่อยนะคะกินเยอะไม่ได้" "แต่ยาพวกนี้คุณวินบอกว่าคนท้องกินไม่ได้นี่คะ" ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเธอท้องเรื่องยาเรื่องอาหารการกินทุกอย่างเขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมด และเขาก็ยังบอกอีกว่าอาหารบางอย
พอถึงกำหนดคลอดก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยเพราะคุณปู่ได้ให้คนจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะเป็นคนที่มีอิทธิพลด้วยหรือเปล่าจึงจัดการอะไรได้ไม่ยาก ทั้งที่น้ำตาลมากระทันหันโดยที่ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยเพราะต้องทำเป็นเหมือนกับว่าเธอถูกลักพาตัวมาจึงไม่ได้เอาอะไรมาแม้แต่อย่างเดียว แต่ก็จัดการทุกอย่างไปได้อย่างง่ายดายโดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย "ทารกเป็นเพศหญิงแข็งแรงและสมบูรณ์ดีค่ะ" "....." น้ำตาลถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินว่าลูกของเธอนั้นคลอดออกมาอย่างปลอดภัย คุณปู่กับอาม่าก็มารออยู่ที่หน้าห้องคลอดเหมือนกันรอลุ้นกับเหลนที่จะคลอดออกมา แกร๊ก~ "หมอ...""ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีครับ ทารกและแม่ปลอดภัยดีทั้งคู่ครับ" "แล้วเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?""ผู้หญิงครับแข็งแรงสมบูรณ์มากเลยครับ" "เทพเจ้าดูแลคุ้มครองให้คุณหนูทั้งสองปลอดภัย" อาม่าพึมพำออกมาคนเดียว เมื่อได้รู้ว่าน้ำตาลนั้นปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง "สักพักพยาบาลจะพาทั้งแม่และเด็กออกมานะครับไม่ต้องยืนรอก็ได้" ไม่นานน้ำตาลก็ถูกเข็นออกมาโดยที่เธอกับลูกน้อยนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน คุณปูยังไม่กลับไปไหนเพราะยังเห่อเห
บ้านภวินทร์ ตั้งแต่ที่น้ำตาลหายออกจากบ้านไปเขาก็สั่งให้ลูกน้องออกตามหาเธอกันอย่างบ้าคลั่งเรียกได้ว่าไม่มีใครได้หยุดพักเลย ส่วนตัวเขาเองก็ออกตามหาเธอไม่ต่างกันแต่ก็ยังไร้วี่แวว เขาสั่งให้คนของเขาจับคู่แข่งทางธุรกิจมาและเค้นถามเอาความจริงแต่ก็ไม่มีใครรู้สุดท้ายคนพวกนั้นก็หายไปแบบไม่มีโอกาสได้กลับมา เพราะคิดว่าน้ำตาลถูกจับตัวไปโดยคู่แข่งทางธุรกิจเขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปจับคู่แข่งมาเค้นถาม แต่ก็ไม่มีใครรู้เลย "นายครับหมอกวินมาหาครับ" "บอกให้มันออกไป" "แต่กูจะเข้ามา" เสียงของคุณหมอดังขึ้น "....." ภวินทร์มองหน้าเพื่อนหมอของเขาพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรงก่อนที่เขาจะหันหน้าไปทางอื่น "นี่มึงหมดสภาพได้ขนาดนี้เลยเหรอ?""มึงมาทำไม?" "กูจะแวะมาหาเพื่อนบ้างมันจะเป็นอะไรวะ" ".....""ไปอาบน้ำอาบท่าซะไปเหม็นเหล้าฉิบหาย มึงทนนั่งดมกลิ่นเหล้าจากตัวเองได้ยังไงวะ""มึงทนไม่ได้มึงก็ออกไปดิไม่ใช่มาไล่กูไปอาบน้ำ" "นี่กูมาช่วยมึงตามหาเมียมึงนะ""มึงจะไปตามหาที่ไหนได้ ขนาดกูส่งลูกน้องออกตามหาทั่วแล้วยังไม่เจอเลย" "....." "ถ้าโดนจับตัวไปแล้วโดนฆ่าขอให้เจอศพก็ยังดีวะ ไม่ใช่ไม่เจอไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบ
“ฉันคงไปสักพักแหละนะ ดูแลงานแทนฉันไปก่อนล่ะ” “ได้ครับ” ภวินทร์บอกกับลูกน้องที่เป็นเลขาของเขา เพราะตอนนี้กำลังจะไปต่างประเทศ ใช่ว่าเขาจะทำใจได้แล้วและจะไปเที่ยว แต่เขาจะไปหาผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือและอุปการะเขามาตั้งแต่ตอนที่เขาหนีตายออกมาต่างหาก เขาไม่รู้ว่าคุณปู่รู้เรื่องที่เขาส่งคนออกตามหาภรรยาที่หายออกไปหรือเปล่า แต่ถ้ารู้ก็คงจะติดต่อหาเขาแล้ว "สวัสดีครับคุณปู่?" "นี่บ้านฉันจะมีฝนตกหรือเปล่าเนี่ย ร้อยวันพันปีหลานชายไม่เคยมาหาแต่วันนี้กลับมาหาฉันได้" เมื่อได้เห็นหน้าของภวินทร์คุณปู่ก็เอ่ยแซวขึ้นมาในทันที เพราะตั้งแต่ที่เขาย้ายไปอยู่ที่โน่นก็น้อยนะที่เขาจะแวะเวียนมาหาแต่ก็ยังคอยติดต่อกลับมาหาคุณปู่อยู่ตลอดเสมอ เขาไม่เคยลืมบุญคุณของคุณปู่ที่ช่วยให้เขามีวันนี้ "แหมคุณปู่ครับ คุณปู่ก็รู้ว่าผมต้องทำงาน อีกอย่างตอนนี้ก็เกิดเรื่องวุ่นวายเยอะแยะเลยผมก็เลยไม่มีเวลามาหาคุณปู่น่ะครับ" "ดูโทรมลงนะ ไม่สบายหรือเปล่า?""ช่วงนี้มีเรื่องให้เครียดครับ""เรื่องอะไร?" "พอดีว่าน้ำตาลเธอหายไปครับ มีคนมาลักพาตัวเธอไป ผมตามหาทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอเธอเลย จับคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนทำมาเค้นถามแต่ก็ไม่ใช่เ
เช้าวันต่อมา ภวินทร์ตื่นและทำธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จในช่วงสายๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่บ้านหลังใหญ่ที่คุณปู่อยู่ ก่อนจะได้เห็นเปลของเด็กน้อยซึ่งไม่รู้ว่าเป็นลูกของใคร ในเปลมีเด็กทารกน้อยกำลังนอนหลับอยู่ พอได้เห็นแบบนี้แล้วภวินทร์ก็น้ำตาซึมเพราะคิดถึงลูกของตัวเอง ป่านนี้น้ำตาลก็คงจะคลอดออกมาแล้ว "คุณวิน..." "อาม่าสวัสดีครับ""มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย" "ผมมาเมื่อวานครับ แต่คุณปู่บอกว่าอาม่ายุ่งหลายอย่างผมก็เลยเข้าบ้านตัวเองไปก่อน" "แม่บ้านกำลังเตรียมอาหารเช้าเลยค่ะ" "ว่าแต่เด็กคนนี้ลูกของใครเหรอครับทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ลูกของแม่บ้านที่นี่เหรอครับ""ไม่ใช่หรอกค่ะ เด็กน่ารักใช่ไหมล่ะคะ" "ครับน่ารักมาก พ่อแม่ต้องหน้าตาดีมากแน่ๆ" อาม่ารู้อยู่แล้วว่าทารกน้อยที่นอนอยู่ในเปลก็คือลูกของภวินทร์ พ่อลูกเขาได้เจอหน้ากันแล้วเพียงแต่เขายังไม่รู้ว่านี่คือลูกของตัวเอง "นี่ลูกของใครเหรอครับ?""เหลนของฉันเองแหละ" ภวินทร์หันกลับไปมองด้านหลัง คุณปู่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับถือไม้เท้าคู่กายมาด้วย ถึงแม้จะอายุเยอะแล้วแต่คุณปู่ก็ยังแข็งแรงดีอยู่ "เหลน? คุณปู่มีอะไรไม่ได้บอกผมหรือเปล่าครั
หัวค่ำในวันเดียวกัน..."คืนนี้ขอนอนด้วยสิ" ภวินทร์เปิดประตูและยืนอยู่ที่หน้าห้องไม่กล้าเดินเข้ามา เพราะตอนนี้น้ำตาลกำลังเอาลูกน้อยนอนหลับอยู่ "เข้ามาก่อนสิคะ" "....." ภวินทร์เดินเข้ามาตามที่เธอบอกก่อนจะหยุดยืนพร้อมกับชะโงกหน้าไปมองลูกสาวที่เพิ่งจะกินนมและนอนหลับไป น้ำตาลอุ้มลูกสาวที่เพิ่งนอนหลับไปใส่เปลที่อยู่ข้างๆ เตียง "แล้วแบบนี้ลูกไม่ตื่นขึ้นมาแล้วร้องงอแงเหรอ?" "ไม่หรอกค่ะ แกหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมางอแงหรอกค่ะ จะมีบ้างที่ตื่นขึ้นมากินนมกลางดึก" "ขอนอนด้วยคนสิ" "แต่คุณก็มีบ้านของคุณนี่คะทำไมไม่ไปนอนที่บ้านของคุณล่ะ" "ฉันอยากนอนกับลูก" "....." "ให้ฉันนอนด้วยได้หรือเปล่า?" "ตามใจสิคะ ฉันว่าอะไรคุณได้ด้วยเหรอ" "ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วล่ะเธอคงยังไม่ได้อาบน้ำสินะไปอาบน้ำซะสิเดี๋ยวฉันนั่งดูลูกให้" "ค่ะ" น้ำตาลไม่ได้ระแวงอะไรเขา เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อของลูกเธอ ต่อให้เขาจะเป็นคนแข็งๆ แต่ภายในลึกๆแล้วเขาก็เป็นคนอ่อนโยนคนนึงเลยแค่ต้องเข้าให้ถึงตัวตนของเขาเท่านั้นเอง ด้วยความที่เธอเป็นแม่คนแล้ว อะไรที่ตัวเองเคยทำนานๆ ก็ต้องเร่งทำให้เร็วขึ้น ก่อนที่ลูกของเธอจะตื่นขึ้นมา เธอรู้นิสัยข
หลายวันผ่านไป "อึก แง้ แง้ แง้" เสียงลูกน้อยร้องดังออกมาทำให้น้ำตาลที่กำลังกินข้าวอยู่ต้องรีบเดินไปดูในทันที เพราะเธอฝากลูกเอาไว้ให้ภวินทร์คอยดูแลไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงลูกร้องไห้ดังขนาดนี้ พอมาถึงก็เห็นเขากำลังนั่งเหวออยู่ ทั้งที่ลูกสาวนอนอยู่ในเปลตามเดิม "ลูกเป็นอะไร?!""เมื่อกี้แกตื่นฉันก็เลยจะเล่นด้วยระหว่างรอเธอกินข้าว พอฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ลูกก็ร้องเลย" ภวินทร์พูดด้วยท่าทางที่ดูตกใจมากจริงๆ คงเป็นเพราะเขาไม่เคยเลี้ยงลูกด้วยหรือเปล่าเลยดูตกใจที่จู่ๆ ลูกก็ร้องไห้ออกมาดังขนาดนี้ หน้าของเขาก็ซีดเผือกไปหมด "ไปโกนหนวดทำอะไรให้มันเหมือนคนปกติหน่อยสิ" "อะ โอเคๆ" น้ำตาลอุ้มลูกขึ้นมาและปลอบจนแกเงียบไป ถึงจะรู้ว่าลูกสาวค่อนข้างจะติดเธอไม่ค่อยเอาใครสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่เคยเห็นลูกสาวร้องไห้เสียงดังขนาดนี้มาก่อนเลย ตอนที่เธอท้องอยู่เธอค่อนข้างจะเหม็นขี้หน้าและรำคาญภวินทร์เป็นพิเศษไม่รู้ว่าลูกเป็นแบบนี้เพราะเธอด้วยหรือเปล่าที่แพ้ท้องเหม็นขี้หน้าพ่อของแกมาก พอลูกคลอดออกมาก็เลยไม่ค่อยถูกกับพ่อของตัวเองด้วยเลย "ไม่เป็นอะไรนะคะเขาคือพ่อของหนูไง"ผ่านไปสักพัก ภวินทร์กลับมาหลังจากที่ไปจัดก
“คุณปู่ก็หาเมียเด็กสักคนสิครับ จะได้ไม่เหงา เด็กวัยเอ๊าะๆ เหมาะกับคนวัยอย่างคุณปู่ดีนะครับ” ภวินทร์กำลังพูดคุยกับคุณปู่ เรื่องที่เขาจะพาเมียกับลูกกลับบ้านของตัวเอง แต่ด้วยความที่คนแก่พอมีเด็กน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านก็หายเหงาไปได้บ้าง แต่ภวินทร์จะมาพากลับไปจึงทำให้คุณปู่รู้สึกหงอยๆ แต่ก็คงจะห้ามอะไรไม่ได้เพราะรู้จักนิสัยของหลานชายดี ที่สำคัญทั้งสองก็เป็นสามีภรรยากันด้วย และที่พาน้ำตาลมาที่นี่ก็เพียงจะดัดสันดานหลานชายก็เท่านั้น “ไอ้หลานเวร!” “ผมพูดจริงๆ นะครับคุณปู่ อยู่คนเดียวมันเหงาจะตาย มีเมียเด็กสักคนจะได้หายเหงา"“ฉันอายุป่านนี้ละ จะเอามาทำห่าอะไร” “ลองดูสิครับ เผื่อจะหายเหงาได้บ้าง”“ไม่ล่ะ แก่จนป่านนี้ละ ไม่อยากให้ใครว่าโคแก่กินหญ้าอ่อน"“….” “แกเองก็ดูแลหลานกับเหลนฉันดีๆ ล่ะ ถ้าแกยังไม่หยุด ครั้งหน้าแกจะไม่ได้เจอหน้าเมียกับลูกแกอีกแน่ อย่าคิดจะเล่นกับคนอย่างฉัน” “ครับคุณปู่ ผมไม่ทำะไรแล้วครับ ผมจะดูแลเมียกับลูกของผมเป็นอย่างดีเลย คุณปู่ไม่ต้องห่วงนะครับ” “แกรับปากฉันก็ดี แต่ถ้าแกทำไม่ได้ แกเจอนี้แน่”“ครับ ผมรับปากครับ” ภวินทร์รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่ไม่ใช่การรับปากส่งๆ แต่
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั
น้ำตาล Talk เช้าวันต่อมา เมื่อวานฉันขอให้เขาบอกคนของเขาออกไปจากมหาวิทยาลัย และมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนเขาขอทำรอยที่อยู่ตรงคอของฉัน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีเจ้าของแล้ว เขาต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับฉันนั่นเอง ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมหรอกเพราะต่อให้ฉันจะอายุบรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่ที่ฉันไปเรียนมันก็สถานศึกษานี่นา ทำแบบนี้ไปมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรด้วยสิ แต่จะไปห้ามคนอย่างเขาได้ยังไง ฉันโดนทำรอยตรงคอมานี่แหละ แต่ยังดีที่เขาไม่ได้ทำรอยใหญ่เป็นจุดสังเกตให้ใครมองเห็นง่ายๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับเข้าใจไหม""ถ้าคุณมีประชุมเดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาลูกกลับบ้านก่อน""ไม่ได้ ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน""....." "ถ้าใครมาจีบเธออีก บอกฉันนะฉันจะจัดการเอง" "คุณนี่ก็นะ ทำรอยบนคอของฉันมาซะขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก" "ไม่รู้ล่ะ""....." ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ สั่งห้ามนู่นห้ามนี่อย่างกับว่าไม่รู้จักคนอย่างฉันอย่างนั้นแหละ ฉันเดินเข้าไปเรียนตามปกติและก็ทักทายเพื่อนสนิทคนนึงที่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันไม่เข้าหาใคร จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้ฉั
ตกเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกสาวภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดและมีคนเดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือภวินทร์ แต่สีหน้าของเขามันดูแปลกไป เขามองเธอแบบแปลกๆ ราวกับว่าเธอไปทำอะไรผิดมา "มองอะไรของคุณ?" เธอถามอย่างงงๆ"....." เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเธอ นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่รู้เนี่ยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทะเลาะกันนี่นาและเธอก็ไปเรียนตามปกติ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอพาลูกกลับมาก่อนเพราะเขามีประชุมในช่วงเย็นเลยไม่อยากให้ลูกอยู่รอเขา "นี่คุณ! ตกลงเป็นอะไรของคุณเนี่ย?"".....""ถามก็ตอบสิ ถ้าไม่พูดอีกทีนะฉันจะไล่ออกไปนอนห้องข้างนอกเลย" "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะไปอาบน้ำอากาศมันร้อน" "....." เธอมองอย่างงงๆ เพราะการกระทำของเขามันแปลกไป เขาไม่ใช่คนที่จะประเมินเฉยใส่เธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแปลกไปอย่างแน่นอน ผ่านไปสักพัก ตึง! "อ๊ะ?!" น้ำตาลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้อีกฝั่งของประตูไปกระทบเข้ากับผนังของห้องเสียงดังทำให้เธอสะดุ
เวลาต่อมา น้ำตาลยังคงใช้ชีวิตดำเนินในแบบของเธออยู่แบบนั้น ตอนเช้าตื่นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนกลับมาก็ดูแลลูกต่อ เพราะชีวิตของเธอมันมีแค่นี้จริงๆ "นี่เธอเป็นลูกคนรวยใช่ไหมฉันเห็นรถหรูๆ มารับทุกวันเลย" "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบ ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรแล้ว ก็แค่ได้แต่งงานกับผู้ชายมีเงินก็เท่านั้น "ยังไงเนี่ยฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย" "ฉันเคยเป็นลูกคนรวยอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ พ่อของฉันเขาตายแล้ว ธุรกิจก็ล้มละลาย ส่วนแม่ก็ไปทำงานอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา" "เอ่อ...นี่ฉันถามอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่หรอกฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ" น้ำตาลเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอคิดด้วยซ้ำว่ามันสาสมแล้วกับเรื่องที่พ่อของเธอเคยทำ อย่างน้อยพ่อของเธอก็ได้ชดใช้คืนให้กับพ่อแม่ของภวินทร์แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ก็ตาม"อืม...ตอนกลางวันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยกันไหม" "อื้ม ก็ได้" พอพักกลางวันน้ำตาลกับเพื่อนก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เพราะเธอยังมีเรียนภาคบ่า