และแล้ว ลู่ซิงหว่านย่อมไม่ทําให้ฮ่องเต้ฉู่ผิดหวังแน่นอน[เสด็จพ่อไม่รู้หรอกว่ามีพลังวิญญาณดีแค่ไหน คิดไม่ถึงว่าจะฟังได้ไกลขนาดนี้ หากวันหน้ามีคนมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้า คงไม่มีที่หลบซ่อนแล้วละมั้ง][เมื่อครู่พี่สี่กําลังพูดกับท่านแม่เกี่ยวกับฮองเฮาคนโปรดของท่าน!] ผู้หญิงคนนี้ต่ำช้าจริง ๆ เพียงแค่เห็นพระสนมเหวินเฟยดูดีขึ้นนิดหน่อย ก็ไม่ให้นางมาพบท่านแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินเช่นนี้ก็อดตกใจไม่ได้ เหวินเฟย? นางไม่ใช่ว่าอยู่ในตําหนักหรอกหรือ?[วันนี้ตอนเช้าพระสนมเหวินเฟยร้องไห้สะอึกสะอื้นมาหาท่านแม่ที่ตําหนักชิงอวิ๋น น่าสงสารจัง]ฮองเฮาน่ารังเกียจจริง ๆ ปิดกันพระสนมเหวินเฟยไว้นอกตําหนักหลงเซิง และมหาขันทีเมิ่งกับพระสนมเหวินเฟยก็เดินคนละทางกัน จึงไม่อาจพบพี่ชายของนางได้ทันเวลา[โชคดีที่เสด็จพ่อมีความเมตตากรุณาและให้อ๋องอี้ซวนและพระชายาของเขาไปนั่งเล่นที่ตำหนักหานกวาง]พูดถึงตรงนี้ลู่ซิงหว่านอดไม่ได้ที่จะตบต้นขาของฮ่องเต้ต้าฉู่ เหมือนกําลังชมเขาอยู่ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ นึกถึงฮองเฮาที่ลู่ซิงหว่านพูดถึง นึกถึงเรื่องสนมหลินผินที่นางเล่าให้ตนฟังในตอนบ่าย ในใจ
หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง ฮ่องเต้ต้าฉู่ที่กลับไปที่ตําหนักหลงเซิงเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน ก็เห็นอิ่งอียืนอยู่ในห้องโถงแต่เช้าจึงโบกมือให้เมิ่งเฉวียนเต๋อที่อยู่ข้างหลัง เป็นสัญญาณให้เขาถอยออกไปก่อนอิ่งอีกล่าวตามความจริงว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมตรวจสอบสนมหลินผินแล้ว ข้างกายสนมหลินผินมีนางกํานัลคนหนึ่งจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ วันที่พระสนมเต๋อเฟยเกิดเรื่องนั้นได้ไปพูดคุยกับขุนนางชั้นสูงที่ตําหนักผู่เหวิน และหลังจากพระสนมเต๋อเฟยเกิดเรื่อง นางกํานัลคนนั้นก็ถูกสนมหลินผินจัดการแล้ว”“เรื่องนี้สนมหลินผินได้กราบทูลต่อหวงกุ้ยเฟยแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”อิ่งอีพูดเพียงเท่านี้ ตนเพียงชี้แจงข้อเท็จจริงเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ก็คือเรื่องที่ฝ่าบาทควรไปสืบด้วยตัวเองแล้วไปถามด้วยตัวเองฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินก็เพียงแค่พยักหน้า สั่งให้อิ่งอีออกไปเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่สุดท้ายก็นั่งไม่ติดเขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซ่งชิงเหยียนอย่างไร หรือว่าสนมหลินผินเป็นคนที่นางจัดไปหรอกหรือ? นางเองก็ถือโอกาสนี้แก้แค้นพระสนมเต๋อเฟยหรือไงกัน?ถึงอย่างไรเรื่องเหล่านั้นที่พระสนมเต๋อเฟยเคยทํากับนางในอดีต ถ้านางบอกว่าไม่เกล
ซ่งชิงเหยียนจึงตอบไปตามความจริง “ทูลฝ่าบาท หากบอกว่าไม่คับแค้นใจ นั่นเป็นเรื่องโกหก เมื่อพระสนมเต๋อเฟยอยู่ในตําแหน่งก็สร้างปัญหาให้หม่อมฉันไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหวานหว่านเกือบถูกนางทําร้ายตอนคลอดแล้ว”พูดถึงตรงนี้ซ่งชิงเหยียนก็ส่ายหน้า หัวเราะเบาๆ “แต่ตอนนี้หวานหว่านก็คลอดออกมาอย่างดีแล้ว หม่อมฉันก็สบายดี ฝ่าบาทวางใจเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่มีความคิดที่จะแก้แค้น”เมื่อเห็นนางเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับรู้สึกลังเลเล็กน้อย “ทางฮองเฮาบอกว่า...”หลังจากพูดจบ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็มองไปที่ซ่งชิงเหยียน แต่กลับเห็นดวงตาของนางกําลังจ้องมองมาที่ตนเอง ภายใต้แสงเทียนที่สาดส่องลงมา ทําให้นางดูน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น“วันที่พระสนมเต๋อเฟยถูกทําร้าย คนข้างกายของสนมหลินผินเคยไปหาฟางกุ้ยเหริน และสนมหลินผินก็มาหาเจ้าในภายหลัง”ซ่งชิงเหยียนเข้าใจทันทีว่านี่เป็นแผนของฮองเฮาเพียงแต่แผนนี้ดูไม่มีระดับเอาซะเลยพูดถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็ลุกขึ้นแล้วย่อกายลง เอ่ยปากว่า “คําพูดของฮองเฮาเป็นความจริงเพคะ หม่อมฉันปิดบังฝ่าบาทจริงๆ”ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นดังนั้นก็เรียกนางให้นั่งลง ซ่งชิงเหยียนจึงเอ่ยปาก
ฮ่องเต้ต้าฉู่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น ก็มุ่งตรงไปยังตําหนักเหวินอิงของสนมหลินผินแต่เดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็สั่งว่า “เมิ่งเฉวียนเต๋อ กลับวังหลงเซิงเถอะ”ตัวเองเดินไปมาในตําหนักหลังดึกดื่นเช่นนี้ ไม่ใช่ทําให้ตําหนักหลังไม่สงบหรอกหรือ ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่เถอะทางด้านสนมหลินผิน แน่นอนว่าได้รับเรื่องที่ฝ่าบาทกําลังเสด็จมาที่ตําหนักเหวินอิง จากนั้นก็หันตัวกลับตําหนักหลงเซิง แน่นอนว่าย่อมรู้ว่าฝ่าบาทเสด็จมาจากตําหนักชิงอวิ๋นด้วยความกังวล สนมหลินผินจึงนอนไม่หลับทั้งคืนคนที่เฝ้ายามคืนนี้คือนางกํานัลคนสนิทของนาง เห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็เข้าไปปลอบ “พระสนมอย่าตื่นตระหนกเลยเพคะ หากฝ่าบาทคิดจะลงโทษพระสนม ก็คงจะไม่รอหลังจากคืนนี้หรอกเพคะ”“ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อทางหวงกุ้ยเฟยไม่มีคําพูดใดส่งมาเลย ก็น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”สนมหลินผินเพียงแค่ส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ในใจกลับยากที่จะสงบลงได้ต่อหน้าทุกคนต่างก็คิดว่าตนเองเป็นคนของหวงกุ้ยเฟย หวงกุ้ยเฟยย่อมพิจารณาสถานการณ์ของตนเอง แต่ในใจนางรู้ดี หวงกุ้ยเฟยไม่สนใจการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้นิสัยนางเป็นคนที่ชอบใครก็คบด้วยมาโดยตลอด
รอจนซ่งชิงเหยียนกลับตำหนักชิงอวิ๋นไปแล้ว จิ่นซิ่นและเผยฉู่เยี่ยนจึงได้จัดเก็บข้าวของเรียบร้อย รอให้พระสนมกลับมาเพื่อจะได้ออกเดินทาง“ไทเฮารับสั่ง ให้เราอยู่ต่ออีกสองวัน ควรเอาเสื้อผ้าไปผลัดเปลี่ยนมากหน่อย” ซ่งชิงเหยียนออกจากตำหนัก พร้อมกำชับจิ่นซินโดยธรรมเนียมแล้ว บรรดาเหล่าสนมกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดจะไม่อาจค้างคืนได้ พวกนางจึงต้องตื่นแต่เช้า รีบเก็บข้าวของเพื่อหวังให้พระสนมของกลับไปบ้านได้พูดคุยกับนายท่านและฮูหยินให้นานที่สุด โดยไม่นึกว่าไทเฮาจะมีพระเมตตาเช่นนี้“ไปเถิด อย่ามัวยืนเฉย” จิ่นซินผลักจิ่นอวี้ที่อยู่ข้างกาย “ดีใจจนตาค้างหรืออย่างไร”จิ่นซิ่นจึงได้สติกลับมาพร้อมยิ้มแย้ม “บ่าวดีใจมากจริงๆ เพคะ”ว่าแล้วก็รีบไปเตรียมตัวพร้อมจิ่นอวี้ด้วยความดีใจ ซ่งชิงเหยียนมองดูเผยฉู่เยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าก็ตามข้าไปอยู่หลายวันเถิดนะ”“หม่อมฉันย่อมต้องคอยดูแลองค์หญิงหย่งอันใกล้ชิด” เผยฉู่เยี่ยนคารวะต่อซ่งชิงเหยียน[หัวโบราณนัก]ลู่ซิงหว่านอดไม่ได้ที่จะแอบบ่นทางนี้ซ่งชิงเหยียนพาคนออกจากวังด้วยความดีใจ ส่วนทางตำหนักจิ่นซิ่ว เสิ่นหนิงกำลังหัวหมุนอยู่กับการเตรียมงานฉลองวันคล้ายวันประส
หลานชายคนโตของติ้งกั๋วโหวนามว่าซ่งจั๋วนั้น ปีนี้อายุครบยี่สิบพอดี และหลายวันนี้ ทั้งฮูหยินโหวและสะใภ้คนโตก็กำลังมองหาคู่ครองให้เขาอยู่แน่นอนว่าหากบ้านใดต้องการให้บุตรสาวแต่งเข้าจวนโหวก็จะส่งพ่อบ้านให้มาเจรจาทาบทามว่าไปถ้าพูดถึงในเมืองหลวง จวนติ้งกั๋วโหวก็นับเป็นตระกูลผู้ดีมีศักดิ์สูงแล้วตัวท่านติ้งกั๋วโหวเองก็เป็นถึงแม่ทัพปกป้องชายแดน ตำแหน่งโหวนี้ได้มาด้วยความสามารถในตนเองล้วนๆบัดนี้ยังเป็นถึงท่านตาของรัชทายาท และรัชทายาทก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ผู้คนทั่วเมืองหลวงต่างก็รู้ดียิ่งอย่าว่าแต่ บุตรสาวของท่านติ้งกั๋วโหว ปัจจุบันก็คือพระสนมหวงกุ้ยเฟย ซึ่งฮ่องเต้เคยมีรับสั่ง ว่าเป็นฐานะที่เทียบเท่าฮองเฮาก็ว่าได้ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ตระกูลซ่งของท่านติ้งกั๋วโหว ไม่เคยมีการรับอนุภรรยามาแต่ไหนแต่ไรตัวท่านติ้งกั๋วโหวเองก็ไม่มีอนุ และบุตรชายทั้งสามของเขา ต่างก็เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ล้วนมีแต่ภรรยาเอกเพียงคนเดียวหากได้แต่งเข้าในครอบครัวเช่นนี้ เชื่อว่าลูกสาวจะไม่ถูกรังแกแน่นอนเป็นการดองญาติในอุดมคติโดยแท้ด้วยเหตุนี้ฮูหยินหลินจึงต้องมาออกหน้าแทนบุตรสาวสักครั้ง ฐานะของครอบครัวตนแม้จะด
“ข้ามารบกวนแล้วจริงๆ” ฮูหยินหลินตกใจยิ่งนัก หากขัดขวางขบวนเดินทางของพระสนมหวงกุ้ยเฟย นั่นอาจเป็นผลร้ายมากกว่า “ข้าไม่รู้ว่าวันนี้หวงกุ้ยเฟยจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวน่ะเจ้าค่ะ”เห็นฮูหยินหลินตกใจเช่นนี้ นางเว่ยจึงรีบปลอบโยน “ฮูหยินหลิน อย่าได้เป็นกังวล เราอยู่ต้อนรับพระสนมหวงกุ้ยเฟยพร้อมกันก็ได้ นางเป็นคนไม่ถือตัว”ฮูหยินหลินจึงได้พยักหน้าตกลง พร้อมกล่าวขออภัยอีกครั้งครั้นหันไปมองหน้าลูกสาว ก็เห็นนางแววตาเป็นประกาย คล้ายรอคอยการมาถึงของพระสนมหวงกุ้ยเฟยหลินอิง ก็คือคนที่เคยถูกเสิ่นเป่าเยียนเล่นงานนางสังเกตพระสนมหวงกุ้ยเฟยคล้ายจะพอใจเสิ่นเป่าเยียนมาก แต่ไม่รู้พวกนางไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อใด ภายหลังแอบไปสืบข่าว จึงรู้ว่าพระสนมหวงกุ้ยเฟยผู้นี้นิสัยเป็นคนใจกว้าง มองคนเพียงแค่ถูกชะตาเท่านั้น หากครั้งนี้ตนเป็นที่พอใจของพระสนมผู้นี้บ้าง วันหน้าก็คงไม่ต้องถูกดูต่ำต้อยกว่าเสิ่นเป่าเยียนอีกฮูหยินหลินสองแม่ลูกจึงได้ตามติดครอบครัวติ้งกั๋วโหวไปที่หน้าจวน เพื่อต้อนรับการมาเยือนของพระสนมหวงกุ้ยเฟยซ่งชิงเหยียนไม่เคยยอมให้มารดาแสดงความเคารพตามธรรมเนียม จึงรีบพยุงให้นางยืนขึ้น “ท่านแม่ ข้าเคยบอกก
ซ่งชิงเหยียนไม่รู้ว่ามารดากับพี่สะใภ้ทั้งหลายวันนี้จะดูเรื่องคู่ครองให้แก่ซ่งจั๋วจึงได้ถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ช่างบังเอิญจริง ฮูหยินหลินก็มาถึงจวนได้”ฮูหยินโหวแอบกระซิบที่ข้างหูซ่งชิงเหยียน “พระสนมกลับมาเยี่ยมบ้านกะทันหัน แต่เทียบของฮูหยินหลินได้ส่งมาก่อนแล้ว เราจะไล่แขกก็กระไรอยู่”ซ่งชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ไม่เป็นไร ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าชอบความคึกคัก”แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย ปกติจวนติ้งกั๋วโหวกับตระกูลหลินไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่ แล้วพวกนางจะมาด้วยเรื่องอันใดกันลู่ซิงหว่านดูออกว่าซ่งชิงเหยียนมีข้อกังขาในใจ จึงได้แอบตอบ[ท่านแม่คงไม่รู้ว่าแม่ลูกตระกูลหลินมาทำไม หวานหว่านเดาว่า คงมาเพราะเรื่องแต่งงานของพี่ซ่งจั๋วแน่นอน][ท่านดูอาการเขินอายของหลินอิงสิ สายตาที่จ้องมองพี่จั๋วแฝงไปด้วยความเสน่หาซะขนาดนั้น!][แล้วดูฮูหยินหลิน แววตาที่มองพี่จั๋วก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจและชื่นชม][ท่านแม่ลองถามท่านยายกับท่านอาหญิงดูสิ ต้องใช่แน่ๆ]ซ่งชิงเหยียนได้แต่แอบคิดในใจ ลูกน้อยของตนคนนี้ เมื่อก่อนอยู่ในภพแห่งการบำเพ็ญเพียรก็น่าจะสุขสบายอยู่ เด็กที่เฉลียวฉลาดทั้งยังช่างสังเกตถึงเพียงนี้ ยังมีคนมา