@มหาวิทยาลัยวันนี้มีเรียนจนถึงช่วงเย็นเลย เป็นวันที่น่าเบื่อมาก ๆ แถมพี่เสือก็ยังส่งข้อความมากวนตั้งแต่เช้า พอไม่ตอบก็โทร เอาสิ!! เมื่อวานยังเงียบ ๆ แต่พอบอกจะให้จีบแล้วเหมือนกลายเป็นคนละคน“พี่ชายนายว่างมากเลยเหรอไทเกอร์”ฉันหันมาถามเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่แต่พี่เสือยังไม่หยุดส่งข้อความมาเลย บางทีก็แอบมีความคิดผุดมาในหัวนะว่าบล็อกดีไหม บล็อกพี่เสือเลยดีไหม ตอนนี้โทรศัพท์ของฉันมันสั่นเหมือนเจ้าเข้าเลย“เหมือนวันนี้เฮียต้องเข้าประชุมผู้ถือหุ้นแทนพ่อนะ”“อย่างนั้นเหรอ”“มีอะไร?”ไม่ตอบแต่เลือกที่จะยื่นโทรศัพท์ให้ไทเกอร์ได้อ่านข้อความที่พี่เสือส่งมาพี่เสือ: คนสวยพี่เสือ: คิดถึงจังเลยครับพี่เสือ: เลิกเรียนขอไปรับได้ไหม ถึงห้ามก็จะไปพี่เสือ: วันนี้พี่อยากเดทกับใจ๋ได้ไหมครับพี่เสือ: เห็นข้อความแต่ไม่ตอบแบบนี้พี่เสียใจนะรู้ไหมไม่ใช่แค่ฉันหรอกที่ถอนหายใจพอไทเกอร์ได้อ่านข้อความก็พ่นลมหายใจออกมาพร้อมส่ายหน้า“อาการหนักอยู่นะแบบนี้”“โทรศัพท์สั่นไม่หยุดเลย นายบอกพี่ชายหน่อยว่าเลิกกวน”“บอกเอง”“เอ๊ะ!! ทำไมไม่ช่วย”“ไหนจะเปิดโอกาสให้เฮีย ทำไม่ได้แล้วจะรับปากทำไม”“ข่าวเร็วจ
พอก้าวขาเข้ามาในห้องยังไม่ทันได้พูดอะไรพี่เสือก็ดึงตัวฉันมาสวมกอด เขากอดแน่นมากจนแทบหายใจไม่ออก พยายามผลักแล้วแต่ไม่ยอมปล่อยเลย“พี่เสือใจ๋หายใจไม่ออก”“อย่าเพิ่งผลักไสพี่ได้ไหม” น้ำเสียงที่สั่นเครือทำให้ฉันต้องหยุดนิ่ง “ขอบคุณที่มา”เหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้ปล่อยให้พี่เสือกอดอยู่อย่างนั้นจนกว่าเขาจะพอใจและมันก็กินเวลานานเกือบยี่สิบนาที คนตัวโตสะอื้นสั่นเทา ไม่มีบทสนทนาใด ๆ มีเพียงเสียงสูดน้ำมูกและสะอื้นเป็นระยะ ๆ“พี่รู้ว่าใจ๋ไม่อยากได้ช่อดอกไม้ที่ทำให้ แต่พี่ตั้งใจทำมากเลยนะ เดินเลือกกุหลาบเองตั้งนาน คัตเตอร์บาดมือด้วย แต่แปลกที่มันไม่เจ็บเท่าตอนนี้เลย”“…” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ พยายามข่มใจ หากให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมตอนนี้ก็คงกลับไปเพราะความสงสารไม่ใช่ความรักอย่างเคยอีกแล้ว“ไม่คิดจะกอดพี่ตอบเลยเหรอ”“…” คนตัวโตประท้วงเพราะฉันเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมตอบโต้และไม่กอดกลับ“มันสมควรแล้วที่เป็นแบบนี้ พี่ไม่โทษใจ๋ ขอโทษที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ พี่หวง หวงรอยยิ้ม หวงทุกอย่างที่เป็นใจ๋”“…”“บอกหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้พี่ยังมีโอกาสอยู่จริง ๆ”“อย่าคาดหวังมากเลยค่ะ ใจ๋รู้ว่าเวลาผิดหวังมันเจ็บแค่ไหน”อยากเตื
@วันต่อมาพี่เสืออาสาพาฉันกับจ๋ายมารับเพื่อน ๆ ที่สนามบิน เพราะทุกคนไม่รู้ว่านี่คือคนที่ทำให้ฉันดาวน์ตอนอยู่ปารีสก็เลยทำตัวปกติ จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดอะไรแค่ไม่พูดเพราะคิดว่าไม่จำเป็น“ฮายจ๋าย คิดถึงแกมากเลย”โรร่ารีบวิ่งมากอดจ๋าย ส่วนแจ็คสันก็เดินตรงมาหาฉันที่ยืนข้างพี่เสือ ทำท่าเหมือนจะกอดแต่พี่เสือดึงตัวหนี“เป็นผู้ชายกอดผู้หญิงต่อหน้าคนเยอะ ๆ มันดูไม่ดี” เพื่อน ๆ ต่างขมวดคิ้วกับคำพูดของพี่เสือแต่ก็ไม่มีใครท้วงอะไร“อื้อทุกคนนี่พี่เสือนะ พี่ชายที่สนิทของจ๋ายกับใจ๋เอง”“ชื่อคุ้น ๆ นะ” เอแม็คพูด เขาคงเคยได้ยินฉันกับจ๋ายพูดคุยกันในช่วงที่ยังอยู่ปารีส“ไปกันเถอะ”“ขอนั่งกับใจ๋ได้ไหมมีเรื่องจะพูดคุยเยอะเลย คิดถึงตัวเล็กสุด ๆ” แจ็คสันก็ยังเป็นแจ็คสัน เขาน่ะจีบเก่งทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าฉันขีดเส้นใต้ไว้แค่คำว่าเพื่อน“ใจ๋เมารถ ต้องนั่งข้างหน้า” เสียงทุ้มเอ่ยขัดทั้งที่ฉันยังไม่ได้ตอบอะไร“แต่ตอนอยู่ปารีสใจ๋ยังนั่งข้างหลังได้เลยนะครับ”“นี่มันที่ไทยไม่ใช่ปารีส”“เดี๋ยวใจ๋นั่งหน้า ๆ ไว้ถึงโรงแรมแล้วเราค่อยคุยกันนะแจ็คสัน”ฉันเลือกตัดปัญหาด้ววการยอม ๆ ตามใจพี่เสือ เหตุผลเพราะไม่อยากให้คิ
Talk - เสือไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเดินมาห่างจากที่พักไกลแค่ไหน อารมณ์ที่เดือดดาลทำให้ไม่สามารถทนเห็นภาพของใจ๋กับไอ้เวรนั่นได้ ยิ่งเห็นเธอปกป้องมันยิ่งเจ็บฉิบหายผมนั่งลงบนพื้นทรายทอดสายตามองตรงหน้าที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืด ในหัวกำลังคิดว่า ถ้าช้ากว่านั้นอีกนิดเดียวใจ๋จะยอมให้มันจูบหรือเปล่าไม่รู้ว่านั่นคือการทำประชดหรือตั้งใจ ไม่รู้เลยว่าโอกาสที่ได้ในตอนนี้มันคือโอกาสให้แก้ตัวหรือแก้แค้นอยู่กันแน่แต่มันก็สมควร เพราะความเจ็บปวดของผมในตอนนี้คงไม่ถึงครึ่งจากสิ่งที่เคยกระทำไว้กับใจ๋ตอนนี้ผมคิดว่าควรจะอยู่ต่อหรือกลับดี ควรกลับไปตั้งหลักก่อนไหมเพราะเสียศูนย์จริง ๆขณะที่กำลังทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างก็มีแสงจากแฟลชโทรศัพท์สาดส่องมายังผมที่นั่งอยู่ท่ามกลางความมืด“หาตัวเจอจนได้” คนที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ คือโอดินเพื่อนของน้องชายผม“ตามมาทำไม”“ผมกลัวเฮียจะคิดสั้น”“กูไม่ได้โง่”“ถอดใจหรือยังครับ”“…”“ไม่ตอบแบบนี้คือลังเลอยู่ใช่ไหม”ผมพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ มันไม่ใช่ว่าถอดใจแค่อยากตั้งหลักใหม่ก็เท่านั้น“อย่าโทษใจ๋เลยครับ เพื่อนผมเจ็บเพราะเฮียมาก็ไม่ใช่น้อย”“อืม”“ใจ๋ไม่ใช่คนเดายากอะไร มองออกง่ายด
คนที่นอนอยู่ด้านล่างยิ้มแป้นราวกับคนละคนที่ต่อยแจ็คสันไปก่อนหน้า ฉันฟาดมือลงบนแผงอกแกร่งแรง ๆ เพื่อดึงสติของอีกคน“มันเจ็บ ทำไมตีแรงขนาดนี้”“กลับไปห้องตัวเอง”“ห้องล็อก”“ทำไมล็อกคะ?”“ไม่รู้”ฉันมองพี่เสืออย่างจับผิดบางทีเขาอาจจะกำลังโกหกอยู่ก็ได้ เรื่องนี้เขาเก่งนี่ฝ่ามือหนาบีบสะโพกของฉันแรง ๆ พอถูกจ้องเขม็งกลับยิ้มให้อย่างชอบใจ“ไม่รู้ตัวใช่ไหมว่ามันจะจูบ” เมื่อถามคำนี้ออกมาคนที่นอนดูด้านล่างกลับแสดงสีหน้าจริงจังไร้ความทะเล้นแบบเมื่อครู่“ทำไมถึงคิดว่าใจ๋ไม่รู้ตัวล่ะ” คำตอบที่ยอกย้อนของฉันทำให้หัวคิ้วหนาขมวดชนกัน “ตอบให้พี่รู้สึกดีหน่อยได้ไหมใจ๋”“กลายเป็นคนงี่เง่าแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรคะ”“ตั้งแต่รู้ใจตัวเอง พี่งี่เง่าขนาดนั้น?”“มากจนใจ๋รำคาญ”“เจ็บ”“ไม่ได้ครึ่งของใจ๋หรอกค่ะ”ลมหายใจร้อนผ่าวถูกพ่นออกมา ตั้งแต่ที่พี่เสือถามคำคำนั้นบรรยากาศในห้องก็เริ่มอึดอัด“ไม่ได้คิดจะแก้แค้นใช่ไหม” ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่เสือจะถามแบบนี้ เขาพร้อมจะฟังคำตอบอย่างนั้นเหรอ“คิดว่าใจ๋จะทำแบบนั้นไหมคะ”“เอาสิพี่เต็มใจ อยากแก้แค้นก็ทำ จะทำอะไรก็ทำให้สาสมกับที่พี่เคยทำไว้กับใจ๋”“เป็นบ้าเหรอคะ ชอบรึไงค
Talk - ใจ๋จำใจต้องเปลี่ยนชุดทั้งที่นัดกับเพื่อนแล้วว่าจะถ่ายรูปด้วยกัน ที่ยอมง่าย ๆ ก็เพราะถ้าดื้อรั้นพี่เสืออาจจะไม่ยอมกลับไปช่วยงานบริษัท“ไม่กลับเหรอคะ” ถามพี่เสือที่ยังนั่งชิลล์ ๆ ไม่เห็นว่าเขาจะเก็บของหรืออะไรเลย“ไล่? อยากให้รีบกลับว่างั้น”“ก็ไหนว่าที่บริษัทมีปัญหา ใจ๋คิดว่าต้องรีบกลับ”“กลับเย็น ๆ”“แต่กว่าจะไปถึงกรุงเทพฯ มันก็ค่ำเลยนะคะ”“อย่าทำเหมือนอยากจะให้พี่กลับขนาดนั้นใจ๋”“…”“ไม่อยากให้อยู่ก็พอรู้ แต่ไม่ต้องแสดงออกมากขนาดนั้น”อะไรกัน! ที่หมายถึงคือหากกลับตอนเย็นกว่าจะไปถึงกรุงเทพฯ คงมืดค่ำขับรถอันตรายไง ตีความหมายไปนู่นเลย แต่ช่างเถอะอยากคิดอะไรก็คิดไป“พูดด้วยก็เหมือนชวนทะเลาะต่อไปใจ๋จะไม่พูดกับพี่เสือแล้ว”รีบเดินออกมายังริมหาดที่เพื่อน ๆ ถ่ายภาพกันอยู่ พอทุกคนหันมาเห็นชุดของฉันก็ขมวดคิ้วทันที“เรานัดกันใส่บิกินี่ไม่ใช่เหรอใจ๋” ยี่หวาถาม“ใส่แล้วมันรู้สึกแปลก ๆ น่ะ ก็เลยเปลี่ยน” ขืนบอกว่าพี่เสือให้เปลี่ยนคงถูกมองอย่างจับผิด“แต่ใจ๋เป็นคนนัดพวกเราใส่เลยนะ แบบนี้ขี้โกง” จ๋ายทำหน้ามุ่ย ก็จริง ๆ นั่นแหละฉันเป็นคนนัดให้ทุกคนใส่ แต่ตัวเองดันไม่ใส่ซะงั้น“ใส่แล้วแปลกยังไ
Talk - เสือ“ผมสอนไปแล้วตอนที่อยู่ฮ่องกง ถ้าฉลาดป่านนี้เธอคงทำงานเป็นแล้ว นี่อะไรเหมือนอยากจับผู้ชายซะมากกว่า”ผมบอกแม่ที่ขอให้สอนงานดาหรันอีกรอบ เพราะน้าญาดาเป็นเพื่อนเข้าใจว่าแม่ไม่อยากขัดแต่มันอดหงุดหงิดไม่ได้“อย่าไปพูดแบบนี้ให้น้ากับน้องได้ยินเชียวนะเสือ”“แม่ก็เลิกบังคับสักที ตอนนี้ผมกำลังตามจีบใจ๋อยู่”“หือ? ตายแล้วลูกแม่แล้วตอนนี้เป็นยังไงน้องใจอ่อนให้หรือยัง” ดูท่าแม่จะตื่นเต้นก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่าใจ๋คือผู้หญิงที่แม่อยากได้เป็นสะใภ้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร“คงจะใจอ่อนหรอก ดูข่าวสิครับ ป่านนี้คะแนนผมติดลบหมดแล้ว”“เดี๋ยวแม่จะช่วยอธิบายให้น้องฟังอีกที”“หวังว่าเธอจะฟัง”“แม่เอาใจช่วยนะเสือ ง้อน้องให้สำเร็จ แม่น่ะชอบหนูใจ๋กับหนูจ๋าย เป็นเด็กน่ารักทั้งคู่เลย ยังไงบ้านเราก็ต้องได้น้องสองคนมาเป็นสะใภ้”“ไทเกอร์มันคงหัวเสียถ้าแม่บังคับ อย่าไปบังคับมันอย่างที่เคยทำกับผม”“เปล่าลูก แม่แค่จะเชียร์ ไทเกอร์กับจ๋ายสนิทกันขนาดนั้นคงมีลุ้น”“ครับ”“ข่าวที่ออกมาแม่สั่งให้เลขาจัดการแล้ว ป่านนี้คงถูกลบไปจนเกลี้ยง”“ขอบคุณครับ”“แค่ยังไงก็ต้องช่วยสอนงานหนูดาหรันนะลูก แม่รับปากน้าญาดาเอาไว้แล้วถ้ากลับ
หงุดหงิดจนร้อนไปหมดทั้งหน้าเมื่อถูกกล่าวหาว่ากำลังหึง ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิดก็แค่ไม่ชอบที่พี่เสือทำนิสัยเจ้าชู้แบบนี้แถมยังยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องสนุก“จะอธิบายหรือแก้ตัวใจ๋ก็ไม่อยากฟัง”“แก้ตัวอะไรพี่ไม่ผิด”“กลับไปได้แล้วค่ะ ตอนนี้ใจ๋ไม่อยากเห็นหน้าพี่เสือ”“เมื่อวานน้าญาดาขอให้ไปส่งดาหรัน พี่ส่งแค่ตรงลิฟต์แล้วก็กลับ ไม่รู้ว่าทำไมนักข่าวถึงเขียนแบบนั้น”“…” ก็บอกว่าไม่อยากฟังยังจะพูดอีกหรือไง“ถ้าหนูไม่เชื่อจะไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ก็ได้”“ไม่ต้องเรียกใจ๋แบบนั้น เก็บไว้เรียกอิหนูของพี่เสือเถอะ”“ก็ใจ๋ไงอิหนูของพี่”“หน้าไม่อาย”“ชอบครับ”“…” มีความสุขอะไรขนาดนั้นทั้งที่ฉันหงุดหงิดจนแทบเป็นบ้า ยิ่งได้ยินคำอธิบายยิ่งรำคาญ พี่เสือล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองจากนั้นก็หยิบเอาแหวนวงหนึ่งออกมา“รับไว้ได้ไหมจะไม่ใส่ก็ได้ วันไหนที่ใจ๋พร้อมจะเดินไปพร้อม ๆ กับพี่ค่อยใส่มัน”“เก็บเอาไว้ดีกว่าค่ะ อย่าเสียเวลารอใจ๋เลย”“สำหรับใจ๋มันไม่ใช่การเสียเวลา”“…”“ครั้งนี้พี่อยากรักษาไม่ใช่ทิ้งขว้าง อยากให้ใจ๋รู้ว่าตอนนี้พี่จริงจังมาก ๆ”“น้ำเน่า”คำพูดสั้น ๆ ของฉันทำให้พี่เสือหน้าเจือนไปเ
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