“บัว...น้องบัวเหรอ” สะลึมสะลือถามเพี๊ยะ! เพี๊ยะ!!เธอตอบเสียงแหบพร่าคล้ายยังกำลังฝันหวานด้วยหน้าฝ่ามือและหลังฝ่ามือ จนเขาสร่างจากอาการง่วงนอน ความเย็นโล่งแบบคนไม่เคยถอดเสื้อผ้านอนทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้ตนกำลังเปล่าเปลือยทั้งตัว ก่อนจะหันไปเห็นร่างอ้อนแอ้นบอบบางชันตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันซ้ำยังอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยนักในหัวประติดประต่ออย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นจึงหันไปส่งสายตาจัดจ้าโชนแสงใส่เด็กสาวหน้าซื่อที่พึ่งรู้วันนี้ว่าเป็นคนใจคด“ลูกจัน!”“นี่มันอะไรกันคะ ทำไมคุณถึงมานอนกับลูกจัน ไหนว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม” ถามทั้งน้ำตาแห่งความผิดหวัง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง“เดี๋ยวก่อนน้องบัว เดี๋ยวครับ” ชายหนุ่มรีบสวมเสื้อผ้าและวิ่งตามลงมาคว้ากุญแจรถของอีกฝ่ายไว้ในจังหวะเฉียดฉิวที่เธอจะขึ้นรถหนี “มันไม่ใช่นะครับ มันไม่ใช่อย่างที่น้องบัวเข้าใจ” พยายามอธิบายแต่กลับถูกร่างเล็กพุ่งเข้ามากอดไว้จากด้านหลัง“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้ลูกจัน” ตะโกนสั่งพร้อมกับแกะมือกาวที่เกาะกุมอยู่“หนูไม่ปล่อย หนูเป็นของพี่ตุ่นแล้ว พี่ต้องห้ามไปง้อคุณบัวหอมเขาจะทำให้พี่เสียใจ พี่มีหนูก็พอไม่ต้องมีเขาก็ได้” เด็กส
“สักวันหนึ่งหนูเองก็ต้องแต่งงานและย้ายออกไปกับสามีเหมือนกัน” สุดท้ายแล้วคนเราต่างเกิดมาเพื่อใครคนหนึ่งและเดินร่วมทางกับคนๆนั้นต่อไป ทัศนคติของแดนไตรนั้นดีเสมอ แต่คำตอบนั้นทำให้เด็กสาวคิดมาก เธอโกรธกับคำตอบที่เหมือนว่าเธออยู่เป็นภาระของเขามานานเกินไปและต้องการจะให้เธอออกไปจากชีวิต เขาจะผลักไสเธอได้ยังไงในเมื่อเป็นคนรับปากกับแม่ชีและครูที่มูลนิธิของวัดว่าจะดูแลเธอตลอดไปให้สมศักดิ์ศรีลูกบุญธรรมของมหาเศรษฐีเด็กวัดคนนี้ เขาจะผลักไสเธอได้ยังไงในเมื่อเธอทุ่มเททุกอย่างเพื่อมัดใจเขา เธอไม่ยอมหรอก“พี่ตุ่นคงง่วงแล้วนอนพักเถอะค่ะหนูไม่ถามแล้วดีกว่า”“พี่มีนัดจะพาคุณหนูไปฝากครรภ์ นอน...นอนไม่ได้...” แต่แล้วภาพในหัวกลับขาดกลางอากาศ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนอย่างไม่อาจทนฝืนฤทธิ์ของยานอนหลับที่ถูกผสมในโจ๊กได้ ภาพเขาหลับสนิทเป็นที่น่าพึ่งพอใจในหัวของคนที่ถูกยั่วยุจนในหัวมีแต่ความกังวลและระแวง เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกล้าทำอะไรแบบนี้ แต่อติชนบอกว่าไม่เป็นไรให้ไปให้สุดทาง เพื่อแยกบัวหอมออกให้เด็ดขาดจากพ่อบุญธรรมใจดีคนนี้“พี่ตุ่นบังคับหนูให้ใช้วิธีนี้เอง” ขอแค่เขาผิดใจกับบัวหอมจนไม่อาจกลับมาคืนดีกันได้
สกาวเดือนทำได้เพียงร้องไห้ ร้องไห้และร้องไห้ ไม่กล้าก้าวเท้ากลับเข้าไปในบ้าน แม้แต่ไปหยิบรองเท้าที่ถอดอยู่ชั้นวางหน้าบ้านยังไม่กล้า ในใจแตกสลายกับความรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป เธอไม่คิดว่าพ่อบุญธรรมจะตื่นขึ้นมาก่อน ความตั้งใจของเธอมีเพียงแค่ให้บัวหอมมาเห็นฉากนั้นฉากเดียวแล้วหนีไปเท่านั้น สุดท้ายต้องเดินฝ่าค่ำคืนอันหนาวเหน็บเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากอติชน ต้องโซซัดโซเซท่ามกลางอากาศหนาวและไม่ได้ใส่รองเท้า แต่เขาไม่ต้อนรับเธอเข้าบ้าน เหมือนอย่างเคย กลับเปิดประตูเล็กน้องและพูดคุยอยู่หน้าบ้าน“มีอะไรถึงมาหากันแบบนี้ เคยบอกไปแล้วนิว่าจะมาบ้านให้โทรบอกก่อนถ้าฉันสะดวกฉันจะไปรับเอง” ทักทายด้วยคำพูดเชิงตำหนิ ห่างเหินและเย็นชา ไม่ได้เหลียวแลรอยแตกช้ำที่มุมปากและแก้มนวลของเด็กสาวแม้แต่น้อยวันนี้ของเขาไม่ได้มีสำหรับเด็กใจแตกคนนี้ เขาพานางแบบที่วินาทีนี้เซ็กซี่ที่สุดในประเทศมาหาความสำราญในบ้าน และการได้พบกับเด็กหน้าตาโง่ๆ เซ่อๆที่มีแต่พูดถึงไอ้แดนไตรมันจะพาลให้อารมณ์เสีย “คุณอาร์ต พี่ตุ่นไล่หนูออกจากบ้าน เขาเกลียดที่หนูทำแบบนั้นกับเขา เขาตบหนูด้วย” เธอหมายถึงวางยาจัดฉากที่ถูกแดนไตรและบัวหอมจับไ
“ฉันว่าเธอกลับบ้านไปเถอะ ฉันไล่!” คำตอบของเขาทำให้สาวน้อยหน้าม้าน รู้สึกแย่ยิ่งกว่าถูกพ่อบุญธรรมตบหน้า ต่อว่าและไล่ตะเพิดออกจากบ้านพร้อมๆกัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น กับการที่ไม่เป็นที่ต้องการของใคร พอเขาได้ทุกอย่างจากเธอ ความไว้ใจ ความรัก เรือนร่าง สุดท้ายก็ทอดทิ้ง“แต่ว่าพี่ตุ่นไล่หนูออกจากบ้านแล้ว” เขาไม่ยินยอมให้เธอเก็บข้าวของสักชิ้นในบ้าน ไล่เธอมาแต่ตัวเพราะบังอาจทำเรื่องชั่วช้าที่ทำให้เขากับอดีตภรรยาสาวผิดใจกัน“นั่นมันเรื่องของเธอ จะไปอยู่ที่ไหนก็ไปเถอะ เรื่องแค่นี้ทำให้สำเร็จไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ใครเขาจะต้อนรับและให้ความช่วยเหลือเธอ” อติชนมีความเห็นแก่ตัวที่ชั่วช้าในสายตาของเด็กสาว เขาเคยเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของเธอ แต่ตอนนี้เขาคือมารร้ายที่ทำลายทั้งชีวิต“ทำไมคุณพูดกับหนูแบบนี้ ไหนคุณบอกว่ารักและหวังดีกับหนูไงคะ” เพราะความกลัวและหนาวเหน็บใจ เลยยังหวังว่าจะยื้ออติชนไว้ได้ ถ้าเธอเสียพ่อบุญธรรมไป แต่อย่างน้อยยังมีชายผู้เป็นคนแรกและเป็นทุกอย่าง“เธอก็เชื่อคนง่ายเหมือนกันนะลูกจัน แค่ฉันโกหกว่ารักและหวังดี บอกให้ทำอะไรก็เชื่อเสียจนทำได้ทุกอย่าง ใครมันจะไปรักเด็กกะโปโลไม่รู้จักโตอย่างเ
เดือนกว่าแล้วหลังจากที่สกาวเดือนทำเรื่องเลวร้าย เด็กสาวไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลยและวันนี้เป็นวัดเปิดเทอมเธอก็ไม่ได้มาเรียนและยังไม่ได้ลงทะเบียนหรือชำระค่าเล่าเรียนตามนัดหมาย มีจดหมายตัดสิทธิ์เข้าเรียนต่อโดยปริยายเนื่องจากไม่ลงทะเบียนและไม่ได้ชำระเงินเพื่อมอบตัวนักศึกษา จดหมายจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับวันนี้เขาเริ่มคิดทบทวนว่าหายโกรธลูกสาวบุญธรรมหรือยัง คำตอบคือเขาหายโกรธเธอนานมากแล้วแต่ไม่สามารถตามหาตัวเธอพบและเรียกกลับบ้านได้ เพราะต้องการที่จะลงโทษตัดขาดกับเด็กเนรคุณกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา“ป่านนี้หนูเป็นยังไงบ้างลูกจัน”บัวหอมเป็นห่วงจิตใจของสามีที่พักนี้เหม่อลอยบ่อยๆ เป็นเดือนแล้วที่เขากังวลเกี่ยวกับลูกบุญธรรมจนนอนไม่หลับและไม่มีสมาธิทำงานเท่าไหร่นักแต่พอเธอแนะนำว่าให้ตามตัวกลับมาและคุยกันดีๆเขาก็ไม่ยินยอม แต่จะว่าไม่ยอมก็ไม่ถูกนักเพราะตอนนี้ไม่มีใครทราบชะตากรรมเด็กสาวอายุสิบแปดที่ไล่ออกจากบ้านเธอขาดการติดต่อไปจนทางเขาและเธอช่วยกันตามหาทุกที่ที่คาดว่าเด็กสาวจะไปแต่ไม่พบ จนตอนนี้หวังพึ่งมูลนิธิชื่อดังที่ช่วยกระจายข่าวตามหาคนหายพร้อมทั้งแจ้งความคนหาย แต่ก็ยังไร้วี่แวว“พี่ตุ่นคะ เราไปถา
“ขยะสังคมคือมึงต่างหาก ไอ้ชั่ว!” ผัวะ! แดนไตรอดกลั้นไม่ไหว พุ่งเข้าตะบันหน้าอีกฝ่ายจนเรียกเลือดชั่วให้ท่วมปากได้สำเร็จ อติชนไม่น้อยหน้า เขาเจ็บแค้นใจตั้งแต่เสียบัวหอมไปเลยสู้กลับ “พ่อแม่ของลูกจันตายเพราะขนยาเสพติดข้ามชาติและถูกประหารเว้ย ลูกจันมีพ่อไม่มีแม่แล้ว ไม่มีบ้านที่ไหน ไม่มีที่ไปที่ไหนเพราะเป็นเด็กกำพร้าบ้านแตกสาแหรกขาดเว้ย!” ตะเบ็งเสียงคล้ายอัดอั้นปมในใจที่ตนก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นกัน ตั้งแต่เกิดจนโตเด็กกลุ่มนี้ถูกเหยียดหยามว่าเป็นขยะสังคมที่สร้างปัญหาให้กับประเทศเสมอมา โอกาสและความหวังความมั่นคงในชีวิตมันน้อยกว่าคนอื่น เปราะบางกว่าคนอื่นบัวหอมร้องไห้สงสารความร้านรานที่เกาะกินใจสามี กว่าพี่ตุ่นของเธอและลูกจันจะฝ่าฟันปัญหาชีวิตจนมายืนอยู่จุดนี้มันไม่ง่ายเลย สกาวเดือนคือความภาคภูมิใจของแดนไตร เขาทุ่มเทเลี้ยงดูเด็กสาวคนนี้มาด้วยความรักและความทะนุถนอม แต่สุดท้ายความภาคภูมิใจของเขากลับถูกคนชั่วช้าทำลายลงเพียงเพราะความอิจฉาและต้องการเล่นสนุก เท่านั้นเอง อติชนเหมือนคนขี้อิจฉาที่ทนเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตนไม่ได้ โดยเฉพาะคนนั้นคือแดนไตร เด็กวัดที่สอบชิงทุนไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอกที่อเมริกาป
บัวหอมและแดนไตรหลังจากปรับความเข้าใจพวกเขามีความสุขกันดี หากตัดเรื่องกลุ้มใจที่ลูกบุญธรรมหายตัวไปชีวิตพวกเขาในตอนนี้คงจะเรียกว่าปราศจากความทุกข์ใจ และมันจะดีไม่น้อยหากคนรอบข้างของแดนไตรมีความสุขไปด้วย พักนี้บัวหอมและสิรินนภาสนิทสนมเข้ากันดีเพราะได้ปรับความเข้าใจกันใหม่ในทุกเรื่อที่บาดหมางใจกันและพวกเธอกำลังตั้งท้องในเวลาไล่เลี่ยกันจึงช่วยแบ่งปันข้อมูลการบำรุงดูแลสุขภาพ ทว่าแม้ภายนอกจะยิ้มแย้มดูพร้อมสำหรับการเป็นแม่คนที่เข้มแข็ง ในใจของอาจารย์สาวกลับแหลกสลายที่ถูกสามีซึ่งแยกกันอยู่หมางเมินเย็นชาแล้วยังให้ทนายส่งใบหย่ามาให้ถึงบ้าน ซ้ำยังใช้กฎหมายมาข่มขู่ให้เซ็น แต่มารดาได้คัดค้านไว้ว่าให้คุยกันใหม่ก่อนเพราะพึ่งแต่งงานกันไปไม่ทันข้ามปีด้วยความว่ากลัวเพื่อนจะเศร้าใจ บัวหอมและแดนไตรเลยคะยั้นคะยอให้อาจารย์สาวไปงานดินเนอร์การกุศลเพื่อสมทบทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน แต่ทว่าความหวังที่จะช่วยให้ว่าที่คุณแม่สบายใจมีอันพังลงไม่เป็นท่าเมื่อในงานทั้งสามได้เจอกับนพพลที่ต้องมางานเลี้ยงโต๊ะจีนแทนผู้เป็นแม่ การเจอกันโดยบังเอิญทำให้คนพึ่งแยกกันอยู่อดไม่ได้ที่จะกระทบกระเทียบถึงหญิงซ่อน
