2
ผู้ชายมีตำหนิ
ตื่นมากลางดึกวราลีก็พบว่าเหลือเธออยู่คนเดียวในเพนท์เฮาส์ เท่าที่นับได้ทิวากรจัดหนักเธอไปหลายยก กัดเธอจนเป็นรอยฟันแดงเป็นจ้ำ ๆ ไปทั้งตัว ทั้งที่คอ ที่อก หน้าท้อง ง่ามขาหนีบเขายังซุกหน้าเข้ามากัด! ไม่รู้ว่าชาติก่อนเป็นหมาหรือยังไงกัน คิดแล้วก็หงุดหงิด พรุ่งนี้ไปทำงานคงต้องโบกรองพื้นทับรอยที่คอ ใครเห็นจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอโดนแฟนดูดคอ ที่ไหนได้…โดนลูกค้ากัดค่ะ! หงุดหงิดกับการเจ็บตัวไม่ทันจะหาย รอยยิ้มก็ต้องผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อเหลือบไปเห็นเงินบนโต๊ะหัวเตียง รีบคว้ามันมานับทันที สิบใบก็แล้ว…สิบห้าใบก็แล้ว…
“สองหมื่น!” แววตาคู่เศร้าหมองสุกสกาวขึ้นมาในทันใด เมื่อได้เงินใบเทายี่สิบใบมาอยู่ในมือ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ายอมโดนกัดแล้วจะได้ในสิ่งที่ต้องการ แบบนี้แหละที่เธอชอบ “ไหนว่าจะให้แค่หมื่นสอง? แต่โดนกัดก็ดีกว่าถูกซ้อมละวะ!”
กุลีกุจอลงจากเตียง วิ่งเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตกับกระโปรงทรงสอบสีชมพูอ่อน เป็นชุดที่เธอใส่ไปทำงาน ใส่ไปข้างนอก เวลาที่ต้องไปทำงานเสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอใส่ชุดแบบนี้ไปทุกหนทุกแห่ง ถามว่าเสื้อผ้าสวย ๆ เหมือนคนอื่นน่ะมีไหม บอกเลยว่าไม่มี เงินมีไว้สำหรับใช้หนี้ จ่ายค่ารักษาและค่าพยาบาลให้พี่ชายที่ป่วยติดเตียงเท่านั้น
วราลีอาศัยอยู่บ้านในเช่าเล็กในหมู่บ้านจัดสรรชานเมือง การโดยสารในชีวิตประวันของเธอคือเดิน ต่อรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้าแล้วก็เดิน ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็เลือกที่จะเดิน ไม่ยอมเสียค่าวินมอเตอร์ไซค์แพง ๆ เด็ดขาด สิบบาทยี่สิบบาทก็มีค่าสำหรับเธอ พอมาถึงบ้านก็เปลี่ยนมาสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น หันมองดูนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งเธอก็เตรียมจะเข้านอน มีเวลานอนแค่ห้าชั่วโมงเท่านั้น หกโมงเธอต้องตื่นเตรียมตัวออกไปทำงานที่ห้างโมเมนตัม ทำงานที่นั่นมาสองปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็เป็นได้แค่พนักงานชั่วคราว เดิมทีเธอผ่านช่วงทดลองงานมาแล้ว แต่เพราะไม่มีใบปริญญาตรีเลยเป็นได้แค่นี้
ทั้งที่เธอเรียนจบครบตามหลักสูตรทุกอย่าง แต่เพราะไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมปีสุดท้าย อีกทั้งยังไม่ได้เข้าสอบวิทยานิพนธ์ ก็เลยไม่ได้ใบปริญญา อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาทำงานช่วยพี่ชายหาเงิน สองพี่น้องช่วยกันอย่างสามัคคีหวังให้น้องสาวได้เรียนจบปริญญาตรี แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียเหลือเกิน…วันสุดท้ายที่จะได้กลายเป็นนิสิตจบใหม่ ดันเกิดเรื่องกับวริศพี่ชายที่คลานตามกันมาของเธอ วันนั้นเธอเลือกที่จะไม่ไปสอบเพื่อไปหาพี่ชายที่พยายามกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่ไปไม่ทัน…ไปถึงที่เกิดเหตุก็เห็นคนมาออรุมดูพี่ชายที่นอนจมกองเลือด วินาทีที่คิดว่าคงได้เสียพี่ชายให้กับโลกทุนนิยม วราลีคิดว่าชีวิตเธอมาถึงทางตันแล้ว ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอคิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วจากไป แต่ไม่รู้ว่าเพราะบุญหรือกรรมที่ทำมา หมอช่วยวริศไว้ได้ทัน ทว่าเขากลับมาได้เพียงร่างกาย ไร้ซึ่งจิตวิญญาณใด ๆ พี่ชายของวราลีกลายเป็นเจ้าชายนิทรานับแต่นั้นจนถึงเวลานี้ก็ร่วมเจ็ดปีแล้ว
วราลีรักพี่ชายมาก เพราะเขาคือคนเดียวที่ดูแลเธอนับตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปตั้งแต่เด็ก เพราะแบบนั้นเธอจึงทำทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อดูแลเขา ไม่ว่าจะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลมากแค่ไหนก็ดิ้นรนกัดฟันสู้ หวังว่าสักวันพี่ชายของเธอจะกลับมา และหวังว่าจะได้ลากผู้หญิงคนนั้นมาคุกเข่าต่อหน้าเขา แล้วเอ่ยคำขอโทษออกมา ผู้หญิงที่มาพร้อมกับโลกทุนนิยม ต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายของเธอต้องมาอยู่ในสภาพนี้ หนี้ก้อนโตที่วราลีบากหน้าไปกู้เงินจากพวกเจ้าหนี้นอกระบบเพื่อมารักษาวริศ นับวันดอกเบี้ยยิ่งบานมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ต้องจ่ายหนึ่งหมื่นห้าพันบาทอยู่ทุกอาทิตย์นั้นมันแค่ดอกเบี้ย เพราะเงินต้นสองล้านบาทนั้นยังไม่มีปัญญาหามาจ่าย ซึ่งหนึ่งหมื่นห้าพันบาทที่ว่านั้นก็มาจากงานเสริมบนเตียงกับทิวากรนั่นแหละ ก็อย่างว่า…ชีวิตยังไม่สิ้น มันก็ต้องดิ้นกันต่อไป
เจ็ดโมงเช้าเป็นเวลาที่วราลีต้องออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน วันไหนโชคดีหน่อยก็จะได้ติดรถรสา เพื่อนบ้านที่อยู่หลังติดกันไปทำงาน รสาคนนี้เองที่เป็นคนช่วยให้วราลีได้เข้าไปทำงานที่ห้างโมเมนตัม อีกทั้งยังเป็นคนที่ทำให้เธอได้รับงานบนเตียง เรื่องมีอยู่ว่ารสาเป็นเลขาส่วนตัวของทิวากร ทำงานให้เขามาหลายปี วันหนึ่งไม่รู้ว่าคุณเจ้านายนึกครึ้มอะไรขึ้นมา ออกคำสั่งให้เลขาไปหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบตามที่เขาต้องการมานอนด้วย รสาปวดหัวอยู่หลายวัน เพราะไอ้คุณสมบัติที่เจ้านายต้องการมันหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งต้องเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ต้องรักษาความสะอาด ต้องไม่พูดมาก ไม่ขี้สงสัย ต้องห้ามมีสามีหรือแฟน และต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำงานขายบริการเป็นอาชีพ จะให้ดีขอคนที่ไม่ได้ต้องการจะจับผู้ชายรวยมาทำสามี
ก็แล้วใครที่มีคุณสมบัติอย่างที่เขาว่าจะมาขายตัว ตอนนั้นรสาได้แต่คิดว่าเธอจนปัญญาจะทำตามคำสั่งของเจ้านาย วันหยุดที่มีโอกาสได้เลี้ยงลูกอยู่บ้านเพื่อให้สามีที่เป็นพ่อบ้านได้หยุดพัก วันนั้นก็ได้มาปลดทุกข์ให้วราลีฟัง ไม่คิดว่าพอเล่าจบเพื่อนบ้านคนนี้จะเสนอตัวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร แน่นอนว่าทีแรกรสาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของวราลี รสามองว่าวราลีก็เป็นน้องสาวคนหนึ่งที่เธอรัก ใครจะอยากให้น้องสาวมาทำงานแบบนี้ ต่อให้รายได้จะดีมากก็ตาม แต่พอนึกไปนึกมา…รสาเองก็รับรู้ว่าวราลีมีภาระมากมาย มีหนี้ที่ต้องใช้ และหลายครั้งที่ได้เห็นว่าพวกตามทวงหนี้ทำร้ายให้ต้องเจ็บตัว สุดท้ายก็ต้องยอมให้มันเป็นไป
“ลี…ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอ?” นับว่าเป็นโชคดีของวราลี ที่วันนี้รสาไปทำงานเช้ากว่าปกติ “ดีเลย งั้นไปกับพี่นะ มีเรื่องอยากคุยด้วยอยู่พอดี”
“พี่สามีอะไรเรื่องอะไรจะคุยกับลีเหรอ?” วราลีเปิดประตูรถขึ้นมานั่งที่ข้างคนขับ เอ่ยถามกับพี่สาวคนสนิทขณะเดียวกันก็เปิดกระจกหน้ารถขึ้นมาตรวจเช็กรองพื้นที่เธอทาทับรอยกัดตรงลำคอว่ามันยังอยู่ปกติดีไหม เกิดมันหลุดลอกขึ้นมาตอนเผลอ แล้วเพื่อนร่วมงานถามจะต้องมานั่งปั้นเรื่องโกหกอีก
“พี่ลองคุยกับคุณวิโรจน์ฝ่ายบุคคลแล้วนะ” พูดเรื่องนี้ขึ้นมารสาก็นึกเห็นใจวราลี ทั้งที่เป็นคนขยันตั้งใจทำงานแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้ขึ้นเป็นพนักงานประจำ เพียงเพราะไม่มีใบปริญญา “เขาบอกว่าให้ลีบรรจุไม่ได้ว่ะ พี่ก็เซ็งนะที่มันเป็นแบบนี้ ลีทำงานมาตั้งสองปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นแค่พนักงานชั่วคราว เอาจริงมันไม่แฟร์…พี่อยากให้ลีลองหาที่อื่นทำดู พี่ช่วยดูให้ก็ได้ ที่จริงมีหลายที่ที่พี่พอจะฝากให้ได้เลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่สา แค่นี้ลีก็ขอบคุณพี่สามากแล้ว ลีทำได้ค่ะ ไม่ได้อยากจะเป็นพนักงานประจำหรอก…ถ้าเงินเดือนยังดีแบบนี้เหมือนเดิม ลีทนได้” วราลีฉีกยิ้มให้รสา ไม่อยากทำหน้านอยด์ให้พี่สาวข้างบ้านต้องหม่นหมองไปด้วย
“แต่เรื่องสวัสดิการไง พนักงานประจำอาจได้เงินเดือนดีกว่าไม่มาก แต่มันมีสวัสดิการที่ดีกว่านะ”
“ที่อื่นก็อาจไม่รับลีเข้าทำงาน ถ้ารู้ว่าลีไม่มีใบปริญญา เชื่อเถอะว่าลีโอเคจริง ๆ”
“แน่นะ?”
“แน่สิ…ยังไงลีก็ได้เงินพิเศษจากเจ้านายพี่อยู่แล้ว” ถึงจะไม่รู้ว่าเขาจะเบื่อและเลิกใช้งานเธอเมื่อไหร่ก็ตาม เพราะยังไงก็ได้ทำสัญญาอะไรกันเอาไว้ “ถ้าเจ้านายพี่ไม่เบื่อลีก่อนอะนะ”
“เขาไม่เบื่อหรอก” รสาตอบทันที “คุณทิวากรไม่ใช่คนที่จะเบื่อง่าย ๆ อะไรก็ตามที่เขาเลือกมาด้วยตัวเอง เลือกแล้วก็เลือกเลย”
“แต่แปลกใจอยู่นะ ที่เขาทั้งหล่อแล้วก็รวยมากขนาดนี้ เขาดูเพอร์เฟคไปซะทุกอย่างแต่ทำไมหย่ามาแล้วตั้งสามครั้ง?” ได้โอกาสวราลีก็เข้าเรื่องที่อยากรู้ เป็นเรื่องที่พยายามถามรสามาตลอดแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ รสาคนนี้เป็นลูกน้องที่ดีเยี่ยม หากข้อมูลไหนที่รู้ว่าเจ้านายไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ ไม่มีทางหลุดออกจากปากเธอเป็นอันขาด ยิ่งโดยเฉพาะกับเรื่องที่ทิวากรเคยแต่งงานมาแล้วถึงสามครั้งด้วยกัน “ถ้าไม่ใช่เพราะขี้เบื่อแล้วมันเหตุผลอะไรเหรอพี่สา?”
“แน่ะ! จะหลอกถามพี่อีกแล้วสิ บอกแล้วไงว่าเรื่องเจ้านายพี่ไม่อยากพูด” รสาแกล้งทำเป็นหันมามองค้อนใส่วราลี “ช่วงนี้ที่เลาจน์เป็นยังไงบ้าง?”
“ก็เรื่อย ๆ นะ เหนื่อยมากเรื่อย ๆ เหมือนเดิม”
“ลีอย่าลืมที่พี่บอกนะ ห้ามให้คุณทิวากรรู้เด็ดขาดว่าลีทำงานที่นั่น ไม่งั้นพี่โดนยับแน่”
“ค่ะ ลีหนีทันตลอดเวลาที่บังเอิญเจอเขาในห้าง อีกอย่างคุณทิวาของพี่สา เขาไม่เคยลงมาที่เลาจน์เลยสักครั้งตั้งแต่ลีทำงาน”
“ก็อย่างว่า เขาไม่ชอบที่ที่มีคนพลุกพล่าน ยิ่งถ้าไปไหนแล้วมีคนจ้องมอง เขาจะอึดอัดมากเลยล่ะ”
“เขาป่วยหรือเปล่า? แบบว่า…ทางจิตน่ะ” วราลีอดสงสัยไม่ได้ “ถ้าป่วยจริงก็พอจะเข้าใจได้อยู่นะ”
“ไม่ถึงกับป่วยหรอก”
“แค่โคตรยิ่งแล้วก็ถือตัวสุด ๆ ใช่ไหม?”
“แบบนั้นเลย” สองสาวมองตาแบบรู้กันพร้อมเสียงหัวเราะ ทำงานเป็นเลขาให้ทิวากรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่ใช่เพราะรสาเป็นผู้หญิงทำงานที่กระฉับกระเฉงและฉลาดรอบด้าน เก่งแถมยังถึกทนไม่แพ้วราลี ก็คงไม่อดทนมาได้ถึงขนาดนี้
โบราณเขาว่าไว้ หากผู้ใดเคยผ่านการแต่งงานมีครอบครัวมาแล้วจะถือว่าคนคนนั้นมีตำหนิ หากคำโบราณที่ว่าไว้นั้นเป็นจริง ทิวากร อนันต์ธีรกุล ที่เคยได้ผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมาแล้วถึงสามครั้งด้วยกัน นับว่ามีตำหนิอยู่ไม่น้อย นักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบสองปี ชายหนุ่มผู้ที่หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าเขานั้นเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม ดีเลิศทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา หน้าที่การงานและฐานะทางการเงิน เขาเป็นที่หมายปองของเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ที่อยากแปลงร่างเป็นหนูตกถังข้าวสาร ใคร ๆ ก็อยากได้มีโอกาสใกล้ชิดเขา แม้แต่หญิงสาวจากวงสังคมชั้นสูง คนในชนชั้นเดียวกับเขาก็ต่างพากันสนใจอยากเข้ามาทำความรู้จักมักจีพูดง่าย ๆ ทิวากรคนนี้เป็นเหมือนเพชรยอดมงกุฎที่ผู้หญิงมากมายอยากจะคว้ามาครอบครองให้ได้ แค่นั่งเท้าคางคิดเพ้อฝันว่าได้แต่งงานเป็นภรรยาของเขา ได้เป็นคนที่ครอบครองหัวใจทายาทเพียงหนึ่งเดียวของเครืออนันต์ แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว พวกเธอเหล่านั้นเชื่อเหลือเกินว่าการได้เป็นเมียทิวากรคือความสำเร็จของชีวิตแบบหาที่เปรียบไม่ได้จริงอยู่ที่หลายคนซึ่งไม่เคยได้ใกล้ชิดต่างก็เข้าใจว่าทิวากรนั้นเป็นชายในฝัน แต่ก็ยังมีอี
3เรื่องสนุกเมียคนแรกของทิวากรชื่อว่าเวทกา เธอเป็นนักแสดงสาวคนดังที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เวทกานั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เกือบจะทำให้ทิวากรรักได้ เธอสดใส อ่อนหวาน เอาใจเก่ง แต่พอตบแต่งเข้ามาอยู่กับเขาแล้ว เธอกลับสนใจแต่เรื่องเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ขนาดเขาให้โอกาสเธอได้ทำงานเป็นนักแสดงต่อไป เธอกลับไม่สนใจที่จะทำอะไรเลย งานในเครืออนันต์ก็ไม่เอา จากที่เคยเป็นคนเอาใจเก่งก็กลายเป็นคนที่เรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา อยากได้ทั้งเงินและเวลา อยากได้ทั้งหน้าตาทางสังคม เธออยากได้หลายสิ่งหลายอย่างจากเขา ทว่าไม่เคยคิดจะเป็นฝ่ายให้ เพราะแบบนั้นทิวากรจึงทนอยู่ไม่ได้ แต่งงานกันได้เพียงหนึ่งปี เขาที่เกือบจะรักเธอ…สุดท้ายก็หันหัวเรือกลับ รักไม่ลงแล้วจ่ายเงินให้เธอเซ็นใบหย่าในที่สุดคนที่สองคือไปรยา ไม่รู้ว่าแม่เขาไปหาผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ลูกชายเพิ่งหย่าได้มันถึงสามเดือนก็มีงานแต่งงานเกิดขึ้นอีกครั้ง และเพื่อตัดความรำคาญ ทิวากรยอมแต่งงานกับไปรยาทั้ง ๆ ที่แทบไม่รู้จักเธอเลย คนนี้แต่งกันได้แปดเดือนก็แยกทาง เพราะไปรยาไม่ต่างอะไรจากมิจฉาชีพ เข้าหาเขาเพื่อกอบโกย ใช้เงินเป็นใบไม้ สืบประวัติอย่างจริงจังทิวากรก็
พนักงานดูแลลูกค้าวีไอพีประจำเลาจน์มีทั้งหมดหกคน ไม่รวมแอดมินต้อนรับลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้า พนักงานเสิร์ฟและคนในครัว แค่หกคนเท่านั้นที่มีหน้าที่เข้าใกล้ลูกค้า คอยดูแลเอาใจ ช่วยรันออเดอร์และเสิร์ฟบ้างเป็นครั้งคราว เลาจน์ของห้างโมเมนตัมแบ่งตามระดับการ์ดที่ลูกค้าถือ ซึ่งสถานที่ที่วราลีทำงานอยู่นั้นคือมีชื่อว่าเดอะ ไดมอนด์ เป็นเลาจน์สำหรับลูกค้าที่ถือแบลค การ์ดและจ่ายเงินให้กับห้างไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาทต่อปี แน่นอนว่าคนที่มาใช้บริการเดอะ ไดมอนด์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคุณหญิง คุณนาย เป็นดาราระดับตัวท็อป หรือพวกไฮโซที่มีเงินเป็นถุงเป็นถังมาละลายเล่นเพราะแบบนั้นการจะเข้ามาเป็นพนักงานดูแลลูกค้าระดับนี้ได้จะต้องดูดี มีการศึกษา รู้จักวางตัว ที่สำคัญคือต้องมีรสนิยม ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มานั่งในเลาจน์ หากไม่มากับคนใกล้ชิด ก็จะเป็นพวกขี้เหงา ต้องการคนเอาใจ หน้าที่อันดับแรกที่พนักงานดูแลต้องทำคือเข้าไปเอาใจและคอยรับฟัง รวมถึงเสนอสินค้าใหม่ ๆ ของห้าง อย่างที่รู้กันดีว่าหากขายได้ก็มีค่าคอมมิชชัน แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ตามราคาสินค้าและยังได้ทิปส์อีกด้วยหากว่าดูแลดีจนลูกค้าพึงพอใจวราลีทำงานที่นี่มาสองปี เธ
4ได้โปรดคืนวันพฤหัสเป็นคืนที่มีนัดซื้อขายกับทิวากร วราลีตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าเธอจะต้องล้วงลึกเข้าถึงข้อมูลบางอย่างมาให้ได้ สิ่งหนึ่งที่อยากได้คำตอบก็คือความสัมพันธ์ของเขากับปานชีวาไปถึงไหนกันแล้ว และจุดประสงค์ของความสัมพันธ์นี้คืออะไร แค่คบหากันทั่วไปหรือคิดการใหญ่จนถึงขั้นแต่งงาน วราลีอยากรู้ทุกเรื่อง แต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือเธอจะถามเขายังไง จะถามได้ต้องใช้ความกล้ามาก ต้องเสี่ยงว่าอาจทำให้เขาไม่พอใจ แล้วต่อให้ถามไป…เขาก็อาจจะไม่ตอบหรือว่าต้องมอมเขา?อาจเป็นไปได้ ลองมานึกดูอีกที…มีครั้งหนึ่งที่วราลีเคยดื่มไวน์กับทิวากร คืนนั้นเขาเรียกใช้งานเธอเหมือนปกติ แต่ที่ต่างออกไปคือเขาชวนเธอดื่มก่อนขึ้นเตียง ทั้งสองนั่งดื่มด้วยกันท่ามกลางความเงียบงัน แต่มันคือครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอได้เห็นว่าเขาเมา พอเมาแล้วเขาก็ดูเป็นมิตรมากขึ้น เขายิ้มในบางครั้ง ถ้าจำไม่ผิดเขาหัวเราะด้วย หัวเราะทั้งที่ไม่พูดอะไรด้วยซ้ำพอเห็นหนทางที่พอจะเป็นไปได้ วราลีไม่รอช้า เลิกงานปุ๊บก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปที่ร้านขายไวน์ งานนี้ต้องลงทุนหน่อย…เอาเงินห้าพันที่ได้จากการเช็ดรองเท้าไปซื้อไวน์นี่แหละ แต่พอถึงเว
“ทำไมถึงคิดว่าท้อไม่ได้ล่ะ?” วันนี้ทิวากรมาแปลกจริง ๆ จิบไวน์ไปด้วยก็มองวราลีไปด้วย นึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้ถึงได้สงสัยใคร่รู้มากขนาดนี้“เพราะมีคนที่รออยู่ ถ้าลีท้อแล้วตายไป…ลีจะไม่ได้เจอเขาอีก”“คนรักเหรอ?” เขาเคยสั่งเอาไว้แล้วว่าหากวันไหนที่วราลีมีแฟนให้บอก เขาไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร“พี่ชายค่ะ ป่วยเป็นเจ้าชายนิทรามาเจ็ดปีแล้ว” เอาล่ะ เวลานี้วราลีเข้าใกล้ปานชีวามาอีกนิดแล้ว แค่ไหลไปตามคำถามของทิวากร ก็เหมือนจะมีช่องทางให้เธอได้ถามเขาบ้าง “คุณทิวากรถามเรื่องของลี ถ้าลีจะขอถามเรื่องคุณบ้างได้ไหม?”“ผมไม่ชอบตอบคำถามใคร” เขาเหนื่อยกับการตอบคำถามมากมายในที่ประชุม นอกเวลางานเลยไม่อยากทำอีก “แต่ก็สงสัยว่าคุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม”“เยอะเลยค่ะ แต่ไม่กล้าถาม” วราลีอมยิ้ม“ลองถามมาสิ ถ้าอยากตอบผมจะตอบ” ไวน์เข้าปากแล้วมันก็ง่ายแบบนี้แหละ“จะแต่งงานไหมคะ?”“คิดว่าไงล่ะ ผมอายุสามสิบสองแล้ว…เคยหย่ามาสามครั้งแล้วด้วย” คุณคนขรึมไม่มานั่งสงสัยว่าทำไมวราลีถึงตั้งคำถามแบบนั้น เธอถามก็คงเพราะอยากรู้ และข่าวเรื่องเขาเคยหย่ามาแล้วสามครั้งก็มีให้อ่านตามอินเทอร์เน็ต “คุณคิดว่าผมจะแต่งงานอีกไหม?”“อืม…” ครุ
5งานหยาบชัดเจนแล้วว่ารสนิยมเรื่องเซ็กส์ของทิวากรนั้นแตกต่างจากแต่ก่อนราวฟ้ากับเหว เขาสนุกกับการได้งับกัดผิวกายขาวนวลจนมันแดงก่ำห้อเลือด ไม่มีคำว่าเบามือหรือผ่อนแรง แค่วราลียินยอมให้กระทำ เขาก็พร้อมที่จะจ่ายให้เธอมากขึ้น มากเท่าไรก็ได้ตามความเจ็บปวดที่เธอได้รับ ข้อมือทั้งสองข้างของเธอยังคงถูกมัดเอาไว้ สองคนยังคนนัวเนียกันอยู่บนโซฟาหนังตัวยาว ทิวากรโหมกระหน่ำความซาบซ่านแสนรุนแรงอย่างไม่หยุดยั้ง เข้าสุดออกสุด เน้นหนักกระแทกแรงจนสะเทือนไปทุกส่วนทิวากรจับวราลีกดกระแทกจนร่างบางนั้นแทบจะจมหายลงไปในโซฟา สิ่งที่เธอตอบรับการกระทำของเขาได้ก็มีเพียงเสียงคราง บางครั้งก็ครางเพราะความเสียวรุนแรง แต่หลายครั้งที่เสียวนั้นมาจากความเจ็บปวด ยิ่งเขาเร่งความเร็ว ยิ่งเข้าคว้าเอาสองเต้ามาดูดสลับกัดเธอก็ยิ่งคราง ไม่รู้จริง ๆ ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันเกิดมาจากรสนิยมส่วนตัวที่เพิ่งกล้าเปิดเผย หรือมันมาจากความเครียดที่สั่งสมมานานหลายปี วราลีได้แต่หวัง…หวังเหลือเกินว่ามันจะไม่รุนแรงมากไปกว่านี้“ฮึก! คุณทิวากร…อ๊ะ! ลีเจ็บ! กัดตรงนั้นมันเจ็บมาก…” สองมือที่ถูกมัดเอาไว้ทำให้เธอปัดป่ายเขาออกไปไม่ได้ ได้แต่ส่ายหน้าไป
วราลีชำระค่ารักษาที่คงค้างเอาไว้จนเสร็จสิ้น แต่พอทำเรื่องขอย้ายพี่ชายไปพักที่ห้องผู้ป่วยในซึ่งเป็นห้องพิเศษ ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มขึ้นมา ยังดีที่พอมีเวลาให้หาเงิน จัดการเรื่องพี่ชายเสร็จก็กลับมาทำงานต่อ ทว่าเธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว วันนี้กลับบ้านไปก็ต้องไปเจอกับคนทวงหนี้ แล้วเธอจะทำยังไง…เธอไม่มีเงินไปจ่ายดอกเบี้ย ตอนนี้ทั้งตัวเหลืออยู่แค่สามพันบาท จะให้บากหน้าไปขอยืมจากรสาก็ไม่กล้า เพราะที่ผ่านมาพี่สาวข้างบ้านก็ช่วยเธอมาจนนับครั้งไม่ได้แล้วก็คงต้องยอมโดนซ้อมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาที่หาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยไม่ทัน…สิ่งเดียวที่ทำได้คือยอมให้พวกลูกน้องของไอ้ชาติซ้อมเธอจนน่วม พอจะไปรับงานกับทิวากรก็แค่หาเครื่องสำอางกับรองพื้นมาโบกทับเข้าไป ไม่มีใครอยากนอนกับคนที่ช้ำไปทั้งตัวหรอก ถ้าเขาเห็นรอยช้ำก็คงหมดอารมณ์เอาเธอไม่ลง แบบนั้นก็เท่ากับว่าเธอเสียรายได้ไป ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงก็จะพลาดโอกาสได้ซื้อขายกับทิวากรไปไม่ได้“คุณลี” เสียงหนึ่งเรียกปลุกให้วราลีหลุดออกจากภวังค์แห่งความคิด หันไปทางต้นเสียงก็ได้เห็นปรีติ ลูกค้าวีไอพีของห้างที่ชอบมานั่งรอเวลาที่เลาจน์ และเขาก็ชอบคุยกับเธออย่างเป็นมิต
6คนคุ้นเคย“สรุปว่าคุณลีมีเรื่องไม่สบายใจ แต่ไม่อยากบอกผมว่ามันเป็นเรื่องอะไรใช่ไหม?”ปรีติถามพร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่นก่อนจะจิบอเมริกาโน่ เขานั่งไขว่ห้างในท่าสบาย ๆ มองดูใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สบายใจทุกครั้งที่มาที่นี่ รู้สึกดีที่ได้นั่งคุยกับเธอ ที่จริงแล้วปรีติชอบวราลี ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันใช่เชิงชู้สาวหรือไม่ เขาก็แค่ชอบตัวเองเวลาที่อยู่กับเธอ ชอบเธอเวลาที่อยู่กับเขา มันง่าย ๆ แค่นั้น“คุณปลื้มมานั่งที่นี่เพื่อพักผ่อน แล้วลีจะเอาเรื่องไม่สบายไปใจไปเล่าให้ฟังทำไมล่ะคะ หน้าที่ของลีคือทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายค่ะ” เล่าไปก็อายเปล่า ๆ จะไปบอกเขาทำไมว่าเธอมีหนี้ก้อนโตรอให้เครียด มีพี่ชายที่ต้องดูแล จะเล่าให้เขาฟังถึงความบัดซบในชีวิตเธอไปเพื่ออะไร ปรีติเป็นคนใจดี เล่าไปวราลีก็พอจะเอาได้ว่าเขาต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เธอไม่อยากได้เงินจากเขา ไม่ชอบรับเงินจากใครฟรี ต่อให้ยืมก็เถอะ ถ้าจะเอาเงินจากใครแบบที่จงใจจะเอามาอย่างเดียว ขอให้เงินนั้นเป็นของปานชีวาคนเดียวก็พอ!“เจ็บจี๊ด…คุณลีมองว่าผมเป็นแค่ลูกค้าเองเหรอเนี่ย? ผมคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก…คิดไปเองตั้งนานว่าเราสนิทก
พอแดดร่มลมตก สามคนพ่อ แม่ ลูกก็ออกมานั่งที่ริมชายหาด คุณแม่คอยนั่งมองลูกสาวขี่หลังคุณพ่อ พากันวิ่งเล่นไปมาอยู่ริมทะเล เป็นภาพที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ มองออกไปยังสองคนที่เธอรักเท่าชีวิต ที่ตรงนี้…บนพื้นที่ดินของพ่อแม่ คิดแล้วน้ำตาแห่งความสุขและความคิดถึงก็รื้นขึ้นมา“พ่อขา…แม่ขา…พี่วิน อยู่ข้างบนนั้นเป็นยังไงกันบ้างคะ? ตอนนี้ลีสบายดีมากเลยนะ ยังคิดถึงทั้งสามคนอยู่เสมอนะ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะรู้ไหม ลีมีความสุขมาก ได้กินอย่างดี ได้นอนหลับอย่างดี ไม่ต้องทำงานเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน คุณทิวาเขาดูแลลีกับลูกเป็นอย่างดีเลยนะคะ” แหงนหน้ามองท้องฟ้า น้ำตาก็ไหลริน คนที่จากไปแล้วยังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเธอเสมอ และเมื่อคิดถึงพวกเขาก็ต้องมีน้ำตาอยู่ทุกครั้ง แต่มันคือน้ำตาแห่งความคิดถึง“หม่ามี๊! มาเล่นกันเถอะ!” เสียงลูกน้อยตะโกนมาแต่ไกล วราลีก็รีบปาดน้ำตาแล้วลูกขึ้นไปหาทันที “เดินไปตรงโน้น! ด่าดี๊พาจะกายไปตรงโน้น”“ตรงไหนคะ?” ทิวากรมองตามมือที่น้องสกายชี้นิ้วไป ขณะที่ส่งมือตัวเองไปรอรับมือภรรยาสาวมากุมไว้“ตรงโน้นค่ะ ตรงที่มีท้องฟ้ากับทะเลเชื่อมต่อกัน”“โถ่ลูก…เ
32พ่อ แม่ ลูก“พ่อชื่อทิวากรแปลว่าพระอาทิตย์ แม่ชื่อวราลีแปลว่าพระจันทร์ อย่างนั้นลูกก็ต้องชื่อดวงดาวสิ อยู่บนท้องฟ้าเหมือนกัน”อีกสองเดือนลูกจะคลอดแล้วแต่พ่อกับแม่ยังเถียงกันเรื่องตั้งชื่อลูกไม่จบ คนเป็นพ่อดูเหมือนจะชอบของโบราณเป็นพิเศษ ฟังเพลงเก่าไม่พอยังสรรหาชื่อเก่า ๆ ของคนยุคก่อนมาตั้งให้ลูกอีก นวดเท้าให้เมียไปเขาก็พูดชื่อลูกไป เงยหน้าแหงนมองทางนั้นที ทางนี้ทีแต่ไม่คิดจะหันมองหน้าเมียที่ตอนนี้ทำตาเขียวใส่เขาอยู่“หรือจะชื่อดวงดารา?”“พอได้ไหมคะที่รัก? จะดวงดาวหรือดวงดาราน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะแต่ว่าลองหาดูสิ…ลีว่าคนล่าสุดเด็กที่ชื่อดวงดาวตอนนี้น่าจะอายุสี่สิบไปแล้ว” ก็ไม่อยากจะบู้บี้คนชื่อดวงดาว แต่นี่มันยุคไหนแล้ว…ตั้งไปแบบนั้นลูกสาวเธอได้ร้องไห้ไม่หยุดเพราะอายเพื่อนที่โรงเรียนพอดี ตอนเด็กน่ะไม่เท่าไร แต่พอโตขึ้นมาล่ะก็โดนล้อแน่ ๆ“ก็แล้วที่รักจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ? ลูกเราจะคลอดอยู่อีกไม่กี่วัน…ตอนนี้ยังหาชื่อไม่ได้เลย” เมียท้องโตขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน พอเดินมาก็ปวดเท้า เขาต้องมานวดให้ก่อนนอนทุกคืน แต่ก็นวดด้วยความเต็มใจ เพราะวันนี้ได้รู้ว่าลูกในท้องนั้นเป็นลูกสาว มั
“ครางดังขนาดนี้ลูกต้องตื่นแล้วล่ะ”“งื้อ! แบบนั้นน่าอาย…” พอคิดว่าไม่อยู่กันสองต่อสองแต่มีลูกน้อยในท้องอยู่ด้วย วราลีก็อดจะเขินอายขึ้นมาไม่ได้ “ลูกจะรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่?”“ไว้ผมจะถามตอนเขาคลอดออกมา”“งื้อ! อ๊ะ! คุณทิวา…ฮื่อ…อย่าหยุดนะคะ อ๊ะ! ลีเสียวมากเลย…เสียวเหมือนจะเสร็จ” วราลีเกร็งหนักเพราะความกระสันเสียว เธอร้องขอให้เขาทำต่อไป ครวญครางออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าสั่น แน่นอนอยู่แล้วว่าทิวากรไม่คิดจะหยุด ที่ผ่านมาให้เธอบำเรอสุขให้เขามามาก ต่อจากนี้ไปเขาเป็นคนบำเรอเธอเอง “อื้อ! อ๊ะ! ใกล้แล้วค่ะ อ๊าห์! คุณทิวา…อื้อ! อึก!”“จุ๊บ! ชอบตอนคุณครางเสร็จ” จูบแก้มเธอพร้อมรอยยิ้มชอบใจที่ทำให้เมียเสร็จได้ เมื่อก่อนไม่เคยจะพูดว่าชอบอะไร แต่เดี๋ยวนี้ล่ะพูดเอาไม่หยุด เดี๋ยวชอบนั่น เดี๋ยวชอบนี่ บอกตลอดเหมือนกลัวเธอจะไม่รับรู้“อึก! เลียให้ลี…” วราลีไม่เขินอายแล้ว เอาจริง ๆ ลูกไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่ ร้องขอให้เขาทำแบบนั้น…ทำแบบที่เคยทำ “นะคะ เลียตรงนั้นให้ลีหน่อย”“อ้อนผมอีก”“คุณทิวาขา…ลีอยากเสร็จอีกแล้ว ช่วยเลียให้ลีหน่อยได้ไหมคะ?” เขาอยากให้เธออ้อน เธอก็อ้อน…ก็ตอนนี้มีสิ่งที่
31ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้อีลี! ไอ้ลี! อีนังชั้นต่ำวราลี!คำจิกหัวเรียกที่โดนมาเกือบทั้งชีวิตถูกแทนที่ด้วยคำว่าคุณวราลี อนันต์ธีรกุล ภรรยาสาวคนสวยของทิวากร อาจพูดได้ว่าเมื่อสถานะเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยนตามไปด้วย วราลีไม่ต้องคอยเอาใจใคร ไม่ต้องก้มหัวทำตัวนอบน้อมให้กับใครอีกต่อไปแล้ว ทุกคนพากันยกย่องเธอ ยกเธอขึ้นให้อยู่สูง ทว่าเธอเกลียดวัฒนธรรมแบบนั้นเป็นเมียทิวากรผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง?มีเงินมากกว่าแล้วยังไง…สุดท้ายก็มีวันต้องตายจากโลกใบนี้เหมือนกันทุกคนอยู่ดี กินน้อย กินเยอะ กินหรู กินแพง กินเข้าไปแล้วก็อิ่ม อิ่มแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นก้อนเหมือนกันหมด สิ่งที่วราลีตั้งใจว่าจะไม่ทำก็คือสิ่งที่เธอโดนมาทั้งชีวิต อะไรที่เคยต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย เธอจะทำ จะให้เกียรติ จะพูดจาดี ๆ จะมองว่าทุกคนก็มีคุณค่าความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากเธอเมื่องานแต่งงานสุดอลังการจบลงคุณสามีก็พาภรรยาสาวของเขากลับมาที่บ้าน บ้านซึ่งเธอไม่เคยรู้ว่าเป็นยังไง บ้านที่เขาไม่เคยเปิดต้อนรับใครหน้าไหนแม้กระทั่งพิมพ์ประภาผู้เป็นแม่ พอมาถึงก็พาเธอเดินชมรอบตัวบ้าน ช่างเป็นบ้านหลังใหญ่ที่กว้างขวางและปลอดโปร่ง ทว่าไร้ชีวิตชีวา ก
รสากลับไปได้สักพักปรีติที่ได้รู้เรื่องก็ตามมาเยี่ยม เขาบอกกับวราลีว่าหากเธอจะตอบรับความรักของทิวากรเขาก็เข้าใจ และหากว่าสุดท้ายเธอจะลาคลอด หรือแม้แต่ลาออกเขาก็ยินดียอมรับการตัดสินใจของเธอ เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่ว่าเขายังชอบที่ได้มีเธออยู่ในชีวิต จะในฐานะเพื่อนหรือพี่สะใภ้ เขาก็ยินดีทั้งนั้น และเขาไม่ได้เกลียดอะไรทิวากร แค่ยังโกรธที่ญาติเวรตะไลมันชอบวางท่าหวงก้างใส่เขาก็เท่านั้นกระทั่งปรีติขอตัวกลับไปได้พักใหญ่แล้วทิวากรก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา วราลีนั่งเฝ้าเขาไม่ยอมห่าง กุมมือหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากการกระทบกระแทกที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไปโดนเส้นประสาทสำคัญจนทำให้เขาไม่ฟื้นหรือกลายเป็นคนไข้ติดเตียงเธอจะทำยังไง ต้องมาเลี้ยงเขาไปทั้งชีวิตหรือ? ไม่เอาด้วยหรอก คอยดูสิว่าถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็…เธอทิ้งเขาแน่ จะทิ้งจริง ๆ ด้วย“อื้อ!” คิดได้ไม่เท่าไร คนนอนหลับก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมเสียงอู้อี้“ฟื้นแล้วเหรอ?”“ลี…”“ฮึก! ค่อย ๆ ลุกค่ะ ค่อย ๆ นะ” วราลีรีบเข้าไปช่วยเขาปรับท่านั่ง ดึงหมอนขึ้นมารองรับแผ่นหลังของเขาไว้“ทำไมร้องไห้อีกแล้ว?” ตื่นมาก็ได้เห็นน้ำตาเธอเลย นิ่วหน้าไม่ชอบใจ เคยเห็
30จะรักษาไว้อย่างดีทิวากรตีรถจากหัวหินมาถึงกรุงเทพภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ เหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะอยากไปรับเมียให้ทันเที่ยงคืน เขาบอกไว้แล้วว่าเธอคือเป้าหมายสำคัญสูงสุดในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทิ้งงานไปเลย ยังไงเขาก็ยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การงาน พอจัดการปัญหาเสร็จก็รีบบึ่งมาถึงที่ โชคดีที่มาทัน เวลาสี่ทุ่มบาร์ยังไม่ปิด รีบเข้ามาข้างในทำตัวเป็นลูกค้า เพื่อรอเมียกลับบ้าน วันนี้เขาไม่ได้เจอเธอมาทั้งวัน คิดถึงจนใจจะขาด พอได้เจอก็อยากจะเข้าไปกอดไปหอมให้หายคิดถึง แต่แค่เดินเข้ามาในบาร์…เขากลับต้องยืนนิ่งมองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า เวลานี้เป็นเวลาทำงาน…พนักงานไม่ได้รับการอนุญาตให้ดื่ม” ไฟความเป็นผัวมันพลุ่งพล่านเมื่อทิวากรได้เห็นภาพที่ไม่ต้องการจะเห็นไปอีกตลอดชีวิต คือภาพเมียเขาต้องมาคอยก้มหัวเอาใจใคร เวลานี้วราลีกำลังถูกพวกเมาแล้วหื่นลวนลามทางสายตาและคำพูด มันยื่นแก้วเหล้าให้เธอ คะยั้นคะยอให้เธอดื่ม“ดื่มหน่อยเถอะน่ะ ฉันเป็นลูกค้านะ ฉันอนุญาตแล้วใครจะมาว่าอะไรเธอได้? ดื่ม! ฉันสั่งให้เธอดื่ม!”“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ต้องขอประทานโทษคุณลูกค้าด้วย
ทิวากรโยนงานของตัวเองให้คนอื่นทำ จะรับพิจารณาเฉพาะเรื่องที่สำคัญมากเท่านั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือการตามเมียตามลูก เขามาส่งวราลีที่บาร์ แล้วก็นั่งเฝ้าเธออยู่ในร้าน แม้ว่าเธอจะไล่แล้วไล่อีกแต่เขาก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น วันนี้เขารู้ว่าปรีติติดงานที่บริษัทก็เลยไม่ได้เข้ามาที่ร้าน เพราะแบบนั้นก็แปลว่าทางสะดวก ไม่มีหมาตัวอื่นมาวนเวียนอยู่ใกล้เมียเขาแล้ว“ผมทำเอง” เห็นวราลียกถาดรองแก้วเตรียมเอาออกมาจัดเรียก ทิวากรก็รีบเข้าไปแย่งถาดมาถือไว้เอง ที่จริงมันก็ไม่ได้หนักอะไร รู้ว่ายังไงวราลีก็ยกไหวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้…เขาจะไม่ให้เธอทำงานใช้แรงงานอีกต่อไปแล้ว“นี่คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”“จะรอรับคุณกลับด้วยกัน ให้ยกไปไหนครับ?” เขาพูดครับกับเธอแทบทุกคำ แบบนี้ต่อไปคงได้ตำแหน่งคนกลัวเมียไปครอง“ยกไปไว้ตรงนั้น” วราลีชี้ไปยังพื้นที่หลังเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะหันไปหยิบไม้ถูพื้นเตรียมจะถูพื้นต่อ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นทิวากรก็รีบเข้ามาแย่งไม้ถูพื้นจากมือเธอไป“ผมทำเองครับ คุณไปนั่งพักเถอะนะ เดี๋ยวผมจะถูพื้น เช็ดกระจก จัดโต๊ะทั้งหมดนี่เอง”“งั้นไปล้างห้องน้ำด้วยเลยสิ”“โอเคครับ” เธอประชด
29ผมจะเป็นคนที่เหนื่อยเองตุบ!วราลีเปิดประตูห้องออกมาในตอนสิบเอ็ดโมงของวันใหม่ ตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นทิวากรนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้อง พอเปิดประตูตัวเขาที่หลับไม่รู้เรื่องก็ทิ้งตัวลงไปนอนที่พื้น เมื่อคืนเธอไล่ให้เขากลับไป ก็คิดว่าเขากลับไปแล้ว…ไม่รู้เลยว่าที่แท้ชายหนุ่มมานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องแบบนี้“ลี…” เขางัวเงียลืมตาขึ้นมา พอเห็นเธอก็ยิ้มดีใจ รีบคว้าถุงอะไรสักอย่างลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมันให้เธอ“อะไรคะ? แล้วทำไมคุณไม่กลับไปนอนที่บ้าน? มานั่งหลับอยู่หน้าห้องลีทำไม?”“ในถุงมีโจ๊กหมูพิเศษแบบใส่ไข่แล้วก็มีของกินสำหรับบำรุงครรภ์” ทิวากรเฝ้าวราลีตั้งแต่เมื่อคืน โทรไปสั่งงานรสาตอนตีสอง บอกว่าอยากได้หนังสือที่ให้ความรู้เรื่องการดูแลแม่ตั้งครรภ์ สั่งตอนตีสอง! แล้วบอกว่าอยากได้ตอนตีสาม! เป็นงานที่ยากไม่น้อยแต่รสาก็หาให้จนได้ เขาเลยได้นั่งอ่านหนังสือรอเวลาหกโมงเช้า เพื่อที่จะได้ออกไปซื้อโจ๊ก แต่ไม่คิดว่าวราลีจะออกจากห้องมาในตอนสิบเอ็ดโมง“ลีกินมื้อเช้าไปแล้วค่ะ นี่จะออกไปทำงาน แล้วนั่นหนังสืออะไร?” เห็นหนังสือวางอยู่ที่พื้น ก็อดจะสงสัยไม่ได้“หนังสือความรู้เรื่องแม่ตั้งครรภ์ ตอนนี้ผมรู้แล้วนะว่าช่วงเ
ติ๊งต่อง!เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นมาในเวลาตีหนึ่งครึ่งทำเอาวราลีสะดุ้ง รีบปาดน้ำตาแล้วออกไปที่ประตู ส่องตาแมวแล้วก็ได้เห็นว่ารปภ. ของคอนโดยืนอยู่ด้านหน้า“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เปิดประตูห้องออกมาถาม ทว่ากลับต้องชะงักงันเมื่อรปภ.หันไปมองทางด้านขวาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ “คุณทิวากร?!”“ผมเอง…ผมรอคุณนานมาก ทำไมกลับดึกขนาดนี้ รู้ไหมว่ากลับดึก ๆ มันอันตราย? ผมซื้อกวยจั๊บเจ้าที่คุณชอบมาด้วยนะ” ทิวากรจ้างให้รปภ. กดกริ่งให้ เพราะรู้ว่าถ้าเขากดเองไม่มีทางที่วราลีจะยอมเปิดประตู เขามารอเธอตั้งแต่สี่ทุ่ม ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับดึกขนาดนี้ แล้วที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ก็มาจากพนักงานเสิร์ฟร้านนั่นแหละ“มาทำไมคะ? ใครบอกว่าลีอยากกินกวยจั๊บ?! กลับไปเถอะ!” วราลีทำท่าจะปิดประตูห้องใส่หน้าทิวากร ทว่าเขาเอาตัวเองเข้ามาแทรกไว้ได้ทันเวลา“อย่างน้อยก็ขอผมเข้าห้องน้ำหน่อย! รอคุณนานมาก…ผมปวดฉี่จะราดแล้วลี”“ไม่! ไปเข้าที่อื่นสิ! ห้องน้ำยามก็มี!”“ไม่ครับ ผมไม่ใช้ห้องน้ำร่วมกับใครยกเว้นกับคุณ โอ๊ย! ฉี่จะราดแล้วลี…ขอผมเถอะนะ”“ไม่ได้! ออกไปนะ! บอกให้ออกไปไง!” ยังไงก็ให้เขาเข้าห้องน้ำไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่ตรว