การมาเที่ยวทะเลครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไอศิกาได้เจอเจตนิพัทธ์หลังจากเหตุการณ์ในคืนวันที่เธอออกไปเที่ยวกับเพื่อน เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาหญิงสาวพยายามที่จะไม่เจอเขามาตลอด แต่เมื่อเจอหน้ากันแล้วเขาไม่ได้พูดเรื่องคืนนั้นมันเลยทำให้ไอศิการู้สึกสบายใจ เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องระหว่างเขาและเมื่อทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กับอาเขยไอศิกาก็รู้สึกใจเต้นแรงกว่าที่เคย
ความรู้สึกบางอย่างที่มันก่อตัวขึ้นในใจของหญิงสาวซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ผิดมากๆ เนื่องจากเจตนิพัทธ์คืออาเขยของตนเอง
“พรุ่งนี้หลังกินอาหารเช้าเสร็จเราจะไปทำบุญไหว้พระกันนะ หนูไอซ์จะไปกับย่าไหม” คุณอุไรวรรณถามหลานสาวหลังจากนั่งทานอาหารทะเลที่หน้าบ้านและกันจนอิ่มและกลับเขามานั่งในห้องรับแขกกันอย่างพร้อมหน้า
“ไปสิคะคุณย่าเราไปกันหมดทุกคนเลยไหมคะ”
“นิตขอไม่ไปได้ไหมคะคุณแม่ วันนี้เดินทางมาทั้งวันแล้วก็ตอนเย็นยังเล่นน้ำอีกรู้สึกเพลียค่ะ อีกอย่างนิตก็เคยมาไหว้พระที่นี่บ่อยค่ะแล้ว”
“ถ้านิตไม่ไปพี่จะอยู่กับนิตที่บ้านนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่พัทธ์พี่ไปกับคุณแม่เถอะค่ะจะได้ช่วยดูแลคุณแม่ด้วย นิตอยู่คนเดียวได้”
“อยู่คนเดียวได้แน่นะนิตให้แป้งอยู่ด้วยไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ นิตว่าจะนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านส่วนอาหารกลางวันแม่ก็กินมาจากข้างนอกเลยนะคะเดี๋ยวนิตสั่งโรงแรมใกล้ๆ ให้เขาเอามาส่งก็ได้”
“แต่พี่เป็นห่วงนิตนะให้พี่อยู่เป็นเพื่อนดีกว่าไหม” เจตนิพัทธ์รู้สึกเป็นห่วงเพราะเธอกำลังท้องจึงไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว
“นิตไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่พัทธ์ นิตอยู่ได้พี่พาแม่กับไอซ์ไปเที่ยวเถอะค่ะ”
“ก็ได้ครับ แต่ถ้านิตเปลี่ยนใจละอยากจะให้พี่อยู่เป็นเพื่อนก็บอกนะได้นะ”
เมื่อตกลงถึงกิจกรรมที่จะทำในวันรุ่งขึ้นแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอน ไอศิกาเดินขึ้นมากับคุณย่าซึ่งตอนนี้ท่านกำลังดูละครอยู่สวนเธอก็นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง
“คุณย่าหนูจะลงไปเอาน้ำคุณย่าเอาด้วยมั้ย”
“ถือติดขึ้นมาข้างบนสักขวดก็ดีนะ เผื่อกลางคืนจะหิว”
“ค่ะคุณย่าเดี๋ยวหนูมานะคะ”
ไอศิกาเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาสองขวดขณะที่กำลังจะกลับขึ้นห้องก็เห็นอาศานิตานั่งอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ เธอคิดว่ามันดึกแล้วจึงอยากจะออกไปเรียกคุณอาให้เข้ามาพักผ่อน แต่ยังเดินไปไม่ถึงก็ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ดังมาเสียก่อน เธอจึงหันหลังจะเดินกลับแต่บทสนทนาที่ได้ยินก็ทำให้หญิงสาวหยุดเดินและเงี่ยหูฟังต่อแม้รู้ว่ามันเสียมารยาทแต่ไอศิกาก็ไม่สนใจ
“ถ้าพรุ่งนี้พี่จะเข้ามาหานิตก็เข้ามาสักสิบโมงนะคะเพราะทุกคนเขาจะไปไหว้พระกันค่ะ”
“ได้ค่ะจะรอนะคะนิตคิดถึงพี่ชัยนะคะ”
“พี่ชัยไม่ต้องซื้ออะไรเข้ามาแล้ว แค่นิตได้เจอพี่นิตก็ดีใจมากๆ แล้วแต่พี่ต้องระวังนะคะเดี๋ยวคนอื่นจะเห็น”
“นิตรักพี่ชัยนะคะ นิตจะรอวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว แค่นี้ก่อนนะคะ นิตต้องวางสายแล้วเข้านอนดึกเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยค่ะ”
ไอศิกาไม่รู้ว่าไปสายพูดว่าอะไรแต่เท่าที่ฟังเสียงของศานิตาก็พอจะเดาออกว่าที่คุณอาของเธอไม่ยอมไปไหว้พระด้วยก็เพราะเธอนัดใครบางคนมาที่นี่ และคงไม่ใช่เพื่อนอย่างแน่นอน
หญิงสาวอยากจะถามเหลือเกินว่าคนที่คุณอาโทรคุยด้วยนั้นเป็นใครแต่ก็หยุดความคิดนั้นไว้เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็อาจจะเป็นความลับซึ่งดูเหมือนอาของเธอก็อยากจะให้เรื่องนี้มันเป็นความลับถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่นัดเจอกันในวันที่ทุกคนไม่อยู่
