ตกดึก คงเพราะว่ามันแปลกที่ทำให้นอนไม่หลับและที่สำคัญไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลด้วย ช่วงเย็นพ่อกับแม่ของฉันมาเยี่ยมและฝากให้พี่เสือดูแลพยายามข่มตานอน นับลูกแกะจนถึงตัวที่หนึ่งร้อยก็แล้วมันยังไม่ง่วง“พี่เสือนอนหรือยังคะ” ฉันถามคนที่นอนบนโซฟา คือโซฟามันปรับเป็นเตียงได้มีหมอนมีผ้าห่มไม่ได้นอนลำบากอะไร“มีอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับมา“คือ… ใจ๋นอนไม่หลับ”“ยังไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลอยู่อีกหรือไง อายุเท่าไรแล้ว”คำตอบนั้นทำให้ฉันต้องเม้มปากแน่น ไม่เคยคิดว่าพี่เสือจะจำเรื่องแบบนี้ได้“ขอยานอนหลับให้หน่อยได้ไหมคะ”“ไม่”“…”“นอนไปเดี๋ยวก็หลับ”ฉันเบ้ปากเมื่อถูกขัดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ค่ำคืนที่โรงพยาบาลมันแสนจะน่าเบื่อ“โทรศัพท์ใจ๋อยู่ไหน”“นอนซะ”“คนไม่ง่วงจะบังคับทำไมคะ”“มันดึกแล้ว หยุดพูดฉันจะนอน”“เอาโทรศัพท์มาให้ใจ๋ก่อน”“ไม่ให้”“พี่เสือ!!” ฉันพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ทำไมถึงได้ชอบทำให้อารมณ์เสียอยู่เรื่อย“ถ้ารำคาญขนาดนั้นจะมาเฝ้าใจ๋ทำไม”“ไม่ได้ยินที่พ่อเธอบอกรึไง”“ไม่ใช่แค่พี่เสือที่เบื่อหรอกค่ะ ตอนนี้ใจ๋เองก็เบื่อแล้วเหมือนกัน”“ใครว่าฉันเบื่อ กำลังสนุกต่างหาก”ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยคว
Talk - ใจ๋ขณะที่ฉันกำลังพูดคุยกับนักร้องหนุ่มหน้าหล่อ ไม่รู้พี่เสือโผล่มาได้ยังไง เขากระชากตัวฉันออกมาจากอีกคนแล้วใช้ขวดเหล้าที่อยู่ในมือฟาดลงบนหัวของนักร้องหนุ่มฉันอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นสตันท์ไปครู่ใหญ่ เพราะรู้ว่ายังไงพี่เสือก็ไม่พอใจแน่ ๆ แต่ไม่คิดว่าจะลงไม้ลงมือกันขนาดนี้“มึง!!” นักร้องหนุ่มเอามือกุมหัวตัวเองขณะที่เลือดไหลอาบใบหน้าลงมา เขาแทบจะยืนไม่ไหวคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างหันมาสนใจ เพลงอีดีเอ็มที่เคยดังกระหึ่งตอนนี้ถูกปิดเงียบ เสียงคนทั้งคลับต่างฮือฮากับสิ่งที่เกิดขึ้น“จำใส่หัวไว้ซะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นกู!!” พี่เสือประกาศกร้าว เสียงดังพอให้คนที่อยู่ในคลับได้ยินพอต่อว่านักร้องคนนั้นแล้วก็หันมาจ้องหน้าน้องชายตังเองและยี่หวากับโอดิน“เป็นเพื่อนประสาอะไร ไม่เห็นรึไงว่ามันลวนลาม”“หะ... เห็นค่ะ” ยี่หวาตอบเสียงสั่น เพิ่งเคยเห็นเพื่อนกลัวมากขนาดนี้“เห็นแล้วปล่อยให้โดน?”“อย่าดุเพื่อนใจ๋นะ” ฉันตวาดบอกแต่พี่เสือไม่สนใจ เขาจ้องน้องชายตัวเองเขม็ง“ทำไมมึงนิ่ง?”“เพราะรู้ว่าเฮียคงทนไม่ได้”ประโยคตอบกลับของไทเกอร์ทำให้พี่เสือพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะลากแขนฉันให้เดินตามตัวเองออก
Talk - เสือ“พอแล้วเสือมึงขับมาห้ารอบแล้วนะ เครื่องร้อนหมดแล้วเดี๋ยวก็ได้แหกโค้งตายห่า”ไอ้ปืนรีบวิ่งมาห้ามเมื่อผมกำลังจะขับรถวนอีกรอบ หลังออกจากคลับผมก็ตรงมาที่สนามแข่ง รู้แค่ว่าต้องหาที่ระบายอารมณ์ที่มันเดือดดาลภายในใจจะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงในเมื่อแมวที่เคยเชื่องตอนนี้เริ่มดื้อไม่เชื่อฟัง“ขออีกสามรอบ”“เลิกบ้าแล้วลงมาจากรถซะเสือ” ไอ้โซ่บอกสีหน้ามันเริ่มไม่สบอารมณ์ที่ผมไม่เชื่อฟัง“พวกมึงจะยุ่งอะไรกับกูนักหนา”“เพราะเป็นห่วงไงไอ้เหี้ย ถ้าไปอีกรอบมึงแหกโค้งแน่”“แม่ง!!” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ“คุยอะไรกับน้องถึงได้หัวเสียขนาดนั้น” ไอ้ปืนถาม ก่อนจะเอามือมาหยิบซองบุหรี่ออกไปจากมือผม“ไม่มีอะไร”“ใครจะเชื่อมึง” ไอ้โซ่รีบค้านก่อนจะพูดต่อ “พอกลับมาโต๊ะมึงหัวเสียมากกว่าเดิม แดกได้สองแก้วก็ชวนพวกกูมาสนาม”“กูแค่หงุดหงิดนิดหน่อย”“ถ้าถึงขั้นเหยีบบมิดขนาดนี้ไม่หน่อยนะ”“เออกูโมโหฉิบหายพวกมึงพอใจรึยัง” เบื่อพวกแม่งเอาแต่ต้อน ในที่สุดผมก็ยอมรับออกมา“มันเป็นยังไง ในใจมึง”“เฉย ๆ แค่หงุดหงิดที่แมวมันดื้อ”“กูว่ามึงมีแววจะเป็นแบบไอ้ฉลามนะ”“อะไร?”
หลังจากดูงานเสร็จก็มาพักที่โรงแรม ด้วยความที่แถวนี้มันไม่ใช่เขตตัวเมืองการหาโรงแรมจึงยากหน่อย แถมพอมีว่างก็ดันว่างแค่ห้องเดียว จะไปพักโรงแรมของคุณพ่อก็อยู่ไกลออกไปตั้งห้าสิบกว่ากิโล“ได้ห้องแล้วลงมา”“สองห้องใช่ไหมคะ”“ห้องเดียว”“ไม่ค่อยมีรถจอดทำไมว่างแค่ห้องเดียวล่ะคะ”“จะไปรู้ไหม พนักงานบอกมาแค่นี้”“เตียงคู่หรือเปล่า” “เตียงเดี่ยว อย่าเรื่องมาก” น้ำเสียงปนรำคาญเอ่ยตอบ ฉันจึงรีบบอก “ขอเตียงคู่”“อย่าทำเหมือนไม่เคยนอนด้วยกัน”“…” ก็ไม่เถียงนี่ว่าเคย แต่ตอนนี้ไม่อยากนอนด้วยมันเข้าใจยากรึไง“ฉันบอกให้ลงจากรถ” พอฉันนั่งนิ่งคนที่ออกคำสั่งก็เริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว“ใจ๋อยากนอนคนเดียวค่ะ”“จะลงเองหรืออยากให้อุ้ม?”ฉันเม้มปากแน่นต่อให้อยากดื้อรั้นสักเท่าไรก็คงทำไม่ได้มีหวังคงถูกอุ้มลงจากรถแน่ ๆ แต่ตอนที่ขาพลิกแล้วถูกอุ้มก็พอแล้ว@ภายในห้องข้างในไม่มีอะไรมากไม่ใช่โรงแรมหรูห้าดาว ห้องก็สวยสมราคา สำหรับฉันไม่ติดปัญหาอะไรอยู่แล้วพอเข้ามาในห้องฉันกับพี่เสือก็ผลัดกันอาบน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เห็นว่าอีกคนยังนั่งอยู่หน้าจอคอมพ์“ยังไม่นอนเหรอคะ”“ทำวิจัย ต้องส่งอาจารย์ภายในอาทิตย์หน้า”“วิจ
พอจะลงจากตัวพี่เสือก็ใช้มือรั้งสะโพกไว้แน่น เขามองด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์“จะรีบลงไปไหน ขึ้นมาแล้วก็ทำให้เสร็จสิคนสวย”“พี่เสือเป็นคนจับใจ๋ขึ้นไปนะคะ”“แต่เธอทำให้ฉันมีอารมณ์”“แค่ขยับเอวเบา ๆ ก็มีอารมณ์แล้วเหรอ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”พี่เสือใช้ฝ่ามือบังคับให้สะโพกของฉันขยับเบา ๆ จนเกิดการเสียดสี ครั้งนี้เขาเป็นคนควบคุมมันเองด้วยมือ และก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมันดันขึ้นมาเป็นรูปทรงอยู่ตรงเป้ากางเกง “ฉันมีอารมณ์ตั้งแต่เธอขึ้นมานั่งด้านบนแล้วต่างหาก”“ไปหาที่ระบายสิ”“ทำไมจะต้องหาในเมื่อที่ระบายก็อยู่ตรงนี้แล้ว”ดูเปรียบเทียบเข้าสิ ให้ฉันเป็นอีกตำแหน่งคือที่ระบายอารมณ์อย่างนั้นสินะ“แย่จังที่ใจ๋เบื่อพี่เสือแล้ว”“ทั้งที่ดูชอบทุกครั้ง ทำไมถึงพูดว่าเบื่อ”“ใจ๋อยากเปลี่ยนคู่นอน… อื้อ!!” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกฝ่ามือหนากำบีบที่สะโพกอย่างแรงจนฉันต้องหลุดเสียงที่เจ็บปวดออกมาแล้วพยายามเอนตัวหนี“ไม่มีใครทำให้เธอถึงใจได้เท่าฉัน เลิกคิดไปซะ!!”“ใจ๋ยังไม่ได้ลองเลยด้วยซ้ำทำไมรีบตัดสินนักล่ะคะ”“อย่ามาพูดว่าอยากลองทำกับคนอื่นต่อหน้าฉัน” แววตาดุดันคู่นั้นเริ่มฉายแววความเกรี้ยวกราดไม่พอใจออกมา แถมยังขบ
สมองมันทื่อคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะเพราะรู้ว่าพี่เสือเป็นยังไงถึงได้กระวนกระวายอย่างนี้ เขาไม่สนใจใครหน้าไหนและไม่ฟังอะไรด้วยไม่ใช่แค่ฉันที่กำลังเครียดไทเกอร์เองก็หน้าซีด ส่วนพี่ยูก็เงียบ เพื่อนของเขาเริ่มทำหน้างงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงออดหน้าห้องที่ดังเป็นจังหวะถี่ขึ้นบ่งบอกถึงอารมณ์คนกดว่ากำลังหัวเสียขนาดไหน“รับสาย” ไทเกอร์ยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน“ไม่อยากคุย” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธเพราะรู้ว่าคนที่โทรมาต้องการจะพูดอะไร“ไม่บอกพี่เลยว่ามันอยู่ห้องข้าง ๆ”พี่ยูที่เงียบไปนานถามขึ้น เป็นคำถามที่ฉันเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเพราะควรจะบอกไปตั้งแต่ตอนแรก แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้เดือดร้อนอะไรนะมีแค่ฉันกับไทเกอร์ที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ใจ๋คิดน้อยเอง”“เดี๋ยวพี่จะไปเปิดประตู”“อย่านะคะ ถ้าพี่ยูเปิดเขาจะยิ่งโมโห”“พี่อธิบายได้”“เหตุผลใช้กับคนประเภทนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”“สายที่ห้าแล้วใจ๋” ไทเกอร์ส่งสัญญาณเตือนถึงความอันตราย ถ้ายังปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบนี้คนที่อยู่หน้าประตูห้องจะยิ่งโกรธ“นายไปเปิด เดี๋ยวฉันยืนข้างหลัง ส่วนพี่ยูกับเพื่อนถอยไปอยู่ที่ระเบียงเลยค่ะ”ต้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ ถ้
ฉันส่ายหน้ารัว ๆ พยายามผลักตัวเองออกห่างจากคนตัวสูง“ต้องเอาตรงระเบียงไหม? มันถึงจะได้ยินเสียงครางของเธอชัด ๆ”“ไม่ ยะ... อย่านะคะ” รู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่แน่ ถ้าคนอย่างพี่เสือจะทำแค่คำปฏิเสธของฉันเขาไม่สนใจหรอก“ไม่ชอบ?”“มะ... ไม่”“เป็นเด็กดีของพี่หน่อยสิใจ๋ เอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธแบบนี้มันน่าหงุดหงิดชะมัด”“ใจ๋เจ็บ”พี่เสือฉุดลากตัวของฉันเข้ามาในห้องนอน จากนั้นก็เหวี่ยงกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง“เจ็บตรงไหนบอกมาสิ”“ระ... รอให้ใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกันดีไหมคะ” พยายามพูดเพื่อให้อีกฝ่ายมีสติ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพี่เสือแทบไม่ฟังอะไรเลยเสื้อยืดสีดำถูกพี่เสือถอดออกจากตัว เขาโยนมันไปด้านหลังอย่างฉุนเฉียว สายตาคมยังคงเอาแต่จ้องมองฉันที่กำลังนอนตัวสั่นเทาอยู่บนเตียงทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทำไมต้องจบลงที่เตียง“อยากถอดเสื้อผ้าเองหรืออยากให้ฉันฉีกมันออกให้?” คนที่กำลังหัวเสียเอียงคอถาม ฉันเอ่ยตอบเสียงสั่น “ถะ... ถอดเอง”“รีบถอดสิ ก่อนที่ความอดทนของฉันมันจะหมด”ฉันค่อย ๆ หยัดตัวนั่งก้มหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว โดยมีพี่เสือที่ยืนจดจ้องเขม็งอ
Talk - เสือเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอคนที่ร่วมกิจกรรมรักด้วยกันเมื่อคืนแล้ว ห้องว่างเปล่าไร้เงาของคนตัวเล็กไม่รู้ว่าเธอออกไปตั้งแต่เมื่อไร มันรู้สึกแปลกดีเพราะทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นเธอนอนอยู่ แต่วันนี้ต่างออกไป เก่งดีเมื่อคืนโดนไปหนักขนาดนั้นแต่ยังลุกขึ้นไหวยอมรับว่าเมื่อคืนผมฟิวส์ขาดอารมณ์เดือดจนฉุดไม่อยู่ ไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้สึกหวงใครได้มากขนาดนั้น ถึงขนาดที่พูดออกไปว่าหมามันหวงเจ้าของผมคงจะเป็นหมาบ้าไปแล้วจริง ๆความรู้สึกแบบนี้มันน่าหงุดหงิดชะมัดเสียงออดหน้าห้องเรียกสติให้กลับมา ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านที่ก่อกวนอยู่ในหัวแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“มึงมาทำไม?” เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูเป็นน้องชายผมก็ขมวดคิ้วถามทันที“ใจ๋อยู่ไหน”“กูจะไปรู้ไหม”“เมื่อคืนใจ๋อยู่กับเฮีย จะไม่รู้ได้ยังไง”“ลองไปดูห้องข้าง ๆ หรือยัง? บางทีเพื่อนมึงอาจจะอยู่กับไอ้รุ่นพี่นั่น” ผมตอบไปอย่างประชดประชัน อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นเมื่อคิดว่าถ้าเธออยู่กับมันขึ้นมาจริง ๆ ไอ้เวรนั่นคงไม่ตายดีแน่ ๆ“ใจ๋กับไอ้รุ่นพี่นั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน เลิกบ้าเถอะเฮีย”“ทำไมไม่โทรหา?” ผมเลิกคิ้วถาม แต่คำตอบที่ได้ก
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