ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อเพราะพี่โซ่และพี่ปืนกลับมาพอดี ผู้หญิงสองคนนั้นก็ด้วย“ไปนั่งข้างเพื่อนฉัน” พอผู้หญิงที่เคยนั่งข้างกายจะหย่อนก้นลงบนตักพี่เสือก็ออกคำสั่ง“เดี๋ยว ๆ คือกูไม่ได้เรียกเธอมา ทำไมจู่ ๆ ปัดให้กู” พี่โซ่ถามขึ้นทันควัน“ก็ไม่ทำไม ที่ไม่ว่าง”“ก็ให้น้องใจ๋มานั่งข้างกูเหมือนเดิม”“จำเป็น?” พี่เสือขมวดคิ้วถามเพื่อน อย่าว่าแต่พี่โซ่กับพี่ปืนงงเลย ฉันเองก็เหมือนกัน“เป็นบ้าเหรอมึงอะ”“ใจ๋อยากกลับแล้วค่ะ แต่ดูเหมือนพี่เสือจะขับรถไม่ไหว พี่โซ่สะดวกไปส่งไหมคะ”“ได้เลยครับน้องใจ๋คนสวยของพี่”ฉันยิ้มให้พี่โซ่ก่อนจะลุกขึ้นแต่โดนรั้งสะโพกเอาไว้ จากนั้นพี่เสือก็พ่นคำหยาบโลนออกมา“ไม่ต้องเสือก!!”“มึงขับไหว?” พี่ปืนถาม“กูไม่ได้เมา”“แล้วผู้หญิงที่มึงเรียกมาเอาไง?”“ฝากมึงไปส่งด้วยแล้วกัน”พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมดึงให้ฉันยืนขึ้นด้วย เขาดูอารมณ์ไม่ดีซึ่งมันก็ปกติ เวลาอยู่กับฉันไม่เคยจะอารมณ์ดีหรอกถ้าไม่ใช่เมื่อก่อน“ให้มันได้แบบนี้สิเพื่อนกู” พี่ปืนบ่นพร้อมส่ายหน้า“เสือ มึงอย่ามองน้องเป็นคนอื่น สิ่งที่มึงทำอยู่มันทำให้น้องเจ็บปวด” พี่โซ่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง“มึงถามเจ
พี่เสือไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาหลังจากที่ฉันเอ่ยคำนั้น เพราะเขามีอย่างอื่นที่สนใจมากกว่าเสื้อที่สวมใส่ถูกเลิกขึ้นมากองไว้บนเนินอก จากนั้นฝ่ามือหนาก็บีบขยำอย่างแรงจนหน้าอกสองเต้าขึ้นสีแดงเถือกถ้ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งฉันก็คงไม่สามารถห้ามได้เพราะเป็นพี่เสือถึงได้ยอมแม้รู้ว่าอีกคนต้องการแค่ร่างกายใบหน้าคมคายก้มลงมาใช้เขี้ยวฟันกัดเบา ๆ ที่หน้าอก จากนั้นก็สอดมือเข้ามาใต้แผ่นหลังเพื่อปลดตะขอบราเซียให้หลุดออก“ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยเหรอคะ”“ทำไมฉันต้องห้ามใจ” คำตอบกลับมาทันทีนั้นทำให้ฉันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “ติดใจใจ๋ใช่ไหม”“หึ!! ของสด ๆ ใหม่ ๆ ใครจะไม่ชอบ”“…” ไม่รู้ว่าไปเอาคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนอื่นขนาดนี้มาจากไหน ต่อให้พูดอะไรไปก็จะได้รับคำตอบที่คนฟังต้องจุกแน่นไปทั้งอกกลับมา“อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งเชิดหน้าขึ้นเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อถูกเขี้ยวฟันคมงับลงมาบนไหล่ ครั้งนี้พี่เสือออกแรงงับจงใจให้เจ็บริมฝีปากหนาลากไล้มาตรงซอกคอพร้อมกับมือที่ดึงบราเซียออกไปให้พ้นจากตัว แล้วค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าต่ำลงมาที่ระดับอกสองเต้า“อะ อื้อ~” ร่างกายกระตุกเกร็งพร้อมเปล่งเสียงครางออกมาอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้เพราะ
@อาทิตย์ต่อมาฉัน ไทเกอร์ ยี่หวา และโอดิน มาส่งจ๋ายที่สนามบิน บรรยากาศค่อนข้างเศร้า“ย้ายมาเรียนที่ไทยไม่ดีกว่าเหรอจ๋าย” ฉันถาม“เราคุยเรื่องนี้กันหลายรอบแล้วนะใจ๋”ฉันพยักหน้า เมื่อวานก็เพิ่งอ้อนให้จ๋ายกลับมาเรียนที่ไทยแต่เธอยืนยันว่าอยากจะเรียนต่อที่นู้นให้จบ บอกว่าชินกับเพื่อน ๆ ที่นู้นแล้ว“แกนะแก เราควรอยู่กันครบแก๊งสิ” ยี่หวาน้ำตาคลอกอดจ๋ายแน่น“ขี้แงจังเลย”“เพราะใครเล่า”“เดินทางปลอดภัยนะจ๋าย” โอดินบอก“ขอบคุณที่มาส่งนะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นภาพโอดินมาส่งจ๋ายที่สนามบินแบบนี้” เพราะส่วนใหญ่โอดินมักจะอยู่ที่บ้านเพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไป ไม่แปลกที่จ๋ายจะแซวแบบนี้“นี่จะบอกอะไรให้ เดี๋ยวนี้ชวนไปคลับก็ไปนะไอ้ทึ่มนี่” ยี่หวาบอก“หืม จริงเหรอเนี่ย”“ตอนนั้นใจ๋เศร้าอยู่ก็เลยยอมไปด้วย” โอดินรีบแก้ตัวตั้งแต่มาถึงเรากอดลาจ๋ายและพูดคุยกันเพื่อคลายความทุกข์ แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่เงียบทำหน้าตึงไม่พูดไม่ยิ้มกับใครเลย“ไทเกอร์จ๋ายจะไปแล้วนะ” จ๋ายพูดกับเพื่อนคนนี้ที่เอาแต่เงียบไทเกอร์พยักหน้าพร้อมคำสั้น ๆ ที่เอ่ยออกมา “โชคดี”“แค่นี้เองเหรอที่จะบอก”“จะเอาแค่ไหน”“น่าน้อยใจชะมัดเลย”จ๋ายเบ้ปาก
ผมเดินออกมาดูให้เห็นกับตา แต่ก็ต้องหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อเห็นน้องชายตัวเองอยู่กับเธอด้วย ให้มันได้แบบนี้!!ไทเกอร์มันเป็นเพื่อนประสาอะไรทำไมถึงไม่ห้าม ผมกับน้องชายมีปัญหากันไม่ได้พูดคุยกันมาสักระยะ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจ๋ายผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้ชายที่ลักษณะคุ้นตายืนข้าง ๆ ใจ๋ ก่อนจะพยายามคิดว่าเคยเจอมันที่ไหน ไม่นานก็นึกออก ผมเคยเจอกับมันที่ห้างเมื่ออาทิตย์ก่อนไอ้เวรนี่อีกแล้วสินะ!!ท่าทางที่ดูสนิทสนมของคู่หมั้นผมและมันทำให้รู้สึกหงุดหงิด“นั่นน้องชายมึง มาด้วยเหรอวะ” โซ่หันมาถาม“เออ มันนั่นแหละ” ผมตอบอย่างหัวเสีย“จะเอายังไง คิดว่าอยู่ฝั่งนั้นจะปลอดภัยไหม”“ให้อยู่ไป จะฝั่งไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกู”“แต่มึงก็เห็นว่ารอบที่แล้วไอ้ทริคมันชี้หน้าน้อง” ไอ้ทริคคือคู่แข่งของผม แน่นอนว่าเราไม่กินเส้นกัน น่าเจ็บใจที่เห็นเธออยู่บนอัศจรรย์เชียร์ฝั่งไอ้เวรนั่น“มึงไม่เห็นรึไงว่าเจ้าตัวเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไร”“มึงรู้ตัวไหมว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหัวร้อนฉิบหาย”“…” คำถามของไอ้โซ่ทำให้ผมต้องข่มอารมณ์ที่ขุ่นมัวเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมามากกว่านี้“เป็นห่วงก็บอกน้องไปตรง ๆ เสือ”“ทำไมกูต้องเป็นห่วง?”ผมเดิน
ฉันพยายามดิ้นจนพี่เสือหยุดฉุดลาก เขาหันมาจ้องเขม็ง แววตาแข็งกร้าวคู่นั้นไม่น่าเชื่อว่าเคยมองฉันอย่างอ่อนโยน แต่มันก็นานมาแล้ว“รู้ไหมถ้าฉันไม่ทำแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น” พี่เสือตวาดบอกเสียงดังลั่น “ไอ้ทริคมันไม่สนอะไรหรอกนะ”“อย่างที่พี่เสือกำลังทำอยู่ตอนนี้น่ะเหรอคะ”“อย่าปากดีให้มันมาก เพราะฉันไม่ได้ใจดีกับเธอแบบเมื่อก่อน จำไว้!!”“…”“เลิกยุ่งกับไอ้ผู้ชายคนนั้นซะ!!”พี่เสือคงจะหมายถึงพี่ยู ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเขาจะรู้เห็น เพราะเรารู้จักกันมาปีกว่าแล้ว พี่ยูไม่ใช่คนไม่ดีอะไร“รับปากมา ว่าเธอจะไม่ยุ่งกับมัน”“เป็นห่วงใจ๋ขนาดนั้นเลยเหรอคะหรือว่ากำลังหวงอยู่”“หึ!!” พี่เสือหัวเราะในลำคอจากนั้นก็โอบเอวดึงแนบตัวแล้วโน้มลงมาจนใบหน้าของเราสองคนห่างกันแค่คืบ “ใช่ฉันหวง”“…” อย่าเด็ดขาดนะ ห้ามหัวใจเต้นแรงเพราะประโยคนั้นเด็ดขาดหัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นรัว ๆ อย่างไม่ฟังคำคัดค้านอะไร คำว่าหวงที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมานั้นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกมากจริง ๆ“ลองคิดดูสิว่าฉันหวงอะไรบนตัวเธอ”“…” แทบกลั้นหายใจเมื่อพี่เสือโน้มลงมาเรื่อย ๆ จนปลายจมูกของเราชนกัน“หวงตรงนี้” ขณะพูดฝ่ามือก็ลูบอยู่บนขาอ่
ยังไม่ทันจะได้ขึ้นไปนั่งในรถของพี่ยู จู่ ๆ พี่เสือก็ขับรถมาด้วยความเร็ว ฉันเบิกตากว้างเพราะกลัวว่าจะชนรถพี่ยูเข้า โชคดีที่เบรกก่อนระยะห่างเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น“ขับรถอะไรของมันวะ ซื้อใบขับขี่มารึไง” พี่ยูหัวเสียจ้องรถของพี่เสือแล้วเดินไปเคาะกระจก “ลงมาคุยกันหน่อย”เสียงแตรรถดังสนั่นเรียกความสนใจให้คนที่อยู่รอบ ๆ หันมามองเหมือนพี่เสืออยากจะเอาชนะ เขาไม่สนใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรทั้งที่นี่มันคือมหาวิทยาลัย“พี่ยูรีบไปเถอะค่ะ”“ใจ๋รู้จักมันใช่ไหม” พี่ยูเดินมาถาม“ค่ะ เขาคือคู่หมั้นใจ๋เอง”พอฉันตอบแบบนั้นพี่ยูก็เงียบพร้อมกับถอนหายใจออกมา สักพักก็พูด “จะไปกับพี่จริง ๆ ใช่ไหม”“ทำไมถามใจ๋แบบนั้นล่ะคะ”“ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมนะ”“…”“ถ้าใจ๋ไปกับพี่จะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ”“เขาก็แค่อยากเอาชนะ”“โอเคครับ ขึ้นรถกัน” พี่ยูจับมือฉันแล้วหันมองรถของพี่เสือที่ยังบีบแตรเสียงดังพอเข้ามาในรถพี่ยูก็รีบขับออกจากมหาวิทยาลัยเลย ทั้งที่โกรธขนาดนั้นแต่พี่เสือไม่ได้ตามมา เขาเลือกโทรแทน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายสิบสายแต่ฉันไม่รับ“รับหน่อยไหมใจ๋” พี่ยูหันมาถามฉันมองเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอมือถือของตัวเองตอน
พี่เสือเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูด “ขอร้องให้ฉันหยุดทำสิ”“ถ้าใจ๋ขอพี่เสือจะหยุดเหรอคะ”“คิดว่าฉันจะหยุดหรือเปล่าล่ะ”ฉันรู้ว่าไม่แน่ ๆ แต่ทำไมถึงบอกให้ขอร้องเหมือนจะทำตามอย่างนั้น หรือชอบที่เห็นฉันเอ่ยขอเสียงสั่นอย่างนั้นเหรอฝ่ามือหนาบีบเคล้นไปตามตัวของฉัน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกจากตัวของฉันทีละชิ้น ๆ จนกระทั่งเหลือเพียงเรือนร่างที่เปลือยเปล่า“อื้อ~” เสียงประท้วงในลำคอดังขึ้นเมื่อถูกคนด้านบนตะโบมดูดเลียหน้าอกอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่แค่ดูด พี่เสือยังใช้เขี้ยวฟันงับแล้วดึงเบา ๆ เหมือนกำลังลงโทษ“อึก~ มะ... มันเจ็บนะ” ฉันร้องบอกแค่ทว่ากลับถูกกัดแรงขึ้นจนต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ“คิดอะไรอยู่ถึงขึ้นรถไปกับมัน” คนที่ทำให้ฉันเจ็บเอ่ยถาม จากนั้นก็หยัดตัวขึ้นยืนแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเอง“ใจ๋มีสิทธิ์จะไปกับใครก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ”“แล้วทำไมต้องเป็นมัน”“พี่ยูไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น”“มั่นใจแค่ไหนว่ามันไม่รู้?”“ใจ๋รู้จักพี่ยูมานาน เขาไม่ใช่คนแบบนั้น”“ถ้าเชื่อใจมันมากขนาดนั้น เธอก็น่าจะคบกับมันไปซะ จะมาเสียเวลากับฉันทำไม”“ความรู้สึกมันห้ามกันได้เหรอคะ ถ้าห้ามได้ใจ๋จะไม่ชอบพี่เสือเด็ดขาด”สิ้นสุดคำพูดนั้
@วันต่อมาฉันมาเรียนด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนเพลียเพราะกว่าพี่เสือจะยอมไปส่งที่บ้านก็ดึกดื่น ไม่ใช่แค่ร่างกายที่แย่จิตใจก็เหมือนกัน“มีอะไรระบายกับฉันได้นะใจ๋” ยี่หวาถาม ตอนนี้เราอยู่กันสองคน โอดินกับไทเกอร์ไปเข้าห้องน้ำ“ถึงฉันจะชอบพูดจาไร้สาระแต่ก็เป็นผู้ฟังที่ดีนะ บางเรื่องถ้าเก็บไว้คนเดียวแล้วมันอึดอัดก็ระบายออกมาเถอะ”ฉันก้มหน้าลงพยายามข่มใจเอาไว้ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ เพราะนี่มันที่มหาวิทยาลัยมีคนตั้งมากมาย ถ้าร้องคงอายเขาแน่ ๆ“ฉันอยาก… ถอนหมั้นกับพี่เสือ”“หือ ไหนบอกว่าชอบมากไงท้อแล้วเหรอ”“มันยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำยี่หวา ไม่ได้ทำอะไรแบบที่อยากทำเลย”“แล้วทำไมจู่ ๆ แกถึงอยากถอนหมั้น”“ฉันคิดว่า… คงสู้ไม่ไหวหรอก… รับมือกับความใจร้ายของพี่เสือไม่ไหวจริง ๆ”“อื้อวันนั้นที่สนามแข่งฉันเห็นตอนพี่เสือโกรธเขาดูน่ากลัวมาก แต่ตอนนั้นฉันคิดว่าเพราะเขาหวงแกถึงได้หัวเสียขนาดนั้น”“เขาหงุดหงิดที่ตัวเองแพ้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะห่วงฉันหรอก”“ก็ไม่ใช่เพราะห่วงเหรอถึงได้ยอมทั้งที่มีโอกาสชนะแท้ ๆ”“…”“บางครั้งก็น่าคิดนะว่าพี่เสือหวั่นไหวกับแก”“ไม่ใช่แน่ ๆ ยี่หวา คนที่พี่เสือชอบคือจ๋ายต่างหาก”“แต่แกหน้า
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