โอศิการีบขึ้นไปบนห้องนอนก่อนที่อาศานิตาจะเดินเข้ามาในบ้าน
“ไปนานเลยนะลูก”
“พอดีเพื่อนโทรมา หนูเลยคุยกับเพื่อนแล้วค่อยขึ้นมาค่ะละครจบแล้วเหรอคะคุณย่า” เธอพูดพร้อมกับส่งขวดน้ำให้กับคุณย่า
“ใช่จ้ะ เราปิดไฟนอนกันเลยไหม”
“ค่ะคุณย่า”
ไอศิกาพยายามข่มตาให้นอนแต่นอนเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับเพราะยังคิดถึงคุณบทสนทนาที่ได้ยินจากอาศานิตาเมื่อครู่ ฟังแล้วเหมือนเธอคุยกับผู้ชายสักคน การบอกรักและคำพูดเหล่านั้นมันทำให้เธอคิดมาก ตอนนี้ในสมองของไอศิกากำลังสับสนเรื่องทุกอย่างที่เธอรับรู้มันขัดแย้งกับสิ่งที่อาศานิตาและอาเขยของเธอแสดงออกให้ทุกคนได้เห็น
ตอนนี้วิญญาณนักสืบเข้าสิงร่างของไอศิกาและเธอจะต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้
เธอพยายามทำความเข้าใจว่าอาเขยของเธอต้องออกไปหาความสุขนอกบ้านเพราะช่วงนี้ภรรยาของตนเองท้องโตแต่สิ่งที่อาของเธอพูดคุยกับคนปลายสายนั้นเธอไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไรกันแน่ทำไมอาศานิตาจะต้องบอกรักกับผู้ชายคนนั้น ทำไมถึงบอกว่ารอคอยจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนนั้น แล้วครอบครัวที่มีอยู่ตอนนี้ล่ะมันคืออะไรหญิงสาวนอนพลิกไปพลิกมากว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบจะเที่ยงคืน
เช้าของวันใหม่
“ทำไมวันนี้หน้าตาไม่สดชื่นเลยล่ะหนูไอซ์”
“เมื่อคืนหนูนอนไม่ค่อยหลับค่ะคุณย่า”
“ทำไมล่ะหรือว่ายากรนเสียงดังจนไอซ์นอนไม่หลับ”
“เปล่าค่ะ คุณย่าไม่ได้กรนเลยเพียงแต่หนูแปลกที่ค่ะมันก็เลยนอนหลับยากนิดหน่อย”
“แล้ววันนี้จะไปเที่ยวไหวไหมล่ะ”
“ไหวสิคะเดี๋ยวกินกาแฟสักแก้วก็ดีขึ้นเองค่ะ เรารีบลงไปกันเถอะค่ะคุณย่าไม่รู้ว่าเช้านี้ป้าอ้อยจะทำอะไรให้เรากินนะ”
“ย่าสั่งให้เขาทำข้าวต้มทะเลน่ะมาถึงทะเลทั้งทีก็ต้องกินอาหารทะเล”
“แค่ฟังก็น่ากินแล้วค่ะ รีบไปกันเลยนะคะคุณย่า” หญิงสาวประคองคุณย่าลงมาชั้นล่างกลิ่นข้าวต้มหอมกรุ่นโชยมาแตะจมูกเธอรีบพาคุณย่าไปนั่งบนที่เก้าอี้หัวโต๊ะ พอดีกับเจตนิพัทธ์ก็กำลังพาภรรยาของตนเองเดินตามมานั่ง
“น่ากินจังเลยค่ะป้าอ้อย” ไอศิกาหันไปบอกแม่บ้านที่กำลังตักเขาต้มเสิร์ฟ
“น่ากินหนูไอซ์ต้องกินเยอะๆ นะคะป้าทำเยอะแยะเลย”
“หนูว่ากลับมาบ้านครั้งนี้หนูคงอ้วนขึ้นเยอะเลย”
“อ้วนที่ไหนล่ะลูก ย่าว่าหุ่นแบบหนูนี่เขาเรียกว่าหุ่นดีนะ”
“ใช่ค่ะ ป้าอ้อยว่าหุ่นแบบหนูผู้ชายเห็นก็ต้องชอบกันทั้งนั้น”
จังหวะที่คุณย่าพูดไอศิกาก็เงยหน้าและสบตากับเจตนิพัทธ์พอดี เธอเห็นเขายิ้มที่มุมปากก็รีบก้มหน้าทานข้าวต้มต่อ
“หนูไอซ์กินเยอะๆ เลยนะ กลับไปอยู่อังกฤษไม่รู้จะมีอาหารไทยแบบนี้กินหรือเปล่า”
“มันก็พอมีนะคะป้าอ้อยแต่มันอร่อยสู้ฝีมือป้าอ้อยไม่ได้เลย”
“ฟังแล้วชื่นใจจัง”
“ก็ฝีมือป้าอ้อยอร่อยจริงๆ”
เมื่อรับประทานอาหารเช้าอิ่มแล้วทุกคนก็มานั่งรวมกันที่ห้องรับแขกระหว่างรอแป้งล้างจานชาม
“อานิตไม่เปลี่ยนใจไปกับเราเหรอคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ อาอยากจะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน”
“คุณนิตให้ป้าอ้อยอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ อยู่คนเดียวถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบากเอานะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าอ้อย นิตอยู่คนเดียวได้ป้าอ้อยออกไปเที่ยวไปไหว้พระเถอะค่ะนานๆ จะได้มาเที่ยวไม่ต้องห่วงนิตนะคะ”
“แล้วตอนกลางวันนี้คุณนิตอยากทานอะไรคะป้าจะได้ทำไว้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวนิตสั่งจากโรงแรมมาก็ นิตว่าทุกคนรีบไปกันเถอะค่ะ ถ้าสายกว่านี่แดดจะร้อนเอานะคะ” ศานิตาอยากให้ทุกคนรีบออกจากบ้านเพราะเธอกำลังรอใครบางคนอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากทุกคนออกไปจากบ้านแล้วศานิตาก็ชะเง้อคอมองไปทางประตูหน้าบ้านเธอกำลังรอใครบางคนที่นัดให้เจอกันที่นี่เมื่อเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นหญิงสาวก็รีบเดินไปเปิดประตูทันที“พี่ชัย นิตคิดถึงพี่ชัยมากๆ เลยค่ะ” เธอดีใจมากที่เห็นหน้าคนรักอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานานถึงสองเดือน“พี่คิดถึงนิต”“พี่ชัยนิตว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะมีคนมาเห็น”“ในบ้านไม่มีใครอยู่จริงๆ ใช่ไหมนิต”“ไม่มีค่ะพี่ชัย ทุกคนออกไปเที่ยวกันหมดแล้ว ตอนนี้นิตอยู่ที่บ้านคนเดียวค่ะ”เมื่อเดินเข้ามาถึงในบ้านชายหนุ่มดึงศานิตาเข้ามากอดโดยที่หญิงสาวก็ตอบกอดด้วยความคิดถึง“พี่ชัยนิตคิดถึงพี่มาก พี่เป็นยังไงบ้าง” ศานิตาพาคนรักมานั่งในห้องรับแขกซึ่งบ้านหลังนี้ชัยเดชก็เคยมาแล้วหลายครั้ง“พี่ก็คิดถึงนิตนะ ตอนนี้พี่เริ่มงานใหม่แล้วล่ะเงินเดือนอาจจะไม่เท่าบริษัทเดิมเท่าไหร่แต่มันก็พอเลี้ยงตัวเองได้ นิตล่ะเป็นยังไงบ้าง”“นิตก็สบายดีค่ะ”“ลูกของเราเป็นผู้หญิงใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”“พี่ใช่พี่ว่าลูกต้องสวยเหมือนนิตแน่ แล้วนิตแพ้ท้องมากหรือเปล่า”“นิตแพ้ท้องอยู่ไม่ถึงสองอาทิตย์เองค่ะ นับว่าโชคดีมากเพราะคนอื่นเขาไปท้องกันตั้งสามเดื
ย่าอุไรวรรณพาหลานสาวมาไหว้พระจากนั้นก็ไปทานอาหารทะเลร้านประจำที่เวลามาหัวหินต้องแวะทานก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้ามาในบ้านในเวลาบ่ายสองโมง“อานิตกินข้าวกลางวันหรือยังคะ หนูซื้อขนมมาฝากค่ะ”“อากินแล้วจ้ะ พนักงานของโรงแรมเพิ่งมาเก็บถาดอาหารเมื่อกี้เอง เป็นไงบ้างเที่ยวสนุกไหม”“สนุกค่ะอานิตแต่คนเยอะและร้อนไปหน่อยดีแล้วค่ะที่อานิตไม่ได้ไปด้วยเพราะมันเดินลำบากมากๆ”“อาก็คิดว่าอย่างนั้นแหละมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่าไหม แล้วเย็นนี้จะไปเดินตลาดโต้รุ่งไหมล่ะ”“ตลาดโต้รุ่งเหรอคะ อานิตมันคือตลาดแบบไหนคะ” เมื่อพูดถึงตลาดไอศิกาก็ตื่นเต้นจนลืมเรื่องของที่พนักงานของโรงแรมเอามาคืน“เป็นตลาดที่จะมีรถขายอาหารฟาสต์ฟูด มีขนมแล้วก็มีสินค้าทำมือมาขายอาว่าไอซ์น่าจะชอบนะ”“อานิตไปด้วยกันมั้ยคะ”“อาไม่ชอบเดินเบียดคนเยอะเท่าไหร่ ไอซ์ลองชวนอาพัทธ์กับลูกแก้วไปสิ”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูชวนลูกแก้วแล้วให้ลุงอ่ำไปส่งก็ได้”“ถ้าอยากไปจริงๆ อาไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ ไปกันตามลำพังสองคนมันอันตราย”“ย่าก็เห็นด้วยนะ”“คุณย่าไปกับหนูไหมคะ”“ย่าแก่แล้วให้เดินแบบวัยรุ่นคงแย่ ไอซ์ไปกับลูกแก้วเถอะลูกแก้วอยากไปไหม” คุณอุไรวรรณหันม
เจตนิพัทธ์ยืนมองไอศิกาและลูกแก้วที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่บริเวณชายหาดแล้วกระตุกยิ้ม เรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าสวยงามและถูกใจเขามากที่สุด แม้จะมีชุดว่ายน้ำปกปิดแต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นมันสวยงามและหอมหวานมากแค่ไหน“พี่พัทธ์จะลงไปเล่นน้ำกับไอซ์และลูกแก้วหรือเปล่าคะ นิตเห็นยืนมองนานแล้ว”“ไม่หรอกจ้ะพี่ก็แค่มองไปเรื่อยๆ อยากเก็บบรรยากาศนี้ไว้เพราะไม่รู้เมื่อไหร่เราจะได้มาเที่ยวแบบนี้อีก”“นั่นสิคะนิตว่าน่าจะอีกนานเลยกว่าเราจะได้มาเที่ยวทะเลแบบนี้”“นิดเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ” เขาหันมาถามภรรยาสาวที่นั่งจัดของอยู่บนเตียง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ ของพี่พัทธ์ล่ะคะ”“พี่จัดเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ถ้างั้นพี่ถือลงไปรอข้างล่างนะกินข้าวเสร็จแล้วจะได้ออกเดินทาง”“ได้ค่ะพี่พัทธ์ลงไปก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวนิตตามลงไปว่าจะนั่งอ่านอะไรในมือถือเล่นสักหน่อย”“ได้จ้ะถ้าถึงเวลากินข้าวแล้วพี่จะขึ้นมาเรียกก็แล้วกันนะ”“ค่ะพี่พัทธ์”เมื่อสามีเดินออกไปจากห้องแล้วหญิงสาวก็ส่งข้อความไปบอกกับคนรักว่าเธอกำลังจะเดินทางกลับ หลังจากส่งข้อความไปไม่นานเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น“พี่นึกว่าวันนี้เราจะได้ เจอ
