เจตนิพัทธ์หายไปในโรงแรมประมาณเกือบสองชั่วโมงเมื่อเขาเดินออกมาจากลิฟต์พนักงานหน้าล็อบบี้คนหนึ่งก็เดินตรงมาที่เขา
“คุณผู้ชายคะพอดีน้องคนนั้นบอกว่าเป็นหลานสาวของคุณเขามาถามหาคุณและนั่งรออยู่ตรงนั้นค่ะ” เธอชี้ไปยังโซฟาที่ตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งหลับพิงกับพนักอยู่
เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่นอนรอเขาอยู่นั้นคือไอศิกาหลานสาวของศานิตาภรรยาของเขา ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเธอมารอเขาทำไมและที่แปลกใจไปมากกว่านั้นคือเธอรู้ได้ยังไงว่าเขามาที่นี่
“เธอบอกไหมครับว่าตามผมมาทำไม” เขาหันไปถามพนักงานเบาๆ เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตื่น
“เธอไม่ได้บอกว่าตามมาทำไมแต่เธอพยายามจะตามไปที่ห้องของคุณ แต่เราไม่ได้บอกว่าคุณเช็กอินห้องไหนเธอก็เลยขอนั่งรออยู่ตรงนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับไปก่อนอีกสักสิบนาทีคุณค่อยปลุกเธอก็แล้วกันนะครับ แล้วถ้าเธอถามอะไรถึงผมก็ไม่ต้องบอกนี่ครับ” เขาส่งธนบัตรใบละห้าร้อยให้กับพนักงานก่อนจะมองหน้าหลานสาวแล้วรีบเดินออกจากโรงแรมไป
เจตนิพัทธ์ไม่รู้ว่าทำไมไอศิกาถึงตามมาที่นี่แต่ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเพราะเห็นเขามากับผู้หญิงแน่ๆ
ตั้งแต่หลานสาวคนนี้กลับมาจากอังกฤษเขาก็รู้สึกว่าเธอมักจะมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนพยายามจับผิดกันอยู่ตลอดเวลาอย่างครั้งนี้น่าจะตามมาที่นี่เพราะเห็นเขามากับผู้หญิงคนอื่น แต่เขาไม่ได้สนใจเพราะเรื่องนี้ภรรยาของเขาก็รู้อยู่แล้ว
ชายหนุ่มขับรถออกจากโรงแรมและตรงกลับไปที่บ้านจากนั้นก็เปิดประตูให้เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ในห้องมันว่างเปล่าเพราะเขากับศานิตาไม่ได้นอนห้องเดียวกันและมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เขากับเธอไม่ได้มีงานแต่งงานใหญ่โตเพียงแต่มีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่เชิญเฉพาะคนสนิทเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้เท่านั้น
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเจตนิพัทธ์ก็เปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างห้องนอนดู ก็เห็นว่าตอนนี้มีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดที่หน้าบ้านถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นรถที่มาส่งหลานสาวของศานิตาแน่ๆ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้วเขาก็ล้มตัวลงนอน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตนเองจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะตอนนี้ภรรยาของตนเองก็ท้องโตขึ้นมากแล้ว มิหนำซ้ำการจะออกจากบ้านแต่ละครั้งก็มีสายตาของไอศิกาที่มองเหมือนจะคอยจับผิดอยู่ตลอด บางทีเขาอาจต้องเลิกออกไปหาความสุขนอกบ้านก่อน ระหว่างนี้อาจจะต้องทำหน้าที่สามีที่ดีเพราะอีกไม่ถึงสี่เดือนภรรยาของเขาก็จะคลอดแล้ว
เช้าวันใหม่เจตนิพัทธ์และภรรยาก็มารับประทานอาหารกับครอบครัวที่บ้านหลังใหญ่เหมือนกับทุกๆ วัน
แม้ว่าเขาและภรรยาจะแยกไปอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่งในบริเวณรั้วเดียวกันแต่ในทุกเช้าก็จะต้องมารับประทานอาหารร่วมกับคุณอุไรวรรณมารดา คุณอดิศรพี่ชายของศานิตา
และตอนนี้สมาชิกร่วมรับประทานอาหารก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนคือไอศิกาลูกสาวของคุณอดิศรพี่ชายของศานิตาที่กลับมาอยู่กับครอบครัวในช่วงปิดเทอม
เจตนิพัทธ์ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเธอเท่าไหร่เพราะเธอไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายอีกทั้งเขาเองก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ไม่กี่เดือน
“หมอนัดไปตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่ละนิต” คุณอุไรวรรณถาม ลูกสาวคนเล็กซึ่งอายุห่างจากพี่ชายคนโตเกือบยี่สิบปีเพราะเป็นลูกหลงที่เธอคลอดตอนอายุมากถึงสามสิบเก้าปี
คุณอุไรวรรณรักลูกสาวคนเล็กมากกว่าใครทั้งหมดจึงสร้างบ้านให้อยู่ในรั้วเดียวกันส่วนบ้านหลังใหญ่นั้นเธออยู่กับลูกชายคนโตเพราะเขาเป็นคนคนสร้างมันขึ้นมาแทนบ้านเดิมเมื่อสิบปีก่อน
“อีกสองวันค่ะแม่ หนูว่าหาหมอเสร็จแล้วจะเลยไปซื้อของใช้เพื่อเตรียมไว้ก่อนค่ะ ถึงเวลาใกล้คลอดจะได้ไม่ฉุกละหุก” ศานิตาท้องได้เกือบหกเดือนแล้วตอนนี้ท้องยังไม่โตมากหญิงสาวจึงอยากเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่จะท้องโตจนเดินลำบาก
“ถ้าเป็นแต่ก่อนคนโบราณเขาก็ถือนะว่าไม่ให้ซื้อของใช้เตรียมไว้ก่อนแต่เดี๋ยวนี้คนสมัยใหม่ก็ไม่ถือเรื่องนี้กันแล้ว”
“แต่ถ้าเราไม่เตรียมไว้ถึงเวลาก็ขึ้นมาก็จะเตรียมไม่ทันนะคะแม่ เสื้อผ้าเด็กอ่อนเราก็ต้องเอามาซักเตรียมไว้ก่อนนะคะแม่”
“ข้อนี้แม่ก็เห็นด้วยนะ แต่อย่าซื้อมาเยอะนะนิตเด็กโตเร็วมาก”
“ค่ะแม่”
“อานิตคะให้หนูไปด้วยได้ไหมคะ หนูอยากไปช่วยเลือกของให้น้อง”
“จะไปให้เกะกะเขาทำไมล่ะไอซ์ พ่อว่าหนูรออยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ไปช่วยงานพ่อที่บริษัทดีกว่านะลูก” คุณอดิศรบอกลูกสาวเพราะเขาวางแผนเอาไว้แล้วว่าหลังจากไอศิกาเรียนจบเขาจะให้เธอเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท
“พ่อคะหนูยังเรียนไม่จบเลยนะคะ ถ้าเข้าไปช่วยงานพ่อที่บริษัทก็จะทำให้งานพ่อยุ่งมากกว่าเดิมหรือเปล่า”
“แต่อีกหน่อยเรียนจบไอซ์ก็ต้องกลับมาทำงานที่บริษัทอยู่แล้วไปเรียนรู้ไว้สักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะ ช่วงนี้ที่บริษัทไม่ยุ่งเท่าไหร่ เขาจะได้สอนหนูหลายหลายอย่างไง”
“คุณย่าขาหนูอยากไปกับอานิต”
“อย่าไปบังคับลูกเลย ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมหนูไอซ์ก็มาพักผ่อนนะไม่ได้มาทำงานสักหน่อย ย่าว่าไอซ์ไปช่วยอานิตเขาเลือกเสื้อผ้าก็ดีเหมือนกันนะ เพราะให้พัทธ์ช่วยเลือกคงไม่ได้เรื่องเท่าไหร่เขาเป็นผู้ชายคงไม่ละเอียดเหมือนผู้หญิงหรอก”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า คุณย่าน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวมองคุณย่าของตัวเองแล้วยิ้มอย่างประจบ
เหตุผลหนึ่งที่ไอศิกาอยากตามคุณอาของเธอไปซื้อของเพราะอยากจะรู้ด้วยว่าเจตนิพัทธ์นั้นดูแลคุณอาของเธอดีหรือเปล่า
“ให้ไอซ์ไปช่วยอาเลือกก็ดีเหมือนกันนะเพราะหลานในท้องเป็นผู้หญิงไอซ์น่าจะช่วยเลือกได้เยอะทีเดียว”
“แน่นอนค่ะอานิตหนูจะช่วยเต็มที่เลย”
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับศานิตาเดินกลับบ้านของตนเองโดยมีเจตนิพัทธ์ตามไปส่งเธอที่บ้านก่อนที่เขาจะขับรถออกไปทำงาน
ไอศิกาตามคุณย่ามานั่งในห้องนั่งเล่น ย่าของเธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือบางครั้งก็ถักหมวกและเสื้อไหมพรมสำหรับเอาไปบริจาคให้กับเด็กที่อยู่บนดอยในฤดูหนาว
“สนใจอยากจะฝึกกับย่าไหมหนูไอซ์”
“ไม่ล่ะค่ะคุณย่าหนูเป็นคนใจร้อนทำงานแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“มาอยู่เมืองไทยได้หลายอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยใช่ไหม”
“ค่ะไม่มีใครว่างพาหนูไปเที่ยวเลย คุณย่าคะเราไปเที่ยวทะเลกันดีไหมหนูอยากไปเที่ยวทะเล ไปกินอาหารทะเลสดๆ”
“ย่าก็ไม่ได้ไปเที่ยวทะเลนานแล้วเหมือนกันนะเอาไว้อาทิตย์หน้าค่อยไปกันดีไหมจะได้ชวนทุกคนไปด้วยกันเลย”
“ดีเหมือนกันค่ะคุณย่า”
“คุณย่าคะหนูมีเรื่องอะไรจะถามค่ะ”
“จะถามอะไรย่าล่ะ”
“หนูอยากรู้ว่าอานิตกับอาพัทธ์คบกันตอนไหนคะ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ปกติไอศิกาจะโทรศัพท์คุยกับคุณย่าอยู่บ่อยๆ แต่คุณย่าของเธอก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย มันทำให้เธอรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เท่าที่สังเกตดูเหมือนกับเจตนิพัทธ์จะมองคุณอาของเธอด้วยสายตาว่างเปล่าไม่เหมือนกับคนรักกันเลยสักนิด และเมื่อรู้ว่าเขาพาผู้หญิงเข้าโรงแรมมันก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ กับคุณอาเขยและอยากจะรู้เรื่องของเขามากขึ้น