อาจารย์สาวล้างหน้าล้างตาก่อนจะเริ่มแต่งหน้าใหม่ด้วยแป้งพับและลิปสติกที่พกพามาด้วย จนกระทั่งพร้อมที่จะเข้าไปในงานอีกครั้งจึงเดินออกมา แต่กลับพบเจอร่างสูงของคนที่ไม่ต้องการเห็นหน้ามากที่สุดยืนขวางไว้“ขอทางด้วยค่ะ” ไม่อยากมองหน้าเขาให้สะเทือนใจ มือบางยกขึ้นลูบท้องด้วยความสงสารเด็กในท้องที่พ่อเขาไม่ยอมรับแล้วยังปรักปรำว่าเป็นเด็กที่เกิดจากชู้ของแม่“จะรีบไปไหนเล่าคนสวย เจอหน้าผัวเก่าทั้งที ไม่ทักทายกันดีๆหน่อยเหรอ” นพพลเดินตามมาที่ห้องน้ำ เขาตามมาหาเรื่องโดยเฉพาะ“ถ้าจะพูดไม่ดีก็ไม่ต้องพูดกัน หย่ากันแล้วก็ให้ขาดกันไปเลย” นึกถึงใบหย่าที่เขาส่งทนายมาหว่านล้อมและข่มขู่ให้เซ็นแล้วยังเจ็บปวดใจ เขาไม่ฟังเธอเลยแม้แต่น้อย“งั้นมาล่ำลากันหน่อยไหมล่ะ” นพพลรำคาญตัวเองที่ยังต้องการเห็นหน้าผู้หญิงร่านราคะคนนี้ ทั้งๆที่เกลียดและต้องการหย่าให้จบๆแต่ก็ยังอยากจะเห็นหน้าเธออยู่ก่อนตัดสินใจลากอดีตภรรยาไปที่หลังสวนลับตาคน แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้แต่อาจารย์สาวกลับไม่โวยวาย ซ้ำยังก้มหน้าซอยเท้าตามแรงลากจูงจนชายหนุ่มมั่นใจว่าสวนไม้ดัดเขาวงกตนี้มันปลอดจากสายตาคนถึงหันมาตะเบ็งเสียงใส่“ไอ้ตุ่นมันมีดี
“ผมไม่ยอมนะลูกจัน” น้ำเสียงเข้มข้นและสายตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ทั่วทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง ถึงคราวมารร้ายโดนหลอกหลอนคืนบ้างยาม“เป็นไงล่ะคุณอาร์ต ของแบบนี้ถ้าไม่มีลูกสาวไม่เข้าใจหรอก เริ่มกลัวหรือยังว่าตอนลูกจันผมเจ็บใจคุณขนาดไหน”“กลัวแล้วครับ นี่ให้ผมมีความสบายใจหน่อยเถอะ ต้องหวงทั้งเมียต้องห่วงทั้งลูกแบบนี้” มืออีกข้างคว้าเอวคอดกิ่วของสกาวเดือนเข้ามากอดไว้แน่นทั้งยังหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ไม่มีเขินอายสาตาอีกหลายคู่มองมา“ปะป๊าคิสมะม๊า” ยัยหนูเพียงดาวพูดอ้อแอ้ตามที่เห็น ตาแป๋วใสซื่อก่อนจะหัวเราะชอบใจแม้ว่าไม่เข้าใจความหมายอะไรนอกจากปะป๊ารักมะม๊า ก่อนจะโน้มตัวเอียงคอซบไหล่พ่ออาร์ตออดอ้อนให้เขาแสดงความรักต่อเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้าน“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารวันนี้เดี๋ยวกินข้าวเย็นด้วยกัน บัวไปกับพี่นะ” อยู่ๆก็เกิดอาการอยากจูบภรรยาจึงต้องหาข้ออ้างชวนเธอมาอยู่ตามลำพัง กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ รีบอุ้มหนูน้อยอัยยามาวางใส่แขนของนพพลผู้เป็นพ่อทูนหัว “อยู่กับลุงเบลห้ามดื้อนะอัยยา เดี๋ยวปะป๊าไปซื้ออาหารอร่อยๆมาให้กินนะ” เด็กหญิงว่านอนสอนง่ายพูดอะไรไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี
วันหยุดยาวสิ้นปี บ้านวิริยะกิจวันนี้คึกคักไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็พาครอบครัวมารอต้อนรับสกาวเดือนกลับจากอังกฤษ หนูน้อยอัยยาลูกสาวคนเดียวของแดนไตรและบัวหอมมีการแสดงโชว์เล็กๆเป็นการร้องเพลงแบบเด็กๆสร้างสีสันให้บรรยากาศอบอุ่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แดนไตรมีสถานะเป็นคุณตาทันทีที่ลูกสาวบุญธรรมให้กำเนิดทารกเพศหญิง เด็กหญิงเพียงดาว เด็กไทยที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษในระหว่างที่พ่อและแม่ของเด็กไปเรียนต่อ เด็กหญิงเป็นขวัญใจของคุณตาและคุณปู่คุณย่าที่เฝ้ารอหลานมาถึงสามปีและอีกปีกว่าที่อติชนจะยอมพาลูกสาวมาเมืองไทย เพราะรอให้สกาวเดือนเรียนจบปริญญาโทก่อน “อัยยา รักน้องให้มากๆนะหนูเป็นพี่คนแล้วรู้ไหม” แดนไตรสอนลูกสาวด้วยเสียงที่สอง อ่อนโยน ออดอ้อนแก้วตาดวงใจของพ่อ เด็กหญิงอัยยาวัยห้าขวบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตน้องน้อยวัยขวบเศษที่กำลังนั่งทำหน้างงว่าคนพวกนี้เป็นใครและยังเจ็ตแหลกจากการบินข้ามทวีปมาถึงเมื่อเช้า จากนั้นหนูน้อยหันมาจุ๊บปากปะป๊าตุ่นสลับกับหม่ามี๊บัวเพื่อให้เสมอกันทุกคนความน่ารักของหนูน้อยอัยยาทำให้นพพลและสิรินนภาที่ไม่มีลูกสาวตื่นเต้นระคนอิจฉา “วันนี้ทำลูกสาวกันนะ” จนชา
จดจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง “คุณเบล...รีนท้อง” เค้นเสียงเจ็บใจที่สุดท้ายเป็นเธอเองที่คว้างงูไม่พ้นคอ ตั้งใจจะตัดขาดกับเขาอีกสักหนึ่งปีเพื่อให้ต่างคนต่างไปทบทวนตัวเอง ก็พังไม่เป็นท่าเพราะผลพวงจากค่ำคืนนั้นเขายัดลูกเข้ามาในท้องเธอด้วย!“อะไรนะ?” เหมือนฝันไปที่ได้ยินเรื่องท้อง “รีนท้องเหรอ”อึ้งสักพักก่อนจะลำพองใจยิ้มกว้างขนาดตอนนั้นป่วยอยู่แท้ๆยังน้ำยาแรงขนาดนี้ ครั้งเดียววันนั้นส่งผลต่อวันนี้ พอได้สติว่าไม่หูฝาดก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจอึกทึก ยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะหมุนไปรอบๆ “ไชโย” ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้ “ผมดีใจที่สุดเลยรีน ขอบคุณรีนมากเลยนะที่เอาข่าวดีแบบนี้มาบอกผม” ก่อนจะระดมจูบทั่วใบหน้านวลที่กำลังชื้นไปด้วยน้ำตา ในความทรงจำลางๆเขายังนึกได้ถึงความรู้สึกตอนนั้นว่ามันตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าชุดทดสอบได้ปรากฏผลว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเขาก็ดีใจได้อยู่ไม่ทันข้ามคืนเพราะเข้าใจว่าเธอเข้าโรงแรมกับชายชู้เสียก่อน“คุณไม่ว่าเป็นลูกคนอื่นแล้วเหรอ” ถามด้วยความแค้นไม่หาย “คราวนี้จะว่าลูกในท้องฉันเป็นลูกของตุ่นไหม” ทำท่ายกกำปั้นขู่ชายหนุ่มรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งรวบมือบางที่ต้อง
หนึ่งปีที่ตั้งมั่นให้นพพลพิสูจน์ตัวเอง เอาเข้าจริงคนที่ตั้งกฎขึ้นมาเองกลับทำได้เพียงแค่สองเดือน เพราะอยู่ๆเช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวและอาเจียนมากกว่าทุกวัน เลยตัดสินใจลางานเพื่อไปพบแพทย์ พอไปโรงพยาบาลกลับต้องตกใจกับคำวินิจฉัยจากหมอหลังตรวจอาการและขอปัสสาวะ มือบางกำผลตรวจไว้แน่นด้วยความโมโหอยากจะฆ่าคน ก่อนจะรีบเดินทางไปหานพพลถึงบริษัท หญิงสาวเดินอาดๆมาหาเขาถึงห้องทำงาน ทันทีที่มาถึงก็อาละวาดโวยวายขว้างปาข้าวของใส่คนที่กำลังตกใจและทำอะไรไม่ถูก“คนใจร้าย! คนเห็นแก่ตัว คุณเบลร้ายกาจที่สุด คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจคนอื่น” รัวเสียงดุด่าเป็นชุดพร้อมทั้งร้องไห้โฮๆไม่อายเลขาสาวที่วิ่งตามเข้ามานพพลหน้าเหวอที่ถูกบุกมาโวยวายถึงห้องทำงาน ก่อนจะหันไปโบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวคนนั้นออกไปก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหานางร้องไห้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคนดี” บอกเสียงอ่อนยอมแพ้คนเจ้าน้ำตา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จากหมาป่าล่าเนื้อกลายมาเป็นลูกหมากลัวเมีย การที่เธอมาเจอเขาแบบนี้จะถือว่าผิดกฎการลงโทษหนึ่งปีที่เธอวางไว้หรือเปล่า แล้วถ้าผ
“คุณเบลคะ เรื่องของเรามันจบแล้วนะคะ” เสียงหวานหยดใจเย็นแต่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวจนหัวของคนฟังชาหนึบ“จบ จบอะไร เมื่อกี้เรายัง...” เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รู้สึกเหมือนใจจะขาด แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิง จะจบได้ยังไงในเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังโอนอ่อนตามใจเขาอยู่เลยสิรินนภาถอนใจยาว “รีนไม่ห้าม ถ้าคุณเบลเขาจะมาพบลูก เพราะลูกเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว แต่เราเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของกันและกันอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณขับไล่รีนออกจากบ้าน”“ทำไมต้องทำแบบนี้ละรีน ผมนึกว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ครางเสียโหยกับคมมีดที่ย้อนกลับมาสร้างแผลให้ตนเอง“คุณคิดว่าแค่การนอนด้วยกันคืนเดียว ทุกอย่างที่คุณทำกับรีนมันจะจบเหรอคะ รีนทำแบบนี้กับคุณเพราะอยากจะให้คุณเข้าใจอะไรใหม่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายนะคะที่จะต่อรองหรือจัดการอะไรกับผู้หญิงก็ได้ บางเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยเป็นฝ่ายถูกเรียกหาเสมอไป”“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะรีน คุณมีค่าสำหรับผม วันนี้ผมเลยไมอยากเสียคุณไป”“สำหรับคุณ ถ้ารักของรีนมีค่ามากพอ คุณคงไม่ทำเรื่องวันนั้นตั้งแต่แรก และอีกอย่าง รีนไม่อยากให้คุณเสียเวลากับคนที่คุณไม่ได้รักแต่แต่งงานกันเพราะหน้าที่และเพื่ออำนาจที
