@วันต่อมาฉันมาเรียนด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนเพลียเพราะกว่าพี่เสือจะยอมไปส่งที่บ้านก็ดึกดื่น ไม่ใช่แค่ร่างกายที่แย่จิตใจก็เหมือนกัน“มีอะไรระบายกับฉันได้นะใจ๋” ยี่หวาถาม ตอนนี้เราอยู่กันสองคน โอดินกับไทเกอร์ไปเข้าห้องน้ำ“ถึงฉันจะชอบพูดจาไร้สาระแต่ก็เป็นผู้ฟังที่ดีนะ บางเรื่องถ้าเก็บไว้คนเดียวแล้วมันอึดอัดก็ระบายออกมาเถอะ”ฉันก้มหน้าลงพยายามข่มใจเอาไว้ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ เพราะนี่มันที่มหาวิทยาลัยมีคนตั้งมากมาย ถ้าร้องคงอายเขาแน่ ๆ“ฉันอยาก… ถอนหมั้นกับพี่เสือ”“หือ ไหนบอกว่าชอบมากไงท้อแล้วเหรอ”“มันยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำยี่หวา ไม่ได้ทำอะไรแบบที่อยากทำเลย”“แล้วทำไมจู่ ๆ แกถึงอยากถอนหมั้น”“ฉันคิดว่า… คงสู้ไม่ไหวหรอก… รับมือกับความใจร้ายของพี่เสือไม่ไหวจริง ๆ”“อื้อวันนั้นที่สนามแข่งฉันเห็นตอนพี่เสือโกรธเขาดูน่ากลัวมาก แต่ตอนนั้นฉันคิดว่าเพราะเขาหวงแกถึงได้หัวเสียขนาดนั้น”“เขาหงุดหงิดที่ตัวเองแพ้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะห่วงฉันหรอก”“ก็ไม่ใช่เพราะห่วงเหรอถึงได้ยอมทั้งที่มีโอกาสชนะแท้ ๆ”“…”“บางครั้งก็น่าคิดนะว่าพี่เสือหวั่นไหวกับแก”“ไม่ใช่แน่ ๆ ยี่หวา คนที่พี่เสือชอบคือจ๋ายต่างหาก”“แต่แกหน้า
หลังจากกินข้าวเสร็จผู้ใหญ่ก็คุยเรื่องธุรกิจกันต่อ ส่วนฉัน ไทเกอร์และพี่เสือก็แยกตัวออกมา“พรุ่งนี้มีนัดทำงานที่บ้านโอดิน อย่าลืม” ไทเกอร์เตือน ปกติเวลามีงานที่มหาวิทยาลัยเราจะรวมตัวกันที่บ้านโอดินซะส่วนใหญ่เพราะเงียบสงบและอยู่ติดแม่น้ำ บรรยากาศดีสุด ๆ“อือรู้แล้ว”“มาคุยกันหน่อย” พี่เสือคว้ามือมาดึงแขนไม่สนใจว่าฉันกำลังคุยกับไทเกอร์อยู่“เฮีย” พอถูกน้องชายท้วงพี่เสือก็หันควับมาจ้องเขม็งทันที “มึงมีปัญหาอะไร”“จะพาใจ๋ไปไหน”“จะพาไปไหนแล้วทำไมต้องรายงาน”“ผมถามเฮียก็แค่ตอบ จะกวนประสาททำไม”“ถ้าห่วงขนาดนี้ทำไมไม่หมั้นเองซะ”“กล้าพูดออกมาได้ไงวะ ตอนนั้นใจ๋ขอให้ผมหมั้นแทนแล้วไม่ใช่?” ไทเกอร์ถามกลับอย่างหาเรื่อง พอพี่เสือเงียบเขาก็พูดต่อ “คนที่ไม่ยอมคือเฮีย ลืมรึไง”พี่เสือพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ จากนั้นก็ดึงฉันให้เดินตามตัวเองมาโดยไม่ฟังคำคัดค้านจากน้องชาย“มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนที่พี่เสือจะพาเดินไปในที่ลับตาคน พอได้ยินคำทักท้วงเขาก็หยุดเดินแล้วหันหน้ามา“ตอนแรกอยากหมั้นกับฉันจนตัวสั่น ตอนนี้เป็นยังไง? อยากถอนหมั้นจนตัวสั่นเลยใช่ไหม” ฉันมองหน้าคนที่กำลังพูดอยู่อย่างไร้ความกลัว
ผมกัดกรามแน่นเพราะโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้ หงุดหงิดที่เธอกล้าดีเอาชีวิตไปเสี่ยงกับไอ้เวรนั่น มันสำคัญขนาดนั้นเลยรึไง แค่คำขู่ก็ยอมเอาตังเองมาเสียงกับมัน หยามหน้ากันเกินไปจริง ๆ“รับปากมาเสือว่ามึงจะไม่ทำ”“ทำอะไร?”“อย่าเล่นลิ้น กูรู้ว่าตอนนี้มึงโกรธใจ๋ขนาดไหน”“มันสมควรไหมโซ่ คู่หมั้นของกูแต่กำลังนั่งอยู่ในรถของคู่แข่ง หึ!! ขยันทำให้ขายหน้าฉิบหาย”“มึงเองก็ทำน้องขายหน้าเหมือนกัน”“ก็เลยเอาคืนกูด้วยวิธีสิ้นคิดแบบนี้?”ผมรู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้ดี แต่การที่เธอเลือกท้าทายกันแบบนี้มันดูหยามเกินไปหน่อย“มึงไม่กล้าทำหรอกเสือกูรู้”“เลื่อนเวลาแข่งออกไปอีกครึ่งชั่วโมง กูให้เวลามึงไปเอาตัวใจ๋ลงมาจากรถมันซะ ถ้าเป็นห่วงมากก็ทำให้ได้”“อืม กูจะพยายาม”ผมรู้ว่าไอ้โซ่มันเป็นห่วงใจ๋จนบางครั้งก็แอบหมั่นไส้ที่มันเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้า“แล้วถ้ากูทำไม่ได้?” ก่อนจะเดินไปมันหันกลับมาถามผม“ก็รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูจะไปทำนายอนาคตได้ยังไง”“ทำนายเหี้ยอะไร ในเมื่อมึงเป็นคนลิขิต การแข่งครั้งนี้มึงเป็นคนกำหนด”“ค่อยว่ากัน”“กูจะโทรบอกไอ้ฉลาม”“บอกให้มันด่ามึงรึไง” ผมตวาดถามไอ้โซ่ที่คิดอะไรไม่เข้าท่า“แต่ถ้าม
ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรฟุ้งซ่านกับข้อความที่พี่เสือส่งมา เสียงสัญญาณก็ดังขึ้นพร้อมกับรถที่พุ่งทยานออกตัวไปด้วยความเร็ว ฉันรีบควานมือหาที่จับพร้อมหลับตาปี๋เพราะความกลัว หัวใจมันเต้นรัว ๆ หากมีพระวางอยู่ใกล้ ๆ คงจะรีบคว้ามากอดไว้แล้วสวดมนต์ รู้สึกได้ถึงแรงส่ายไปมาของรถและถูกกระแทกอย่างแรงจนศีรษะเหวี่ยงกระแทกกับกระจก ทำให้ต้องลืมตาขึ้นมาดูมันจุกในอกเพราะมั่นใจว่าพี่เสือจะไม่ทำแต่ฉันคิดผิดเพราะเขาทำไปแล้วถึงแม้รถจะไม่เสียหลักก็ตามมันยิ่งตอกย้ำว่าตัวเองไม่ได้สำคัญอะไรเลยจริง ๆ ที่คิดไปก่อนหน้าฉันก็แค่เข้าข้างตัวเองรถของพี่เสือพุ่งแซงขึ้นพร้อมปาดหน้าและไม่ยอมเปิดช่องให้พี่ยูได้ขึ้นแซง อย่างที่บอกว่าฝีมือคนละระดับกันถึงแม้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่แต่ก็ยังใจเสียอยู่ หากพี่ยูประคองรถไม่ดีคงเสียหลักไปแล้ว เขากล้าทำมันจริง ๆแน่นอนว่ารถที่พุ่งเข้าเส้นชัยไปก่อนต้องเป็นพี่เสืออยู่แล้ว และพี่ยูก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรที่ตัวเองแพ้ กลับกันพอจอดรถก็รีบหันมาถามฉัน“ใจ๋โอเคไหม”เพราะยังหวาดกลัวจึงไม่ได้ตอบไปทันที แต่พอจะอ้าปากตอบประตูทางฝั่งที่ฉันนั่งก็ถูกเปิดออกพร้อมแรงกระชากให้ลงจากรถจนตัวปลิวไม่
แม้จะรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นล้วนเป็นคำลวงแต่ฉันกลับหวั่นไหว มันห้ามตัวเองไม่ได้ พยายามข่มใจแล้วแต่ก็แพ้ ในตอนนี้พี่เสือทำเหมือนว่าเขาต้องการและหวงฉันมากที่สุด“อย่าทำแบบวันนี้อีก”“เสียหน้าเหรอคะ” ฉันถามกลับทันควัน แต่พี่เสือพ่นลมหายใจแรง ๆ ก่อนจะจับนิ้วฉันขึ้นเอาไปใส่ปากของตัวเองแล้วกัด “อื้อ~ ใจ๋เจ็บ”ภายใต้ความมืดไม่รู้ว่าตอนนี้พี่เสือกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน กำลังโกรธหรือกำลังมองด้วยสายตาโรคจิต“จะเอาคำตอบแบบไหน” น้ำเสียงนั้นเอ่ยถามใกล้ ๆ กับหูของฉัน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อถูกเขี้ยวฟันงับมาที่หูเบา ๆ พร้อมหายใจรด “จะให้ตอบว่าเสียหน้า… หรือหวงดี”นี่ไงเขากำลังทำให้ฉันรู้สึกปั่นป่วนมวลท้องไปหมด ถ้อยคำเหล่านั้นชวนให้คิดไปต่าง ๆ นานา“หยุดเล่นได้แล้ว จะทำให้ใจ๋หวั่นไหวไปถึงไหน” เพราะมันไม่ไหวแล้วฉันจึงบอกไปตรง ๆ เพื่อให้พี่เสือพอใจว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันสำเร็จแล้ว จะได้เลิกเล่นกับใจคนอื่นสักที“ที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้เธอคิดว่าแค่พูดเล่นรึไง”“…” ยังไม่ยอมหยุดสินะเขากำลังต้อน… ให้ฉันกลับเข้าไปอยู่ในกรงอีกครั้งพี่เสือเป่าลมร้อนรดลงมาที่ซอกคอจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ประทับริมฝีปากลงมาดูดเม้ม ฉันได้แต่กัดป
@วันต่อมา มหาวิทยาลัย“สภาพแกดูไม่ดีเลยใจ๋” ยี่หวาท้วงฉันที่เดินมาราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ไม่แปลกหรอกเพราะแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเลย“พักผ่อนน้อยน่ะ”“เมื่อวานเป็นยังไง พี่เสือทำอะไรแกใช่ไหมสภาพถึงได้เป็นแบบนี้”ฉันหลบสายตาของเพื่อน สภาพเป็นแบบนี้คงปิดไม่ได้หรอกยี่หวาไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น เธอแค่ไม่อยากถามออกมาตรง ๆ ก็เท่านั้น“อื้อ เขาโกรธอย่างที่คิดไว้”“ไม่เป็นไรฉันพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องเล่า”“…”“ทำไมไม่พักผ่อนจะฝืนมาเรียนทำไม”“ไม่อยากหยุดบ่อย ขี้เกียจตามงาน”“เฮ้อ! ถ้าโอดินกับไทเกอร์มันเห็นจะบอกยังไง”“แค่บอกว่าป่วยสองคนนั้นคงไม่สงสัยหรอก”คุยกับยี่หวาไม่นานไทเกอร์กับโอดินก็เดินมา อย่างที่คิดสองคนนั้นรีบถามทันทีว่าฉันเป็นอะไรเพราะเห็นสีหน้าไม่ดี“ทำไมหน้าซีด?”“ไม่สบาย?”“นิดหน่อยน่ะ ฉันโอเคเรียนไหว”“เอาอะไรมาไหว กลับบ้านเหอะ” โอดินบอก“ไม่เอาขี้เกียจตามงาน”“ดื้อนะใจ๋จะให้โทรบอกจ๋ายไหม?”“ห้ามฟ้องจ๋ายนะ” ฉันรีบสั่งห้ามเพื่อน จ๋ายน่ะขี้บ่นถ้ารู้เรื่องเข้าต้องบังคับให้กลับบ้านแน่“ถ้าไม่ไหวรีบบอกอย่าฝืน” ไทเกอร์ออกคำสั่ง “เดี๋ยวไปขอยาที่ห้องพยาบาลให้”“อื้อขอบ
ตกดึก คงเพราะว่ามันแปลกที่ทำให้นอนไม่หลับและที่สำคัญไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลด้วย ช่วงเย็นพ่อกับแม่ของฉันมาเยี่ยมและฝากให้พี่เสือดูแลพยายามข่มตานอน นับลูกแกะจนถึงตัวที่หนึ่งร้อยก็แล้วมันยังไม่ง่วง“พี่เสือนอนหรือยังคะ” ฉันถามคนที่นอนบนโซฟา คือโซฟามันปรับเป็นเตียงได้มีหมอนมีผ้าห่มไม่ได้นอนลำบากอะไร“มีอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับมา“คือ… ใจ๋นอนไม่หลับ”“ยังไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลอยู่อีกหรือไง อายุเท่าไรแล้ว”คำตอบนั้นทำให้ฉันต้องเม้มปากแน่น ไม่เคยคิดว่าพี่เสือจะจำเรื่องแบบนี้ได้“ขอยานอนหลับให้หน่อยได้ไหมคะ”“ไม่”“…”“นอนไปเดี๋ยวก็หลับ”ฉันเบ้ปากเมื่อถูกขัดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ค่ำคืนที่โรงพยาบาลมันแสนจะน่าเบื่อ“โทรศัพท์ใจ๋อยู่ไหน”“นอนซะ”“คนไม่ง่วงจะบังคับทำไมคะ”“มันดึกแล้ว หยุดพูดฉันจะนอน”“เอาโทรศัพท์มาให้ใจ๋ก่อน”“ไม่ให้”“พี่เสือ!!” ฉันพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ทำไมถึงได้ชอบทำให้อารมณ์เสียอยู่เรื่อย“ถ้ารำคาญขนาดนั้นจะมาเฝ้าใจ๋ทำไม”“ไม่ได้ยินที่พ่อเธอบอกรึไง”“ไม่ใช่แค่พี่เสือที่เบื่อหรอกค่ะ ตอนนี้ใจ๋เองก็เบื่อแล้วเหมือนกัน”“ใครว่าฉันเบื่อ กำลังสนุกต่างหาก”ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยคว
Talk - ใจ๋ขณะที่ฉันกำลังพูดคุยกับนักร้องหนุ่มหน้าหล่อ ไม่รู้พี่เสือโผล่มาได้ยังไง เขากระชากตัวฉันออกมาจากอีกคนแล้วใช้ขวดเหล้าที่อยู่ในมือฟาดลงบนหัวของนักร้องหนุ่มฉันอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นสตันท์ไปครู่ใหญ่ เพราะรู้ว่ายังไงพี่เสือก็ไม่พอใจแน่ ๆ แต่ไม่คิดว่าจะลงไม้ลงมือกันขนาดนี้“มึง!!” นักร้องหนุ่มเอามือกุมหัวตัวเองขณะที่เลือดไหลอาบใบหน้าลงมา เขาแทบจะยืนไม่ไหวคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างหันมาสนใจ เพลงอีดีเอ็มที่เคยดังกระหึ่งตอนนี้ถูกปิดเงียบ เสียงคนทั้งคลับต่างฮือฮากับสิ่งที่เกิดขึ้น“จำใส่หัวไว้ซะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นกู!!” พี่เสือประกาศกร้าว เสียงดังพอให้คนที่อยู่ในคลับได้ยินพอต่อว่านักร้องคนนั้นแล้วก็หันมาจ้องหน้าน้องชายตังเองและยี่หวากับโอดิน“เป็นเพื่อนประสาอะไร ไม่เห็นรึไงว่ามันลวนลาม”“หะ... เห็นค่ะ” ยี่หวาตอบเสียงสั่น เพิ่งเคยเห็นเพื่อนกลัวมากขนาดนี้“เห็นแล้วปล่อยให้โดน?”“อย่าดุเพื่อนใจ๋นะ” ฉันตวาดบอกแต่พี่เสือไม่สนใจ เขาจ้องน้องชายตัวเองเขม็ง“ทำไมมึงนิ่ง?”“เพราะรู้ว่าเฮียคงทนไม่ได้”ประโยคตอบกลับของไทเกอร์ทำให้พี่เสือพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะลากแขนฉันให้เดินตามตัวเองออก
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