ตั้งแต่ที่ทะเลาะกันสกาวเดือนยังไม่กลับเข้าบ้าน หลังจากที่ทะเลาะกันเรื่องบัวหอม แดนไตรพยายามติดต่อเธอแต่เด็กสาวกลับไม่รับสาย ความเป็นห่วงและกังวลทำให้เสียยิ่งกว่าตอนหย่าร้างกับภรรยาเพราะต้องคอยห่วงทั้งเมียเก่าที่กำลังแพ้ท้องหนักและเด็กสาวที่หายตัวไป อย่างไรก็ตามเขาได้เข้าแจ้งความในทันทีที่ขาดการติดต่อกับลูกบุญธรรมครบยี่สิบสี่ชั่วโมง หลังจากรู้ว่าเธอไม่กลับบ้านก็ได้มีการออกตามหาทุกๆสถานที่ที่คาดว่าเด็กสาวน่าจะไป ทั้งวัด โรงเรียน มูลนิธิแต่ก็ไม่พบ เด็กสาวไม่มีที่ไปที่ไหนและเธอเป็นครอบครัวของเขาเพียงคนเดียวที่มีอยู่เมื่อจนปัญญาจะตามหาตัวเขาเลยหันไปขอความช่วยเหลือจากสิรินนภาเพื่อนรักที่เด็กสาวให้ความไว้ใจ สองสาวสนิทสนมกันเพราะเป็นลูกศิษย์อาจารย์ ความร้อนใจทำให้แดนไตรลืมมองเวลาว่าตอนนี้มันเป็นเวลาเที่ยงคืนและตอนนี้เพื่อนสนิทของเขาก็ได้แต่งงานย้ายไปอยู่กับสามีที่ขี้หึงขี้หวงยิ่งกว่าอะไร แต่ปากแข็งไม่ยอมรับตัวเองสิรินนภาลุกออกจากอ้อมแขนของสามีกลางดึกภายหลังได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือ เป็นเบอร์ของเพื่อนรักที่โทรมาตอนกลางดึก “ว่าไงตุ่น” หญิงสาวพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุดเพื่อที่ว่าจะไม่รบกวนสามี
“ทุกอย่างมันเป็นเพราะแกนั่นแหละที่ผลักไสลูกจันให้ออกจากบ้าน ฉันหวังดีก็เลยพามาพักให้สบายใจ เพราะแกเลือกบัวหอมที่เป็นคนอื่น ที่หย่ากับแกไปแล้วแทนที่จะเข้าข้างคนในครอบครัว อ๋อ ใช่สิลูกจันไม่ใช่คนในครอบครัวแก แกเลือกบัวหอม แต่แกมองเด็กคนนี้เป็นภาระเลยจะผลักไสเด็กคนนี้ยังไงก็ได้!” จงใจยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความแตกร้าว โดยที่สกาวเดือนได้แต่กอดสิรินนภาไว้แน่น ร้องไห้ทั้งกลัวทั้งตกใจกับเสียงดุดันที่ได้ยินแดนไตรเถียงไม่ออกเพราะเขาเลือกบัวหอมจริงอย่างที่ว่า แต่ก็ใช่ว่าเขาจะผลักไสเด็กคนนี้ออกจากชีวิต ลูกจันไม่เคยเป็นภาระของเขาแต่เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆที่จะดูแลตลอดไป ในใจของคนเป็นพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูทะนุถนอมเธอมาเหมือนไข่ในหินนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนร้างรากับภรรยา เพราะเขาเองที่แสดงออกให้เธอเห็นว่าเข้าข้างบัวหอมซึ่งตอนนี้หย่าร้างเป็นคนอื่นไปแล้ว เป็นเขาเองที่ยังอยากจะกลับมาคืนดีกับอดีตภรรยาทั้งๆที่เด็กสาวคัดค้านเพราะกลัวเขาจะเสียใจอีก เพราะเขาเลือกคนอื่นเธอถึงหนีเตลิดมาเสียผู้เสียคนในโรงแรมที่เหม็นคาวข้างทางแบบนี้ เด็กสาวที่ควรจะสดใส วัยแค่สิบแปดต้องมาถูกย่ำยีอยู่โรงแรมข้างทางแบบนี้ในขณะที่อีกฟาก
สิรินนภาร้องไม่ออก ตื่นกลัวกับความมืดเปลี่ยวของทาง แต่พยายามเดินเข้าหาแสงไฟส่องสว่างที่อยู่ห่างไกลลิบๆ ตกลงว่าคืนนั้นเธอได้โบกรถพ่อค้าแม่ค้าที่จะเข้ามาซื้อผักในตลาดไปขายตามหมู่บ้าน แต่กว่าจะถึงบ้านก็ต้องเดินต่อจนเท้าระบมเพราะทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าถือ และกระเป๋าใบน้อยอยู่ในรถของสามี กว่าเที่ยงคืนร่างบางเดินโผเผมาถึงบ้านเรือนหอ เธอร้อนใจหวังจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง แต่ฝ่ายชายที่กลับเข้ามาก่อนได้ลงกลอนประตูจนหนาแน่นไม่ให้เธอเข้าไปได้“คุณเบลคะ คุณเบลฟังรีนก่อน” หญิงสาวรีบละล่ำละลักเข้าไปอธิบายเมื่อเห็นร่างสูงเดินหอบกระเป๋าใบใหญ่ลงมา พอมองสำรวจถึงเห็นว่าเป็นกระเป๋าบรรจุข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอเอง “นี่คุณเก็บของไล่รีนออกจากบ้านเหรอคะ” เขาไม่ตอบซ้ำยังไม่ปลายตามอง หันหลังเตรียมจะเดินกลับเข้าบ้านจนสิรินภาต้องรับวิ่งมารั้งแขนไว้ แต่กลับถูกสะบัดแขนออกห่างจนหน้าหงายแทบล้ม“ไม่นะคะ มันดึกแล้วรีนจะไปอยู่ที่ไหน...โอ้ย!” คำตอบคือการโยนกุญแจรถเก๋งส่วนตัวใส่หน้าของเธอและสายตาเย็นชาเหน็บหนาว“เอารถคันนี้ไป ผมยกให้ ถือเป็นสมบัติจากผัวคนนี้ก็แล้วกัน แต่คุณจะไม่มีวันได้อะไรจากผมอีก แม้แต่เศษเงิน” เขาป
“หนูคิดถึงแม่...หนูคิดถึง...คิดถึงพี่ตุ่น” หญิงสาวเริ่มเพ้อ สะลึมสะลือง่วงนอนคงเพราะยาพาราที่กินไปก่อนหน้าถึงสามเม็ด ง่วงจนตาแทบปิด อ่อนล้าแต่ความเครียดมันทำให้สมองหลับไม่ลง แต่ก็ไม่อาจลืมตาตื่นขึ้นได้แม้ประสาทสัมผัสจะรับรู้ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในบ้านของเธอ สายตาฉ่ำพยายามปรือมองไปทางประตูที่กำลังเปิดออก เพ่งมองว่าเป็นใครที่เปิดประตูเข้ามา แต่ก็มองไม่ชัด เห็นรางๆว่าเป็นร่างสูง จนกระทั่งฝ่ามือหนาๆหนักๆทาบทับลงที่แก้มบางใสร้อนฉ่าของเธอ ความอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้รู้ว่าเขาเป็นใคร“พะ...พี่...พี่ตุ่น” ความสะลึมสะลือทำให้ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือความฝัน ถ้ามันเป็นฝันก็ช่างเป็นฝันที่ดีเหลือเกิน พี่ตุ่นกลับมา เขานั่งลงข้างเธอลูบหน้า เช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน อมยิ้มละมุนและจูบเบาๆปลอบใจคนล้มเหลวอย่างเธอ หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวลอยล่องอยู่ในอากาศอันบางเบา ก่อนที่ภาพเบลอทุกอย่างจะตัดขาดเป็นจอดำบัวหอมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตีสาม เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียงทำลายความมืดมิด เอะใจเล็กน้อยว่าทำไมถึงได้มานอนเหยียดสบายอยู่ที่เตียงกว้างทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอนอนอยู่ที่โซฟารับแขก เสียงท้องเริ่มร้องประท้วงขออา
ถึงแม้จะเป็นห่วงแค่ไหนแต่ด้วยสถานะหย่าร้างตามกฎหมายทำให้บัวหอมและแดนไตรต่างพยายามยั้งจิตยั้งใจไว้ ผลตรวจอาการท้องแข็งและมีเลือดซึมไม่มีอะไรน่าห่วงสำหรับอายุครรภ์ย่างเข้าเดือนที่สี่ อดีตสามีภรรยาเลยแยกจากกันอย่างเงียบๆ เพราะเลขาส่วนตัวของชายหนุ่มโทรศัพท์มาตามให้เข้าพบนักลงทุนจากเยอรมันตามตารางนัด ในขณะที่บัวหอมแยกกลับเข้าไปทำงานที่บริษัทแม้จะยังเจ็บท้องอยู่ แม้จะต้องการให้ชายหนุ่มมาดูแลใกล้ชิด แต่ก็ทำได้เพียงเก็บเก็บความทุกข์ตรมขมขื่นด้วยความเหงาและอ้างว้างตอนนี้ชีวิตเธอตัวคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบงานบริษัทก็ยุ่งวุ่นวายขึ้นทุกวัน ปัญหาชีวิตที่รุมเร้าทำให้บางครั้งอดที่จะคิดถึงเจ้าชายในฝันของเธอ คนท้องอารมณ์มักไม่ค่อยปรกติ บ่อยครั้งที่อยากจะใช้ลูกเป็นข้ออ้างในการดึงเขากลับมาแต่อีกใจก็ไม่กล้า สุดท้ายคนบอกเลิกเองกลับต้องเสียใจเอง แต่ครั้นจะหวนกลับไปเอาคำว่ารักมากล่าวอ้างให้เขายอมคืนดีก็ละอายแก่ใจตัวเอง เพราะเหตุผลที่เขาทำทุกอย่างนั้นมันสวยหรูราวกับเทพบุตร เขาเหนื่อยเพื่อเธอ ลำบากใจเพื่อเธอ ยอมเป็นคนเนรคุณในสายตาอคติของเธอเพราะความกตัญญูต่อครอบครัวของเธอ แต่ความหวังดีสุดหัวใจกลับแปดเปื้อน
คราวนี้บัวหอมเงียบเสียงลง ไม่มีแรงเหลืออีกแล้วสำหรับการพร่ำถามที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ มือบางยกขึ้นทาบทับฝ่ามืออบอุ่นที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้าให้เธอใหม่ ก่อนจะขยับขึ้นไปไล้ลูบไปที่แก้มสากจากไรเคราสีเขียวที่พึ่งโกนเมื่อเช้า หญิงสาวยิ้มออกมาพร้อมน้ำตาที่ร่วงหล่น พี่ตุ่นคนดี รูปงามราวแกะสลัก จิตใจเขาหล่อสมหน้าตาและยังเป็นคนใจเย็น ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ทำร้ายกันลงทั้งๆที่รักเขามากมายขนาดนี้ เธอมันโง่เองที่ทำทุกอย่างพังลง ทำร้ายคนดีๆที่รักเรา ช่างโง่เขลาฝ่ามือบางเคลื่อนมาทาบอกแกร่ง กดน้ำหนักเคล้นคลึงเพื่อให้แน่ใจว่ากายกำยำตรงหน้ามีเลือดเนื้อและชีวิต ก่อนจะค่อยๆลากผ่านลงมาเพื่อหาจังหวะสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้า แดนไตรหายใจติดขัดกับสัมผัสอ่อนแรงที่โหยหาจากบัวหอมมานาน รีบขยับกายเข้าไปหามากขึ้นเพื่อให้เธอลูบไล้ได้ถนัดถนี่กว่าเดิม เขาแพ้เสน่ห์ของหญิงสาวก็เพราะแบบนี้ มันดีเหลือเกินยามเมื่อฝ่ามือบางลากไล้ไปตามลอนลีนของกล้ามเนื้อ“จูบบัวหน่อยสิคะพี่ตุ่น” บัวหอมเผยอปากเชิญชวน “กอดบัวแน่ๆหน่อยค่ะ” เสียงอ้อนไม่หยุดอ้อนและเรียกร้อง “จับตรงนั้น หอมบัวหน่อยค่ะ” เรียกร้องมากขึ้นและมากขึ้น แต่แดนไตรก็ตอบสนองอย่างเอาใจใ
ชายหนุ่มเข้าครัวทำมื้อเช้า โจ๊กใส่ไข่ ไม่ผัก ไม่ขิงเป็นโจทย์ที่ตีแตกที่สุดสำหรับผู้ป่วย เขาเองก็เริ่มมีอาการปวดเบ้าตา แสบจมูกและเจ็บตึงที่คอ คงเพราะติดไข้หวัดจากการคลุกคลีลึกซึ้ง กันทั้งคืน ใช้เวลาต้มโจ๊กไม่นานนักค่อยยกมาบริการถึงเตียงนอน“พี่ตุ่น” สาวสวยตื่นขึ้นในตอนที่เขาเข้ามาในห้อง เป็นการตื่นที่สดชื่น ยิ้มหวานอรุณสวัสดิ์ ก่อนจะลุกมาสวมกอดเขาแนบแน่น “น้องบัวคิดถึงพี่ตุ่น” รีบบอกอย่างลิงโลด ปราศจากทิฐิ หลายเดือนที่ขาดเขามันแทบขาดใจ“พี่ทำโจ๊กมาให้ กินก่อนสิจะได้สบายท้อง” บอกกับคนที่กอดตนไม่ยอมปล่อย ดีที่ถ้วยโจ๊กไม่คว่ำใส่“พี่ตุ่นป้อน” ออดอ้อนมือกาวไม่ยอมผละออก ซ้ำยังกอดฝังตัวเข้ามาราวกับอยากจะหลอมเป็นคนเดียวกัน จมูกดมฟุดฟิดเพื่อเอากลิ่นผู้ชายเข้าไปให้เต็มปอดเต็มใจ ช่วงเวลาที่ขาดเขามันหนาวเหน็บและเธอขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเสียเขาไปอีกด้วยเหตุผลโง่ๆอะไรก็ตาม“ครับ เดี๋ยวพี่ป้อนนะ” อ้อมแขนแกร่งทำหน้าที่รองรับร่างบาง ในขณะที่มือก็เริ่มตักอาหารป้อนหญิงสาวที่อยู่ๆก็อยากจะเป็นง่อยให้เขาดูแล กินไปได้หนึ่งคำ คนป่วยงอแงขอรางวัลเป็นหนึ่งจุมพิต แดนไตรยิ้มละมุนยินยอมมอบจูบเบาๆทุกๆครั้งที่เ
อย่างที่ทุกๆคนกังวลว่าการกลับมาดูแลกันระหว่างแดนไตรกับบัวหอมจะทำให้สกาวเดือนรู้สึกไม่ดี เด็กสาวที่หายออกไปจากบ้านหลายคืนกลับมาก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเพราะในใจคัดค้านสุดชีวิต เจ็บแค้นที่บัวหอมมาแย่งพี่ตุ่นที่เป็นของเธอไป แย่งความรักที่เธอเคยได้รับเพียงหนึ่งเดียว ในตอนที่แดนไตรมาบอกกับเธอถึงเจตนาที่จะกลับไปดูแลบัวหอมที่กำลังท้องลูกของเขามันยิ่งทำให้เด็กสาวเครียดแค้น แม้เธอจะไม่ยอมตอบอะไรสักคำแต่ก็ไม่ได้ยอมรับที่เขาจะทำเหมือนว่าพอได้ลูกใหม่ ลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจริงๆ ก็จะทอดทิ้งเธอซึ่งเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง ประกอบกับได้รับคำยุยงจาอติชนมาว่าบัวหอมจะมาทำให้พ่อของตนเจ็บช้ำอีก ความกลัวว่าพ่อจะเสียใจอีกเลยทำทียินยอมไม่โต้แย้ง เก็บกลืนความไม่พอใจไว้ภายในไม่ให้ใครรู้ว่ากำลังคอยกันท่า“หนูจะทำยังไงดีคะคุณอาร์ต พี่ตุ่นเขามาคุยกับหนูเรื่องจะแต่งงานใหม่อีกครั้งกับคุณบัว” เด็กสาวโทรปรึกษาอติชนด้วยความร้อนรนใจ พักนี้เธอไว้ใจเขามากยิ่งกว่าใครเพราะเขาเป็นคนที่อยู่เคียงข้างและช่วยคิดหาทางที่จะทำให้เธอไม่เสียแดนไตรไป“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน....” ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนจะบอกแผนการขั้นสุดท้ายที่ตั
“ผมไม่ยอมนะลูกจัน” น้ำเสียงเข้มข้นและสายตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ทั่วทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง ถึงคราวมารร้ายโดนหลอกหลอนคืนบ้างยาม“เป็นไงล่ะคุณอาร์ต ของแบบนี้ถ้าไม่มีลูกสาวไม่เข้าใจหรอก เริ่มกลัวหรือยังว่าตอนลูกจันผมเจ็บใจคุณขนาดไหน”“กลัวแล้วครับ นี่ให้ผมมีความสบายใจหน่อยเถอะ ต้องหวงทั้งเมียต้องห่วงทั้งลูกแบบนี้” มืออีกข้างคว้าเอวคอดกิ่วของสกาวเดือนเข้ามากอดไว้แน่นทั้งยังหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ไม่มีเขินอายสาตาอีกหลายคู่มองมา“ปะป๊าคิสมะม๊า” ยัยหนูเพียงดาวพูดอ้อแอ้ตามที่เห็น ตาแป๋วใสซื่อก่อนจะหัวเราะชอบใจแม้ว่าไม่เข้าใจความหมายอะไรนอกจากปะป๊ารักมะม๊า ก่อนจะโน้มตัวเอียงคอซบไหล่พ่ออาร์ตออดอ้อนให้เขาแสดงความรักต่อเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้าน“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารวันนี้เดี๋ยวกินข้าวเย็นด้วยกัน บัวไปกับพี่นะ” อยู่ๆก็เกิดอาการอยากจูบภรรยาจึงต้องหาข้ออ้างชวนเธอมาอยู่ตามลำพัง กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ รีบอุ้มหนูน้อยอัยยามาวางใส่แขนของนพพลผู้เป็นพ่อทูนหัว “อยู่กับลุงเบลห้ามดื้อนะอัยยา เดี๋ยวปะป๊าไปซื้ออาหารอร่อยๆมาให้กินนะ” เด็กหญิงว่านอนสอนง่ายพูดอะไรไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี
วันหยุดยาวสิ้นปี บ้านวิริยะกิจวันนี้คึกคักไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็พาครอบครัวมารอต้อนรับสกาวเดือนกลับจากอังกฤษ หนูน้อยอัยยาลูกสาวคนเดียวของแดนไตรและบัวหอมมีการแสดงโชว์เล็กๆเป็นการร้องเพลงแบบเด็กๆสร้างสีสันให้บรรยากาศอบอุ่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แดนไตรมีสถานะเป็นคุณตาทันทีที่ลูกสาวบุญธรรมให้กำเนิดทารกเพศหญิง เด็กหญิงเพียงดาว เด็กไทยที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษในระหว่างที่พ่อและแม่ของเด็กไปเรียนต่อ เด็กหญิงเป็นขวัญใจของคุณตาและคุณปู่คุณย่าที่เฝ้ารอหลานมาถึงสามปีและอีกปีกว่าที่อติชนจะยอมพาลูกสาวมาเมืองไทย เพราะรอให้สกาวเดือนเรียนจบปริญญาโทก่อน “อัยยา รักน้องให้มากๆนะหนูเป็นพี่คนแล้วรู้ไหม” แดนไตรสอนลูกสาวด้วยเสียงที่สอง อ่อนโยน ออดอ้อนแก้วตาดวงใจของพ่อ เด็กหญิงอัยยาวัยห้าขวบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตน้องน้อยวัยขวบเศษที่กำลังนั่งทำหน้างงว่าคนพวกนี้เป็นใครและยังเจ็ตแหลกจากการบินข้ามทวีปมาถึงเมื่อเช้า จากนั้นหนูน้อยหันมาจุ๊บปากปะป๊าตุ่นสลับกับหม่ามี๊บัวเพื่อให้เสมอกันทุกคนความน่ารักของหนูน้อยอัยยาทำให้นพพลและสิรินนภาที่ไม่มีลูกสาวตื่นเต้นระคนอิจฉา “วันนี้ทำลูกสาวกันนะ” จนชา
จดจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง “คุณเบล...รีนท้อง” เค้นเสียงเจ็บใจที่สุดท้ายเป็นเธอเองที่คว้างงูไม่พ้นคอ ตั้งใจจะตัดขาดกับเขาอีกสักหนึ่งปีเพื่อให้ต่างคนต่างไปทบทวนตัวเอง ก็พังไม่เป็นท่าเพราะผลพวงจากค่ำคืนนั้นเขายัดลูกเข้ามาในท้องเธอด้วย!“อะไรนะ?” เหมือนฝันไปที่ได้ยินเรื่องท้อง “รีนท้องเหรอ”อึ้งสักพักก่อนจะลำพองใจยิ้มกว้างขนาดตอนนั้นป่วยอยู่แท้ๆยังน้ำยาแรงขนาดนี้ ครั้งเดียววันนั้นส่งผลต่อวันนี้ พอได้สติว่าไม่หูฝาดก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจอึกทึก ยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะหมุนไปรอบๆ “ไชโย” ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้ “ผมดีใจที่สุดเลยรีน ขอบคุณรีนมากเลยนะที่เอาข่าวดีแบบนี้มาบอกผม” ก่อนจะระดมจูบทั่วใบหน้านวลที่กำลังชื้นไปด้วยน้ำตา ในความทรงจำลางๆเขายังนึกได้ถึงความรู้สึกตอนนั้นว่ามันตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าชุดทดสอบได้ปรากฏผลว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเขาก็ดีใจได้อยู่ไม่ทันข้ามคืนเพราะเข้าใจว่าเธอเข้าโรงแรมกับชายชู้เสียก่อน“คุณไม่ว่าเป็นลูกคนอื่นแล้วเหรอ” ถามด้วยความแค้นไม่หาย “คราวนี้จะว่าลูกในท้องฉันเป็นลูกของตุ่นไหม” ทำท่ายกกำปั้นขู่ชายหนุ่มรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งรวบมือบางที่ต้อง
หนึ่งปีที่ตั้งมั่นให้นพพลพิสูจน์ตัวเอง เอาเข้าจริงคนที่ตั้งกฎขึ้นมาเองกลับทำได้เพียงแค่สองเดือน เพราะอยู่ๆเช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวและอาเจียนมากกว่าทุกวัน เลยตัดสินใจลางานเพื่อไปพบแพทย์ พอไปโรงพยาบาลกลับต้องตกใจกับคำวินิจฉัยจากหมอหลังตรวจอาการและขอปัสสาวะ มือบางกำผลตรวจไว้แน่นด้วยความโมโหอยากจะฆ่าคน ก่อนจะรีบเดินทางไปหานพพลถึงบริษัท หญิงสาวเดินอาดๆมาหาเขาถึงห้องทำงาน ทันทีที่มาถึงก็อาละวาดโวยวายขว้างปาข้าวของใส่คนที่กำลังตกใจและทำอะไรไม่ถูก“คนใจร้าย! คนเห็นแก่ตัว คุณเบลร้ายกาจที่สุด คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจคนอื่น” รัวเสียงดุด่าเป็นชุดพร้อมทั้งร้องไห้โฮๆไม่อายเลขาสาวที่วิ่งตามเข้ามานพพลหน้าเหวอที่ถูกบุกมาโวยวายถึงห้องทำงาน ก่อนจะหันไปโบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวคนนั้นออกไปก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหานางร้องไห้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคนดี” บอกเสียงอ่อนยอมแพ้คนเจ้าน้ำตา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จากหมาป่าล่าเนื้อกลายมาเป็นลูกหมากลัวเมีย การที่เธอมาเจอเขาแบบนี้จะถือว่าผิดกฎการลงโทษหนึ่งปีที่เธอวางไว้หรือเปล่า แล้วถ้าผ
“คุณเบลคะ เรื่องของเรามันจบแล้วนะคะ” เสียงหวานหยดใจเย็นแต่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวจนหัวของคนฟังชาหนึบ“จบ จบอะไร เมื่อกี้เรายัง...” เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รู้สึกเหมือนใจจะขาด แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิง จะจบได้ยังไงในเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังโอนอ่อนตามใจเขาอยู่เลยสิรินนภาถอนใจยาว “รีนไม่ห้าม ถ้าคุณเบลเขาจะมาพบลูก เพราะลูกเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว แต่เราเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของกันและกันอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณขับไล่รีนออกจากบ้าน”“ทำไมต้องทำแบบนี้ละรีน ผมนึกว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ครางเสียโหยกับคมมีดที่ย้อนกลับมาสร้างแผลให้ตนเอง“คุณคิดว่าแค่การนอนด้วยกันคืนเดียว ทุกอย่างที่คุณทำกับรีนมันจะจบเหรอคะ รีนทำแบบนี้กับคุณเพราะอยากจะให้คุณเข้าใจอะไรใหม่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายนะคะที่จะต่อรองหรือจัดการอะไรกับผู้หญิงก็ได้ บางเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยเป็นฝ่ายถูกเรียกหาเสมอไป”“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะรีน คุณมีค่าสำหรับผม วันนี้ผมเลยไมอยากเสียคุณไป”“สำหรับคุณ ถ้ารักของรีนมีค่ามากพอ คุณคงไม่ทำเรื่องวันนั้นตั้งแต่แรก และอีกอย่าง รีนไม่อยากให้คุณเสียเวลากับคนที่คุณไม่ได้รักแต่แต่งงานกันเพราะหน้าที่และเพื่ออำนาจที
สิรินนภาห่อกายหลบความหนาวร้อนสลับกันยามเมื่อฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ผิวกายนวลนุ่มของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอาการทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้กายของเธอเปล่าเปลือย เสื้อผ้าที่สวมมาถูกเขาปลดเปลื้องออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เวลาที่แน่ชัด หรืออาจจะเป็นเธอเองที่ปลดเสื้อผ้าออก“หนาว...” ส่งเสียงผะแผ่วทักท้วงออกมา พร้อมทั้งพยายามคว้าผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างกายและซุกหน้าลงกับกองผ้าห่มรกๆ ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนักแต่ร่างกายมันสั่นสะท้านเพราะเขินอายสายตาลึกล้ำจากเขาต่างหาก“ก็กอดผมแน่นๆสิ” รั้งมือบางขึ้นมากอดคล้องบ่าของตน สายตาของเขาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาป่าแต่ก็เสน่ห์ล้นเหลือจะทัดทาน เพียงสบตามากเสน่ห์กล้ามเนื้อทุกส่วนของหญิงสาวก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ยินยอมให้เขาเข้ามาจัดระเบียบร่างกายตามอำเภอใจ ชายหนุ่มฮึกเหิมย่ามใจเมื่ออีกฝ่ายไร้เรี่ยวงแรงขันขืนและไร้เสียงทักท้วง ไฟพิศวาสถูกจุดติดอย่างง่ายดายเพราะความโหยหาห่างหาย เรียวขาบางถูกชันตั้งขึ้นให้ได้มุมเหมาะสมสำหรับการสัมผัสแนบชิดสิรินนภาสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับกิจกรรมลึกซึ้งที่ห่างหายไปนานปี สัมผัสของเขามันทำให้อบอุ่นละคนเหน็บหนาวที่ใจ คนๆนี้ที่เห็นเธอ
“ไม่ได้ค่ะ คณบดีโทรตามโครงการวิจัยที่ฉันกำลังรับผิดชอบอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกจากห้องไป“รีนครับ” พยายามร้องเรียกแต่เสียงก็แผ่วลงเหลือเกินร่างบางเดินกลับมายืนหน้าประตู มองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย กับเขาดีๆ “อาหารอยู่ในตู้เย็น คุณเอามาอุ่นไมโครเวฟแล้วกินนะคะ อย่าลืมกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งนะคะ”แต่ไหนแต่ไรนพพลไม่เคยที่จะทำตามคำบอกของใครง่ายๆ แม้จะเกรงใจหญิงสาวแต่ก็ไม่อยากจะรีบหายจากอาการบาดเจ็บนักเพราะยังต้องการพยาบาลสาวเนื้อหวานอยู่ วันนี้ทั้งวันนพพลเลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ลุกไปไหน ไม่กินข้าวและไม่กินยา รอคอยให้เธอกลับมาป้อนและดูแลนพพลพึ่งรู้ว่าตนมีความอดทนค่อนข้างสูงก็วันนี้ เขาสามารถรอจนตกเย็นและมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงรถข้างบ้าน จากนั้นตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงของสตรีที่เข้ามาในตัวบ้าน“คุณเบล คุณเบลคะ” สิรินนภาเรียกเขาไปตามทาง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา วันนี้ตลอดทั้งวันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ทำงานไม่มีสมาธิ สอนหนังสือก็ยังพะวงแต่คนป่วยว่าเขาจะเจ็บแผลไหม กินข้าวหรือยังได้กินยาบ้างหรือเปล่า อาการเหมือนเมื่อครั้งตอนคลอดน้องโรมช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่มีผิด“
นพพลปรือตามองไปรอบๆเพื่อหาอดีตภรรยา ปวดหัวระบมราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แน่ล่ะเขาโดนของแข็งมา จนเย็บหลายเข็มด้วย “เอาไว้ก่อนเถอะครับ ผมกินไม่ไหว” ตอบเหนื่อยๆ ปวดตึงสลับกับรวดร้าวไปตั้งแต่กลางหัวจรดสันกราม ไม่อยากขยับอ้าปากด้วยซ้ำ“เดี๋ยวรีนป้อนค่ะ กินสักหน่อยเถอะนะคะ” เป่าข้าวต้มเพื่อคลายความร้อนก่อนจะค่อยๆป้อนช้าๆ“มันร้อน เอาไว้ก่อนนะครับ” หลับตาตอบหลังกินไปหนึ่งคำสิรินนภาอ่อนใจ รู้สึกผิดมากขึ้นที่ทำเขาเลือดตกยางออก นพพลเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง บอบบางเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมประสาลูกชายคนเดียวตระกูลเชื้อสายขุนนางในรั้วในวัง เขาไม่เคยถูกทำร้ายให้เจ็บปวดเพราะมีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่เรื่องในอดีตก็ส่วนอดีตแม้มันจะมีผลต่อปัจจุบันแต่ก็ไม่ต้องทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้ก็ได้ เป็นอีกครั้งที่เธอเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั่งเฝ้าไข้ไปสักพักคนเจ็บเริ่มเพ้อเพราะยาชาหมดฤทธิ์ แผลอักเสบขึ้นจนมันเริ่มปวดตุบๆ หญิงสาวจัดยาแก้อักเสบให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอ “หนาว...หนาวรีนครับ ผมหนาว รีนอยู่ไหน รีน” ห่อกายกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ พิษไข้เล่นงานจนตัวสั่นน่าสงสาร“คุณเบล รีนอยู่นี่นะคะ” รี
“ริ...รีนครับ” มือสั่นเทาจับปากแผลที่ถูกสันแฟ้มอลูมิเนียมหนาๆฟาดลงมาจนเนื้อปริ เจ็บปวดกายแต่ไม่โกรธและไม่ถือโทษเพราะที่เขาทำมันหนักหนากว่าที่เธอประทุษร้ายมากนัก“รีน...” เสียงทุ้มพึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่หยุดปากจนอีกฝ่ายหันมาดู เห็นเลือดออกมากกว่าที่คิดไว้มาก มันไหลย้อยตามซอกนิ้วที่กำลังอุดบาดแผลจนเปรอะนพพลรีบคว้ามือเรียวมาบีบไว้ เขาเจ็บไม่เป็นไร แต่ขอให้เธอไม่ไปไหน “อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมไป” สติพร่าเลือนกับเลือดเป็นสายที่พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แฟ้มสมัยเก่ามีขอบแฟ้มทำมาจากอลูมิเนียม สร้างแผลและเรียกเลือดจากคนเคยเลวมากมายสิรินนภาไม่สนใจ ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมและผลของการหลีกหนีจากเขาสุดแรงนั้นทำให้ร่างเพรียวสอบของนพพลก้าวถอยไปเหยียบพรมเช็ดเท้า เสียหลักลื่นล้มหงายลงจนหัวไปกระแทกเข้าที่ขอบของชั้นหนังสือเหล็กโครมใหญ่และเลือดตกออกจากบาดแผลเป็นกอง“คุณเบล...” ยืนมองผลของการกระทำนั้นด้วยใจระทึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นอดีตสามีหน้าซีดเจ็บปวดยิ่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เจตนาจะให้เขาบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ“รีนครับ...” พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเรียกหาฝ่ายหญิง เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อีกฝ