วันนี้คุณย่าอุไรวรรณมีนัดไปคุยธุระกับเพื่อน เดิมทีแล้วไอศิกาก็จะไปด้วยแต่เมื่อถึงเวลาเธอก็เปลี่ยนใจเพราะเพื่อนที่เรียนอยู่อังกฤษกลับมาบ้านที่เมืองไทยหญิงสาวจึงนัดออกไปเจอกับเพื่อนที่คาเฟ่หน้าปากซอย“อั๋นจะมาอยู่นานไหม” ไอศิกาถามอั๋นหรืออรรณพเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้นพอขึ้นมัธยมปลายก็แยกกันไปเรียนกันคนละที่ก่อนจะไปเรียนที่อังกฤษด้วยกันเมื่อสามปีก่อน“เรากลับมาแค่เดือนเดียว”“ไอซ์นึกว่าจะอยู่จนเปิดเทอม”“เราจะรีบกลับไปเที่ยวบ้านแฟน”“น่าอิจฉาคนมีแฟนจังปิดเทอมก็ไม่เหงา”“แล้วกับเอริคล่ะตกลงคบกันหรือยัง”“เขาก็ดีนะ แต่ไอซ์กลัวว่าถ้าเรียนจบแล้วต้องกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วจะมีปัญหาก็เลยคิดว่าไม่คบกับเขาดีกว่า”“แสดงว่าคนที่ไอซ์จะคบด้วยต้องเป็นคนไทยเหรอ”“เปล่าหรอกอั๋น แต่ไอซ์ว่าคนที่จะเป็นแฟนไอซ์เขาต้องพร้อมที่จะกลับมาอยู่ที่นี่กับไอซ์ อย่างเอริคเขาคงไม่กลับมาด้วยหรอกเพราะครอบครัวของเขามีธุรกิจที่นู่น แล้วอั๋นกับแฟนล่ะถ้าเรียนจบแล้วจะเอายังไงต่อ”“เราคงหางานทำที่นั่น”“ไม่คิดจะกลับมาเมืองไทยเหรอตอนนี้บ้านเรามีกฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้วนะ”“เราไม่กังวลเรื่องกฎหมายหรอก แต่เร
เจตนิพัทธ์มาติดต่องานกับลูกค้าขณะขับรถกำลังจะผ่านโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งเขาก็เห็นรถยนต์คันหรูราคาไม่ต่ำกว่าห้าล้านขับออกมา ชายหนุ่มคิดในใจว่าถ้าหากเป็นตนเองคงจะพาผู้หญิงไปนอนโรงแรมหรือไม่ก็รีสอร์ตที่มันไกลออกไปจากนี้อีกสักนิด ไม่ใช่พาผู้หญิงมานอนโรงแรมม่านรูดกลางเมืองแบบนี้เพราะมันเสี่ยงต่อการที่จะมีคนเห็นเขาขับผ่านโรงแรมนั้นไปยังบริษัทและนั่งทำงานต่อจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เมื่อขับรถกลับมาถึงบ้านชายหนุ่มเห็นรถยนต์คันหนึ่งที่รู้สึกคุ้นตาจอดอยู่หน้ารั้วและไอศิกาก็เดินลงมาจากรถหญิงสาวโบกมือให้คนที่นั่งอยู่ในรถก่อนที่เธอจะเดินเข้าบ้านชายหนุ่มขับรถผ่านหน้าหญิงสาวไปจอดหน้าของศานิตาและพยายามคิดว่าเคยเห็นรถยนต์คันนั้นที่ไหนมาก่อน เขานั่งอยู่ในรถอยู่พักใหญ่ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นรถคันนั้นที่ไหนก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมากเจตนิพัทธ์รีบเชื่อมมือถือเข้ากับกล้องหน้ารถยนต์จากนั้นก็ดึงไฟล์วิดีโอขึ้นมาเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นรถคันเดียวกับที่เขาคิดไว้ และเมื่อเห็นว่ารถที่มาส่งไอศิกาคือรถคันเดียวกับรถที่เขาเห็นออกมาจากโรงแรมม่านรูดความโมโหก็เพิ่มขึ้น เจตนิพัทธ์อยากจะเดินไปถามไอศิกาให้รู้เรื่องแต่ก็หยุดคว
การนัดให้ไอศิกาไปเจอกันที่คอนโดมิเนียมทำให้เจตนิพัทธ์นึกถึงเหตุการณ์ที่เธอกับเขาอยู่กันตามลำพังในคืนวันนั้นเจตนิพัทธ์ถือน้ำแข็งเข้ามาในห้องน้ำก็เห็นว่าตอนนี้ไอศิกากำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำเขาเทน้ำแข็งลงในอ่างก่อนจะรีบหันหลังกลับ“อาพัทธ์ช่วยหนูหน่อยได้ไหมไม่ไหวจริงๆ มันทรมาน”“จะให้อาช่วยยังไง”“อาก็รู้ว่าคนโดนยาแบบนี้ต้องช่วยยังไงนะคะอาพัทธ์ช่วยหนูได้ไหมหนูทรมานจริงๆ”“แต่เราเป็นอากับหลานกันนะ”“หนูรู้แต่อาจะปล่อยให้หนูทรมานแบบนี้เหรอ ถ้าอาไม่ช่วยหนูจะเปิดประตูออกไปขอให้คนอื่นช่วย”“อย่าทำแบบนั้นนะไอซ์”“ถ้างั้นอาพัทธ์ก็ต้องช่วยหนูนะคะ หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ”หญิงสาวยืนทำให้ร่างกายไปกับเปลือยเปล่าปรากฏต่อหน้าของเจตนิพัทธ์อีกครั้งชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ“อาพัทรธ์ขาช่วยหนูนะคะ”เสียงหวานที่เอ่ยขอและท่าทางที่ยั่วยวนทำให้ชายหนุ่มทิ้งคำว่าอากับหลานไว้ข้างหลังก้าวลงไปในอ่างจับให้หญิงสาวนั่งลงขอบอ่างอาบน้ำ“อาพัทธ์....”หญิงสาวร้องเรียกชื่อเขาด้วยเสียงกระเส่าเธอจะจับมือของคุณอาหนุ่มมาสัมผัสลงบนหน้าอกของตัวเองและออกแรงกดให้เขาสัมผัสหน้าอกอิ่มของเธอแนบชิดมากยิ่งขึ้นเจตนิพัทธ์เพิ่มน้ำหนักมือไปบ
ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เจตนิพัทธ์คิดเพราะเมื่อเขาแต่งตัวเดินลงมาจากห้องนอนก็เห็นว่าศานิตากำลังจะออกจากบ้าน“จะไปไหนแต่เช้าเหรอนิต ยังไม่ถึงเวลากินข้าวเลย”“นิตจะไปโรงพยาบาลค่ะ”“นิตเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” เขาถามอย่างร้อนใจ“นิตมีเลือดออกทางนิดหน่อยค่ะพี่พัทธ์ ว่าจะไปถามหมอสักหน่อยว่าเป็นอันตรายไหม”“เลือดออกนานหรือยังแล้วลูกดิ้นดีไหม”“เพิ่งออกค่ะ ลูกดิ้นดีแต่นิตอยากไปคุยกับหมอ”“เดี๋ยวพี่ไปด้วยนะ”“แต่พี่พัทธ์ต้องไปทำงานนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่โทรบอกเลขาว่าพี่จะเข้าสาย นิตไปรอที่รถเลยนะ” เจตนิพัทธ์โทรศัพท์ไปบอกเลขาว่าเขาจะเข้าบริษัทสายจากนั้นก็ไลน์ไปบอกไอศิกว่าต้องยกเลิกนัดวันนี้ไปก่อนเพราะต้องพาศานิตาโรงพยาบาล“พี่พัทธ์มีประชุมไม่ใช่เหรอคะ” ศานิตาถามสามีเมื่อเขาขึ้นมานั่งในตำแหน่งคนขับและกำลังขับรถออกมาจากบ้าน“พี่มีประชุมตอนบ่าย”“แต่นิตไม่อยากให้พี่ต้องเสียงาน คุณหมอก็บอกอยู่แล้วว่ามันอาจจะมีเลือดออกได้บ้าง เลือดมันไม่ได้เยอะเท่าไหร่บางทีนิตอาจจะตกใจมากเกินไปเองก็ได้นะคะพี่พัทธ์”“แต่พี่เป็นห่วงนิตนะ”“นิตให้พี่ไปส่งก็ได้ค่ะแต่เวลาเข้าตรวจกับคุณหมอนิตขอตรวจตามลำพังได้ไหมเพ
เมื่อถึงเวลานัดไอศิกาก็ไปรอเจตนิพัทธ์ที่คอนโดมิเนียมของชายหนุ่ม เธอไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าวันนี้เขาจะคุยอะไรกับเธอกันแน่ ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นเรื่องที่เขารู้ว่าเธอไปที่โรงแรมม่านรูด เรื่องนี้เธอจะให้คุณพ่อละคุณย่ารู้ไม่ได้ว่าไปทำอะไรที่นั่นเธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเหตุผลที่ตนเองเข้าไปในโรงแรมนั้นก็เพราะตามอาศานิตาไป เธออยากให้ทุกอย่างที่อาของเธอทำเป็นความลับ รวมถึงเรื่องที่เจตนิพัทธ์ไปโรงแรมกับผู้หญิงเธอก็ไม่คิดจะบอกใครเหมือนกัน ไอศิกาอยากให้ครอบครัวของคุณอาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น อีกไม่กี่เดือนหลานของเธอก็จะออกมาลืมดูโลก ไอศิกาเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นทั้งอาเขยและอาของเธอจะเลิกออกไปหาคนอื่นเพราะต่างก็คงยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกหญิงสาวนั่งรอเธอนั่งรอเขาไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตูเข้ามา วันนี้เขาสวมกางเกงผ้าสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตไม่มีสูททับเหมือนกับวันอื่นๆ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก“อาพัทธ์จะคุยอะไรกับหนูก็รีบคุยมาเถอะค่ะ”“จะรีบกลับบ้านเหรอ”“เปล่าค่ะวันนี้จะออกนัดกับอั๋น เราจะไปซื้อของก่อนกลับอังกฤษ”“ไอซ์สนิทกับเขามากเลยนะ”“ใช่ค่ะ อั๋นเป็นเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก”“แล้ว
“หิวหรือเปล่าไอซ์” เจตนิพัทธ์ถามไอศิกาเมื่อเธอตื่นในสายของอีกวันหนึ่ง“นิดหน่อยค่ะ อาพัทธ์หิวไหมแถวนี้มีร้านอาหารไทยด้วยนะแต่เปิดสิบเอ็ดโมงค่ะเดี๋ยวหนูพาไปกินนะ”“อาลงไปซื้อเบอร์เกอร์มาแล้วไอซ์จะกินก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนล่ะ”“หนูขออาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ อาพัทธ์ไปรอข้างนอกได้ไหมคะ”“ให้อาช่วยอาบไหม”“ไม่เป็นไร”“ยังจะอายอะไรอีกอาเห็นของหนูไปหมดทั้งตัวแล้วนะ ให้อาช่วยอาบจะได้รีบออกไปกินเบอร์เกอร์”“ก็หนูกลัวว่ามันจะไม่จบแค่อาบน้ำน่ะสิ นะคะอาพัทธ์ไปรอหนูข้างนอกนะคะ”“ครับ” เมื่อฟังเสียงอ้อนของคนรักเขาก็ยอมออกไปจากห้องแต่โดยดีเจตนิพัทธ์รอไม่นานรักไอศิกาก็ออกมาพร้อมกับสวมเสื้อยืดกางเกงยีนดูทะมัดทะแมงเหมาะกับการออกไปเที่ยววันนี้หลังจากรับประทานทานแฮมเบอร์เกอร์กันแล้วทั้งสองคนก็พากันไปเดินเที่ยวในเมือง วันนี้ผู้คนออกมาเดินเที่ยวและซื้อของเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันค่อนข้างมาก“ไอซ์อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันปีใหม่ล่ะเดี๋ยวอาซื้อให้”“แค่อามาหาหนูที่นี่มันก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว”“พูดจาแบบนี้มันน่ารีบกลับไปจับกดที่ห้องจัง”“มันเกินไปแล้วนะคะอาพัทธ์”“ก็อาคิดถึงหนูนี่ ไม่ได้นอนด้วยกันมานานตั้ง
เจตนิพัทธ์ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก พอเขาออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าตอนนี้เจ้าของห้องนอนหลับไปแล้วแต่ไฟที่หัวเตียงเปิดอยู่ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนนอนข้างๆ กับหญิงสาวและดึงเธอเข้ามากอดตอนนี้เตียงนอนขนาดห้าฟุตมันดูเล็กไปถนัดตาเมื่อร่างกายสูงใหญ่ของเขาขึ้นมานอน“ไอซ์หลับแล้วใช่ไหม” เขากระซิบถามเบาๆ“ค่ะหนูหลับแล้ว” หญิงสาวตอบก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วหัวเราะ“คนหลับที่ไหนเขาตอบได้กันล่ะหันหน้ามาคุยกับอาก่อนสิอาคิดถึงอยากมองหน้า”หญิงสาวหันหน้ากลับมาเธอยิ้มให้เขา“หนูก็คิดถึงอาพัทธ์นะคะ อาพัทธ์สบายดีไหม”“อาสบายดี”“แล้วคุณยากับคุณพ่อล่ะคะ”“สองท่านก็สบายดี ตอนนี้ทุกคนทำใจเรื่องอานิตได้แล้วคุณย่าของไอซ์มักจะมันไปทำบุญที่วัดอยู่บ่อยๆ อาก็ให้ไปทานข้าวที่บ้านกับท่านบ้างและบางครั้งก็ไปทำบุญกับท่าน ไอซ์ล่ะเป็นยังไงบ้างช่วงนี้เรียนหนักหรือเปล่า”“ค่อนข้างหนักค่ะ มีโปรเจกต์จบที่ต้องทำให้เสร็จ”“แล้วมีปัญหาอะไรอยากให้อาช่วยหรือเปล่า”“ไม่มีหรอกค่ะ หนูคิดว่าจะจบทันเวลาได้กลับไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทได้อาพัทธ์งานหนักหรือเปล่าตอนนี้อาพัทธ์ทำงานที่บริษัทของพ่อไหมคะ”“อาก็ทำทั้งสองที่ครับ”“เหนื่อยไหมคะ”“เหนื่อยครับ”
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสจึงมีวันหยุดยาวต่อเนื่องไปจนถึงหลังปีใหม่เพื่อนของไอศิกาส่วนใหญ่ก็จะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวที่อพาร์ทเม้นท์เลยเงียบเหงากว่าทุกครั้ง ร้านค้าต่างประดับประดาไปด้วยโคมไฟและของตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสไอศิกาเดินเที่ยวอยู่คนเดียวตามลำพังหญิงสาวไม่ได้ตอบตกลงไปเที่ยวกับอรรณพเพราะไม่อยากจะไปเป็นก้างขวางคอของเพื่อน เธอคิดว่าการเดินเที่ยวคนเดียวแบบนี้มันก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้จะเหงามากแต่ก็รู้สึกว่าการอยู่กับความเหงามันก็เป็นเรื่องที่ดีเธอได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาความรู้สึกเสียใจกับอาศานิตาเริ่มจางหายไป เมื่อทบทวนดูแล้วหญิงสาวคิดว่าเรื่องนี้คนที่ผิดก็คือผู้ชายที่ชื่อชัยเดช เมื่อคิดได้มันเลยทำให้เธอปลดล็อกความรู้สึกบางอย่าง เธอเดินเที่ยวและซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้เพื่อนหลังจากที่ทุกคนกลับมาแล้วยังโชคดีว่าร้านอาหารไทยที่อยู่ใกล้ๆ ยังเปิดอยู่ไอศิกาเอาของทั้งหมดเก็บเรียบร้อย จากนั้นก็กลับมาที่ร้านอาหารอีกครั้ง“ไอซ์คริสต์มาสทั้งทีไม่ได้ไปเที่ยวไหนเหรอ”“ไม่ค่ะพี่จอย”“แบบนี้ก็เหงาแย่สิ”“นิดหน่อยค่ะแล้วร้านพี่จอยล่ะคะไม่ปิดเหรอ”“มีลูกค้าจะมาจั
ไอศิกาขึ้นมาบนเครื่องก็เอาผ้าปิดตามาจากนั้นก็แกล้งทำเป็นหลับเพราะไม่อยากให้ใครเห็นดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ หญิงสาวภาวนาว่าที่นั่งข้างๆ เธอคงจะว่างแต่ไม่นาก็มีคนมานั่งแต่ไอศิกาก็ไม่สนเพราะเธออยากอยู่เงียบๆเมื่อใกล้ถึงเวลาที่เครื่องเทคออฟแอร์โฮสเตสก็บอกให้ทุกคนปรับเบาะและคาดเข็มขัดไอศิกาปรับเบาะและคาดเข็มขัดแต่ยังไม่เอาผ้าปิดตาออกหลังจากเครื่องเทคออฟได้สักพักแอร์โอสเตสก็เข้ามาถามว่ามีใครต้องการเครื่องดื่มอะไรไหมแต่หญิงสาวบอกกับแอร์โฮสเตสว่าตัวเองจะไม่รับอาหารและเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นหากแต่เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำให้เธอต้องดึงผ้าปิดตาออก“อาพัทธ์” เธอตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งข้างเธอตอนนี้คือเจตนิพัทธ์ผู้ชายที่มาส่งเธอเมื่อชั่วโมงก่อน“กินน้ำส้มก่อนสิ”“อาพัทธ์มาได้ยังไงคะ”“อาอยากไปส่งไอซ์”“แล้วทำไมถึงไม่บอกว่าจะบินไปกับหนูด้วย”“ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะบินไปกับไอซ์หรอก