หน้ามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง…
หญิงสาวร่างเล็กกำลังยืนรอคนขับรถของที่บ้านที่จะมารับในทุกๆ เย็นหลังเลิกเรียน ทว่าวันนี้คนขับรถกลับไม่มาตามเวลาเหมือนอย่างเคยอีกทั้งยังเลทเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้วด้วย เธอเองก็ได้แต่ยืนรอ สายตาก็จับจ้องไปที่หน้าถนนหวังว่าจะได้เห็นรถที่จะมารับเธอเร็วๆ นี้
ตู๊ด~
( ฮัลโหล )
"ป้าคะพ่อกับแม่ไปไหน"
( คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายยังไม่กลับมาเลยนะคะ ว่าแต่คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ )
"ลูกตาลยืนรอคนขับรถมาพักใหญ่ๆ แล้วค่ะแต่ไม่เห็นคนขับรถมาเลย"
( ตายจริง ป้าลืมบอกเลยค่ะคนขับรถลาออกไปแล้วค่ะ )
"อ้าว...ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวลูกตาลนั่งรถแท็กซี่กลับก็ได้"
( ได้ค่ะคุณหนู )
หญิงสาวเดินออกไปโบกรถแท็กซี่จากนั้นก็นั่งรถแท็กซี่กลับบ้านของตัวเอง ถ้ารู้ว่าไม่มีใครมารับเธอก็คงจะกลับบ้านไปตั้งแต่ทีแรกแล้วแต่นี่เธอไม่รู้ว่าคนขับรถนั้นลาออกไปแล้ว
**********
"ให้ขับรถตามไปไหมครับนาย?" ลูกน้องเอ่ยถามขึ้น
"ไม่ต้อง กลับได้เลย"
"ครับนาย"
ลูกน้องเลี้ยวรถกลับในทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งของเจ้านาย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหนจึงไม่จำเป็นต้องตามไปให้มันเสียเวลา
บ้านลูกตาล...
"คุณหนู..."
"พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาอีกหรอคะ?" เธอเอ่ยถามแม่บ้านที่เดินมาหาเธอ เพราะระหว่างทางเธอเองก็คิดว่าพ่อกับแม่คงจะกลับมาแล้ว แต่พอมาถึงเธอยังไม่เห็นพ่อกับแม่เลยแม้กระทั่งรถที่พ่อกับแม่ใช้ประจำก็ไม่เห็น
"ยังเลยค่ะคุณหนู"
"ทำไมคนขับรถที่บ้านของเราถึงลาออกล่ะคะ?"
"อย่าว่าแต่คนขับรถเลยค่ะคุณหนู ตอนนี้แม่บ้านก็จะลาออกกันอยู่แล้ว"
"กะ เกิดอะไรขึ้นคะ?"
"คุณหนูคงยังไม่ทราบสินะคะ ทั้งคนขับรถทั้งแม่บ้านไม่ได้รับเงินเดือนมาจะเป็นสามเดือนแล้วค่ะ พอไม่ได้เงินเดือนทุกคนก็เลยขัดสนเรื่องเงินน่ะค่ะ จะอยู่แบบนี้ต่อไปก็ไม่มีเงินส่งกลับทางบ้าน ทุกคนก็เลยต้องลาออกไปหางานอื่นทำ"
"ทำไมลูกตาลถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยคะ"
"คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายคงกำลังหาทางออกเรื่องนี้กันอยู่และก็คงไม่อยากให้คุณหนูคิดมากเรื่องนี้ด้วยล่ะมั้งคะ"
"....." เพราะเธอไม่รู้เรื่องนี้เลยจึงทำให้เธอตกใจมาก ทั้งที่เธอก็ยังได้เรียนได้เงินจากพ่อกับแม่ตามปกติโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทางบ้านกำลังขัดสนเรื่องเงินกันอยู่
"คุณหนูหิวหรือเปล่าคะเดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ ลูกตาลยังไม่หิว ขอขึ้นไปทำงานของอาจารย์ก่อนนะคะ"
"ค่ะ"
..............
หญิงสาวขังตัวเองอยู่ในห้องจนกระทั่งได้ยินเสียงรถดังเข้ามาในบ้าน เธอรีบลงไปหาพ่อกับแม่ในทันที สิ่งแรกที่เธอได้เห็นคือพ่อกับแม่ของเธอลงมาจากรถแท็กซี่ ไม่ใช่รถที่ทั้งสองใช้ขับออกไปไหนมาไหนเป็นประจำ
"พ่อคะแม่คะ รถไปไหนคะทำไมถึงนั่งแท็กซี่มา?"
"....." ไม่มีใครตอบอะไรเธอเลยแม้แต่คำเดียว ทั้งสองเดินผ่านเธอไปราวกับว่าเธอนั้นเป็นเพียงอากาศและคำพูดก็เหมือนลมที่พัดผ่านหู เธอไม่เคยถูกเมินแบบนี้มาก่อนเลย
"พ่อคะแม่คะ..."
"มีอะไร?"
"มันเกิดอะไรขึ้นคะที่บ้านของเรา"
"ที่บ้านของเรากำลังจะล้มละลาย บ้านก็กำลังจะโดนธนาคารยึด ของมีค่าทั้งหมดก็เอาไปขายมาใช้หนี้หมดแล้ว เงินก้อนนี้ที่เหลือฉันจะเอาไปจ่ายให้กับพวกแม่บ้านที่เขายังไม่ได้เงินเดือน"
"....."
"ลูกตาลแม่ขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหมลูก"
"อะไรคะ?"
"เลิกเรียนก่อนได้ไหม พ่อกับแม่ไม่มีกำลังจะส่งให้เราเรียนแล้ว ถ้าพ่อกับแม่ไม่ล้มละลายก็คงจะส่งเราเรียนได้อยู่ แต่ตอนนี้แม้แต่เงินจะกินยังไม่มีเลย"
"ทะ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะคะ มันเกิดอะไรขึ้น?"
"บริษัทมีปัญหาน่ะ ก็เลยต้องเอาของมีค่าในบ้านไปใช้หนี้บ้านก็เอาไปฝากขายกับธนาคารเอาไว้แล้วด้วยอีกไม่นานก็ครบกำหนดที่จะต้องหาเงินไปคืนธนาคารแล้วถ้าไม่มีเงินก็ต้องย้ายออก"
"....." พอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วเธอถึงกับจุกจนพูดไม่ออกเลย เธอสงสารพ่อกับแม่และอยากเรียนต่อเหมือนกันเพราะเธอนั้นเป็นคนที่รักกันเรียนมาโดยตลอด พอรู้ว่าตัวเองจะต้องออกจากมหาวิทยาลัยแบบนี้ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาในทันที
"พรุ่งนี้ไปลาออกซะนะ"
"ค-ค่ะ..." เธอตอบเสียงแผ่ว อีกทั้งยังเสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้อีกต่างหาก เธอกลับขึ้นไปด้านบนก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทำงานที่ตรงหน้ามีงานของมหาวิทยาลัยอยู่
พอตอนเช้าเธอก็ใส่ชุดปกติธรรมดาที่ไม่ใช่ชุดนักศึกษาไปที่มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่
"ทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะมาลาออกล่ะ?"
"เอ่อ...พอดีว่าที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยค่ะ"
"มีอะไรให้อาจารย์ช่วยไหม นักศึกษาที่เรียนเก่งๆ ฝีมือดีๆ แบบนี้อาจารย์ก็อยากให้เรียนต่อนะไม่อยากให้เราเสียอนาคต"
"อาจารย์ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงหนูก็ต้องลาออก ช่วยเซ็นให้หน่อยนะคะ"
"....."
"หนูไม่มีทางเลือกค่ะ นี่ก็เป็นทางเดียวที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในบ้านให้พ่อกับแม่ด้วย"
"ได้สิ..."
แกร๊ก~
"อ้าว มีแขกหรอกเหรอ?" มีคนเปิดประตูเข้ามาที่ห้องผอ.ซึ่งทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ต้องหันกลับไปมองเช่นกัน และเธอก็จำได้ว่าเป็นผู้ชายที่เคยเข้ามาช่วยเธอในตอนนั้น
"เปล่าๆ นักศึกษามาลาออกน่ะแกมีอะไร"
"มีเรื่องงานจะคุยด้วยน่ะ"
"อ๋อ..."
"ถ้างั้นฉันไปรออยู่ข้างนอกก็แล้วกันนะ"
"เออๆ"
.............
แกร๊ก~
"เธอ..."
"คะ?"
"เธอมาลาออกหรอ?"
"ค่ะ"
"ทำไมถึงลาออกล่ะเพิ่งเข้าเรียนเองไม่ใช่หรอ?"
"ค่ะ แต่พอดีมีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องลาออกค่ะ"
"ถึงขั้นลาออกจากมหาวิทยาลัยคงไม่ใช่นิดหน่อยแล้วมั้ง"
"....."
"มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?"
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนสิ..."
"....."
"ฉันเห็นใจเธอนะ ถ้าอยากให้ฉันช่วยก็มาหาฉันตามนามบัตรนี้"
"....."
"หรือถ้าเธอไม่กล้า ก็ให้พ่อกับแม่เธอมาหาฉันเองก็ได้"
"ขอบคุณมากค่ะ"
เธอรับนามบัตรที่เขายื่นให้ใส่กระเป๋าจากนั้นก็เดินออกมาในทันที
"มึงคิดจะทำอะไรไอ้วิน?"
"เปล่าก็แค่อยากช่วย"
"คนอย่างมึงคงไม่คิดช่วยใครฟรีๆ ใช่ไหม"
"ฮึ!" เขาเค้นหัวเราะ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทนั้นจับได้ว่าเขาไม่ได้บริสุทธิ์ใจจริงๆ ที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเด็กสาว
"ไอ้วิน.."
พอเขียนใบลาออกเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็กลับบ้านในทันทีโดยที่ไม่ได้แวะไปที่ไหนต่อ ถึงแม้จะเสียดายเรื่องการเรียนของตัวเองมากแค่ไหนแต่เธอก็ขัดคำสั่งของพ่อกับแม่ไม่ได้"กลับมาแล้วค่ะ..." เธอพูดขึ้นเมื่อก้าวขาเดินเข้าไปในบ้าน ทว่าภายในบ้านกลับเงียบกริบราวกับว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียวเธอเดินเข้าไปดูในครัวก็ไม่เจอใครเลยบนห้องนอนที่พ่อกับแม่ของเธอควรจะอยู่ก็ไม่มีตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~เธอหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออกไปหาผู้เป็นแม่ ทว่าไม่มีใครรับสายเลยแม้แต่คนเดียว ก่อนที่เธอจะเหลือบไปเห็นบางอย่าง เป็นซองจดหมายสีขาวถูกทับไว้ด้วยแจกันถึงลูกตาล... ถ้าหนูกลับมาได้เห็นจดหมายนี้แล้ว แม่อยากจะให้หนูเอาเงินในซองนี้ไปเช่าห้องอยู่ก่อนนะ พ่อกับแม่ต้องออกไปหางานทำหาเงินมาใช้หนี้เขา ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก พออ่านจดหมายจบมือของเธอทั้งสองข้างมันก็สั่นไปหมดเลย เพราะเธอไม่คิดว่าเธอจะมาถูกทิ้งให้อยู่ที่นี่ลำพังเพียงคนเดียว ถึงพ่อกับแม่ของเธอจะบอกว่าต้องออกไปหางานทำ แต่เธอก็ไม่คิดว่าตัวเธอจะถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพังแบบนี้ตึก ตึก ตึก"ฮึก...พวกคุณเป็นใครหรอคะ" ลูกตาลรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับไปพูดกับคน
น้ำตาลถูกพามายังบ้านของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งจะขึ้นรถมาด้วยก่อนหน้านี้ บ้านของเขาอยู่ในซอยถัดจากบ้านของเธอไปไม่ไกลสักเท่าไร แต่เธอกลับไม่เคยเจอเขาเลยสักครั้ง"เสื้อผ้าค่ะคุณหนู""ขอบคุณค่ะ""เดี๋ยวช่วยเตรียมห้องว่างให้ผมด้วยนะครับ""ได้ค่ะคุณวิน""คุณจะให้หนูนอนที่นี่หรอคะ?""แล้วเธอจะไปนอนที่ไหนได้ นี่มันก็เย็นแล้วนะ"".....""นอนที่นี่ไปก่อนฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอด้วย แต่เอาไว้ค่อยคุยกันหลังกินข้าวเสร็จก็แล้วกัน""ค่ะ"เธอไม่มีทางเลือก ถึงแม้จะมีเงินติดตัวอยู่มากพอที่จะไปเช่าห้องอยู่ได้หลายวันแต่เธอก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหนต่อ เงินที่มีหากเอาจับจ่ายใช้สอยไปมันก็หมดได้อยู่ดีน้ำตาลเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แม่บ้านนำมาให้เธอเปลี่ยน จากนั้นก็ไปกินข้าวพร้อมกับเขา ด้วยท่าทีที่สุขุมทำให้เธอรู้สึกเกร็งเวลาได้เผชิญหน้ากับเขา แต่คงเป็นเพราะเขาอายุมากกว่าเธอหลายปีมากกว่า"คุณ...มีอะไรจะพูดกับหนูหรอคะ?""บอกแล้วไงว่าเอาไว้พูดหลังกินข้าว""หนูอิ่มแล้วค่ะ...""กินอย่างกับแมวดมตัวถึงได้เล็กแบบนี้"".....""ขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็รออยู่ในห้อง เดี๋ยวฉันจะตามขึ้นไป""เอ่อ..." พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็รู้สึกเกร็ง คำพูด
ห้างสรรพสินค้า...หญิงสาวมาซื้อของที่ห้างตามที่เขาบอกอยู่เมื่อวาน แต่มากับคนขับรถของที่บ้านและบอดี้การ์ดที่มาคอยถือของให้กับเธออีกหนึ่งคนตามคำสั่งของเขา เพราะตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นเขาอยู่ที่บ้านแล้วไม่รู้ว่าออกไปทำงานตั้งแต่เช้าหรือออกไปตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับก็ไม่รู้"ผมขอเอาของกลับไปไว้ที่รถให้ก่อนนะครับแล้วจะรีบกลับมา""ค่ะ"ในขณะที่คนที่มาช่วยถือของกำลังเอาของกลับไปเก็บที่รถหญิงสาวก็เดินเลือกซื้อของที่ยังซื้อไม่เสร็จไปด้วยเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามากตึก!"อ๊ะ! ขอโทษค่ะ""เฮ้ย...ตาไม่มีดูหรือไงวะถึงได้มาชนคนอื่นแบบนี้""ขอโทษจริงๆค่ะฉันไม่ทันมองคุณเองก็มัวแต่ก้มเล่นโทรศัพท์นี่คะ""นี่เธอโทษฉันหรอ?""เปล่าค่ะก็แค่พูดในสิ่งที่ตาเห็น ฉันผิดที่ฉันไม่ทันได้ระวังส่วนคุณก็ผิดที่เอาแต่ก้มเล่นโทรศัพท์จนไม่มองทาง" เห็นเธอเงียบๆ แบบนี้แต่เธอก็เป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมาและไม่ยอมเสียเปรียบให้ใครเด็ดขาด และเธอก็ไม่ชอบคนที่ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด แล้วยังมาหาเรื่องอีกต่างหาก"ฉันเดินของฉันดีๆ เล่นโทรศัพท์แล้วไงวะ โทรศัพท์ฉันไหม เธอนั่นแหละที่ไม่ดู""ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยค่ะ""หน้าตาก็ดีแต่เสียดายปาก
หลายเดือนผ่านไปงานวันเกิดของน้ำตาลถูกจัดขึ้นพร้อมกับงานแต่ง ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไรแต่เธอก็ต้องยอมเพราะได้ให้สัญญาเอาไว้กับเขาไปแล้ว"ไม่สบายเหรอ สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ" เจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างๆ นั้นสีหน้าดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร"นิดหน่อยค่ะ ไม่เชิงไม่สบาย แต่นี่มันเป็นครั้งแรกของน้ำตาลนะคะ อีกอย่างแขกที่มางานก็ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยด้วย""ก็ผู้ใหญ่ทางฝั่งของเธอไม่มีนี่ ส่วนใหญ่ก็เป็นแขกทางฝั่งของฉันทั้งนั้น""....." เธอทั้งเกร็งและกลัวเพราะผู้ใหญ่และคนที่มาร่วมงานแต่งในครั้งนี้ต่างก็เป็นคนที่หน้าตาไม่คุ้นเลยสักนิดดูเหมือนพวกที่มาจากต่างประเทศอีกทั้งยังมีบอดี้การ์ดรายรอบกันทุกคน บางคนมีรอยสักไปยันคอ ถึงจะใส่ชุดสูทมาเรียบร้อยกันแต่ก็ทุกครั้งที่ขยับตัวก็จะเผยให้เห็นรอยสักที่อยู่บนแขนยันหลังมือของคนคนนั้น"คุณวินรู้จักคนเยอะแบบนี้ด้วยหรอคะ?""ก็ฉันเป็นนักธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ จะรู้จักคนมากมายจะสนิทกับคนหลายคนมันก็ไม่แปลกหรอกจริงไหม""ค่ะ""คนพวกนี้เขามีส่วนช่วยเหลือทำให้ฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ยังไงล่ะ""....." เธอหันมองเขาอย่างงงๆ เพราะไม่เข้าใจในสิ
แกร๊ก…ประตูห้องหอถูกเปิดก่อนที่ภวินทร์จะเดินเข้ามา สีหน้าและท่าทางที่สุขุมนั้นทำให้พวกแม่บ้านต้องรีบก้มหน้าหลบเพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่คุยกับเจ้าสาวของเขาก่อนหน้านี้ภวินทร์มาได้ยินด้วยหรือเปล่า"คุณวิน...น้ำตาลนึกว่าคุณจะอยู่ดื่มกับคนอื่น ก็เลยขึ้นมาก่อนน่ะค่ะ""พวกเธอออกไปให้หมด อย่าเข้ามาอีก""ค่ะคุณภวินทร์"แม่บ้านออกไปจนหมดตามคำสั่งของภวินทร์ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาเจ้าสาวของเขาที่เพิ่งจะถอดชุดแต่งงานออกและสวมเพียงผ้าคลุมผืนสีขาวผืนเดียวมือหนาปลดเปลื้องชุดของเธอออกอย่างช้าๆ เธอเกร็งเพราะไม่เคยต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้ชายเลย แม้เขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่เธอก็ยังเขินอายอยู่ดี"อ๊ะคุณวิน.." ร่างบางสะดุ้งเมื่อริมฝีปากร้อนจูบลงบนไหล่ขาวๆ ของเธอ เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้อีกกลิ่นแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มไปก็ลอยเข้าไปในจมูกของเธอจนขมคอไปหมด"อืม...ถอดชุดออกสิ""ตะ แต่ว่า..""เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ จะทำกันก็ไม่แปลกหรอก""...." เธอลังเลแต่ก็ต้องยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี เพราะตอนนี้เธอเป็นของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว การที่คนเราแต่งงานกันแล้วจะมีอะไรกันมันก็ไม่แปลกเลย"ถอดผ้าแล้ว
แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่น้ำตาลกำลังนอนหลับอยู่ ทำให้เธอรู้สึกตัวตื่นหลังจากที่หลับไหลยาวนานมาทั้งคืนใบหน้าสวยกระพริบตาถี่ๆ ปรับม่านตาให้เข้ากับแสงของห้องนอนและแสงที่เล็ดลอดเข้ามาเป็นระยะๆ"อือ..." เธอครางเสียงแผ่ว พร้อมกับหันไปมองผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆ เธอเมื่อคืน แต่กลับพบว่าเขาไม่ได้นอนอยู่ตรงนี้แล้ว"ตื่นแล้วหรอ?""คุณวิน..." เธอเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา เมื่อได้หันไปเห็นเจ้าของเสียงกำลังเดินเข้ามา ดูเหมือนว่าเขาจะนั่งรอให้เธอตื่นเช่นกัน"เจ็บมากหรือเปล่า เมื่อคืนฉันห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ไหวก็เลยใส่ไปเต็มแรงเธอคงเจ็บสินะ""ไม่เป็นอะไรค่ะ คุณวินบอกเองนี่คะว่าครั้งแรกก็จะเจ็บหน่อย""....." ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เขาหันหลังเดินกลับไปหยิบอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะจากนั้นก็เดินมาหาเธอพร้อมกับแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งค่อนแก้ว "กินยาซะสิฉันให้คนไปซื้อยามาให้แล้ว""ยาอะไรคะ?""ยาแก้อักเสบแล้วก็ยาคุมฉุกเฉิน กินเฉพาะตอนนี้ก็พอ ครั้งหน้าฉันจะป้องกันเอง" พูดจบเขาก็ยื่นเม็ดยาให้กับเธอ ซึ่งเธอเองก็ยอมกินแต่โดยดีแต่ก็ยังไม่วายมองหน้าเขาและถามเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองสงสัย"ทำไมต้องกิ
มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งพอหายดีน้ำตาลก็กลับไปเรียนตามปกติ ข่าวที่เธอแต่งงานกับภวินทร์ก็ถูกร่ำลือไปทั่วมหาวิยาลัยเพราะคนที่ไปร่วมงานก็มีคนที่เป็นพ่อแม่ของนักศึกษาที่นี่ด้วย พอรู้หนึ่งคนข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วปากต่อปาก จากแค่แต่งงานกันถึงแม้จะไม่มีใครรู้สาเหตุแต่เพราะคนพูดกันไปเรื่อยจนมันกลายเป็นว่าน้ำตาลนั้นเป็นเด็กเสี่ยขายตัว เพราะพ่อแม่ของเธอทำเรื่องงามหน้าไว้ลูกเลยต้องมาขายตัวเพื่อหาเงินแทนและเพราะเรื่องนี้มันทำให้เธอถูกเพื่อนๆ ที่เคยคบหากันปลีกตัวออกห่าง ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เธอเพราะเธอน่ารังเกียจในสายตาของคนอื่น แต่ก่อนมีแต่คนเกรงใจเธอและให้เกียรติเธอเพราะพ่อแม่ของเธอเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ใครๆ ก็นับถือ แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว คำพูดที่ว่าใครล้มอย่าข้ามจริงๆ แล้วไม่ได้ถูกใครข้ามเลย แต่เธอถูกเหยียบซ้ำและบดขยี้ราวกับว่าเธอนั้นผิดมากแบบไม่สามารถให้อภัยได้อีกเลย เรื่องที่พ่อแม่ของเธอทำนั้นเธอเองก็ไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย แต่ก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้เพราะเธอก็เป็นลูก และในตอนนี้เธอก็ถูกทิ้งให้ต้องรับหน้าเพียงลำพัง ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยตกมาที่เธอให้ต้องรับผิดชอบทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเ
ตกดึก…หญิงสาวกำลังนอนหลับเพราะไม่เห็นว่าสามีกลับบ้านเธอจึงหลับก่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปเรียน ไม่ได้รอให้เขากลับมาที่บ้านก่อน แต่เธอก็ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นเลยเพราะยังไงก็แต่งงานกันแล้ว เพราะเขามีงานที่ต้องทำเยอะมากพอสมควรจึงกลับดึกแบบนี้บ้างเป็นบางวัน และเธอก็เข้าใจเขาเป็นอย่างดี“อือ…” ร่างบางรู้สึกตัวขึ้นมาด้วยท่าทางที่สะลึมสะลือ เพราะถูกบางอย่างสัมผัสเข้ากับแขนของเธอฝ่ามือเย็นเยียบนั้นทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นมอง“คุณวิน…”“อืม…” ร่างหนาครางผ่านลำคอออกมาเบาๆ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เหม็นจนฉันทำให้เธอรู้ว่าเขาเมามามาเลย“คุณวินอือ…เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณเมามากแล้วนะคะ” เธอพยายามที่จะผลักเขาออก เพราะเห็นว่าเขาไม่มีสติเลยสักนิด และพยายามที่จะทำแบบนั้นกับเธอด้วย“อย่าขัดขืนสิ ฉันไม่ได้ไปเอาใครที่ไหนนะ ฉันกลับมาเอาเธอคนเดียวนะ”“…..” พอได้ยินอย่างนั้นเธอก็หยุดขัดขืนเขา และปล่อยให้เขาได้ทำตามใจเขาต้องการชุดนอนของเธอไม่ได้ถูกถอดออกไป ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะเกี่ยวกระหวัดชุดชั้นในตัวบางของเธอไว้ที่ด้านข้างและสอดใส่แก่นกายใหญ่เข้ามาในช่องทางแคบสวบ!“อ๊ะ..อ๊าคุณวินอึก…”“อืม…อย่าเกร็งอึก..” เขาครางออกมาเบาๆ ผ
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั
น้ำตาล Talk เช้าวันต่อมา เมื่อวานฉันขอให้เขาบอกคนของเขาออกไปจากมหาวิทยาลัย และมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนเขาขอทำรอยที่อยู่ตรงคอของฉัน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีเจ้าของแล้ว เขาต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับฉันนั่นเอง ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมหรอกเพราะต่อให้ฉันจะอายุบรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่ที่ฉันไปเรียนมันก็สถานศึกษานี่นา ทำแบบนี้ไปมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรด้วยสิ แต่จะไปห้ามคนอย่างเขาได้ยังไง ฉันโดนทำรอยตรงคอมานี่แหละ แต่ยังดีที่เขาไม่ได้ทำรอยใหญ่เป็นจุดสังเกตให้ใครมองเห็นง่ายๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับเข้าใจไหม""ถ้าคุณมีประชุมเดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาลูกกลับบ้านก่อน""ไม่ได้ ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน""....." "ถ้าใครมาจีบเธออีก บอกฉันนะฉันจะจัดการเอง" "คุณนี่ก็นะ ทำรอยบนคอของฉันมาซะขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก" "ไม่รู้ล่ะ""....." ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ สั่งห้ามนู่นห้ามนี่อย่างกับว่าไม่รู้จักคนอย่างฉันอย่างนั้นแหละ ฉันเดินเข้าไปเรียนตามปกติและก็ทักทายเพื่อนสนิทคนนึงที่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันไม่เข้าหาใคร จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้ฉั
ตกเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกสาวภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดและมีคนเดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือภวินทร์ แต่สีหน้าของเขามันดูแปลกไป เขามองเธอแบบแปลกๆ ราวกับว่าเธอไปทำอะไรผิดมา "มองอะไรของคุณ?" เธอถามอย่างงงๆ"....." เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเธอ นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่รู้เนี่ยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทะเลาะกันนี่นาและเธอก็ไปเรียนตามปกติ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอพาลูกกลับมาก่อนเพราะเขามีประชุมในช่วงเย็นเลยไม่อยากให้ลูกอยู่รอเขา "นี่คุณ! ตกลงเป็นอะไรของคุณเนี่ย?"".....""ถามก็ตอบสิ ถ้าไม่พูดอีกทีนะฉันจะไล่ออกไปนอนห้องข้างนอกเลย" "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะไปอาบน้ำอากาศมันร้อน" "....." เธอมองอย่างงงๆ เพราะการกระทำของเขามันแปลกไป เขาไม่ใช่คนที่จะประเมินเฉยใส่เธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแปลกไปอย่างแน่นอน ผ่านไปสักพัก ตึง! "อ๊ะ?!" น้ำตาลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้อีกฝั่งของประตูไปกระทบเข้ากับผนังของห้องเสียงดังทำให้เธอสะดุ
เวลาต่อมา น้ำตาลยังคงใช้ชีวิตดำเนินในแบบของเธออยู่แบบนั้น ตอนเช้าตื่นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนกลับมาก็ดูแลลูกต่อ เพราะชีวิตของเธอมันมีแค่นี้จริงๆ "นี่เธอเป็นลูกคนรวยใช่ไหมฉันเห็นรถหรูๆ มารับทุกวันเลย" "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบ ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรแล้ว ก็แค่ได้แต่งงานกับผู้ชายมีเงินก็เท่านั้น "ยังไงเนี่ยฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย" "ฉันเคยเป็นลูกคนรวยอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ พ่อของฉันเขาตายแล้ว ธุรกิจก็ล้มละลาย ส่วนแม่ก็ไปทำงานอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา" "เอ่อ...นี่ฉันถามอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่หรอกฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ" น้ำตาลเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอคิดด้วยซ้ำว่ามันสาสมแล้วกับเรื่องที่พ่อของเธอเคยทำ อย่างน้อยพ่อของเธอก็ได้ชดใช้คืนให้กับพ่อแม่ของภวินทร์แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ก็ตาม"อืม...ตอนกลางวันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยกันไหม" "อื้ม ก็ได้" พอพักกลางวันน้ำตาลกับเพื่อนก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เพราะเธอยังมีเรียนภาคบ่า