สิรินนภาห่อกายหลบความหนาวร้อนสลับกันยามเมื่อฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ผิวกายนวลนุ่มของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอาการทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้กายของเธอเปล่าเปลือย เสื้อผ้าที่สวมมาถูกเขาปลดเปลื้องออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เวลาที่แน่ชัด หรืออาจจะเป็นเธอเองที่ปลดเสื้อผ้าออก“หนาว...” ส่งเสียงผะแผ่วทักท้วงออกมา พร้อมทั้งพยายามคว้าผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างกายและซุกหน้าลงกับกองผ้าห่มรกๆ ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนักแต่ร่างกายมันสั่นสะท้านเพราะเขินอายสายตาลึกล้ำจากเขาต่างหาก“ก็กอดผมแน่นๆสิ” รั้งมือบางขึ้นมากอดคล้องบ่าของตน สายตาของเขาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาป่าแต่ก็เสน่ห์ล้นเหลือจะทัดทาน เพียงสบตามากเสน่ห์กล้ามเนื้อทุกส่วนของหญิงสาวก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ยินยอมให้เขาเข้ามาจัดระเบียบร่างกายตามอำเภอใจ ชายหนุ่มฮึกเหิมย่ามใจเมื่ออีกฝ่ายไร้เรี่ยวงแรงขันขืนและไร้เสียงทักท้วง ไฟพิศวาสถูกจุดติดอย่างง่ายดายเพราะความโหยหาห่างหาย เรียวขาบางถูกชันตั้งขึ้นให้ได้มุมเหมาะสมสำหรับการสัมผัสแนบชิดสิรินนภาสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับกิจกรรมลึกซึ้งที่ห่างหายไปนานปี สัมผัสของเขามันทำให้อบอุ่นละคนเหน็บหนาวที่ใจ คนๆนี้ที่เห็นเธอ
“ไม่ได้ค่ะ คณบดีโทรตามโครงการวิจัยที่ฉันกำลังรับผิดชอบอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกจากห้องไป“รีนครับ” พยายามร้องเรียกแต่เสียงก็แผ่วลงเหลือเกินร่างบางเดินกลับมายืนหน้าประตู มองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย กับเขาดีๆ “อาหารอยู่ในตู้เย็น คุณเอามาอุ่นไมโครเวฟแล้วกินนะคะ อย่าลืมกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งนะคะ”แต่ไหนแต่ไรนพพลไม่เคยที่จะทำตามคำบอกของใครง่ายๆ แม้จะเกรงใจหญิงสาวแต่ก็ไม่อยากจะรีบหายจากอาการบาดเจ็บนักเพราะยังต้องการพยาบาลสาวเนื้อหวานอยู่ วันนี้ทั้งวันนพพลเลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ลุกไปไหน ไม่กินข้าวและไม่กินยา รอคอยให้เธอกลับมาป้อนและดูแลนพพลพึ่งรู้ว่าตนมีความอดทนค่อนข้างสูงก็วันนี้ เขาสามารถรอจนตกเย็นและมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงรถข้างบ้าน จากนั้นตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงของสตรีที่เข้ามาในตัวบ้าน“คุณเบล คุณเบลคะ” สิรินนภาเรียกเขาไปตามทาง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา วันนี้ตลอดทั้งวันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ทำงานไม่มีสมาธิ สอนหนังสือก็ยังพะวงแต่คนป่วยว่าเขาจะเจ็บแผลไหม กินข้าวหรือยังได้กินยาบ้างหรือเปล่า อาการเหมือนเมื่อครั้งตอนคลอดน้องโรมช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่มีผิด“
นพพลปรือตามองไปรอบๆเพื่อหาอดีตภรรยา ปวดหัวระบมราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แน่ล่ะเขาโดนของแข็งมา จนเย็บหลายเข็มด้วย “เอาไว้ก่อนเถอะครับ ผมกินไม่ไหว” ตอบเหนื่อยๆ ปวดตึงสลับกับรวดร้าวไปตั้งแต่กลางหัวจรดสันกราม ไม่อยากขยับอ้าปากด้วยซ้ำ“เดี๋ยวรีนป้อนค่ะ กินสักหน่อยเถอะนะคะ” เป่าข้าวต้มเพื่อคลายความร้อนก่อนจะค่อยๆป้อนช้าๆ“มันร้อน เอาไว้ก่อนนะครับ” หลับตาตอบหลังกินไปหนึ่งคำสิรินนภาอ่อนใจ รู้สึกผิดมากขึ้นที่ทำเขาเลือดตกยางออก นพพลเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง บอบบางเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมประสาลูกชายคนเดียวตระกูลเชื้อสายขุนนางในรั้วในวัง เขาไม่เคยถูกทำร้ายให้เจ็บปวดเพราะมีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่เรื่องในอดีตก็ส่วนอดีตแม้มันจะมีผลต่อปัจจุบันแต่ก็ไม่ต้องทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้ก็ได้ เป็นอีกครั้งที่เธอเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั่งเฝ้าไข้ไปสักพักคนเจ็บเริ่มเพ้อเพราะยาชาหมดฤทธิ์ แผลอักเสบขึ้นจนมันเริ่มปวดตุบๆ หญิงสาวจัดยาแก้อักเสบให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอ “หนาว...หนาวรีนครับ ผมหนาว รีนอยู่ไหน รีน” ห่อกายกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ พิษไข้เล่นงานจนตัวสั่นน่าสงสาร“คุณเบล รีนอยู่นี่นะคะ” รี
“ริ...รีนครับ” มือสั่นเทาจับปากแผลที่ถูกสันแฟ้มอลูมิเนียมหนาๆฟาดลงมาจนเนื้อปริ เจ็บปวดกายแต่ไม่โกรธและไม่ถือโทษเพราะที่เขาทำมันหนักหนากว่าที่เธอประทุษร้ายมากนัก“รีน...” เสียงทุ้มพึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่หยุดปากจนอีกฝ่ายหันมาดู เห็นเลือดออกมากกว่าที่คิดไว้มาก มันไหลย้อยตามซอกนิ้วที่กำลังอุดบาดแผลจนเปรอะนพพลรีบคว้ามือเรียวมาบีบไว้ เขาเจ็บไม่เป็นไร แต่ขอให้เธอไม่ไปไหน “อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมไป” สติพร่าเลือนกับเลือดเป็นสายที่พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แฟ้มสมัยเก่ามีขอบแฟ้มทำมาจากอลูมิเนียม สร้างแผลและเรียกเลือดจากคนเคยเลวมากมายสิรินนภาไม่สนใจ ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมและผลของการหลีกหนีจากเขาสุดแรงนั้นทำให้ร่างเพรียวสอบของนพพลก้าวถอยไปเหยียบพรมเช็ดเท้า เสียหลักลื่นล้มหงายลงจนหัวไปกระแทกเข้าที่ขอบของชั้นหนังสือเหล็กโครมใหญ่และเลือดตกออกจากบาดแผลเป็นกอง“คุณเบล...” ยืนมองผลของการกระทำนั้นด้วยใจระทึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นอดีตสามีหน้าซีดเจ็บปวดยิ่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เจตนาจะให้เขาบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ“รีนครับ...” พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเรียกหาฝ่ายหญิง เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อีกฝ