ละเมื่อรู้
“ทำไมถึงอยากจะรู้เรื่องนี้ล่ะมีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าหรอกค่ะ หนูแค่อยากรู้เฉยๆ คุณย่าลองเล่าให้ฟังหน่อยสิคะว่าเขาพบรักกันยังไง” “ที่ถามย่าแบบนี้ไม่ใช่ว่าตอนนี้ตัวเองแอบมีความรักนะถึงอยากจะรู้เรื่องราวความรักของคนอื่น”“ก็นิดหน่อยค่ะ”“ตอนอยู่ที่อังกฤษหนูมีแฟนไหม”“มีสิคะคุณย่า หลานสาวคุณย่าสวยขนาดนี้จะไม่มีแฟนได้ยังไง” ไอศิกาตอบไปตามจริง เธอมีคนมาจีบอยู่หลายคนทั้งคนไทยด้วยกันและคนต่างชาติ“หลานสาวของย่าสวยมากๆ แล้วแฟนที่หนูพูดถึงเรื่องคบกันถึงขั้นไหนหนูได้ป้องกันหรือเปล่า”“คุณย่าขาถึงหนูจะไปเรียนต่างประเทศมาหลายปีแต่หนูก็เป็นคนไทยนะคะ คุณย่าเคยสอนหนูให้รักนวลสงวนตัวเพราะฉะนั้นคุณย่าวางใจได้เลยว่าหนูไม่มีทางจะไปทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”“ย่ารู้นะลูกว่าวัยรุ่นสมัยนี้เขามองเรื่องนั้นเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ย่าไม่ห้ามหรอกเพราะรู้ว่าโลกมันเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยย่าขอแค่รู้จักป้องกัน แต่อย่าให้ตัวเองท้องถ้าหากยังไม่พร้อมและยังไม่เจอคนที่ตัวเองคิดจะแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วย” เมื่อพูดถึงตรงนี้คุณอุไรวรรณก็เสียงอ่อนลงเพราะเรื่องนี้มันห้ามกันยาก“หนูไม่มีทางทำให้ย่ากับคุณพ่อผิดหวังหรอกนะคะ หนูสัญญ
วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนัดศานิตาตรวจครรภ์ไอศิกาก็ขอไปด้วยเพราะหลังจากหาหมอแล้วเธอจะไปเลือกซื้อของใช้กับคุณอาของเธอด้วยโดยมีเจตนิพัทธ์เป็นคนขับรถไปให้ทั้งสามคนนั่งดูรออยู่หน้าห้องตรวจพอคุณหมอเรียกชื่อศานิตาหญิงสาวก็ลุกขึ้นแต่เจตนิพัทธ์ยังนั่งอยู่ที่เดิม“อาพัทธ์ไม่เข้าไปในห้องด้วยเหรอคะ” ไอศิกาที่กำลังจะเดินตามอาของตนเองหันมาถาม“ไม่เป็นไรเข้าไปหลายคนห้องมันเล็กวันนี้ให้ไอซ์เข้าไปกับอานิตก็ได้จะได้รู้ไงว่าคุณหมอเข้าตรวจแบบไหนบ้าง”“แล้วทุกครั้งอาพัทธ์เข้าไปกับอานิตหรือเปล่าคะ”“ทุกครั้งอาก็เข้าไปกับอานิตนั่นแหละ ไอซ์รีบเข้าไปเถอะคุณหมอมีคนไข้อีกหลายคนที่รออยู่นะ” เจตนิพัทธ์เตือนหลานสาว“ค่ะอาพัทธ์” ไอศิกาเดินตามเข้ามาในห้องซึ่งตอนนี้คุณอาของเธอกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณหมอเธอยืนมองอยู่ข้างๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่พยาบาลพาศานิตาขึ้นไปนอนบนเตียงเพื่อให้คุณหมออัลตราซาวด์ดูความสมบูรณ์ของเด็กในท้อง“เราจะได้ยินเสียงหัวใจเหมือนที่เคยเห็นในทีวีใช่มั้ยคะอานิต” หญิงสาวถามคุณอาด้วยความตื่นเต้น“ใช่จ้ะ เดี๋ยวหมอก็จะเอาเครื่องฟังหัวใจเด็กมาแนบที่หน้าท้อง ตอนนี้น้องน่าจะตัวโตก่อนครั้งล่าสุดที่อาเคยเห็นแล้
หลังเลิกงานวันนี้เจตนิพัทธ์มีนัดคุยงานและรับประทานอาหารเย็นกับลูกค้าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มแต่เขาบอกภรรยาเอาไว้แล้วว่าคืนนี้อาจจะค้างที่คอนโดเมื่อคุยงานเสร็จชายหนุ่มจึงไปนั่งดื่มที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับคอนโดที่เขาพักก่อนหน้านี้เขาก็อาศัยอยู่ที่คอนโดคนเดียวและมักจะมาดื่มที่นี่เป็นประจำแต่หลังจากย้ายไปอยู่ที่บ้านของศานิตาก็ออกมาดื่มน้อยมาก แต่ก่อนเขามักจะนัดกับเพื่อนดื่มทุกเย็นวันศุกร์แต่วันนี้มันเป็นวันพุธเจตนิพัทธ์ก็เลยไม่ได้โทรชวนใครออกมาชายหนุ่มนั่งดื่มคนเดียวอยู่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์พอดึกคนก็เลยเริ่มจะเยอะขึ้นเพราะคืนนี้เป็นคืนเลดี้ไนท์ ที่นั่งข้างๆ ที่เคยว่างก็มีคนเข้ามานั่งด้วย เมื่อหันไปมองก็ต้องตกใจเพราะคนที่มานั่งนั้นคือไอศิกาหลานสาวของภรรยา“ไอซ์มาเที่ยวเหรอ”“ค่ะอาพัทธ์หนูมาเที่ยว อานิตบอกว่าวันนี้อาพัทธ์ไปคุยงานกับลูกค้าแล้วทำไมถึงมานั่งดื่มตรงนี้ได้ล่ะคะ” ไอศิกาถามคุณอาหนุ่ม เธอไม่คิดเลยว่าการออกมาเที่ยวกับเพื่อนคืนนี้จะเจออาเขยของตนเองมานั่งดื่มเหล้าอยู่ในผับหญิงสาวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะเขาบอกภรรยาว่าออกมาคุยงานกับลูกค้าแต่กลับมานั่งดื่มอย่างนี้ทั้งที่ภรรย
เจตนิพัทธ์นั่งดื่มจนกระทั่งถึงตีหนึ่งก็คิดจะกลับแต่เขาเห็นว่าตอนนี้หลานสวมนั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงก็เลยไม่คิดจะเข้าไปชวนกลับด้วยแต่ก่อนกลับเขาแวะเข้าห้องน้ำขณะกำลังล้างมือก็ได้ยินวัยรุ่นสองคนคุยกัน“มึงว่ายาที่กินไปจะออกฤทธิ์กี่นาที”“นะน่าจะสิบนาทีตอนนี้เพิ่งกินยาอีกสักพักยาก็ออกฤทธิ์ เดี๋ยวมึงจัดการคนชื่อไอซ์ต่อเลยนะกูจะพาแฟนกูออกไปก่อน”“แน่ใจนะมึงว่าจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง”“เออน่าผู้หญิงโดนยาแบบนั้นยังไงก็ต้องยอมอยู่แล้วแหละ โรงแรมก็อยู่ไม่ไกลมึงพาไปจัดการจากนั้นก็รีบออกมาก่อน ตื่นเช้ามาทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา”“แล้วเขาจะไม่ตามเอาเรื่องแน่นะ” ชายวัยรุ่นอีกคนถามอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่“ผู้หญิงที่ไหนมันจะกล้าเอาเรื่องไปบอกคนอื่นว่าตัวเองโดนยาแล้วถูกผู้ชายข่มขืนเรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขากล้าเอาเรื่องหรอกอย่าปอดแหกไปหน่อยเลย”“แฟนมึงล่ะเขาจะไม่เอาเรื่องกูใช่มั้ย”“แฟนกูกับผู้หญิงที่ชื่อไอซ์ไม่ได้สนิทกันมากมายหรอกและอีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เธอเรียนอยู่ต่างประเทศเกิดเรื่องแบบนี้ก็คงจะรีบกลับนั่นแหละ กูว่าเรารีบไปเถอะ”คำพูดของวัยรุ่นสองคนทำให้คนที่ล้างมืออยู่รีบเดินตามออกไปเจตนิ
เช้าวันนี้ทุกคนก็มานั่งทุกคนในก็มานั่งรับประทานอาหารกันตามปกติแต่คนที่ขาดไปก็คือไอศิกา“ไอซ์ไปไหนทำไมยังไม่ลงมากินข้าวอีก แป้งขึ้นไปดูสิว่าตื่นหรือยัง ” คุณอดิศรหันบอกเด็กรับใช้“ไม่ต้องหรอกแป้ง”“ทำไมล่ะครับคุณแม่”“ก็เมื่อคืนหนูไอซ์เขาขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนและจะค้างที่บ้านเพื่อนเลย”“เพื่อนที่ไหนครับแม่”“ได้ยินว่าชื่อมินนี่นะ เรียนมาด้วยกันตอนม.ต้น ดิศเคยได้ยินชื่อนี้บ้างไหมล่ะ” คุณอุไรวรรณถามลูกชาย“เคยได้ยินอยู่ครับแม่ แต่ไม่แน่ใจว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน แล้วไอซ์บอกแม่ไหมว่าจะกลับมากี่โมง”“หนูไอซ์บอกแม่ว่าจะกลับมาไม่เกินเที่ยง ว่าแต่ดิศถามหาลูกสาวแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าครับก็แค่เห็นว่าไม่มากินข้าวพร้อมกัน”“วันศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้ทุกคนว่างกันไหม” คุณอุไรวรรณถามสมาชิกภายในครอบครัว“นิตว่างอยู่แล้วค่ะคุณแม่ ว่าแต่คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”“แม้ว่าจะชวนไปเที่ยวหัวหินกันน่ะหนูไอซ์อยากกินอาหารทะเลสดๆ แม่เองก็อยากไปเที่ยวและไหว้พระด้วยก็เลยอยากจะชวนทุกคนไปด้วยกัน”“ผมคงไม่ว่างครับแม่ มีนัดตีกอล์ฟกับเพื่อนไว้แล้ว”“พัทธ์ล่ะ ว่างไหม”“วันศุกร์นี้ใช่ไหมครับคุณท่าน” แม้จะแต่งงานและเป็นลูก
การมาเที่ยวทะเลครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไอศิกาได้เจอเจตนิพัทธ์หลังจากเหตุการณ์ในคืนวันที่เธอออกไปเที่ยวกับเพื่อน เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาหญิงสาวพยายามที่จะไม่เจอเขามาตลอด แต่เมื่อเจอหน้ากันแล้วเขาไม่ได้พูดเรื่องคืนนั้นมันเลยทำให้ไอศิการู้สึกสบายใจ เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องระหว่างเขาและเมื่อทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กับอาเขยไอศิกาก็รู้สึกใจเต้นแรงกว่าที่เคยความรู้สึกบางอย่างที่มันก่อตัวขึ้นในใจของหญิงสาวซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ผิดมากๆ เนื่องจากเจตนิพัทธ์คืออาเขยของตนเอง“พรุ่งนี้หลังกินอาหารเช้าเสร็จเราจะไปทำบุญไหว้พระกันนะ หนูไอซ์จะไปกับย่าไหม” คุณอุไรวรรณถามหลานสาวหลังจากนั่งทานอาหารทะเลที่หน้าบ้านและกันจนอิ่มและกลับเขามานั่งในห้องรับแขกกันอย่างพร้อมหน้า“ไปสิคะคุณย่าเราไปกันหมดทุกคนเลยไหมคะ”“นิตขอไม่ไปได้ไหมคะคุณแม่ วันนี้เดินทางมาทั้งวันแล้วก็ตอนเย็นยังเล่นน้ำอีกรู้สึกเพลียค่ะ อีกอย่างนิตก็เคยมาไหว้พระที่นี่บ่อยค่ะแล้ว”“ถ้านิตไม่ไปพี่จะอยู่กับนิตที่บ้านนะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่พัทธ์พี่ไปกับคุณแม่เถอะค่ะจะได้ช่วยดูแลคุณแม่ด้วย นิตอยู่คนเดียวได้”“อยู่คนเดียวได้แน่นะนิตให้แป้งอยู่ด้ว
หลังจากทุกคนออกไปจากบ้านแล้วศานิตาก็ชะเง้อคอมองไปทางประตูหน้าบ้านเธอกำลังรอใครบางคนที่นัดให้เจอกันที่นี่เมื่อเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นหญิงสาวก็รีบเดินไปเปิดประตูทันที“พี่ชัย นิตคิดถึงพี่ชัยมากๆ เลยค่ะ” เธอดีใจมากที่เห็นหน้าคนรักอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานานถึงสองเดือน“พี่คิดถึงนิต”“พี่ชัยนิตว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะมีคนมาเห็น”“ในบ้านไม่มีใครอยู่จริงๆ ใช่ไหมนิต”“ไม่มีค่ะพี่ชัย ทุกคนออกไปเที่ยวกันหมดแล้ว ตอนนี้นิตอยู่ที่บ้านคนเดียวค่ะ”เมื่อเดินเข้ามาถึงในบ้านชายหนุ่มดึงศานิตาเข้ามากอดโดยที่หญิงสาวก็ตอบกอดด้วยความคิดถึง“พี่ชัยนิตคิดถึงพี่มาก พี่เป็นยังไงบ้าง” ศานิตาพาคนรักมานั่งในห้องรับแขกซึ่งบ้านหลังนี้ชัยเดชก็เคยมาแล้วหลายครั้ง“พี่ก็คิดถึงนิตนะ ตอนนี้พี่เริ่มงานใหม่แล้วล่ะเงินเดือนอาจจะไม่เท่าบริษัทเดิมเท่าไหร่แต่มันก็พอเลี้ยงตัวเองได้ นิตล่ะเป็นยังไงบ้าง”“นิตก็สบายดีค่ะ”“ลูกของเราเป็นผู้หญิงใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”“พี่ใช่พี่ว่าลูกต้องสวยเหมือนนิตแน่ แล้วนิตแพ้ท้องมากหรือเปล่า”“นิตแพ้ท้องอยู่ไม่ถึงสองอาทิตย์เองค่ะ นับว่าโชคดีมากเพราะคนอื่นเขาไปท้องกันตั้งสามเดื
ย่าอุไรวรรณพาหลานสาวมาไหว้พระจากนั้นก็ไปทานอาหารทะเลร้านประจำที่เวลามาหัวหินต้องแวะทานก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้ามาในบ้านในเวลาบ่ายสองโมง“อานิตกินข้าวกลางวันหรือยังคะ หนูซื้อขนมมาฝากค่ะ”“อากินแล้วจ้ะ พนักงานของโรงแรมเพิ่งมาเก็บถาดอาหารเมื่อกี้เอง เป็นไงบ้างเที่ยวสนุกไหม”“สนุกค่ะอานิตแต่คนเยอะและร้อนไปหน่อยดีแล้วค่ะที่อานิตไม่ได้ไปด้วยเพราะมันเดินลำบากมากๆ”“อาก็คิดว่าอย่างนั้นแหละมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่าไหม แล้วเย็นนี้จะไปเดินตลาดโต้รุ่งไหมล่ะ”“ตลาดโต้รุ่งเหรอคะ อานิตมันคือตลาดแบบไหนคะ” เมื่อพูดถึงตลาดไอศิกาก็ตื่นเต้นจนลืมเรื่องของที่พนักงานของโรงแรมเอามาคืน“เป็นตลาดที่จะมีรถขายอาหารฟาสต์ฟูด มีขนมแล้วก็มีสินค้าทำมือมาขายอาว่าไอซ์น่าจะชอบนะ”“อานิตไปด้วยกันมั้ยคะ”“อาไม่ชอบเดินเบียดคนเยอะเท่าไหร่ ไอซ์ลองชวนอาพัทธ์กับลูกแก้วไปสิ”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูชวนลูกแก้วแล้วให้ลุงอ่ำไปส่งก็ได้”“ถ้าอยากไปจริงๆ อาไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ ไปกันตามลำพังสองคนมันอันตราย”“ย่าก็เห็นด้วยนะ”“คุณย่าไปกับหนูไหมคะ”“ย่าแก่แล้วให้เดินแบบวัยรุ่นคงแย่ ไอซ์ไปกับลูกแก้วเถอะลูกแก้วอยากไปไหม” คุณอุไรวรรณหันม
“หิวหรือเปล่าไอซ์” เจตนิพัทธ์ถามไอศิกาเมื่อเธอตื่นในสายของอีกวันหนึ่ง“นิดหน่อยค่ะ อาพัทธ์หิวไหมแถวนี้มีร้านอาหารไทยด้วยนะแต่เปิดสิบเอ็ดโมงค่ะเดี๋ยวหนูพาไปกินนะ”“อาลงไปซื้อเบอร์เกอร์มาแล้วไอซ์จะกินก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนล่ะ”“หนูขออาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ อาพัทธ์ไปรอข้างนอกได้ไหมคะ”“ให้อาช่วยอาบไหม”“ไม่เป็นไร”“ยังจะอายอะไรอีกอาเห็นของหนูไปหมดทั้งตัวแล้วนะ ให้อาช่วยอาบจะได้รีบออกไปกินเบอร์เกอร์”“ก็หนูกลัวว่ามันจะไม่จบแค่อาบน้ำน่ะสิ นะคะอาพัทธ์ไปรอหนูข้างนอกนะคะ”“ครับ” เมื่อฟังเสียงอ้อนของคนรักเขาก็ยอมออกไปจากห้องแต่โดยดีเจตนิพัทธ์รอไม่นานรักไอศิกาก็ออกมาพร้อมกับสวมเสื้อยืดกางเกงยีนดูทะมัดทะแมงเหมาะกับการออกไปเที่ยววันนี้หลังจากรับประทานทานแฮมเบอร์เกอร์กันแล้วทั้งสองคนก็พากันไปเดินเที่ยวในเมือง วันนี้ผู้คนออกมาเดินเที่ยวและซื้อของเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันค่อนข้างมาก“ไอซ์อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันปีใหม่ล่ะเดี๋ยวอาซื้อให้”“แค่อามาหาหนูที่นี่มันก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว”“พูดจาแบบนี้มันน่ารีบกลับไปจับกดที่ห้องจัง”“มันเกินไปแล้วนะคะอาพัทธ์”“ก็อาคิดถึงหนูนี่ ไม่ได้นอนด้วยกันมานานตั้ง
เจตนิพัทธ์ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก พอเขาออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าตอนนี้เจ้าของห้องนอนหลับไปแล้วแต่ไฟที่หัวเตียงเปิดอยู่ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนนอนข้างๆ กับหญิงสาวและดึงเธอเข้ามากอดตอนนี้เตียงนอนขนาดห้าฟุตมันดูเล็กไปถนัดตาเมื่อร่างกายสูงใหญ่ของเขาขึ้นมานอน“ไอซ์หลับแล้วใช่ไหม” เขากระซิบถามเบาๆ“ค่ะหนูหลับแล้ว” หญิงสาวตอบก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วหัวเราะ“คนหลับที่ไหนเขาตอบได้กันล่ะหันหน้ามาคุยกับอาก่อนสิอาคิดถึงอยากมองหน้า”หญิงสาวหันหน้ากลับมาเธอยิ้มให้เขา“หนูก็คิดถึงอาพัทธ์นะคะ อาพัทธ์สบายดีไหม”“อาสบายดี”“แล้วคุณยากับคุณพ่อล่ะคะ”“สองท่านก็สบายดี ตอนนี้ทุกคนทำใจเรื่องอานิตได้แล้วคุณย่าของไอซ์มักจะมันไปทำบุญที่วัดอยู่บ่อยๆ อาก็ให้ไปทานข้าวที่บ้านกับท่านบ้างและบางครั้งก็ไปทำบุญกับท่าน ไอซ์ล่ะเป็นยังไงบ้างช่วงนี้เรียนหนักหรือเปล่า”“ค่อนข้างหนักค่ะ มีโปรเจกต์จบที่ต้องทำให้เสร็จ”“แล้วมีปัญหาอะไรอยากให้อาช่วยหรือเปล่า”“ไม่มีหรอกค่ะ หนูคิดว่าจะจบทันเวลาได้กลับไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทได้อาพัทธ์งานหนักหรือเปล่าตอนนี้อาพัทธ์ทำงานที่บริษัทของพ่อไหมคะ”“อาก็ทำทั้งสองที่ครับ”“เหนื่อยไหมคะ”“เหนื่อยครับ”
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสจึงมีวันหยุดยาวต่อเนื่องไปจนถึงหลังปีใหม่เพื่อนของไอศิกาส่วนใหญ่ก็จะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวที่อพาร์ทเม้นท์เลยเงียบเหงากว่าทุกครั้ง ร้านค้าต่างประดับประดาไปด้วยโคมไฟและของตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสไอศิกาเดินเที่ยวอยู่คนเดียวตามลำพังหญิงสาวไม่ได้ตอบตกลงไปเที่ยวกับอรรณพเพราะไม่อยากจะไปเป็นก้างขวางคอของเพื่อน เธอคิดว่าการเดินเที่ยวคนเดียวแบบนี้มันก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้จะเหงามากแต่ก็รู้สึกว่าการอยู่กับความเหงามันก็เป็นเรื่องที่ดีเธอได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาความรู้สึกเสียใจกับอาศานิตาเริ่มจางหายไป เมื่อทบทวนดูแล้วหญิงสาวคิดว่าเรื่องนี้คนที่ผิดก็คือผู้ชายที่ชื่อชัยเดช เมื่อคิดได้มันเลยทำให้เธอปลดล็อกความรู้สึกบางอย่าง เธอเดินเที่ยวและซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้เพื่อนหลังจากที่ทุกคนกลับมาแล้วยังโชคดีว่าร้านอาหารไทยที่อยู่ใกล้ๆ ยังเปิดอยู่ไอศิกาเอาของทั้งหมดเก็บเรียบร้อย จากนั้นก็กลับมาที่ร้านอาหารอีกครั้ง“ไอซ์คริสต์มาสทั้งทีไม่ได้ไปเที่ยวไหนเหรอ”“ไม่ค่ะพี่จอย”“แบบนี้ก็เหงาแย่สิ”“นิดหน่อยค่ะแล้วร้านพี่จอยล่ะคะไม่ปิดเหรอ”“มีลูกค้าจะมาจั
ไอศิกาขึ้นมาบนเครื่องก็เอาผ้าปิดตามาจากนั้นก็แกล้งทำเป็นหลับเพราะไม่อยากให้ใครเห็นดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ หญิงสาวภาวนาว่าที่นั่งข้างๆ เธอคงจะว่างแต่ไม่นาก็มีคนมานั่งแต่ไอศิกาก็ไม่สนเพราะเธออยากอยู่เงียบๆเมื่อใกล้ถึงเวลาที่เครื่องเทคออฟแอร์โฮสเตสก็บอกให้ทุกคนปรับเบาะและคาดเข็มขัดไอศิกาปรับเบาะและคาดเข็มขัดแต่ยังไม่เอาผ้าปิดตาออกหลังจากเครื่องเทคออฟได้สักพักแอร์โอสเตสก็เข้ามาถามว่ามีใครต้องการเครื่องดื่มอะไรไหมแต่หญิงสาวบอกกับแอร์โฮสเตสว่าตัวเองจะไม่รับอาหารและเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นหากแต่เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำให้เธอต้องดึงผ้าปิดตาออก“อาพัทธ์” เธอตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งข้างเธอตอนนี้คือเจตนิพัทธ์ผู้ชายที่มาส่งเธอเมื่อชั่วโมงก่อน“กินน้ำส้มก่อนสิ”“อาพัทธ์มาได้ยังไงคะ”“อาอยากไปส่งไอซ์”“แล้วทำไมถึงไม่บอกว่าจะบินไปกับหนูด้วย”“ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะบินไปกับไอซ์หรอก อาแค่ซื้อตั๋วเครื่องบินเผื่อไว้เพราะไม่อยากให้ใครนั่งข้างๆ ไอซ์อารู้ว่าตอนนี้ไอซ์อยากจะอยู่คนเดียว แต่เมื่อเห็นไอซ์ร้องไห้ที่สนามบินอาก็เลยเปลี่ยนใจ”“หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”“แต่อาก็ขึ้นมาบนเครื่องแล้วจะกลับไปตอนนี้
เจตนิพัทธ์ขับรถมารับไอศิกาเมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องกลับอังกฤษระหว่างทางเธอก็เงียบมาตลอดจนคนที่นั่งมาข้างๆ รู้สึกใจหายเพราะกลัวเหลือเกินว่าเมื่อไอศิกากลับไปอยู่อังกฤษคนเดียวแล้วเธอจะเศร้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้“ไอซ์ทำไมไม่พูดอะไรเลยเป็นอะไรหรือเปล่า”“อาพัทธ์คะหนูขอถามอะไรอาพัทธ์หน่อยได้ไหม”“ได้สิ” เจตนิพัทธ์คิดว่าตอนนี้เขาไม่มีอะไรปิดบังไอศิกาแล้ว ไม่ว่าเธอจะถามอะไรเขาก็ยินดีจะตอบคำถามของเธอทุกข้อ“ถ้าเกิดวันนั้นหนูบอกอาพัทธ์ว่าเข้าไปโรงแรมม่านรูดทำไมเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อคะ”“ไอซ์หมายถึงเรื่องของเราหรือเรื่องของอานิตล่ะ”“ก็ทั้งสองเรื่องค่ะ”“ถ้าเป็นเรื่องของอานิต อาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าถ้ารู้เรื่องแล้วจะกล้าพูดกับเธอหรือเปล่าเพราะอาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่อาเข้ามาอยู่ในบ้านมาทำหน้าที่เป็นสามีก็เพราะคุณท่านกับคุณพ่อของไอซ์ขอร้อง แต่ความสัมพันธ์ของอากับอานิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นเลย เราแค่ทำหน้าที่ของกันและกันอย่างดีที่สุดเท่านั้น”“แล้วเรื่องระหว่างหนูกับอาล่ะคะ มันเกิดขึ้นเพราะอาเห็นหนูออกมาจากโรงแรมม่านรูดใช่ไหม”“อาว่านั่นน่าจะเป็นแค่ตัวกระตุ้นมากกว่าน
หลังจากสารภาพความผิดกับคุณอุไรวรรณแล้วเจตนิพัทธ์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นแต่เขายังมีอีกด่านสำคัญที่จะต้องสารภาพผิดนั่นคือคุณอดิศรบิดาของไอศิกา ชายหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องราวทุกอย่างกับบิดาของเธอถ้าหากคุณอดิศรจะห้ามหรือโกรธเขาก็พร้อมจะรับทุกผิดทุกอย่างเจตนิพัทธ์ตัดสินใจเข้ามาพบคุณอดิศรในเช้าวันหนึ่งที่บริษัท“พัทธ์มีธุระอะไรจะคุยกับฉันเหรอ หน้าเครียดเชียวเรื่องงานหรือเปล่า”“ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับคุณดิศ”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะหรือเรื่องชัยเดช”“เรื่องนั้นไม่มีอะไรต้องน่าห่วงครับตอนนี้เพื่อนผมที่เป็นตำรวจกำลังตามจัดการอยู่”“ยังมีเรื่องไหนที่ต้องเครียดอีกเหรอ”“เรื่องที่ผมจะมาคุยกับคุณดิศมันคือเรื่องของผมกับไอซ์”“นายกับไอซ์เหรอ มีอะไรกันหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมาฉันไม่เห็นว่านายกับไอซ์จะคุยกันเท่าไหร่เลย”เจตนิพัทธ์พักถอนหายใจเข้าใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองกับไอศิกาให้กับคุณอดิศร”“อะไรนะ” คุณอดิศรตกใจไม่น้อยที่ได้ยินคำสารภาพจากปากของชายหนุ่ม“ฉันไม่คิดเลย ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น”“ขอโทษครับผมผิดเอง”“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ผมคุยกับคุณท่านแล้วคุณท่านให้ผมมาคุยกับคุณอดิศรอีกครั
แม้ว่างานศพของอาศานิตาจะเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ไอศิกาก็ยังไม่กลับไปเรียนเพราะยังเหลือเวลาอีกเกือบหนึ่งเดือนก่อนจะเปิดเทอม เธออยากใช้เวลาตรงนี้อยู่กับคุณย่าให้มากที่สุด หญิงสาวรู้ว่าท่านกำลังเศร้าและเสียใจมากที่เสียทั้งลูกและหลานไปในเวลาเดียวกัน เธอขลุกอยู่กับคุณย่าทุกวันในขณะที่เจตนิพัทธ์เองก็แวะมาเยี่ยมและมารับประทานอาหารกับคุณอุไรวรรณอยู่บ่อยครั้ง“พัทธ์เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วไปคุยกับแม่ในห้องหน่อยนะ”“ได้ครับคุณท่าน”หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเจตนิพัทธ์ก็เดินตามคุณอุไรวรรณมายังห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นจุดที่ท่านมักจะนั่งถักไหมพรมอยู่เป็นประจำ“แม่รู้นะว่าที่ผ่านมาครอบครัวของเราทำให้พัทธ์ต้องลำบากใจมาก พัทธ์อึดอัดมากใช่ไหมที่ต้องรับเป็นพ่อของเด็กในท้องศานิตา”“ผมยอมรับครับว่ารู้สึกอึดอัดมากในช่วงแรกๆ แต่เวลาผ่านไปสักพักมันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แล้วผมมองศานิตาเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง อะไรที่ผมพอจะช่วยทำให้เธอสบายใจได้ก็ยินดีทำ แต่ผมคงทำหน้าที่นั้นไม่ดีพอทำให้ศานิตาจบชีวิตลงแบบนั้น”“เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของพัทธ์เลยนะ แม่รู้ว่าพัทธ์ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว จากนี้ไปเราไม่ม
งานศพของศานิตาผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ญาติพี่น้องคนอื่นๆ ก็กลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติ บ้านหลังใหญ่จึงเหลือแค่คุณอุไรวรรณ คุณอดิศรและไอศิกาเพียงสามคนเท่านั้นส่วนบ้านของศานิตานั้นถูกปิดเงียบเพราะตอนนี้เจตนิพัทธ์ย้ายกลับไปอยู่คอนโดของเขาตามเดิมเย็นนี้คุณอุไรวรรณนัดให้เจตนิพัทธ์เข้ามารับประทานอาหารเย็นที่บ้านและจะถือโอกาสนี้บอกความจริงบางอย่างของศานิตาให้กับไอศิกาได้รู้เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของการฆ่าตัวตายและความจริงเกี่ยวกับศานิตากับเจตนิพัทธ์เพราะคุณอุไรวรรณขอร้องทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ แต่มาวันนี้คุณอุไรวรรณก็คิดว่าควรจะบอกความจริงทุกเรื่องให้กับหลานสาวรู้ เพราะถ้าเธอไปรู้จากคนอื่นก็กลัวว่าเรื่องมันจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดหลังจากรับประทานอาหารแล้วทุกคนก็มานั่งรวมกันในห้องนั่งเล่นซึ่งตอนนี้เด็กรับใช้และป้าอ้อยกลับเข้าห้องของตนเองไปแล้วบริเวณห้องนั่งเล่นจึงเหลือแค่ย่าอุไรวรรณ คุณอดิศร ไอศิกาและเจตนิพัทธ์เพียงแค่สี่คนเท่านั้น“ย่าว่าหลายวันมานี้ไอซ์คงอยากจะรู้สาเหตุการตายของอานิตใช่ไหมล่ะลูก”“ใช่ค่ะคุณย่า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยและไอซ์ก็ไม่กล้าถามใคร มันเกิดอ
ไอศิกากลับมาถึงอังกฤษได้หลายวันแล้ว หญิงสาวไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนตามที่บอกกับคุณย่า แต่เธอมาทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารเพราะอยากจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพราะถ้าให้เธออยู่เฉยๆ ก็คิดก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของตนเองกับเจตนิพัทธ์เรื่องที่เธอทำนั้นมันผิดและยากที่จะอภัยได้ถ้าคุณพ่อคุณย่าหรืออาศานิตารู้ ทุกคนก็คงจะเกลียดและผิดหวังอย่างแน่นอน ตอนนี้ไอศิกาวอยากจะลืมเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น อยากจะให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ความจริงมันก็ตอกย้ำว่าเธอได้ทำผิดกับครอบครัวมากๆแต่ยิ่งลืมมันกลับยิ่งทรมานกับความรู้สึกของตัวเอง ทุกคืนที่ปิดไฟและเข้านอนเธอยังคงคิดถึงอาเขยหนุ่มของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอและมันยากที่เธอจะลืมเหตุการณ์ทั้งหมดเธอยอมรับว่ายังคิดถึงอ้อมกอด คิดถึงสัมผัสของเขา หญิงสาวไม่รู้ว่าอาการพวกนี้จะหายไปตอนไหน แต่ก็แอบหวังว่าระยะเวลาที่ตนเองมาเรียนอังกฤษอีกหนึ่งปีจะลืมเขาได้อย่างหมดใจวันนี้เป็นวันหยุดของทางร้านไอศิกาโทรศัพท์ไปหาคุณย่าซึ่งเวลาที่เมืองไทยเวลานี้ก็ประมาณสองทุ่ม“สวัสดีค่ะคุณย่า”“หนูไอซ์โทรมาพอดีเลยย่ากำลังจะโทรหาหนู”“คุณย่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมร