วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนัดศานิตาตรวจครรภ์ไอศิกาก็ขอไปด้วยเพราะหลังจากหาหมอแล้วเธอจะไปเลือกซื้อของใช้กับคุณอาของเธอด้วยโดยมีเจตนิพัทธ์เป็นคนขับรถไปให้
ทั้งสามคนนั่งดูรออยู่หน้าห้องตรวจพอคุณหมอเรียกชื่อศานิตาหญิงสาวก็ลุกขึ้นแต่เจตนิพัทธ์ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“อาพัทธ์ไม่เข้าไปในห้องด้วยเหรอคะ” ไอศิกาที่กำลังจะเดินตามอาของตนเองหันมาถาม
“ไม่เป็นไรเข้าไปหลายคนห้องมันเล็กวันนี้ให้ไอซ์เข้าไปกับอานิตก็ได้จะได้รู้ไงว่าคุณหมอเข้าตรวจแบบไหนบ้าง”
“แล้วทุกครั้งอาพัทธ์เข้าไปกับอานิตหรือเปล่าคะ”
“ทุกครั้งอาก็เข้าไปกับอานิตนั่นแหละ ไอซ์รีบเข้าไปเถอะคุณหมอมีคนไข้อีกหลายคนที่รออยู่นะ” เจตนิพัทธ์เตือนหลานสาว
“ค่ะอาพัทธ์” ไอศิกาเดินตามเข้ามาในห้องซึ่งตอนนี้คุณอาของเธอกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณหมอ
เธอยืนมองอยู่ข้างๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่พยาบาลพาศานิตาขึ้นไปนอนบนเตียงเพื่อให้คุณหมออัลตราซาวด์ดูความสมบูรณ์ของเด็กในท้อง
“เราจะได้ยินเสียงหัวใจเหมือนที่เคยเห็นในทีวีใช่มั้ยคะอานิต” หญิงสาวถามคุณอาด้วยความตื่นเต้น
“ใช่จ้ะ เดี๋ยวหมอก็จะเอาเครื่องฟังหัวใจเด็กมาแนบที่หน้าท้อง ตอนนี้น้องน่าจะตัวโตก่อนครั้งล่าสุดที่อาเคยเห็นแล้วแหละ”
“ไอซ์ตื่นเต้นจังเลยค่ะนี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ไอซ์จะได้เห็นการอัลตราซาวด์แบบนี้ปกติเคยเห็นแต่ในคลิปวิดีโอค่ะ”
เมื่อพยาบาลทาเจลบนหน้าท้องของคนไข้แล้วคุณหมอก็ใช้หัวการอัลตราซาวด์ลากไปตามหน้าท้องจากนั้นก็อธิบายถึงลักษณะและพัฒนาการของเด็กที่อยู่ในครรภ์ ไอศิกามองด้วยความตื่นเต้น เธอเห็นหัวใจดวงเล็กๆ กำลังเต้นและได้ยินเสียงหัวใจเป็นจังหวะ
เธอรู้สึกว่าชีวิตในน้อยๆ ที่อยู่ในนั้นมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากและอยากจะให้เด็กใครท้องของคุณอาคลอดออกมาเร็วๆ
“ร่างกายเด็กในท้องสมบูรณ์ดีครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณแม่สามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้ตามปกติแต่อย่างโลดโผนมากและถ้ารู้สึกเหนื่อยหรือรู้สึกว่าลูกในท้องดิ้นน้อยลงก็ให้รีบมาหาหมอ”
“ค่ะคุณหมอ”
“คุณยังจำวิธีนับการดิ้นของเด็กในท้องได้ใช่ไหมได้ค่ะอย่าลืมนับให้เป็นประจำนะถ้าเจอความผิดปกติก็รีบมาหาหมอทันที”
“ขอบคุณมากนะคะ”
หลังจากออกจากห้องตรวจและรอรับยาบำรุงครรภ์แล้วเจตนิพัทธ์ก็พาทุกคนมายังห้างสรรพสินค้า
“เราจะเริ่มซื้ออะไรก่อนดีค่ะพี่พัทธ์”
“พี่ว่าไปดูพวกเสื้อผ้าก่อนก็ได้นะ”
ไอศิกาสังเกตปฏิกิริยาของสองสามีภรรยาที่แสดงออกด้วยกันเธอรู้สึกว่าเจตนิพัทธ์จะตามใจภรรยาของเขามากๆ ซึ่งเธอมองแล้วรู้สึกว่ามัดขัดกับสิ่งที่เขาทำเวลาอยู่ลับหลังภรรยามากๆ เพราะเขาแสดงออกให้คนอื่นเห็นแบบนี้นี่เองถึงไม่มีใครสงสัยกับพฤติกรรมของเขาเลย
เมื่อได้เสื้อผ้าเด็กอ่อนครบแล้วทั้งสามคนก็ไปยังแผนกเครื่องใช้ต่อ
“อานิตจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ”
“แล้วอานิตจะซื้อขวดนมไปทำไมตั้งเยอะแยะ” ไอศิกาถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะเธอไม่เคยมีลูกมาก่อนและก็ไม่เคยมาซื้อของใช้แบบนี้
“อาคิดว่าจะปั๊มนมใส่ถุงไว้แล้วถึงเวลาก็เอามาอุ่นให้ลูกกินน่ะเพราะหลังคลอดอาจะต้องออกไปทำงานที่บริษัท และคงจ้างพี่เลี้ยงให้มาเลี้ยงแต่อาก็อยากให้ลูกได้กินนมของอาด้วย”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องซื้อที่นุ่งที่นึ่งขวดนมด้วยใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะอาว่าจะต้องซื้อเตรียมพร้อมไว้ก่อนคลอด”
“แล้วเครื่องปั๊มนมนี่ล่ะคะ” หญิงสาวถามคุณอาเพราะในแผนกนี้มีเครื่องปั๊มนมขายอยู่หลายยี่ห้อ
“เครื่องปั๊มนมยังไม่ต้องหรอกเพราะที่โรงพยาบาลบอกว่าในวันที่คลอดลูกทางโรงพยาบาลจะมีเครื่องปั๊มนมหลายๆ แบบมาให้ทดลองใช้จากนั้นเราค่อยซื้อก็ได้จ้ะ”
“แล้วเราต้องซื้อเปลด้วยมั้ยคะ” เธอถามเมื่อเห็นเปลเด็กที่มีดนตรีประกอบอยู่ตรงหน้า
“พี่พัทธ์ว่ายังไงดีคะเราซื้อไปเลยดีมั้ย”
“แต่พี่ว่าเดือนหน้าค่อยมาซื้อดีมั้ยตอนนี้ห้องของลูกยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ช่างบอกว่าน่าจะใช้เวลาเก็บงานอีกหน่อย”
“ถ้างั้นเราดูยี่ห้อไว้แล้วถึงเวลานั้นพี่พัทธ์มาซื้อได้ไหม”
“ได้สินิตเลือกที่ตัวเองถูกใจเลยแล้วเดี๋ยวถึงวันนั้นพี่จะมาซื้อเอง”
ทั้งสามคนใช้เวลาอยู่ในห้างสรรพสินค้าเกือบสองชั่วโมง จากนั้นเจตนิพัทธ์ก็พามารับประทานอาหารก่อนจะพามาส่งที่บ้านส่วนเขาก็กลับเข้าไปทำงานที่บริษัทอีกครั้ง
“เสื้อผ้าเด็กๆ น่ารักทั้งนั้นเลยนะคะอานิตเห็นแบบนี้แล้วหนูอยากกลับไปเป็นเด็กจังเลยค่ะ แต่น่าเสียดายจังเลยนะคะ”
“เสียดายอะไรเหรอไอซ์”
“ก็หนูจะอยู่ที่นี่อีกแค่สองเดือนแล้วก็คงต้องกลับอังกฤษก่อนที่อานิตจะคลอดหนูอดอุ้มหลานเลย”
“แต่ไอซ์กลับไปเรียนอีกแค่ปีเดียวเองนะ เอาไว้อาจะส่งรูปไปให้ไอซ์ดูบ่อยๆ หรือจะวิดีโอคอลมาหาอาก็ได้”
“ก็ได้ค่ะ อานิตตื่นเต้นมั้ยคะ”
“ตื่นเต้นสิ”
ศานิตาตอบหลานสาวไปแบบนั้นแต่ในใจของเธอไม่ได้รู้สึกยินดีอย่างที่พูดออกมาเลย มันมีความรู้สึกบางอย่างเธออยากจะรีบคลอดและรีบกลับไปทำงานที่บริษัทมากกว่าจะอยู่กับบ้านแบบนี้
“อานิตเป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมเงียบไป”
“เปล่าจ้ะวันนี้อาเดินมากไปหน่อยก็เลยรู้สึกเหนื่อย”
“อานิตนอนพักนะคะเดี๋ยวหนูก็จะกลับไปหาคุณย่าเหมือนกันจะไปเล่าให้คุณย่าฟังข่าววันนี้ว่าวันนี้เราซื้ออะไรมาบ้าง”
“ฝากบอกคุณย่าด้วยนะเย็นนี้อาจจะไม่ไปกินข้าวที่บ้าน”
“ได้ค่ะหนูจะบอกคุณย่าแล้วจะให้คนเอากับข้าวมาให้อ่านิตกับอาพัทธ์ที่บ้านนะคะ”
“เอามาให้อาคนเดียวก็ได้เย็นนี้เอาพัทธ์มีนัดคุยงานกับลูกค้า”
“ได้ค่ะอานิต หนูไปก่อนนะคะ”
หลังเลิกงานวันนี้เจตนิพัทธ์มีนัดคุยงานและรับประทานอาหารเย็นกับลูกค้าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มแต่เขาบอกภรรยาเอาไว้แล้วว่าคืนนี้อาจจะค้างที่คอนโดเมื่อคุยงานเสร็จชายหนุ่มจึงไปนั่งดื่มที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับคอนโดที่เขาพักก่อนหน้านี้เขาก็อาศัยอยู่ที่คอนโดคนเดียวและมักจะมาดื่มที่นี่เป็นประจำแต่หลังจากย้ายไปอยู่ที่บ้านของศานิตาก็ออกมาดื่มน้อยมาก แต่ก่อนเขามักจะนัดกับเพื่อนดื่มทุกเย็นวันศุกร์แต่วันนี้มันเป็นวันพุธเจตนิพัทธ์ก็เลยไม่ได้โทรชวนใครออกมาชายหนุ่มนั่งดื่มคนเดียวอยู่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์พอดึกคนก็เลยเริ่มจะเยอะขึ้นเพราะคืนนี้เป็นคืนเลดี้ไนท์ ที่นั่งข้างๆ ที่เคยว่างก็มีคนเข้ามานั่งด้วย เมื่อหันไปมองก็ต้องตกใจเพราะคนที่มานั่งนั้นคือไอศิกาหลานสาวของภรรยา“ไอซ์มาเที่ยวเหรอ”“ค่ะอาพัทธ์หนูมาเที่ยว อานิตบอกว่าวันนี้อาพัทธ์ไปคุยงานกับลูกค้าแล้วทำไมถึงมานั่งดื่มตรงนี้ได้ล่ะคะ” ไอศิกาถามคุณอาหนุ่ม เธอไม่คิดเลยว่าการออกมาเที่ยวกับเพื่อนคืนนี้จะเจออาเขยของตนเองมานั่งดื่มเหล้าอยู่ในผับหญิงสาวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะเขาบอกภรรยาว่าออกมาคุยงานกับลูกค้าแต่กลับมานั่งดื่มอย่างนี้ทั้งที่ภรรย
เจตนิพัทธ์นั่งดื่มจนกระทั่งถึงตีหนึ่งก็คิดจะกลับแต่เขาเห็นว่าตอนนี้หลานสวมนั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงก็เลยไม่คิดจะเข้าไปชวนกลับด้วยแต่ก่อนกลับเขาแวะเข้าห้องน้ำขณะกำลังล้างมือก็ได้ยินวัยรุ่นสองคนคุยกัน“มึงว่ายาที่กินไปจะออกฤทธิ์กี่นาที”“นะน่าจะสิบนาทีตอนนี้เพิ่งกินยาอีกสักพักยาก็ออกฤทธิ์ เดี๋ยวมึงจัดการคนชื่อไอซ์ต่อเลยนะกูจะพาแฟนกูออกไปก่อน”“แน่ใจนะมึงว่าจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง”“เออน่าผู้หญิงโดนยาแบบนั้นยังไงก็ต้องยอมอยู่แล้วแหละ โรงแรมก็อยู่ไม่ไกลมึงพาไปจัดการจากนั้นก็รีบออกมาก่อน ตื่นเช้ามาทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา”“แล้วเขาจะไม่ตามเอาเรื่องแน่นะ” ชายวัยรุ่นอีกคนถามอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่“ผู้หญิงที่ไหนมันจะกล้าเอาเรื่องไปบอกคนอื่นว่าตัวเองโดนยาแล้วถูกผู้ชายข่มขืนเรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขากล้าเอาเรื่องหรอกอย่าปอดแหกไปหน่อยเลย”“แฟนมึงล่ะเขาจะไม่เอาเรื่องกูใช่มั้ย”“แฟนกูกับผู้หญิงที่ชื่อไอซ์ไม่ได้สนิทกันมากมายหรอกและอีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เธอเรียนอยู่ต่างประเทศเกิดเรื่องแบบนี้ก็คงจะรีบกลับนั่นแหละ กูว่าเรารีบไปเถอะ”คำพูดของวัยรุ่นสองคนทำให้คนที่ล้างมืออยู่รีบเดินตามออกไปเจตนิ
เช้าวันนี้ทุกคนก็มานั่งทุกคนในก็มานั่งรับประทานอาหารกันตามปกติแต่คนที่ขาดไปก็คือไอศิกา“ไอซ์ไปไหนทำไมยังไม่ลงมากินข้าวอีก แป้งขึ้นไปดูสิว่าตื่นหรือยัง ” คุณอดิศรหันบอกเด็กรับใช้“ไม่ต้องหรอกแป้ง”“ทำไมล่ะครับคุณแม่”“ก็เมื่อคืนหนูไอซ์เขาขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนและจะค้างที่บ้านเพื่อนเลย”“เพื่อนที่ไหนครับแม่”“ได้ยินว่าชื่อมินนี่นะ เรียนมาด้วยกันตอนม.ต้น ดิศเคยได้ยินชื่อนี้บ้างไหมล่ะ” คุณอุไรวรรณถามลูกชาย“เคยได้ยินอยู่ครับแม่ แต่ไม่แน่ใจว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน แล้วไอซ์บอกแม่ไหมว่าจะกลับมากี่โมง”“หนูไอซ์บอกแม่ว่าจะกลับมาไม่เกินเที่ยง ว่าแต่ดิศถามหาลูกสาวแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าครับก็แค่เห็นว่าไม่มากินข้าวพร้อมกัน”“วันศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้ทุกคนว่างกันไหม” คุณอุไรวรรณถามสมาชิกภายในครอบครัว“นิตว่างอยู่แล้วค่ะคุณแม่ ว่าแต่คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”“แม้ว่าจะชวนไปเที่ยวหัวหินกันน่ะหนูไอซ์อยากกินอาหารทะเลสดๆ แม่เองก็อยากไปเที่ยวและไหว้พระด้วยก็เลยอยากจะชวนทุกคนไปด้วยกัน”“ผมคงไม่ว่างครับแม่ มีนัดตีกอล์ฟกับเพื่อนไว้แล้ว”“พัทธ์ล่ะ ว่างไหม”“วันศุกร์นี้ใช่ไหมครับคุณท่าน” แม้จะแต่งงานและเป็นลูก
การมาเที่ยวทะเลครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไอศิกาได้เจอเจตนิพัทธ์หลังจากเหตุการณ์ในคืนวันที่เธอออกไปเที่ยวกับเพื่อน เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาหญิงสาวพยายามที่จะไม่เจอเขามาตลอด แต่เมื่อเจอหน้ากันแล้วเขาไม่ได้พูดเรื่องคืนนั้นมันเลยทำให้ไอศิการู้สึกสบายใจ เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องระหว่างเขาและเมื่อทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กับอาเขยไอศิกาก็รู้สึกใจเต้นแรงกว่าที่เคยความรู้สึกบางอย่างที่มันก่อตัวขึ้นในใจของหญิงสาวซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ผิดมากๆ เนื่องจากเจตนิพัทธ์คืออาเขยของตนเอง“พรุ่งนี้หลังกินอาหารเช้าเสร็จเราจะไปทำบุญไหว้พระกันนะ หนูไอซ์จะไปกับย่าไหม” คุณอุไรวรรณถามหลานสาวหลังจากนั่งทานอาหารทะเลที่หน้าบ้านและกันจนอิ่มและกลับเขามานั่งในห้องรับแขกกันอย่างพร้อมหน้า“ไปสิคะคุณย่าเราไปกันหมดทุกคนเลยไหมคะ”“นิตขอไม่ไปได้ไหมคะคุณแม่ วันนี้เดินทางมาทั้งวันแล้วก็ตอนเย็นยังเล่นน้ำอีกรู้สึกเพลียค่ะ อีกอย่างนิตก็เคยมาไหว้พระที่นี่บ่อยค่ะแล้ว”“ถ้านิตไม่ไปพี่จะอยู่กับนิตที่บ้านนะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่พัทธ์พี่ไปกับคุณแม่เถอะค่ะจะได้ช่วยดูแลคุณแม่ด้วย นิตอยู่คนเดียวได้”“อยู่คนเดียวได้แน่นะนิตให้แป้งอยู่ด้ว
หลังจากทุกคนออกไปจากบ้านแล้วศานิตาก็ชะเง้อคอมองไปทางประตูหน้าบ้านเธอกำลังรอใครบางคนที่นัดให้เจอกันที่นี่เมื่อเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นหญิงสาวก็รีบเดินไปเปิดประตูทันที“พี่ชัย นิตคิดถึงพี่ชัยมากๆ เลยค่ะ” เธอดีใจมากที่เห็นหน้าคนรักอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานานถึงสองเดือน“พี่คิดถึงนิต”“พี่ชัยนิตว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะมีคนมาเห็น”“ในบ้านไม่มีใครอยู่จริงๆ ใช่ไหมนิต”“ไม่มีค่ะพี่ชัย ทุกคนออกไปเที่ยวกันหมดแล้ว ตอนนี้นิตอยู่ที่บ้านคนเดียวค่ะ”เมื่อเดินเข้ามาถึงในบ้านชายหนุ่มดึงศานิตาเข้ามากอดโดยที่หญิงสาวก็ตอบกอดด้วยความคิดถึง“พี่ชัยนิตคิดถึงพี่มาก พี่เป็นยังไงบ้าง” ศานิตาพาคนรักมานั่งในห้องรับแขกซึ่งบ้านหลังนี้ชัยเดชก็เคยมาแล้วหลายครั้ง“พี่ก็คิดถึงนิตนะ ตอนนี้พี่เริ่มงานใหม่แล้วล่ะเงินเดือนอาจจะไม่เท่าบริษัทเดิมเท่าไหร่แต่มันก็พอเลี้ยงตัวเองได้ นิตล่ะเป็นยังไงบ้าง”“นิตก็สบายดีค่ะ”“ลูกของเราเป็นผู้หญิงใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”“พี่ใช่พี่ว่าลูกต้องสวยเหมือนนิตแน่ แล้วนิตแพ้ท้องมากหรือเปล่า”“นิตแพ้ท้องอยู่ไม่ถึงสองอาทิตย์เองค่ะ นับว่าโชคดีมากเพราะคนอื่นเขาไปท้องกันตั้งสามเดื
ย่าอุไรวรรณพาหลานสาวมาไหว้พระจากนั้นก็ไปทานอาหารทะเลร้านประจำที่เวลามาหัวหินต้องแวะทานก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้ามาในบ้านในเวลาบ่ายสองโมง“อานิตกินข้าวกลางวันหรือยังคะ หนูซื้อขนมมาฝากค่ะ”“อากินแล้วจ้ะ พนักงานของโรงแรมเพิ่งมาเก็บถาดอาหารเมื่อกี้เอง เป็นไงบ้างเที่ยวสนุกไหม”“สนุกค่ะอานิตแต่คนเยอะและร้อนไปหน่อยดีแล้วค่ะที่อานิตไม่ได้ไปด้วยเพราะมันเดินลำบากมากๆ”“อาก็คิดว่าอย่างนั้นแหละมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่าไหม แล้วเย็นนี้จะไปเดินตลาดโต้รุ่งไหมล่ะ”“ตลาดโต้รุ่งเหรอคะ อานิตมันคือตลาดแบบไหนคะ” เมื่อพูดถึงตลาดไอศิกาก็ตื่นเต้นจนลืมเรื่องของที่พนักงานของโรงแรมเอามาคืน“เป็นตลาดที่จะมีรถขายอาหารฟาสต์ฟูด มีขนมแล้วก็มีสินค้าทำมือมาขายอาว่าไอซ์น่าจะชอบนะ”“อานิตไปด้วยกันมั้ยคะ”“อาไม่ชอบเดินเบียดคนเยอะเท่าไหร่ ไอซ์ลองชวนอาพัทธ์กับลูกแก้วไปสิ”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูชวนลูกแก้วแล้วให้ลุงอ่ำไปส่งก็ได้”“ถ้าอยากไปจริงๆ อาไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ ไปกันตามลำพังสองคนมันอันตราย”“ย่าก็เห็นด้วยนะ”“คุณย่าไปกับหนูไหมคะ”“ย่าแก่แล้วให้เดินแบบวัยรุ่นคงแย่ ไอซ์ไปกับลูกแก้วเถอะลูกแก้วอยากไปไหม” คุณอุไรวรรณหันม
เจตนิพัทธ์ยืนมองไอศิกาและลูกแก้วที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่บริเวณชายหาดแล้วกระตุกยิ้ม เรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าสวยงามและถูกใจเขามากที่สุด แม้จะมีชุดว่ายน้ำปกปิดแต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นมันสวยงามและหอมหวานมากแค่ไหน“พี่พัทธ์จะลงไปเล่นน้ำกับไอซ์และลูกแก้วหรือเปล่าคะ นิตเห็นยืนมองนานแล้ว”“ไม่หรอกจ้ะพี่ก็แค่มองไปเรื่อยๆ อยากเก็บบรรยากาศนี้ไว้เพราะไม่รู้เมื่อไหร่เราจะได้มาเที่ยวแบบนี้อีก”“นั่นสิคะนิตว่าน่าจะอีกนานเลยกว่าเราจะได้มาเที่ยวทะเลแบบนี้”“นิดเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ” เขาหันมาถามภรรยาสาวที่นั่งจัดของอยู่บนเตียง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ ของพี่พัทธ์ล่ะคะ”“พี่จัดเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ถ้างั้นพี่ถือลงไปรอข้างล่างนะกินข้าวเสร็จแล้วจะได้ออกเดินทาง”“ได้ค่ะพี่พัทธ์ลงไปก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวนิตตามลงไปว่าจะนั่งอ่านอะไรในมือถือเล่นสักหน่อย”“ได้จ้ะถ้าถึงเวลากินข้าวแล้วพี่จะขึ้นมาเรียกก็แล้วกันนะ”“ค่ะพี่พัทธ์”เมื่อสามีเดินออกไปจากห้องแล้วหญิงสาวก็ส่งข้อความไปบอกกับคนรักว่าเธอกำลังจะเดินทางกลับ หลังจากส่งข้อความไปไม่นานเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น“พี่นึกว่าวันนี้เราจะได้ เจอ
วันนี้คุณย่าอุไรวรรณมีนัดไปคุยธุระกับเพื่อน เดิมทีแล้วไอศิกาก็จะไปด้วยแต่เมื่อถึงเวลาเธอก็เปลี่ยนใจเพราะเพื่อนที่เรียนอยู่อังกฤษกลับมาบ้านที่เมืองไทยหญิงสาวจึงนัดออกไปเจอกับเพื่อนที่คาเฟ่หน้าปากซอย“อั๋นจะมาอยู่นานไหม” ไอศิกาถามอั๋นหรืออรรณพเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้นพอขึ้นมัธยมปลายก็แยกกันไปเรียนกันคนละที่ก่อนจะไปเรียนที่อังกฤษด้วยกันเมื่อสามปีก่อน“เรากลับมาแค่เดือนเดียว”“ไอซ์นึกว่าจะอยู่จนเปิดเทอม”“เราจะรีบกลับไปเที่ยวบ้านแฟน”“น่าอิจฉาคนมีแฟนจังปิดเทอมก็ไม่เหงา”“แล้วกับเอริคล่ะตกลงคบกันหรือยัง”“เขาก็ดีนะ แต่ไอซ์กลัวว่าถ้าเรียนจบแล้วต้องกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วจะมีปัญหาก็เลยคิดว่าไม่คบกับเขาดีกว่า”“แสดงว่าคนที่ไอซ์จะคบด้วยต้องเป็นคนไทยเหรอ”“เปล่าหรอกอั๋น แต่ไอซ์ว่าคนที่จะเป็นแฟนไอซ์เขาต้องพร้อมที่จะกลับมาอยู่ที่นี่กับไอซ์ อย่างเอริคเขาคงไม่กลับมาด้วยหรอกเพราะครอบครัวของเขามีธุรกิจที่นู่น แล้วอั๋นกับแฟนล่ะถ้าเรียนจบแล้วจะเอายังไงต่อ”“เราคงหางานทำที่นั่น”“ไม่คิดจะกลับมาเมืองไทยเหรอตอนนี้บ้านเรามีกฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้วนะ”“เราไม่กังวลเรื่องกฎหมายหรอก แต่เร
“หิวหรือเปล่าไอซ์” เจตนิพัทธ์ถามไอศิกาเมื่อเธอตื่นในสายของอีกวันหนึ่ง“นิดหน่อยค่ะ อาพัทธ์หิวไหมแถวนี้มีร้านอาหารไทยด้วยนะแต่เปิดสิบเอ็ดโมงค่ะเดี๋ยวหนูพาไปกินนะ”“อาลงไปซื้อเบอร์เกอร์มาแล้วไอซ์จะกินก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนล่ะ”“หนูขออาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ อาพัทธ์ไปรอข้างนอกได้ไหมคะ”“ให้อาช่วยอาบไหม”“ไม่เป็นไร”“ยังจะอายอะไรอีกอาเห็นของหนูไปหมดทั้งตัวแล้วนะ ให้อาช่วยอาบจะได้รีบออกไปกินเบอร์เกอร์”“ก็หนูกลัวว่ามันจะไม่จบแค่อาบน้ำน่ะสิ นะคะอาพัทธ์ไปรอหนูข้างนอกนะคะ”“ครับ” เมื่อฟังเสียงอ้อนของคนรักเขาก็ยอมออกไปจากห้องแต่โดยดีเจตนิพัทธ์รอไม่นานรักไอศิกาก็ออกมาพร้อมกับสวมเสื้อยืดกางเกงยีนดูทะมัดทะแมงเหมาะกับการออกไปเที่ยววันนี้หลังจากรับประทานทานแฮมเบอร์เกอร์กันแล้วทั้งสองคนก็พากันไปเดินเที่ยวในเมือง วันนี้ผู้คนออกมาเดินเที่ยวและซื้อของเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันค่อนข้างมาก“ไอซ์อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันปีใหม่ล่ะเดี๋ยวอาซื้อให้”“แค่อามาหาหนูที่นี่มันก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว”“พูดจาแบบนี้มันน่ารีบกลับไปจับกดที่ห้องจัง”“มันเกินไปแล้วนะคะอาพัทธ์”“ก็อาคิดถึงหนูนี่ ไม่ได้นอนด้วยกันมานานตั้ง
เจตนิพัทธ์ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก พอเขาออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าตอนนี้เจ้าของห้องนอนหลับไปแล้วแต่ไฟที่หัวเตียงเปิดอยู่ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนนอนข้างๆ กับหญิงสาวและดึงเธอเข้ามากอดตอนนี้เตียงนอนขนาดห้าฟุตมันดูเล็กไปถนัดตาเมื่อร่างกายสูงใหญ่ของเขาขึ้นมานอน“ไอซ์หลับแล้วใช่ไหม” เขากระซิบถามเบาๆ“ค่ะหนูหลับแล้ว” หญิงสาวตอบก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วหัวเราะ“คนหลับที่ไหนเขาตอบได้กันล่ะหันหน้ามาคุยกับอาก่อนสิอาคิดถึงอยากมองหน้า”หญิงสาวหันหน้ากลับมาเธอยิ้มให้เขา“หนูก็คิดถึงอาพัทธ์นะคะ อาพัทธ์สบายดีไหม”“อาสบายดี”“แล้วคุณยากับคุณพ่อล่ะคะ”“สองท่านก็สบายดี ตอนนี้ทุกคนทำใจเรื่องอานิตได้แล้วคุณย่าของไอซ์มักจะมันไปทำบุญที่วัดอยู่บ่อยๆ อาก็ให้ไปทานข้าวที่บ้านกับท่านบ้างและบางครั้งก็ไปทำบุญกับท่าน ไอซ์ล่ะเป็นยังไงบ้างช่วงนี้เรียนหนักหรือเปล่า”“ค่อนข้างหนักค่ะ มีโปรเจกต์จบที่ต้องทำให้เสร็จ”“แล้วมีปัญหาอะไรอยากให้อาช่วยหรือเปล่า”“ไม่มีหรอกค่ะ หนูคิดว่าจะจบทันเวลาได้กลับไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทได้อาพัทธ์งานหนักหรือเปล่าตอนนี้อาพัทธ์ทำงานที่บริษัทของพ่อไหมคะ”“อาก็ทำทั้งสองที่ครับ”“เหนื่อยไหมคะ”“เหนื่อยครับ”
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสจึงมีวันหยุดยาวต่อเนื่องไปจนถึงหลังปีใหม่เพื่อนของไอศิกาส่วนใหญ่ก็จะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวที่อพาร์ทเม้นท์เลยเงียบเหงากว่าทุกครั้ง ร้านค้าต่างประดับประดาไปด้วยโคมไฟและของตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสไอศิกาเดินเที่ยวอยู่คนเดียวตามลำพังหญิงสาวไม่ได้ตอบตกลงไปเที่ยวกับอรรณพเพราะไม่อยากจะไปเป็นก้างขวางคอของเพื่อน เธอคิดว่าการเดินเที่ยวคนเดียวแบบนี้มันก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้จะเหงามากแต่ก็รู้สึกว่าการอยู่กับความเหงามันก็เป็นเรื่องที่ดีเธอได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาความรู้สึกเสียใจกับอาศานิตาเริ่มจางหายไป เมื่อทบทวนดูแล้วหญิงสาวคิดว่าเรื่องนี้คนที่ผิดก็คือผู้ชายที่ชื่อชัยเดช เมื่อคิดได้มันเลยทำให้เธอปลดล็อกความรู้สึกบางอย่าง เธอเดินเที่ยวและซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้เพื่อนหลังจากที่ทุกคนกลับมาแล้วยังโชคดีว่าร้านอาหารไทยที่อยู่ใกล้ๆ ยังเปิดอยู่ไอศิกาเอาของทั้งหมดเก็บเรียบร้อย จากนั้นก็กลับมาที่ร้านอาหารอีกครั้ง“ไอซ์คริสต์มาสทั้งทีไม่ได้ไปเที่ยวไหนเหรอ”“ไม่ค่ะพี่จอย”“แบบนี้ก็เหงาแย่สิ”“นิดหน่อยค่ะแล้วร้านพี่จอยล่ะคะไม่ปิดเหรอ”“มีลูกค้าจะมาจั
ไอศิกาขึ้นมาบนเครื่องก็เอาผ้าปิดตามาจากนั้นก็แกล้งทำเป็นหลับเพราะไม่อยากให้ใครเห็นดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ หญิงสาวภาวนาว่าที่นั่งข้างๆ เธอคงจะว่างแต่ไม่นาก็มีคนมานั่งแต่ไอศิกาก็ไม่สนเพราะเธออยากอยู่เงียบๆเมื่อใกล้ถึงเวลาที่เครื่องเทคออฟแอร์โฮสเตสก็บอกให้ทุกคนปรับเบาะและคาดเข็มขัดไอศิกาปรับเบาะและคาดเข็มขัดแต่ยังไม่เอาผ้าปิดตาออกหลังจากเครื่องเทคออฟได้สักพักแอร์โอสเตสก็เข้ามาถามว่ามีใครต้องการเครื่องดื่มอะไรไหมแต่หญิงสาวบอกกับแอร์โฮสเตสว่าตัวเองจะไม่รับอาหารและเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นหากแต่เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ทำให้เธอต้องดึงผ้าปิดตาออก“อาพัทธ์” เธอตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งข้างเธอตอนนี้คือเจตนิพัทธ์ผู้ชายที่มาส่งเธอเมื่อชั่วโมงก่อน“กินน้ำส้มก่อนสิ”“อาพัทธ์มาได้ยังไงคะ”“อาอยากไปส่งไอซ์”“แล้วทำไมถึงไม่บอกว่าจะบินไปกับหนูด้วย”“ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะบินไปกับไอซ์หรอก อาแค่ซื้อตั๋วเครื่องบินเผื่อไว้เพราะไม่อยากให้ใครนั่งข้างๆ ไอซ์อารู้ว่าตอนนี้ไอซ์อยากจะอยู่คนเดียว แต่เมื่อเห็นไอซ์ร้องไห้ที่สนามบินอาก็เลยเปลี่ยนใจ”“หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”“แต่อาก็ขึ้นมาบนเครื่องแล้วจะกลับไปตอนนี้
เจตนิพัทธ์ขับรถมารับไอศิกาเมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องกลับอังกฤษระหว่างทางเธอก็เงียบมาตลอดจนคนที่นั่งมาข้างๆ รู้สึกใจหายเพราะกลัวเหลือเกินว่าเมื่อไอศิกากลับไปอยู่อังกฤษคนเดียวแล้วเธอจะเศร้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้“ไอซ์ทำไมไม่พูดอะไรเลยเป็นอะไรหรือเปล่า”“อาพัทธ์คะหนูขอถามอะไรอาพัทธ์หน่อยได้ไหม”“ได้สิ” เจตนิพัทธ์คิดว่าตอนนี้เขาไม่มีอะไรปิดบังไอศิกาแล้ว ไม่ว่าเธอจะถามอะไรเขาก็ยินดีจะตอบคำถามของเธอทุกข้อ“ถ้าเกิดวันนั้นหนูบอกอาพัทธ์ว่าเข้าไปโรงแรมม่านรูดทำไมเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อคะ”“ไอซ์หมายถึงเรื่องของเราหรือเรื่องของอานิตล่ะ”“ก็ทั้งสองเรื่องค่ะ”“ถ้าเป็นเรื่องของอานิต อาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าถ้ารู้เรื่องแล้วจะกล้าพูดกับเธอหรือเปล่าเพราะอาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่อาเข้ามาอยู่ในบ้านมาทำหน้าที่เป็นสามีก็เพราะคุณท่านกับคุณพ่อของไอซ์ขอร้อง แต่ความสัมพันธ์ของอากับอานิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นเลย เราแค่ทำหน้าที่ของกันและกันอย่างดีที่สุดเท่านั้น”“แล้วเรื่องระหว่างหนูกับอาล่ะคะ มันเกิดขึ้นเพราะอาเห็นหนูออกมาจากโรงแรมม่านรูดใช่ไหม”“อาว่านั่นน่าจะเป็นแค่ตัวกระตุ้นมากกว่าน
หลังจากสารภาพความผิดกับคุณอุไรวรรณแล้วเจตนิพัทธ์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นแต่เขายังมีอีกด่านสำคัญที่จะต้องสารภาพผิดนั่นคือคุณอดิศรบิดาของไอศิกา ชายหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องราวทุกอย่างกับบิดาของเธอถ้าหากคุณอดิศรจะห้ามหรือโกรธเขาก็พร้อมจะรับทุกผิดทุกอย่างเจตนิพัทธ์ตัดสินใจเข้ามาพบคุณอดิศรในเช้าวันหนึ่งที่บริษัท“พัทธ์มีธุระอะไรจะคุยกับฉันเหรอ หน้าเครียดเชียวเรื่องงานหรือเปล่า”“ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับคุณดิศ”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะหรือเรื่องชัยเดช”“เรื่องนั้นไม่มีอะไรต้องน่าห่วงครับตอนนี้เพื่อนผมที่เป็นตำรวจกำลังตามจัดการอยู่”“ยังมีเรื่องไหนที่ต้องเครียดอีกเหรอ”“เรื่องที่ผมจะมาคุยกับคุณดิศมันคือเรื่องของผมกับไอซ์”“นายกับไอซ์เหรอ มีอะไรกันหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมาฉันไม่เห็นว่านายกับไอซ์จะคุยกันเท่าไหร่เลย”เจตนิพัทธ์พักถอนหายใจเข้าใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองกับไอศิกาให้กับคุณอดิศร”“อะไรนะ” คุณอดิศรตกใจไม่น้อยที่ได้ยินคำสารภาพจากปากของชายหนุ่ม“ฉันไม่คิดเลย ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น”“ขอโทษครับผมผิดเอง”“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ผมคุยกับคุณท่านแล้วคุณท่านให้ผมมาคุยกับคุณอดิศรอีกครั
แม้ว่างานศพของอาศานิตาจะเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ไอศิกาก็ยังไม่กลับไปเรียนเพราะยังเหลือเวลาอีกเกือบหนึ่งเดือนก่อนจะเปิดเทอม เธออยากใช้เวลาตรงนี้อยู่กับคุณย่าให้มากที่สุด หญิงสาวรู้ว่าท่านกำลังเศร้าและเสียใจมากที่เสียทั้งลูกและหลานไปในเวลาเดียวกัน เธอขลุกอยู่กับคุณย่าทุกวันในขณะที่เจตนิพัทธ์เองก็แวะมาเยี่ยมและมารับประทานอาหารกับคุณอุไรวรรณอยู่บ่อยครั้ง“พัทธ์เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วไปคุยกับแม่ในห้องหน่อยนะ”“ได้ครับคุณท่าน”หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเจตนิพัทธ์ก็เดินตามคุณอุไรวรรณมายังห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นจุดที่ท่านมักจะนั่งถักไหมพรมอยู่เป็นประจำ“แม่รู้นะว่าที่ผ่านมาครอบครัวของเราทำให้พัทธ์ต้องลำบากใจมาก พัทธ์อึดอัดมากใช่ไหมที่ต้องรับเป็นพ่อของเด็กในท้องศานิตา”“ผมยอมรับครับว่ารู้สึกอึดอัดมากในช่วงแรกๆ แต่เวลาผ่านไปสักพักมันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แล้วผมมองศานิตาเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง อะไรที่ผมพอจะช่วยทำให้เธอสบายใจได้ก็ยินดีทำ แต่ผมคงทำหน้าที่นั้นไม่ดีพอทำให้ศานิตาจบชีวิตลงแบบนั้น”“เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของพัทธ์เลยนะ แม่รู้ว่าพัทธ์ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว จากนี้ไปเราไม่ม
งานศพของศานิตาผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ญาติพี่น้องคนอื่นๆ ก็กลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติ บ้านหลังใหญ่จึงเหลือแค่คุณอุไรวรรณ คุณอดิศรและไอศิกาเพียงสามคนเท่านั้นส่วนบ้านของศานิตานั้นถูกปิดเงียบเพราะตอนนี้เจตนิพัทธ์ย้ายกลับไปอยู่คอนโดของเขาตามเดิมเย็นนี้คุณอุไรวรรณนัดให้เจตนิพัทธ์เข้ามารับประทานอาหารเย็นที่บ้านและจะถือโอกาสนี้บอกความจริงบางอย่างของศานิตาให้กับไอศิกาได้รู้เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของการฆ่าตัวตายและความจริงเกี่ยวกับศานิตากับเจตนิพัทธ์เพราะคุณอุไรวรรณขอร้องทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ แต่มาวันนี้คุณอุไรวรรณก็คิดว่าควรจะบอกความจริงทุกเรื่องให้กับหลานสาวรู้ เพราะถ้าเธอไปรู้จากคนอื่นก็กลัวว่าเรื่องมันจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดหลังจากรับประทานอาหารแล้วทุกคนก็มานั่งรวมกันในห้องนั่งเล่นซึ่งตอนนี้เด็กรับใช้และป้าอ้อยกลับเข้าห้องของตนเองไปแล้วบริเวณห้องนั่งเล่นจึงเหลือแค่ย่าอุไรวรรณ คุณอดิศร ไอศิกาและเจตนิพัทธ์เพียงแค่สี่คนเท่านั้น“ย่าว่าหลายวันมานี้ไอซ์คงอยากจะรู้สาเหตุการตายของอานิตใช่ไหมล่ะลูก”“ใช่ค่ะคุณย่า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยและไอซ์ก็ไม่กล้าถามใคร มันเกิดอ
ไอศิกากลับมาถึงอังกฤษได้หลายวันแล้ว หญิงสาวไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนตามที่บอกกับคุณย่า แต่เธอมาทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารเพราะอยากจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพราะถ้าให้เธออยู่เฉยๆ ก็คิดก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของตนเองกับเจตนิพัทธ์เรื่องที่เธอทำนั้นมันผิดและยากที่จะอภัยได้ถ้าคุณพ่อคุณย่าหรืออาศานิตารู้ ทุกคนก็คงจะเกลียดและผิดหวังอย่างแน่นอน ตอนนี้ไอศิกาวอยากจะลืมเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น อยากจะให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ความจริงมันก็ตอกย้ำว่าเธอได้ทำผิดกับครอบครัวมากๆแต่ยิ่งลืมมันกลับยิ่งทรมานกับความรู้สึกของตัวเอง ทุกคืนที่ปิดไฟและเข้านอนเธอยังคงคิดถึงอาเขยหนุ่มของตนเอง เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอและมันยากที่เธอจะลืมเหตุการณ์ทั้งหมดเธอยอมรับว่ายังคิดถึงอ้อมกอด คิดถึงสัมผัสของเขา หญิงสาวไม่รู้ว่าอาการพวกนี้จะหายไปตอนไหน แต่ก็แอบหวังว่าระยะเวลาที่ตนเองมาเรียนอังกฤษอีกหนึ่งปีจะลืมเขาได้อย่างหมดใจวันนี้เป็นวันหยุดของทางร้านไอศิกาโทรศัพท์ไปหาคุณย่าซึ่งเวลาที่เมืองไทยเวลานี้ก็ประมาณสองทุ่ม“สวัสดีค่ะคุณย่า”“หนูไอซ์โทรมาพอดีเลยย่ากำลังจะโทรหาหนู”“คุณย่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมร