ฮ่องเต้ต้าฉู่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น ก็มุ่งตรงไปยังตําหนักเหวินอิงของสนมหลินผินแต่เดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็สั่งว่า “เมิ่งเฉวียนเต๋อ กลับวังหลงเซิงเถอะ”ตัวเองเดินไปมาในตําหนักหลังดึกดื่นเช่นนี้ ไม่ใช่ทําให้ตําหนักหลังไม่สงบหรอกหรือ ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่เถอะทางด้านสนมหลินผิน แน่นอนว่าได้รับเรื่องที่ฝ่าบาทกําลังเสด็จมาที่ตําหนักเหวินอิง จากนั้นก็หันตัวกลับตําหนักหลงเซิง แน่นอนว่าย่อมรู้ว่าฝ่าบาทเสด็จมาจากตําหนักชิงอวิ๋นด้วยความกังวล สนมหลินผินจึงนอนไม่หลับทั้งคืนคนที่เฝ้ายามคืนนี้คือนางกํานัลคนสนิทของนาง เห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็เข้าไปปลอบ “พระสนมอย่าตื่นตระหนกเลยเพคะ หากฝ่าบาทคิดจะลงโทษพระสนม ก็คงจะไม่รอหลังจากคืนนี้หรอกเพคะ”“ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อทางหวงกุ้ยเฟยไม่มีคําพูดใดส่งมาเลย ก็น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”สนมหลินผินเพียงแค่ส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ในใจกลับยากที่จะสงบลงได้ต่อหน้าทุกคนต่างก็คิดว่าตนเองเป็นคนของหวงกุ้ยเฟย หวงกุ้ยเฟยย่อมพิจารณาสถานการณ์ของตนเอง แต่ในใจนางรู้ดี หวงกุ้ยเฟยไม่สนใจการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้นิสัยนางเป็นคนที่ชอบใครก็คบด้วยมาโดยตลอด
รอจนซ่งชิงเหยียนกลับตำหนักชิงอวิ๋นไปแล้ว จิ่นซิ่นและเผยฉู่เยี่ยนจึงได้จัดเก็บข้าวของเรียบร้อย รอให้พระสนมกลับมาเพื่อจะได้ออกเดินทาง“ไทเฮารับสั่ง ให้เราอยู่ต่ออีกสองวัน ควรเอาเสื้อผ้าไปผลัดเปลี่ยนมากหน่อย” ซ่งชิงเหยียนออกจากตำหนัก พร้อมกำชับจิ่นซินโดยธรรมเนียมแล้ว บรรดาเหล่าสนมกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดจะไม่อาจค้างคืนได้ พวกนางจึงต้องตื่นแต่เช้า รีบเก็บข้าวของเพื่อหวังให้พระสนมของกลับไปบ้านได้พูดคุยกับนายท่านและฮูหยินให้นานที่สุด โดยไม่นึกว่าไทเฮาจะมีพระเมตตาเช่นนี้“ไปเถิด อย่ามัวยืนเฉย” จิ่นซินผลักจิ่นอวี้ที่อยู่ข้างกาย “ดีใจจนตาค้างหรืออย่างไร”จิ่นซิ่นจึงได้สติกลับมาพร้อมยิ้มแย้ม “บ่าวดีใจมากจริงๆ เพคะ”ว่าแล้วก็รีบไปเตรียมตัวพร้อมจิ่นอวี้ด้วยความดีใจ ซ่งชิงเหยียนมองดูเผยฉู่เยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าก็ตามข้าไปอยู่หลายวันเถิดนะ”“หม่อมฉันย่อมต้องคอยดูแลองค์หญิงหย่งอันใกล้ชิด” เผยฉู่เยี่ยนคารวะต่อซ่งชิงเหยียน[หัวโบราณนัก]ลู่ซิงหว่านอดไม่ได้ที่จะแอบบ่นทางนี้ซ่งชิงเหยียนพาคนออกจากวังด้วยความดีใจ ส่วนทางตำหนักจิ่นซิ่ว เสิ่นหนิงกำลังหัวหมุนอยู่กับการเตรียมงานฉลองวันคล้ายวันประส
หลานชายคนโตของติ้งกั๋วโหวนามว่าซ่งจั๋วนั้น ปีนี้อายุครบยี่สิบพอดี และหลายวันนี้ ทั้งฮูหยินโหวและสะใภ้คนโตก็กำลังมองหาคู่ครองให้เขาอยู่แน่นอนว่าหากบ้านใดต้องการให้บุตรสาวแต่งเข้าจวนโหวก็จะส่งพ่อบ้านให้มาเจรจาทาบทามว่าไปถ้าพูดถึงในเมืองหลวง จวนติ้งกั๋วโหวก็นับเป็นตระกูลผู้ดีมีศักดิ์สูงแล้วตัวท่านติ้งกั๋วโหวเองก็เป็นถึงแม่ทัพปกป้องชายแดน ตำแหน่งโหวนี้ได้มาด้วยความสามารถในตนเองล้วนๆบัดนี้ยังเป็นถึงท่านตาของรัชทายาท และรัชทายาทก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ผู้คนทั่วเมืองหลวงต่างก็รู้ดียิ่งอย่าว่าแต่ บุตรสาวของท่านติ้งกั๋วโหว ปัจจุบันก็คือพระสนมหวงกุ้ยเฟย ซึ่งฮ่องเต้เคยมีรับสั่ง ว่าเป็นฐานะที่เทียบเท่าฮองเฮาก็ว่าได้ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ตระกูลซ่งของท่านติ้งกั๋วโหว ไม่เคยมีการรับอนุภรรยามาแต่ไหนแต่ไรตัวท่านติ้งกั๋วโหวเองก็ไม่มีอนุ และบุตรชายทั้งสามของเขา ต่างก็เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ล้วนมีแต่ภรรยาเอกเพียงคนเดียวหากได้แต่งเข้าในครอบครัวเช่นนี้ เชื่อว่าลูกสาวจะไม่ถูกรังแกแน่นอนเป็นการดองญาติในอุดมคติโดยแท้ด้วยเหตุนี้ฮูหยินหลินจึงต้องมาออกหน้าแทนบุตรสาวสักครั้ง ฐานะของครอบครัวตนแม้จะด
“ข้ามารบกวนแล้วจริงๆ” ฮูหยินหลินตกใจยิ่งนัก หากขัดขวางขบวนเดินทางของพระสนมหวงกุ้ยเฟย นั่นอาจเป็นผลร้ายมากกว่า “ข้าไม่รู้ว่าวันนี้หวงกุ้ยเฟยจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวน่ะเจ้าค่ะ”เห็นฮูหยินหลินตกใจเช่นนี้ นางเว่ยจึงรีบปลอบโยน “ฮูหยินหลิน อย่าได้เป็นกังวล เราอยู่ต้อนรับพระสนมหวงกุ้ยเฟยพร้อมกันก็ได้ นางเป็นคนไม่ถือตัว”ฮูหยินหลินจึงได้พยักหน้าตกลง พร้อมกล่าวขออภัยอีกครั้งครั้นหันไปมองหน้าลูกสาว ก็เห็นนางแววตาเป็นประกาย คล้ายรอคอยการมาถึงของพระสนมหวงกุ้ยเฟยหลินอิง ก็คือคนที่เคยถูกเสิ่นเป่าเยียนเล่นงานนางสังเกตพระสนมหวงกุ้ยเฟยคล้ายจะพอใจเสิ่นเป่าเยียนมาก แต่ไม่รู้พวกนางไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อใด ภายหลังแอบไปสืบข่าว จึงรู้ว่าพระสนมหวงกุ้ยเฟยผู้นี้นิสัยเป็นคนใจกว้าง มองคนเพียงแค่ถูกชะตาเท่านั้น หากครั้งนี้ตนเป็นที่พอใจของพระสนมผู้นี้บ้าง วันหน้าก็คงไม่ต้องถูกดูต่ำต้อยกว่าเสิ่นเป่าเยียนอีกฮูหยินหลินสองแม่ลูกจึงได้ตามติดครอบครัวติ้งกั๋วโหวไปที่หน้าจวน เพื่อต้อนรับการมาเยือนของพระสนมหวงกุ้ยเฟยซ่งชิงเหยียนไม่เคยยอมให้มารดาแสดงความเคารพตามธรรมเนียม จึงรีบพยุงให้นางยืนขึ้น “ท่านแม่ ข้าเคยบอกก
ซ่งชิงเหยียนไม่รู้ว่ามารดากับพี่สะใภ้ทั้งหลายวันนี้จะดูเรื่องคู่ครองให้แก่ซ่งจั๋วจึงได้ถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ช่างบังเอิญจริง ฮูหยินหลินก็มาถึงจวนได้”ฮูหยินโหวแอบกระซิบที่ข้างหูซ่งชิงเหยียน “พระสนมกลับมาเยี่ยมบ้านกะทันหัน แต่เทียบของฮูหยินหลินได้ส่งมาก่อนแล้ว เราจะไล่แขกก็กระไรอยู่”ซ่งชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ไม่เป็นไร ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าชอบความคึกคัก”แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย ปกติจวนติ้งกั๋วโหวกับตระกูลหลินไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่ แล้วพวกนางจะมาด้วยเรื่องอันใดกันลู่ซิงหว่านดูออกว่าซ่งชิงเหยียนมีข้อกังขาในใจ จึงได้แอบตอบ[ท่านแม่คงไม่รู้ว่าแม่ลูกตระกูลหลินมาทำไม หวานหว่านเดาว่า คงมาเพราะเรื่องแต่งงานของพี่ซ่งจั๋วแน่นอน][ท่านดูอาการเขินอายของหลินอิงสิ สายตาที่จ้องมองพี่จั๋วแฝงไปด้วยความเสน่หาซะขนาดนั้น!][แล้วดูฮูหยินหลิน แววตาที่มองพี่จั๋วก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจและชื่นชม][ท่านแม่ลองถามท่านยายกับท่านอาหญิงดูสิ ต้องใช่แน่ๆ]ซ่งชิงเหยียนได้แต่แอบคิดในใจ ลูกน้อยของตนคนนี้ เมื่อก่อนอยู่ในภพแห่งการบำเพ็ญเพียรก็น่าจะสุขสบายอยู่ เด็กที่เฉลียวฉลาดทั้งยังช่างสังเกตถึงเพียงนี้ ยังมีคนมา
[แต่ก็ช่างเถิด คนอย่างคุณชายหาน หลินอิงไม่คู่ควรอยู่แล้ว][ในหนังสือนิทานบอกว่าหลังจากพี่ชายรัชทายาทถูกปองร้าย ติ้งกั๋วโหวตายหมดทั้งบ้านแล้ว ตระกูลหานก็เริ่มตกอับเช่นกัน หลินอิงจึงขอแยกทางกับหานซีสือ และออกจากตระกูลหานไป][แต่พูดก็พูด แม่ของนางถือว่าเป็นคนไม่เลวนัก พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลูกสาวกลับไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามี แต่นางกลับไม่เชื่อฟังคำเตือนของแม่นาง][ตอนหลังไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ไปมีความสัมพันธ์กับองค์ชายสาม ยังไม่ทันรอให้พี่ชายรองได้ครองอำนาจเลย นางก็ถูกความโรคจิตขององค์ชายสามทรมานจนเสียชีวิตไปแล้ว ก็ถือว่ากรรมตามสนอง]ซ่งชิงเหยียนฟังคำพูดของลู่ซิงหว่านแล้ว ค่อยๆ เบิกตาโพลงขึ้น นางยอมรับว่าไม่ชอบแววตาเจ้าเล่ห์ของหลินอิง แต่ไม่นึกว่าหลินอิงจะเห็นแก่ผลประโยชน์ถึงเพียงนี้เดิมคิดว่าหานซีสือเป็นคนที่นางชื่นชอบมาแต่เล็ก จึงคิดแย่งชิงกับเสิ่นเป่าเยียนให้รู้แล้วรู้รอดซ่งชิงเหยียนยังเคยคิดว่า นางชอบนิสัยทะเยอทะยานของหลิงอิงเสียด้วยซ้ำ แต่คาดไม่ถึงว่า สิ่งที่หลินอิงต้องการไม่ใช่ความรัก หากแต่เป็นอำนาจต่างหากเมื่อนึกถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็อดมองหลานชายของตนไม่ได้ เขาเป็นคนหนุ
เยว่หลินพาแม่ลูกตระกูลหลินออกไปไม่นาน ก็เจอเข้ากับฮูหยินรองนามกัวหรูพาหญิงสาวผู้หนึ่งเดินตรงมาติ้งกั๋วโหวยังมีน้องชายต่างมารดาอีกคนหนึ่ง นามว่าซ่งจางอิง ก็คือสามีของกัวหรูผู้นี้ในขณะที่ซ่งจางผิงได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงติ้งกั๋วโหว น้องชายผู้นี้กลับไม่ได้แยกบ้านไปอยู่เอง ทั้งสองครอบครัวจึงอยู่บ้านเดียวกันมาโดยตลอด แต่จะว่าไปแล้ว นี่ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอายเรื่องหนึ่งบิดาของติ้งกั๋วโหว ในอดีตเป็นเพียงแม่ทัพเล็กๆ ขั้นสามเท่านั้น แม้ตำแหน่งจะไม่ใหญ่โต แต่มีศรีภรรยาที่ดี ทั้งคู่รักใคร่ปองดอง ชีวิตก็พอมีความสุขบ้างแต่มารดาของติ้งกั๋วโหวคือฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวนั้น กลับมีครอบครัวเดิมที่วุ่นวายนักมีอยู่ปีหนึ่ง ทางบ้านเดิมของฮูหยินผู้เฒ่า หาข้ออ้างให้นางช่วยดูแลน้องสาวซึ่งเป็นอนุภรรยาที่ถูกสามีเก่าทอดทิ้ง พร้อมส่งนางมาอยู่ตระกูลซ่งแทน ติ้งกั๋วโหวในเวลานั้น มีอายุประมาณสิบปีฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนมีเมตตา จึงตั้งใจดูแลน้องสาวในไส้ผู้นี้เป็นอย่างดี โดยหารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วครอบครัวเดิมคิดร้ายต่อนางและสามีต่างหากทางตระกูลจ้าวเสแสร้งบอกว่าที่บ้านเกิดเรื่อง ให้ฮูหยินผู้เฒ่ารีบกลับไปดู
ฉะนั้นครั้งนี้กัวหรู จึงพาบุตรสาวคนรองของพี่ชายตนมีนามว่ากัวเยว่เส้ามาด้วยซึ่งบิดาของกัวเยว่เส้า ก็คือราชเลขากรมคลังกัวผิงตั้งแต่เด็กมา กัวเยว่เส้าถูกเลี้ยงดูตามแบบฉบับของการเป็นพระชายาแห่รัชทายาทมาโดยตลอด เป็นความหวังของกัวผิงที่ว่า วันหน้าจะยกให้เป็นชายาขององค์ชายสามเพราะกัวผิงนั้น เป็นศิษย์เอกของอดีตเสนาบดีชุยเหวินด้วยและความคิดของชุยเหวินกับกัวเผิง ไม่ต้องบอกกล่าวก็เป็นที่รู้กัน ว่าใฝ่ฝันต้องการให้องค์ชายสามเป็นรัชทายาทแทนแต่ต่อมาตระกูลชุยต้องโทษทั้งตระกูล กัวผิงจึงไม่ต้องการให้บุตรสาวที่ฟูมฟักมาอย่างดีไปแต่งงานกับองค์ชายสามอีกเพราะรัชทายาทคนปัจจุบันเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ องค์ชายสามดูอย่างไรก็เป็นคนไม่เอาไหนการเป็นองค์ชายที่ไม่มีอนาคตนั้น ใครก็ไม่อาจคาดเดาถึงความรุ่งเรืองได้งั้นมิสู้เลือกทายาทขุนนางสักคนยังดีกว่า เพราะด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ขอเพียงครอบครัวติ้งกั๋วโหวไม่ทำความผิด อย่างไรก็อยู่สบายไปอีกร้อยปีแน่เดิมทีกัวเยว่เส้าก็แก่กว่าองค์ชายสามถึงสามปีอยู่แล้ว หลายปีนี้เพื่อจะรอองค์ชายสาม เก็บเนื้อเก็บตัวจนเสียเวลาถึงอายุสิบห้าปีในวันนี้ดังนั้นกัวผิงจึงให้กัวหรูช่วย