อาแค่ซื้อตั๋วเครื่องบินเผื่อไว้เพราะไม่อยากให้ใครนั่งข้างๆ ไอซ์อารู้ว่าตอนนี้ไอซ์อยากจะอยู่คนเดียว แต่เมื่อเห็นไอซ์ร้องไห้ที่สนามบินอาก็เลยเปลี่ยนใจ”“หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”“แต่อาก็ขึ้นมาบนเครื่องแล้วจะกลับไปตอนนี้
เจตนิพัทธ์ขับรถมารับไอศิกาเมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องกลับอังกฤษระหว่างทางเธอก็เงียบมาตลอดจนคนที่นั่งมาข้างๆ รู้สึกใจหายเพราะกลัวเหลือเกินว่าเมื่อไอศิกากลับไปอยู่อังกฤษคนเดียวแล้วเธอจะเศร้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้“ไอซ์ทำไมไม่พูดอะไรเลยเป็นอะไรหรือเปล่า”“อาพัทธ์คะหนูขอถามอะไรอาพัทธ์หน่อยได้ไหม”“ได้สิ” เจตนิพัทธ์คิดว่าตอนนี้เขาไม่มีอะไรปิดบังไอศิกาแล้ว ไม่ว่าเธอจะถามอะไรเขาก็ยินดีจะตอบคำถามของเธอทุกข้อ“ถ้าเกิดวันนั้นหนูบอกอาพัทธ์ว่าเข้าไปโรงแรมม่านรูดทำไมเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อคะ”“ไอซ์หมายถึงเรื่องของเราหรือเรื่องของอานิตล่ะ”“ก็ทั้งสองเรื่องค่ะ”“ถ้าเป็นเรื่องของอานิต อาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าถ้ารู้เรื่องแล้วจะกล้าพูดกับเธอหรือเปล่าเพราะอาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่อาเข้ามาอยู่ในบ้านมาทำหน้าที่เป็นสามีก็เพราะคุณท่านกับคุณพ่อของไอซ์ขอร้อง แต่ความสัมพันธ์ของอากับอานิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นเลย เราแค่ทำหน้าที่ของกันและกันอย่างดีที่สุดเท่านั้น”“แล้วเรื่องระหว่างหนูกับอาล่ะคะ มันเกิดขึ้นเพราะอาเห็นหนูออกมาจากโรงแรมม่านรูดใช่ไหม”“อาว่านั่นน่าจะเป็นแค่ตัวกระตุ้นมากกว่าน
หลังจากสารภาพความผิดกับคุณอุไรวรรณแล้วเจตนิพัทธ์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นแต่เขายังมีอีกด่านสำคัญที่จะต้องสารภาพผิดนั่นคือคุณอดิศรบิดาของไอศิกา ชายหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องราวทุกอย่างกับบิดาของเธอถ้าหากคุณอดิศรจะห้ามหรือโกรธเขาก็พร้อมจะรับทุกผิดทุกอย่างเจตนิพัทธ์ตัดสินใจเข้ามาพบคุณอดิศรในเช้าวันหนึ่งที่บริษัท“พัทธ์มีธุระอะไรจะคุยกับฉันเหรอ หน้าเครียดเชียวเรื่องงานหรือเปล่า”“ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับคุณดิศ”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะหรือเรื่องชัยเดช”“เรื่องนั้นไม่มีอะไรต้องน่าห่วงครับตอนนี้เพื่อนผมที่เป็นตำรวจกำลังตามจัดการอยู่”“ยังมีเรื่องไหนที่ต้องเครียดอีกเหรอ”“เรื่องที่ผมจะมาคุยกับคุณดิศมันคือเรื่องของผมกับไอซ์”“นายกับไอซ์เหรอ มีอะไรกันหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมาฉันไม่เห็นว่านายกับไอซ์จะคุยกันเท่าไหร่เลย”เจตนิพัทธ์พักถอนหายใจเข้าใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองกับไอศิกาให้กับคุณอดิศร”“อะไรนะ” คุณอดิศรตกใจไม่น้อยที่ได้ยินคำสารภาพจากปากของชายหนุ่ม“ฉันไม่คิดเลย ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น”“ขอโทษครับผมผิดเอง”“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ผมคุยกับคุณท่านแล้วคุณท่านให้ผมมาคุยกับคุณอดิศรอีกครั
