สมองมันทื่อคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะเพราะรู้ว่าพี่เสือเป็นยังไงถึงได้กระวนกระวายอย่างนี้ เขาไม่สนใจใครหน้าไหนและไม่ฟังอะไรด้วยไม่ใช่แค่ฉันที่กำลังเครียดไทเกอร์เองก็หน้าซีด ส่วนพี่ยูก็เงียบ เพื่อนของเขาเริ่มทำหน้างงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงออดหน้าห้องที่ดังเป็นจังหวะถี่ขึ้นบ่งบอกถึงอารมณ์คนกดว่ากำลังหัวเสียขนาดไหน“รับสาย” ไทเกอร์ยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน“ไม่อยากคุย” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธเพราะรู้ว่าคนที่โทรมาต้องการจะพูดอะไร“ไม่บอกพี่เลยว่ามันอยู่ห้องข้าง ๆ”พี่ยูที่เงียบไปนานถามขึ้น เป็นคำถามที่ฉันเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเพราะควรจะบอกไปตั้งแต่ตอนแรก แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้เดือดร้อนอะไรนะมีแค่ฉันกับไทเกอร์ที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ใจ๋คิดน้อยเอง”“เดี๋ยวพี่จะไปเปิดประตู”“อย่านะคะ ถ้าพี่ยูเปิดเขาจะยิ่งโมโห”“พี่อธิบายได้”“เหตุผลใช้กับคนประเภทนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”“สายที่ห้าแล้วใจ๋” ไทเกอร์ส่งสัญญาณเตือนถึงความอันตราย ถ้ายังปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบนี้คนที่อยู่หน้าประตูห้องจะยิ่งโกรธ“นายไปเปิด เดี๋ยวฉันยืนข้างหลัง ส่วนพี่ยูกับเพื่อนถอยไปอยู่ที่ระเบียงเลยค่ะ”ต้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ ถ้
ฉันส่ายหน้ารัว ๆ พยายามผลักตัวเองออกห่างจากคนตัวสูง“ต้องเอาตรงระเบียงไหม? มันถึงจะได้ยินเสียงครางของเธอชัด ๆ”“ไม่ ยะ... อย่านะคะ” รู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่แน่ ถ้าคนอย่างพี่เสือจะทำแค่คำปฏิเสธของฉันเขาไม่สนใจหรอก“ไม่ชอบ?”“มะ... ไม่”“เป็นเด็กดีของพี่หน่อยสิใจ๋ เอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธแบบนี้มันน่าหงุดหงิดชะมัด”“ใจ๋เจ็บ”พี่เสือฉุดลากตัวของฉันเข้ามาในห้องนอน จากนั้นก็เหวี่ยงกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง“เจ็บตรงไหนบอกมาสิ”“ระ... รอให้ใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกันดีไหมคะ” พยายามพูดเพื่อให้อีกฝ่ายมีสติ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพี่เสือแทบไม่ฟังอะไรเลยเสื้อยืดสีดำถูกพี่เสือถอดออกจากตัว เขาโยนมันไปด้านหลังอย่างฉุนเฉียว สายตาคมยังคงเอาแต่จ้องมองฉันที่กำลังนอนตัวสั่นเทาอยู่บนเตียงทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทำไมต้องจบลงที่เตียง“อยากถอดเสื้อผ้าเองหรืออยากให้ฉันฉีกมันออกให้?” คนที่กำลังหัวเสียเอียงคอถาม ฉันเอ่ยตอบเสียงสั่น “ถะ... ถอดเอง”“รีบถอดสิ ก่อนที่ความอดทนของฉันมันจะหมด”ฉันค่อย ๆ หยัดตัวนั่งก้มหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว โดยมีพี่เสือที่ยืนจดจ้องเขม็งอ
Talk - เสือเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอคนที่ร่วมกิจกรรมรักด้วยกันเมื่อคืนแล้ว ห้องว่างเปล่าไร้เงาของคนตัวเล็กไม่รู้ว่าเธอออกไปตั้งแต่เมื่อไร มันรู้สึกแปลกดีเพราะทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นเธอนอนอยู่ แต่วันนี้ต่างออกไป เก่งดีเมื่อคืนโดนไปหนักขนาดนั้นแต่ยังลุกขึ้นไหวยอมรับว่าเมื่อคืนผมฟิวส์ขาดอารมณ์เดือดจนฉุดไม่อยู่ ไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้สึกหวงใครได้มากขนาดนั้น ถึงขนาดที่พูดออกไปว่าหมามันหวงเจ้าของผมคงจะเป็นหมาบ้าไปแล้วจริง ๆความรู้สึกแบบนี้มันน่าหงุดหงิดชะมัดเสียงออดหน้าห้องเรียกสติให้กลับมา ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านที่ก่อกวนอยู่ในหัวแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“มึงมาทำไม?” เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูเป็นน้องชายผมก็ขมวดคิ้วถามทันที“ใจ๋อยู่ไหน”“กูจะไปรู้ไหม”“เมื่อคืนใจ๋อยู่กับเฮีย จะไม่รู้ได้ยังไง”“ลองไปดูห้องข้าง ๆ หรือยัง? บางทีเพื่อนมึงอาจจะอยู่กับไอ้รุ่นพี่นั่น” ผมตอบไปอย่างประชดประชัน อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นเมื่อคิดว่าถ้าเธออยู่กับมันขึ้นมาจริง ๆ ไอ้เวรนั่นคงไม่ตายดีแน่ ๆ“ใจ๋กับไอ้รุ่นพี่นั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน เลิกบ้าเถอะเฮีย”“ทำไมไม่โทรหา?” ผมเลิกคิ้วถาม แต่คำตอบที่ได้ก
ที่ตัดสินใจมาพักผ่อนที่รีสอร์ตส่วนตัวของครอบครัวยี่หวาก็เพราะอยากจะคิดทบทวนทุก ๆ อย่าง ไม่โกรธพี่เสือเลยเพราะต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมันเกิดที่ตัวฉันเองถ้าวันนั้นฉันรั้งไม่ยอมเลือกที่จะหมั้นกับใคร ถ้าวันนั้นไม่เลือกพี่เสือ ถ้าไม่คิดจะเอาตัวเองไปยัดเหยียดใส่ในชีวิตเขาตั้งแต่แรกมันก็คงไม่ต้องมาเจ็บปวดขนาดนี้ที่ตัดสินใจจะไปต่างประเทศก็เพราะอยากจะจบทุกอย่างจริง ๆ รู้ดีว่าถ้ายังอยู่แบบนี้ดิ้นให้ตายยังไงก็ไม่หลุดหรอก“โอดินกับไทเกอร์โทรมาโวยวายว่าไม่ยอมบอกพวกมันสองคน”“ฝากขอโทษด้วยนะ”“ไม่คิดจะเปิดเครื่องหน่อยเหรอสองวันแล้วนะใจ๋”“พรุ่งนี้ก็กลับแล้วจะเปิดทำไม”“ถ้าจ๋ายโทรหาแล้วไม่ติดรายนั้นจะเป็นห่วงแกมากขนาดไหนนะ”“ฉันฝากแม่บอกจ๋ายไปแล้วว่าพักผ่อนอยู่ช่วงนี้ไม่ต้องโทรมา”“ป่านนี้พี่เสือคงหัวเสียมาก ๆ”“ก็คงเป็นบ้าตามประสาเขานั่นแหละ” ฉันไม่เถียงนะเพราะคิดว่าพี่เสือต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เขามันเป็นพวกอารมณ์ร้อนไร้เหตุผล“นี่ ถ้าไปต่างประเทศหาหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวมาควงสักคนดูสิ”“ฉันไม่ชอบแบบนั้น”“น่าเสียดายถ้าแกควงกลับมาไทยต้องมีคนดิ้นแน่ ๆ”“…”“พ่อแกจะยอมให้ไปเรียนต่อต่างประเทศจริง ๆ เหรอใจ
ฉันพยายามมองหาใครสักคนที่อยู่แถวนี้แต่ไม่มีใครเลย ซึ่งมันก็ปกติอยู่แล้วที่สวนหลังบ้านไม่ค่อยมีใครผ่านมาเท่าไรฉันถึงมานั่งที่นี่ เพราะมันเงียบสงบ“ตอนหมั้นก็บังคับพอไม่ต้องการแล้วคิดว่าจะผลักไสฉันไปให้ใครก็ได้ ง่าย ๆ แบบนี้เลย?” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าพ่นออกมาแต่อยากให้พี่เสือย้อนกลับไปคิดสักนิดว่าฉันน่ะเหรอผลักไสเขา ตัวเขาเองหรือเปล่าที่บีบคั้นให้ฉันต้องถอย ทั้งที่ไม่อยากจะโทษว่ามันเป็นความผิดของใครเลยแท้ ๆ“กลัวทำให้จ๋ายเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ”“…”“ทั้งที่เราหมั้นกัน ทั้งที่ได้ใจ๋เป็นเมียแล้ว แต่พี่เสือก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกจ๋ายที่สุด เคยมีสักเสี้ยวความคิดไหมคะที่กลัวใจ๋เจ็บปวด”“…” มันยากนักเหรอที่จะตอบออกมาตรง ๆ ทำไมถึงเลือกที่จะเงียบแบบนี้“ขอถามอีกครั้งได้ไหมคะ ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นระหว่างเราพี่เสือจะไม่ยอมรับจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ว่ายังไงใจ๋ก็เป็นได้แค่นี้อย่างนั้นเหรอ”“แล้วจะเอาแค่ไหน ฉันกำลังหงุดหงิดที่พ่อเธอบอกจะให้จ๋ายมาหมั้นแทนแบบนี้มันเพราะอะไรล่ะ” เขาพ่นมันออกมาราวกับจะรั้งแต่พอถามอะไรไปก็เงียบ ฉันจะไม่อะไรเลยหากพี่เสือปล่อยผ่านทุกอย่างไป ไม่ต้องมาแสดงออกว
Talk - เสือ“เหมือนตอนนี้ใจ๋อยากจะไปจากกูมาก” ผมพูดกับไอ้โซ่ มันมาตามให้ไปเรียนแต่วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะไปสักเท่าไร“กูนี่รีบลุกขึ้นปรบมือให้น้องใจ๋เลย เพราะถ้าเป็นกูคงไม่ทนมึงได้นานขนาดนี้”“มึงควรรู้เอาไว้ว่าใจ๋เป็นคนเริ่มทั้งที่กูเคยเตือนแล้ว”“เออ แต่มึงทำเกินไปหน่อย”“อืม มาคิดดูแล้วกูก็ทำเกินไปหลายเรื่องจริง ๆ”“แล้วมึงรู้สึกยังไง” โซ่มันยืนกอดอกขมวดคิ้วถาม“รู้สึกยังไงแล้วทำไมต้องบอกมึง”“คิดไว้หรือยังว่าอยากเป็นหมาพันธุ์อะไร?”ผมจ้องหน้ามันเขม็งที่เริ่มพูดจาไม่เข้าหู “… ไอ้เหี้ยโซ่”ไม่น่าเล่าอะไรให้ฟังเลยไอ้เพื่อนเหี้ย ทั้งที่รู้ว่ามันชอบกวนตีนขนาดไหน แต่ก็เป็นมันนั่นแหละที่รู้เรื่องผมกับใจ๋ดีที่สุด“กูถามจริง ๆ นะ ถ้าใจ๋จะไปมึงจะปล่อยหรือรั้งน้องไว้”“…” ผมไม่ได้ตอบเพราะความสับสนในใจ มันมีความรู้สึกว่าเหมือนอยากจะรั้งแต่ก็ไม่สุด“ลองถามตัวเองดูดี ๆ เสือ กูไม่อยากมีเพื่อนเป็นหมา”“กูว่าตอนนี้หมาน่าจะอยู่ในปากมึงมากกว่านะโซ่”“กูกำลังมีสาระอย่ามาขัดมู้ด!!!”“กูไม่น่ามาคุยกับมึง”“กูจะบอกอะไรให้นะ แค่ใจ๋หายไปสามวันมึงรู้ตัวไหมว่ากระวนกระวายขนาดไหน ถ้ารู้ใจตัวเองก็รั้งน้องไ
หลังจากบอกให้คนขับรถของที่บ้านมารับก็รอไม่นานเท่าไร พอขึ้นรถออกมาจากคอนโดของพี่เสือน้ำตามันก็ไหลอาบแก้ม ครั้งนี้ฉันไม่ได้ร้องไห้สะอื้น มีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลลงมาเหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้น ต่อจากนี้มันจะเป็นยังไงฉันไม่รู้ รู้แค่ว่าในตอนนี้มันสบายใจที่สุดแล้ว หวังว่าพี่เสือจะคุยกับพ่อได้ที่ผ่านมาฉันคงเศร้ามามากพอแล้วตอนนี้มันก็แค่รู้สึกใจหายนิดหน่อยเท่านั้น ดีใจจังที่ตัวเองเข้มแข็งได้ หากเป็นใจ๋คนเมื่อก่อนคงยืนยันว่ายังไงก็จะเลือกพี่เสือระหว่างที่รถแล่นไปบนถนนสมองของฉันมันคิดย้อนไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา คิดย้อนกลับไปแล้วก็นึกถึงคำพูดที่หนักแน่นของตัวเองในวันนั้น ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ดูสิ สุดท้ายแล้วจุดจบมันก็ไม่เหมือนสิ่งที่เคยวาดฝันไว้เลย@วันต่อมา มหาวิทยาลัยฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังแล้ว เพราะมันไม่มีอะไรต้องปิดบัง“ไม่น่าเชื่อว่าพี่เสือจะปล่อยแกไปง่าย ๆ”“ง่ายเหรอ ฉันว่าไม่เลยยี่หวา” กว่าจะดึงดันมาถึงจุดนี้ได้ก็เจ็บไปเยอะเหมือนกัน“อื้อ ดีแล้วที่จบแบบนี้ ไม่เศร้าใช่ไหม แกดูดีกว่าตอนไปทะเลเยอะเลย ทั้งที่ครั้งนี้มันจะจบจริง ๆ อย่างที่อยากให้เป็นแล้ว”“ก็เพ
ปารีส ประเทศฝรั่งเศสจ๋ายมารับฉันที่สนามบินด้วยตัวเองเลย บอกว่าไม่ต้อง ๆ ก็ไม่ฟังดื้อมารับจนได้อ๋อลืมบอกไปว่าเรามีบ้านที่ปารีสนะ เพราะชอบมาเที่ยวที่ฝรั่งเศสบ่อย ๆ พ่อก็เลยตัดสินใจซื้อบ้าน จ๋ายก็เลยเลือกมาเรียนที่นี่วันนี้ฉันกับจ๋ายออกไปซื้อของมาทำอาหารกิน เราสองคนเข้าครัวทำอาหารไทยมันดูวุ่นวายมาก ๆ เลย แต่ก็มีความสุข ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ อาหารมื้อนี้อร่อยแสงออกปากเลยแหละ ไม่ได้จะอวยฝีมือนะแต่มันอร่อยจริง ๆหลังจากกินข้าวเสร็จเราสองพี่น้องก็ขึ้นมานั่งดื่มด้วยกันบนชั้นดาดฟ้าของบ้าน“หน้าตาสดใสจัง ไม่เหมือนคนที่เพิ่งอกหัก” จ๋ายรีบยกมือปิดปากตัวเองเพราะเผลอพูดแบบนั้นออกมา กลัวว่าฉันจะนอยด์“ตอนนี้ใจ๋สบายใจมาก ๆ ก่อนขึ้นเครื่องพี่เสือส่งข้อความมาด้วยนะ พอได้อ่านแล้วเหมือนได้ปลดล็อกอะไรหลาย ๆ อย่าง”“ใจ๋เก่งที่สุดเลย”“เก่งจริง ๆ ไม่เถียงเลย ใจ๋ไม่ร้องไห้แล้วด้วยนะ” ฉันพูดอวดน้องสาวฝาแฝดอย่างภูมิใจในตัวเองสุด ๆถึงแม้มันยังรู้สึกหน่วงบ้างเวลาพูดหรือเผลอไปนึกถึง เรื่องแบบนี้จะให้ดีขึ้นปุ๊บปั๊บเลยคงไม่ได้ต้องใช้เวลา เดี๋ยวคงดีขึ้นเรื่อย ๆ“จ๋ายดีใจที่เห็นใจ๋สดใส รู้ไหมครั้งนั้นที่เจอกันใจ๋ดูไ
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