Talk - ใจ๋เวลาเดินเร็วจริง ๆ นี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วที่ฉันมาอยู่ปารีส จ๋ายพาเที่ยวเก่งมาก เพื่อน ๆ ของจ๋ายตอนนี้ก็สนิทกับฉันแล้วด้วยเพราะปาร์ตี้กันบ่อย“อยากไปเที่ยวไหนอีกไหม” แจ็คสันถาม ช่วงนี้คุยกับเขาเยอะขึ้นมาก ๆ แจ็คสันตลกชอบทำให้ฉันยิ้มหัวเราะตลอดเลย“ไปมาแทบจะทุกที่แล้ว คิดไม่ออกว่าอยากไปไหน”“มาเที่ยวในใจผมไหมครับคนสวย ที่เที่ยวเยอะเลยนะ” บางทีแจ็คสันก็แอบคล้ายพี่ยูนะ รายนั้นก็ชอบพูดอะไรแบบนี้“จีบเก่งจริง ๆ เลย”“แน่นอน ใจอ่อนบ้างหรือยัง”“ไม่ใจอ่อนหรอก จีบใจ๋แต่ก็ควงคนอื่น ผู้ชายเจ้าชู้” ฉันพูดแซว แจ็คสันน่ะเปลี่ยนคู่ควงบ่อยมาก ๆ แต่ปากก็บอกว่าจีบ“มาเป็นแฟนสิผมจะเลิกกับทุกคนมาหาคุณ”ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะจ๋ายกับเพื่อนคนอื่น ๆ เดินกลับมาพอดี วันนี้เรามาดูหนังกัน นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้วหลังจากดูหนังเสร็จก็เดินหาร้านอาหารไทย กว่าจะหาได้เดินจนเหนื่อยเลยแถมราคาก็แพงเอาเรื่อง“อยากได้กระเป๋าไหม” แจ็คสันหันมาถาม กินข้าวเสร็จก็เดินเล่นให้ย่อย ที่แจ็คสันถามก็เพราะผ่านช็อปแบรนด์ดังพอดี“อะไรกันแจ็คสัน นี่เราเป็นเพื่อนกันมาตั้นนานทำไมไม่เคยซื้อให้เลย” โรร่าเบ้ปากใส่แจ็คสัน“ขอโทษน
Talk - ใจ๋มาถึงไทยวันแรกเหล่าแก๊งเพื่อน ๆ ของจ๋ายก็อ้อนให้พาไปเที่ยวคลับแทนที่จะแยกย้ายกลับบ้านของตัวเองก่อนมีแค่โรร่าที่นอนบ้านของฉันส่วนคนอื่น ๆ ไปนอนบ้านตัวเอง แต่เพราะโรร่ามีบ้านที่ต่างจังหวัดก็เลยต้องนอนที่นี่พ่อกับแม่ดีใจมาก ๆ ที่ฉันกับจ๋ายกลับมา จริง ๆ จะเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับด้วยแต่ฉันกับจ๋ายยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ต้องจัดตั้งแต่กลับมาไทยนี่ก็สามวันแล้วยังไม่เจอพี่เสือเลย เจอพี่โซ่วันก่อนเขาบอกพี่เสือไปฮ่องกงเดี๋ยวก็คงกลับมา รู้สึกเหมือนพยายามหลบหน้ายังไงก็ไม่รู้“ใจ๋มาทำไม” ไทเกอร์ถามฉันที่เดินมาหาเขาที่บ้าน “ก็ใจ๋น่ะสิคิดว่าเป็นจ๋ายหรือไง”“กวน”“พี่ชายของนายยังไม่กลับมาอีกเหรอ” คือฉันไม่ได้อะไรเลยนะ แค่อยากเห็นหน้า อยากรู้ว่าหากเราได้เจอกันมันจะเป็นยังไง“บริษัทที่ฮ่องกงมีปัญหาหนักคงไม่ได้กลับมาเร็ว ๆ นี้”“พี่เสือเพิ่งเรียนจบเองทำไมถึงได้รับผิดชอบงานใหญ่จัง”“เฮียเสนอตัวไปเองนะ เพิ่งบินไปก่อนเธอกลับมาแค่วันเดียวเอง”“อ๋อ ๆ” มันก็ค่อนข้างชัดเจนหรือเปล่าว่าอยากหลบหน้ากันจริง ๆ ทำไมล่ะแค่พี่น้องก็ไม่อยากเป็นเหรอ“อยากเจอเหรอ”“อือก็อยากเจอ อยากรู้ว่าถ้ากลับมาเจอกันอีกครั้งจะ
Talk - ใจ๋วันนี้ฉันต้องไปส่งกลุ่มเพื่อน ๆ กลับปารีส พอคิดว่าทั้งสามคนจะกลับแล้วก็แอบใจหายเหมือนกัน แต่ทุกคนสัญญาแล้วว่าอีกสามเดือนจะกลับมาหาใหม่“อย่าลืมกันนะ เดี๋ยวจะส่งข้อความจีบทุกวันเลย” แจ็คสันกอดลาฉันก่อนขึ้นเครื่อง วันนี้เขาดูเศร้าจริง ๆ“อื้อไม่ลืมหรอก”“เดินทางปลอดภัยนะทุกคน” จ๋ายบอก โรร่าทำเหมือนจะร้องไห้แล้วดึงจ๋ายไปกอด “ใจหายมากเลยที่เทอมนี้ไม่มีแกไปนั่งเรียนด้วย”“อย่าพาซึ้งสิฉันจะร้องไห้จริง ๆ นะโรร่า” ถึงแม้พูดว่าจะร้องไห้แต่ความจริงคือน้ำตาไหลอาบแก้มแล้วรอจนทั้งสามคนเดินไปขึ้นเครื่องฉันกับจ๋ายก็กลับ จ๋ายร้องไห้ตลอดทางเลย ฉันเข้าใจเพราะอยู่ด้วยกันมาเกือบสองปีความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมันต้องผูกพันกันมาก ๆ อยู่แล้ว@วันต่อมาเป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน รู้สึกว่าพอเดินเข้ามาที่คณะแล้วถูกจับตามองแปลก ๆ จนฉันกับจ๋ายต้องก้มหน้ารีบเดินไปหาเพื่อน ๆ ที่นั่งรออยู่“ทำไมคนอื่นมองแปลก ๆ มีอะไรติดหน้าเหรอ” จ๋ายถาม“ก็เพจของมหาวิทยาลัยเอาภาพแกสองคนไปลง ยอดถูกใจเป็นหมื่นเลยนะ ดังใหญ่แล้วเพื่อนฉัน” ยี่หวาบอกทำให้ฉันพอจะเข้าใจแล้ว“บางคนไม่รู้ว่าใจ๋มีแฝด พอรู้ก็ฮือฮากันใหญ่” โอดินเล่
Talk - ใจ๋ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักอึ้งที่หัว จำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนภาพตัดไปตอนไหนแล้วกลับมาบ้านได้ยังไง ตอนนี้ยังรู้สึกพะอืดพะอมอยู่เลย คงเอือมกับเหล้าไปอีกนาน โชคดีที่วันนี้ไม่มีเรียนไม่อย่างนั้นคงได้ขาดแน่ ๆ“อื้อ” พอลืมตาขึ้นก็ยกแขนบิดขี้เกียจอย่างที่ทำทุก ๆ เช้า“รู้สึกแปลก ๆ จัง”ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่ง เพราะมันรู้สึกเย็น ๆ โล่ง ๆ แปลก ๆ จึงก้มมองตัวเองก่อนจะเบิกตากว้างเพราะตอนนี้บนตัวไม่มีเสื้อผ้าเหลืออยู่เลยสักชิ้นรีบดึงผ้าห่มมาปิดหัวใจดวงน้อยเต้นรัว ๆ เริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง “หะ... ห้องใคร”นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน ไม่ใช่ที่บ้าน แล้วมันคือที่ไหนฉันอยู่กับใคร เพื่อน ๆ ปล่อยให้มาได้ยังไง มันอะไรกันเนี่ย!!!“ใจ๋ตื่นแล้วเหรอ”เสียงนั้น!!! มันคุ้นหูจัง เหมือนกับเสียงของ… พี่เสือไม่ใช่แค่เหมือนแต่เป็นเขาจริง ๆ คนที่เดินเข้ามาถามในห้องคือพี่เสือ แปลว่านี่ก็ห้องเขาใช่ไหม จำได้แล้วนี่มันห้องพี่เสือชัด ๆ หมายความว่าเรา… ไม่จริง!!!นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันทำไมฉันถึงตื่นขึ้นมาในห้องของพี่เสือแถมยังไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนตัวเลยสักชิ้น“เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นคะ”“จำอ
จ๋ายเอาเสื้อผ้ามาให้แถมยังออกคำสั่งให้ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปขอโทษพี่เสือนี่มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเมาสภาพแบบนั้นให้พี่เสือเห็ยเลยสักครั้ง แถมนี่ยังเป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบหกเดือนอีก ดันสร้างตำนานแบบไม่มีวันลืมเลย“นานนะใจ๋”“อือเสร็จแล้ว ๆ” ฉันมองจ๋ายที่เข้ามาตามเป็นครั้งที่สามแล้วหลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินตามแฝดตัวเองออกมาข้างนอกห้องก่อนสายตาจะมองเป็นพี่เสือนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ฉันเม้มปากแน่นแค่คิดถึงสิ่งที่ตัวเองต่อว่าไปก่อนหน้าและสิ่งที่ทำไปเมื่อคืนมันก็น่าอายจนไม่กล้าสบตาแล้ว“พี่เสือ… คือ… ใจ๋”คนที่ถูกเรียกหันมามอง แต่อยากจะหยิกตัวเองแรง ๆ สักทีที่เอาแต่พูดตะกุกตะกัก“พี่เข้าใจ ใจ๋จะเข้าใจผิดมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ทำไมกันทั้งที่เรียกร้องมาตั้งนานแต่พอเอาเข้าจริงไม่คุ้นชินกับคำว่าพี่ที่ได้ยินกับหูในตอนนี้เลย“ไม่โกรธเลยเหรอคะ”“อยากให้โกรธเหรอครับ?” พูดเพราะจังแฮะ“ไม่ ๆ แค่แปลกใจที่พี่เสือไม่โกรธเลย”“บอกว่าเข้าใจ ไม่เห็นต้องคิดมากขนาดนั้น”“จะ... ใจ๋ทำเรื่องน่าอายกับพี่เสือมากไหม”“ไม่นะพี่ว่าใจ๋เมาแล้วน่ารักดี”รู้สึกแปลก ๆ จัง ถ้าเป็นพี่เสือคน
@วันต่อมาจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าประโยคสุดท้ายที่พี่เสือพูดเมื่อคืนคืออะไรเพราะเขาไม่ตอบแถมยังเดินหนีกลับบ้าน“อาทิตย์หน้าพวกแจ็คสัน เอแม็ค โรร่าจะมาไทยแล้วนะ” จ๋ายเดินมาบอกฉันที่กำลังนั่งเหม่อ “จริงเหรอ”“เป็นอะไรไปใจ๋นั่งเหม่อแบบนี้พักใหญ่แล้วนะ”“ปะ... เปล่า ๆ” “มีอะไรคุยกับจ๋ายได้นะ เป็นห่วงรู้ไหม”“อื้อ”“อ๋อ โรร่าอยากไปเที่ยวทะเล อาทิตย์หน้ามหาวิทยาลัยหยุดสี่วันเราไปกันนะ”“ได้สิ” ฉันพยักหน้าตอบ เพราะเอาแต่คิดมากก็เลยไม่อยากพูดอะไรเท่าไหร่“ต้องชวนพี่เสือไหม?”“ชวนทำไม”“ก็… เผื่อใจ๋อยากให้ไปด้วยกัน”“พี่เสือคงยุ่ง ๆ กับงานที่บริษัท อย่าไปรบกวนเขาเลย”“นั่นสิคุณป้าเล่าว่าเรียนจบก็ทำงานที่บริษัทเลย คงเหนื่อยมากแน่ ๆ ถ้าได้พักผ่อนคงจะดี”“จ๋ายดูเป็นห่วงพี่เสือจัง”“ก็ต้องห่วงสินั่นพี่ชายจ๋ายนะ ใจ๋ไม่คิดแบบนั้นเหรอ”“อื้อ”ไม่รู้ทำไมวันนี้จ๋ายชวนคุยเยอะแยะไปหมด ส่วนฉันก็ไม่ค่อยมีสมาธิจะตอบเท่าไรเลย“คุณหนูคะมีคนส่งมาให้ค่ะ”ฉันกับจ๋ายหันมองไปทางแม่บ้านที่หอบกุหลาบช่อใหญ่เข้ามาในบ้าน“ของจ๋ายหรือใจ๋คะ”“คุณหนูใจ๋ค่ะ”พอได้ยินแม่บ้านเอ่ยแบบนั้นฉันก็ขมวดคิ้วมองกุหลาบช่อใหญ
Talk - ใจ๋วันนี้ไม่มีเรียนฉันมีนัดดูหนังกับพี่ยู ที่ตอบตกลงไปก็เพราะที่ผ่านมาพี่ยูชวนไปไหนก็ไม่เคยไปด้วยเลยนึกเอ็นดูเขา“พี่ตื่นเต้นมาก ๆ” พอมาถึงที่ห้างพี่ยูก็รีบเดินมารับฉันแล้วพูด“ทำเหมือนเราไม่เคยเจอกันไปได้พี่ยู”“กว่าใจ๋จะยอมมาดูหนังกับพี่ ชวนตั้งแต่ปีหนึ่งนี่ขึ้นปีสามแล้ว”“มาแล้วนี่ไงคะ” ฉันยิ้มหวานและดูเหมือนพี่ยูจะเขินจริง ๆ เพราะไม่กล้าสบตาเลยจู่ ๆ ทำไมมาเขินขนาดนี้ได้เนี่ย ปกติพี่ยูเต๊าะเก่งจะตายไป“ดูหนังจบแล้วกินข้าวกับพี่ก่อนได้ไหมแล้วค่อยกลับ”“ได้สิคะ”“น่ารัก”“ใจ๋รู้ตัวน่า”พี่ยูยิ้ม ๆ ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอามือมาลูบบนหัวของฉัน แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามือของพี่ยูถูกปัดออก จึงรีบหันมองเห็นพี่เสือเดินมาหยุดข้าง ๆ ด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง ทำเอาฉันตกใจว่ามาได้ยังไงเขาเอาแต่มองหน้าพี่ยูส่วนพี่ยูก็มองหน้าพี่เสือ ให้ตายสิสองคนนี้เป็นอะไรกัน เจอหน้าทีไรทำเหมือนจะมีเรื่องมีราวมันทุกทีเลย“พี่เสือมาได้ยังไงคะ”“ดูหนัง” ทั้งที่ตอบฉันแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากพี่ยู“พี่เสือน่ะเหรอจะดูหนัง” มันไม่แปลกไปหน่อยหรือไง ปกติเขาชอบดูหนังที่ไหนล่ะ แทบไม่มาดูเลยด้วยซ้ำฉันถึงได้งุนงงขนาดนี้
@สนามแข่งถึงจะห้าม แต่เพราะฉันไม่ยอมลงจากรถสุดท้ายพี่เสือก็พามาด้วย เขาดูหัวเสียไม่พอใจเอามาก ๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้“อ้าวใจ๋” พี่โซ่ทักขึ้นหลังจากฉันลงจากรถ ส่วนพี่ปืนก็ขมวดคิ้วมองพี่เสือ รู้ว่าสนามนี้มันอันตรายพวกพี่ ๆ ก็เลยไม่ค่อยอยากให้มา“ไปนั่งรอกับไอ้โซ่” เสียงทุ้มออกคำสั่งพลางใช้นิ้วไปยังเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่“สัญญานะคะว่าจะไม่เจ็บตัว”“เป็นห่วงขนาดนี้ทำไมไม่มาเป็นแฟนเลยล่ะ” สะอึกกับคำถามนั้นจากปากพี่เสือเหมือนกันนะเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้“เป็นห่วงในฐานะน้องสาวค่ะ” รีบขัดก่อน ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดไปไกล ไม่อยากให้ความหวังอะไร ที่มานี่ก็เพราะห่วงในฐานะน้องสาวจริง ๆ“ถ้าแข่งชนะพี่ขออะไรสักอย่างได้ไหม”“ไม่ค่ะ ยังไงพี่เสือก็ชนะอยู่แล้ว”“เอาเป็นว่าตกลง”“พี่เสือใจ๋บอกว่าไม่ไง!!” ฉันตวาดบอกเสียงดังแต่คนตรงหน้ากลับทำเมินใส่ “โซ่พาใจ๋ไป”“ถือว่าใจ๋พูดไปแล้วนะพี่เสือ”พี่เสือไหวไหล่จากนั้นก็เดินไปหาทีมเช็กรถกับพี่ปืน ส่วนพี่โซ่ก็พาฉันมานั่ง“มันสำนึกผิดแล้วจริง ๆ นะ ไม่ลองให้โอกาสหน่อยเหรอ”“…” พี่โซ่พูดขึ้นหลังจากที่เราอยู่กันสองคน ฉันแค่หันมอ
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