แม้ว่างานศพของอาศานิตาจะเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ไอศิกาก็ยังไม่กลับไปเรียนเพราะยังเหลือเวลาอีกเกือบหนึ่งเดือนก่อนจะเปิดเทอม เธออยากใช้เวลาตรงนี้อยู่กับคุณย่าให้มากที่สุด หญิงสาวรู้ว่าท่านกำลังเศร้าและเสียใจมากที่เสียทั้งลูกและหลานไปในเวลาเดียวกัน เธอขลุกอยู่กับคุณย่าทุกวันในขณะที่เจตนิพัทธ์เองก็แวะมาเยี่ยมและมารับประทานอาหารกับคุณอุไรวรรณอยู่บ่อยครั้ง“พัทธ์เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วไปคุยกับแม่ในห้องหน่อยนะ”“ได้ครับคุณท่าน”หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเจตนิพัทธ์ก็เดินตามคุณอุไรวรรณมายังห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นจุดที่ท่านมักจะนั่งถักไหมพรมอยู่เป็นประจำ“แม่รู้นะว่าที่ผ่านมาครอบครัวของเราทำให้พัทธ์ต้องลำบากใจมาก พัทธ์อึดอัดมากใช่ไหมที่ต้องรับเป็นพ่อของเด็กในท้องศานิตา”“ผมยอมรับครับว่ารู้สึกอึดอัดมากในช่วงแรกๆ แต่เวลาผ่านไปสักพักมันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แล้วผมมองศานิตาเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง อะไรที่ผมพอจะช่วยทำให้เธอสบายใจได้ก็ยินดีทำ แต่ผมคงทำหน้าที่นั้นไม่ดีพอทำให้ศานิตาจบชีวิตลงแบบนั้น”“เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของพัทธ์เลยนะ แม่รู้ว่าพัทธ์ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว จากนี้ไปเราไม่ม
งานศพของศานิตาผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ญาติพี่น้องคนอื่นๆ ก็กลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติ บ้านหลังใหญ่จึงเหลือแค่คุณอุไรวรรณ คุณอดิศรและไอศิกาเพียงสามคนเท่านั้นส่วนบ้านของศานิตานั้นถูกปิดเงียบเพราะตอนนี้เจตนิพัทธ์ย้ายกลับไปอยู่คอนโดของเขาตามเดิมเย็นนี้คุณอุไรวรรณนัดให้เจตนิพัทธ์เข้ามารับประทานอาหารเย็นที่บ้านและจะถือโอกาสนี้บอกความจริงบางอย่างของศานิตาให้กับไอศิกาได้รู้เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของการฆ่าตัวตายและความจริงเกี่ยวกับศานิตากับเจตนิพัทธ์เพราะคุณอุไรวรรณขอร้องทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ แต่มาวันนี้คุณอุไรวรรณก็คิดว่าควรจะบอกความจริงทุกเรื่องให้กับหลานสาวรู้ เพราะถ้าเธอไปรู้จากคนอื่นก็กลัวว่าเรื่องมันจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดหลังจากรับประทานอาหารแล้วทุกคนก็มานั่งรวมกันในห้องนั่งเล่นซึ่งตอนนี้เด็กรับใช้และป้าอ้อยกลับเข้าห้องของตนเองไปแล้วบริเวณห้องนั่งเล่นจึงเหลือแค่ย่าอุไรวรรณ คุณอดิศร ไอศิกาและเจตนิพัทธ์เพียงแค่สี่คนเท่านั้น“ย่าว่าหลายวันมานี้ไอซ์คงอยากจะรู้สาเหตุการตายของอานิตใช่ไหมล่ะลูก”“ใช่ค่ะคุณย่า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยและไอซ์ก็ไม่กล้าถามใคร มันเกิดอ
ไอศิกากลับมาถึงอังกฤษได้หลายวันแล้ว หญิงสาวไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนตามที่บอกกับคุณย่า แต่เธอมาทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารเพราะอยากจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพราะถ้าให้เธออยู่เฉยๆ ก็คิดก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของตนเองกับเจตนิพัทธ์เรื่องที่เธอทำนั้นมันผิดและยากที่จะอภัยได้ถ้าคุณพ่อคุณย่าหรืออาศานิตารู้ ทุกคนก็คงจะเกลียดและผิดหวังอย่างแน่นอน ตอนนี้ไอศิกาวอยากจะลืมเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น อยากจะให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ความจริงมันก็ตอกย้ำว่าเธอได้ทำผิดกับครอบครัวมากๆแต่ยิ่งลืมมันกลับยิ่งทรมานกับความรู้สึกของตัวเอง ทุกคืนที่ปิดไฟและเข้านอนเธอยังคงคิดถึงอาเขยหนุ่มของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอและมันยากที่เธอจะลืมเหตุการณ์ทั้งหมดเธอยอมรับว่ายังคิดถึงอ้อมกอด คิดถึงสัมผัสของเขา หญิงสาวไม่รู้ว่าอาการพวกนี้จะหายไปตอนไหน แต่ก็แอบหวังว่าระยะเวลาที่ตนเองมาเรียนอังกฤษอีกหนึ่งปีจะลืมเขาได้อย่างหมดใจวันนี้เป็นวันหยุดของทางร้านไอศิกาโทรศัพท์ไปหาคุณย่าซึ่งเวลาที่เมืองไทยเวลานี้ก็ประมาณสองทุ่ม“สวัสดีค่ะคุณย่า”“หนูไอซ์โทรมาพอดีเลยย่ากำลังจะโทรหาหนู”“คุณย่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมร