เดือนกว่าแล้วหลังจากที่สกาวเดือนทำเรื่องเลวร้าย เด็กสาวไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลยและวันนี้เป็นวัดเปิดเทอมเธอก็ไม่ได้มาเรียนและยังไม่ได้ลงทะเบียนหรือชำระค่าเล่าเรียนตามนัดหมาย มีจดหมายตัดสิทธิ์เข้าเรียนต่อโดยปริยายเนื่องจากไม่ลงทะเบียนและไม่ได้ชำระเงินเพื่อมอบตัวนักศึกษา จดหมายจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับวันนี้เขาเริ่มคิดทบทวนว่าหายโกรธลูกสาวบุญธรรมหรือยัง คำตอบคือเขาหายโกรธเธอนานมากแล้วแต่ไม่สามารถตามหาตัวเธอพบและเรียกกลับบ้านได้ เพราะต้องการที่จะลงโทษตัดขาดกับเด็กเนรคุณกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา“ป่านนี้หนูเป็นยังไงบ้างลูกจัน”บัวหอมเป็นห่วงจิตใจของสามีที่พักนี้เหม่อลอยบ่อยๆ เป็นเดือนแล้วที่เขากังวลเกี่ยวกับลูกบุญธรรมจนนอนไม่หลับและไม่มีสมาธิทำงานเท่าไหร่นักแต่พอเธอแนะนำว่าให้ตามตัวกลับมาและคุยกันดีๆเขาก็ไม่ยินยอม แต่จะว่าไม่ยอมก็ไม่ถูกนักเพราะตอนนี้ไม่มีใครทราบชะตากรรมเด็กสาวอายุสิบแปดที่ไล่ออกจากบ้านเธอขาดการติดต่อไปจนทางเขาและเธอช่วยกันตามหาทุกที่ที่คาดว่าเด็กสาวจะไปแต่ไม่พบ จนตอนนี้หวังพึ่งมูลนิธิชื่อดังที่ช่วยกระจายข่าวตามหาคนหายพร้อมทั้งแจ้งความคนหาย แต่ก็ยังไร้วี่แวว“พี่ตุ่นคะ เราไปถา
“ขยะสังคมคือมึงต่างหาก ไอ้ชั่ว!” ผัวะ! แดนไตรอดกลั้นไม่ไหว พุ่งเข้าตะบันหน้าอีกฝ่ายจนเรียกเลือดชั่วให้ท่วมปากได้สำเร็จ อติชนไม่น้อยหน้า เขาเจ็บแค้นใจตั้งแต่เสียบัวหอมไปเลยสู้กลับ “พ่อแม่ของลูกจันตายเพราะขนยาเสพติดข้ามชาติและถูกประหารเว้ย ลูกจันมีพ่อไม่มีแม่แล้ว ไม่มีบ้านที่ไหน ไม่มีที่ไปที่ไหนเพราะเป็นเด็กกำพร้าบ้านแตกสาแหรกขาดเว้ย!” ตะเบ็งเสียงคล้ายอัดอั้นปมในใจที่ตนก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นกัน ตั้งแต่เกิดจนโตเด็กกลุ่มนี้ถูกเหยียดหยามว่าเป็นขยะสังคมที่สร้างปัญหาให้กับประเทศเสมอมา โอกาสและความหวังความมั่นคงในชีวิตมันน้อยกว่าคนอื่น เปราะบางกว่าคนอื่นบัวหอมร้องไห้สงสารความร้านรานที่เกาะกินใจสามี กว่าพี่ตุ่นของเธอและลูกจันจะฝ่าฟันปัญหาชีวิตจนมายืนอยู่จุดนี้มันไม่ง่ายเลย สกาวเดือนคือความภาคภูมิใจของแดนไตร เขาทุ่มเทเลี้ยงดูเด็กสาวคนนี้มาด้วยความรักและความทะนุถนอม แต่สุดท้ายความภาคภูมิใจของเขากลับถูกคนชั่วช้าทำลายลงเพียงเพราะความอิจฉาและต้องการเล่นสนุก เท่านั้นเอง อติชนเหมือนคนขี้อิจฉาที่ทนเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตนไม่ได้ โดยเฉพาะคนนั้นคือแดนไตร เด็กวัดที่สอบชิงทุนไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอกที่อเมริกาป
บัวหอมและแดนไตรหลังจากปรับความเข้าใจพวกเขามีความสุขกันดี หากตัดเรื่องกลุ้มใจที่ลูกบุญธรรมหายตัวไปชีวิตพวกเขาในตอนนี้คงจะเรียกว่าปราศจากความทุกข์ใจ และมันจะดีไม่น้อยหากคนรอบข้างของแดนไตรมีความสุขไปด้วย พักนี้บัวหอมและสิรินนภาสนิทสนมเข้ากันดีเพราะได้ปรับความเข้าใจกันใหม่ในทุกเรื่อที่บาดหมางใจกันและพวกเธอกำลังตั้งท้องในเวลาไล่เลี่ยกันจึงช่วยแบ่งปันข้อมูลการบำรุงดูแลสุขภาพ ทว่าแม้ภายนอกจะยิ้มแย้มดูพร้อมสำหรับการเป็นแม่คนที่เข้มแข็ง ในใจของอาจารย์สาวกลับแหลกสลายที่ถูกสามีซึ่งแยกกันอยู่หมางเมินเย็นชาแล้วยังให้ทนายส่งใบหย่ามาให้ถึงบ้าน ซ้ำยังใช้กฎหมายมาข่มขู่ให้เซ็น แต่มารดาได้คัดค้านไว้ว่าให้คุยกันใหม่ก่อนเพราะพึ่งแต่งงานกันไปไม่ทันข้ามปีด้วยความว่ากลัวเพื่อนจะเศร้าใจ บัวหอมและแดนไตรเลยคะยั้นคะยอให้อาจารย์สาวไปงานดินเนอร์การกุศลเพื่อสมทบทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน แต่ทว่าความหวังที่จะช่วยให้ว่าที่คุณแม่สบายใจมีอันพังลงไม่เป็นท่าเมื่อในงานทั้งสามได้เจอกับนพพลที่ต้องมางานเลี้ยงโต๊ะจีนแทนผู้เป็นแม่ การเจอกันโดยบังเอิญทำให้คนพึ่งแยกกันอยู่อดไม่ได้ที่จะกระทบกระเทียบถึงหญิงซ่อน
อาจารย์สาวล้างหน้าล้างตาก่อนจะเริ่มแต่งหน้าใหม่ด้วยแป้งพับและลิปสติกที่พกพามาด้วย จนกระทั่งพร้อมที่จะเข้าไปในงานอีกครั้งจึงเดินออกมา แต่กลับพบเจอร่างสูงของคนที่ไม่ต้องการเห็นหน้ามากที่สุดยืนขวางไว้“ขอทางด้วยค่ะ” ไม่อยากมองหน้าเขาให้สะเทือนใจ มือบางยกขึ้นลูบท้องด้วยความสงสารเด็กในท้องที่พ่อเขาไม่ยอมรับแล้วยังปรักปรำว่าเป็นเด็กที่เกิดจากชู้ของแม่“จะรีบไปไหนเล่าคนสวย เจอหน้าผัวเก่าทั้งที ไม่ทักทายกันดีๆหน่อยเหรอ” นพพลเดินตามมาที่ห้องน้ำ เขาตามมาหาเรื่องโดยเฉพาะ“ถ้าจะพูดไม่ดีก็ไม่ต้องพูดกัน หย่ากันแล้วก็ให้ขาดกันไปเลย” นึกถึงใบหย่าที่เขาส่งทนายมาหว่านล้อมและข่มขู่ให้เซ็นแล้วยังเจ็บปวดใจ เขาไม่ฟังเธอเลยแม้แต่น้อย“งั้นมาล่ำลากันหน่อยไหมล่ะ” นพพลรำคาญตัวเองที่ยังต้องการเห็นหน้าผู้หญิงร่านราคะคนนี้ ทั้งๆที่เกลียดและต้องการหย่าให้จบๆแต่ก็ยังอยากจะเห็นหน้าเธออยู่ก่อนตัดสินใจลากอดีตภรรยาไปที่หลังสวนลับตาคน แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้แต่อาจารย์สาวกลับไม่โวยวาย ซ้ำยังก้มหน้าซอยเท้าตามแรงลากจูงจนชายหนุ่มมั่นใจว่าสวนไม้ดัดเขาวงกตนี้มันปลอดจากสายตาคนถึงหันมาตะเบ็งเสียงใส่“ไอ้ตุ่นมันมีดี
สิรินนภาน้ำตาร่วงหล่น ร้องไห้ตัวสั่นกับความรู้สึกสิ้นหวังไร้ค่า เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเธอเลย เธอไม่มีค่าอะไรกับเขาเลย สุดท้ายเป็นได้แค่ผู้หญิงไม่ดี เล่นชู้หลายใจ“คุณเบล...ได้โปรด...ฮึก” อ้อนวอนขอเกียรติจากเขาบ้างแต่คนที่ในหัวเต็มไปด้วยความหึงหวงโมโหร้ายไม่แม้แต่จะสนใจจากหนึ่งจูบดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับนพพล ร่างสูงพาหญิงสาวที่ร้องไห้ตัวสั่นมานั่งที่เก้าอี้ประดับสวนก่อนจะดึงรั้งให้อีกฝ่ายนั่งบนตัก มือเรียวกดหญิงสาวให้ซบลงที่ไหล่ของตน จากนั้นใช้มืออีกข้างร่นชุดประโปรงสั้นให้รั้งขึ้นมากองที่อยู่บนบั้นเอว อาศัยความว่องไวจัดการกับซิปกางเกงของตนและชั้นในของเธอ จนมันหลุดลุ่ยเปิดทางให้ทำกิจกรรมชวนตื่นเต้นและระแวงหน้าหลังว่าจะมีใครมาพบเห็นหรือเปล่า“มาสั่งลากันหน่อยเป็นไร!” น้ำเสียง สีหน้า แววตาและท่าทางเหยียดหยามเธอเป็นไส้เดือนกิ้งกือแต่ทว่าการกระทำนั้นตรงข้าม จรดจมูกสูดดมกลิ่นหอมนวลของเนินเนื้อหอมหวาน หน้าอกของคนที่กำลังท้องขยายขนาดขึ้นตามฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง หากมั่นใจสักนิดว่าผู้หญิงคนนี้ซื่อสัตย์และรักเดียว เขาสัญญาว่าจะดูแลเธออย่างทะนุถนอมที่สุด หากแต่มันไม่ใช่แบบนั้น!
ทุกๆคืนเด็กสาววัยสิบแปดร้องไห้รังเกียจตัวเอง ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาสกาวเดือนเลี้ยงตัวเองด้วยการเร่ร่อนและหาเงินจากการยอมนั่งให้นักท่องเที่ยวลูบคลำเรือนร่าง หลังจากคืนนั้นเธอโซเซมาเรื่อยๆจากบ้านชองอติชนจนถึงท่ารถโดยสาร เธอปีนหลังคารถโดยสารและเกาะมาจนถึงสถานีขนส่งเมืองชายทะเล เมืองชายทะเลมีแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีมากมาย ที่แห่งนี้คือที่ที่ทำให้เธอได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ หวนนึกถึงเมื่อครั้งถูกไล่ออกจากบ้านอย่างโซซัดโซเซ ด้วยความที่ไปตัวเปล่า วิธีเอาตัวรอดในยามคับขันคือการฉกชิงวิ่งราว วันนั้นเธอได้กระเป๋าเงินจากนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักคนหนึ่งที่มันเมาแอ๋พยายามจะถามซื้อบริการทางเพศ เธออาศัยจังหวะทีเผลอชิงกระเป๋าเงินมันมาได้ พอให้อยู่รอดในเมืองชายทะเลแห่งนี้ได้ระยะหนึ่ง จนไปทำงานเสิร์ฟอาหารในผับบาร์วันนี้มีคำสั่งตรงพิเศษมาถึงบาร์เครื่องดื่มว่าให้สกาวเดือนขึ้นไปคอยชงเหล้าให้กับแขกวีไอพีที่มาเปิดห้องฉลองร่วมลงทุนด้วยกัน หญิงสาวไม่รู้ว่าใครเป็นแขกคนสำคัญที่จะเอาเงินเป็นแสนมาถมเป็นค่าเหล้าให้ร้านคาราโอเกะแห่งนี้ แต่น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาๆเขาน่าจะมีฐานะเพราะได้สั่งเหล้าที่ดีที่สุดและแพงที่สุดในร้านมา
“ได้โปรดปล่อยฉันเถอะ ฉันมาชงเหล้าไม่ปล่อยฉันชงเหล้าเถอะ” เด็กสาวพยายามขอร้องอย่างสุภาพด้วยภาษาอังกฤษที่ตนถนัด เริ่มเจ็บมือที่ถูกบีบแรงสุดแรง และก่อนที่ใครจะว่าอะไรต่อ มือหนาหยาบกร้านของชายในชุดสูทก็ได้ตะปบลงที่กลางอกของเธอ พร้อมทั้งออกแรงกระชากจนกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของพนักงานประจำบาร์เครื่องดื่มหลุดกระจายออกหมดทั้งแถบ เปิดเผยชั้นในสีหวานที่ห่อหุ้มทรวดทรงสะท้านใจเสียงเชียร์ดังอึกทึกกระตุ้นเร้าให้คนเมาฮึกเหิมขึ้น มันหันมาส่งเสียงข่มคำรามที่พบเจอเหยื่อเนื้อหวานก่อนจะฉีกถึงเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็วและบีบมือเข้าที่หน้าอกของหญิงสาวจนจมนิ้ว “โอ๊ย อย่านะ ได้โปรดหยุดทำแบบนี้” หญิงสาวตกใจที่ถูกลวนลามเริ่มดิ้นรนทั้งจิกทั้งข่วนอยากจะหนีสุดท้ายต้องออกแรงผลักจนหลุดออกมาได้อติชนเอะใจที่ได้ยินเสียงร้องแปลกๆเลยเดินกลับเข้ามาดู เห็นว่าคู่ค้าของเขากำลังทำร้ายพนักงานคนหนึ่งของทางร้าน แต่ผู้หญิงคนนั้นยืนก้มหัวหันหลังเลยไม่ทันได้มองว่าเป็นใคร มันสลัวมองลำบากและชุลมุนไปด้วยกองเชียร์ที่เป็นชายฉกรรจ์ที่ต่างรุมโห่ร้องใส่ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงผลัก แรงเชียร์แรงโห่มันทำให้คนกำลังเมาเกิดโมโหคุ้มคลั่ง มันคิดแค่ว
ค่ำคืนที่ชายหาดว่าวุ่นวายแล้ว ค่ำคืนที่บ้านเศวตรฉัตรก็ไม่น้อยหน้า คืนนี้ทั้งคืนคนท้องเกือบห้าเดือนยังพลิกไปพลิกมาไม่ยอมนอนเสียที ก่อนจะสะกิดสามีให้ตื่นขึ้นมาฟังเธอ “พี่ตุ่น ตื่นเดี๋ยวนี้”แดนไตรบิดตัวไปมาด้วยความเกียจคร้าน รู้สึกตัวพร้อมทั้งเริ่มมีอาการเหนื่อยเพลียจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ“มีอะไรเหรอน้องบัว” เสียงแหบติดงัวเงียถามผู้เป็นภรรยา ตายังลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ เอื้อมคว้าสะเปะสะปะไปกดเปิดไฟตรงหัวเตียงให้แสงสว่าง ขยี้ตาและหันมาหาภรรยาสาวหน้ามน“ตื่นก่อนค่ะ ตื่นก่อน” มือเล็กๆยังเขย่าตัวของผู้เป็นสามีราวกับยาหลังอาหาร“มีอะไรครับ เป็นอะไร”“น้องบัวอยากกินขนมถั่วแปป”“ตอนตีสี่เนี่ยนะ” สายตางัวเงียขึ้นสูงสุดมองไปที่นาฬิกาแขวนพนัง“บัวอยากกินขนมถั่วแปปค่ะ” ยังชัดเจนในความต้องการพร้อมๆกับที่แดนไตรง่วงนอนและไม่ต้องการจะตื่นหรือถูกรบกวน “พี่ตุ่นน้องบัวอยากกินขนมจริงๆ ช่วยไปซื้อขนมถั่วแปปให้น้องบัวกินหน่อยนะคะ” ซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่ายและอ้อนเสียงหวาน“นี่มันตีสี่นะครับ จะมีร้านขนมเปิดได้ยังไง” ถ้าหากต้องการเค้กหรือขนมขบเคี้ยว ร้านสะดวกซื้อเปิดทั้งวันทั้งคืนยังพอมี แต่ถ้าต้องการขนมไทยที่วัตถุ
“ผมไม่ยอมนะลูกจัน” น้ำเสียงเข้มข้นและสายตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ทั่วทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง ถึงคราวมารร้ายโดนหลอกหลอนคืนบ้างยาม“เป็นไงล่ะคุณอาร์ต ของแบบนี้ถ้าไม่มีลูกสาวไม่เข้าใจหรอก เริ่มกลัวหรือยังว่าตอนลูกจันผมเจ็บใจคุณขนาดไหน”“กลัวแล้วครับ นี่ให้ผมมีความสบายใจหน่อยเถอะ ต้องหวงทั้งเมียต้องห่วงทั้งลูกแบบนี้” มืออีกข้างคว้าเอวคอดกิ่วของสกาวเดือนเข้ามากอดไว้แน่นทั้งยังหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ไม่มีเขินอายสาตาอีกหลายคู่มองมา“ปะป๊าคิสมะม๊า” ยัยหนูเพียงดาวพูดอ้อแอ้ตามที่เห็น ตาแป๋วใสซื่อก่อนจะหัวเราะชอบใจแม้ว่าไม่เข้าใจความหมายอะไรนอกจากปะป๊ารักมะม๊า ก่อนจะโน้มตัวเอียงคอซบไหล่พ่ออาร์ตออดอ้อนให้เขาแสดงความรักต่อเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้าน“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารวันนี้เดี๋ยวกินข้าวเย็นด้วยกัน บัวไปกับพี่นะ” อยู่ๆก็เกิดอาการอยากจูบภรรยาจึงต้องหาข้ออ้างชวนเธอมาอยู่ตามลำพัง กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ รีบอุ้มหนูน้อยอัยยามาวางใส่แขนของนพพลผู้เป็นพ่อทูนหัว “อยู่กับลุงเบลห้ามดื้อนะอัยยา เดี๋ยวปะป๊าไปซื้ออาหารอร่อยๆมาให้กินนะ” เด็กหญิงว่านอนสอนง่ายพูดอะไรไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี
วันหยุดยาวสิ้นปี บ้านวิริยะกิจวันนี้คึกคักไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็พาครอบครัวมารอต้อนรับสกาวเดือนกลับจากอังกฤษ หนูน้อยอัยยาลูกสาวคนเดียวของแดนไตรและบัวหอมมีการแสดงโชว์เล็กๆเป็นการร้องเพลงแบบเด็กๆสร้างสีสันให้บรรยากาศอบอุ่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แดนไตรมีสถานะเป็นคุณตาทันทีที่ลูกสาวบุญธรรมให้กำเนิดทารกเพศหญิง เด็กหญิงเพียงดาว เด็กไทยที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษในระหว่างที่พ่อและแม่ของเด็กไปเรียนต่อ เด็กหญิงเป็นขวัญใจของคุณตาและคุณปู่คุณย่าที่เฝ้ารอหลานมาถึงสามปีและอีกปีกว่าที่อติชนจะยอมพาลูกสาวมาเมืองไทย เพราะรอให้สกาวเดือนเรียนจบปริญญาโทก่อน “อัยยา รักน้องให้มากๆนะหนูเป็นพี่คนแล้วรู้ไหม” แดนไตรสอนลูกสาวด้วยเสียงที่สอง อ่อนโยน ออดอ้อนแก้วตาดวงใจของพ่อ เด็กหญิงอัยยาวัยห้าขวบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตน้องน้อยวัยขวบเศษที่กำลังนั่งทำหน้างงว่าคนพวกนี้เป็นใครและยังเจ็ตแหลกจากการบินข้ามทวีปมาถึงเมื่อเช้า จากนั้นหนูน้อยหันมาจุ๊บปากปะป๊าตุ่นสลับกับหม่ามี๊บัวเพื่อให้เสมอกันทุกคนความน่ารักของหนูน้อยอัยยาทำให้นพพลและสิรินนภาที่ไม่มีลูกสาวตื่นเต้นระคนอิจฉา “วันนี้ทำลูกสาวกันนะ” จนชา
จดจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง “คุณเบล...รีนท้อง” เค้นเสียงเจ็บใจที่สุดท้ายเป็นเธอเองที่คว้างงูไม่พ้นคอ ตั้งใจจะตัดขาดกับเขาอีกสักหนึ่งปีเพื่อให้ต่างคนต่างไปทบทวนตัวเอง ก็พังไม่เป็นท่าเพราะผลพวงจากค่ำคืนนั้นเขายัดลูกเข้ามาในท้องเธอด้วย!“อะไรนะ?” เหมือนฝันไปที่ได้ยินเรื่องท้อง “รีนท้องเหรอ”อึ้งสักพักก่อนจะลำพองใจยิ้มกว้างขนาดตอนนั้นป่วยอยู่แท้ๆยังน้ำยาแรงขนาดนี้ ครั้งเดียววันนั้นส่งผลต่อวันนี้ พอได้สติว่าไม่หูฝาดก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจอึกทึก ยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะหมุนไปรอบๆ “ไชโย” ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้ “ผมดีใจที่สุดเลยรีน ขอบคุณรีนมากเลยนะที่เอาข่าวดีแบบนี้มาบอกผม” ก่อนจะระดมจูบทั่วใบหน้านวลที่กำลังชื้นไปด้วยน้ำตา ในความทรงจำลางๆเขายังนึกได้ถึงความรู้สึกตอนนั้นว่ามันตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าชุดทดสอบได้ปรากฏผลว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเขาก็ดีใจได้อยู่ไม่ทันข้ามคืนเพราะเข้าใจว่าเธอเข้าโรงแรมกับชายชู้เสียก่อน“คุณไม่ว่าเป็นลูกคนอื่นแล้วเหรอ” ถามด้วยความแค้นไม่หาย “คราวนี้จะว่าลูกในท้องฉันเป็นลูกของตุ่นไหม” ทำท่ายกกำปั้นขู่ชายหนุ่มรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งรวบมือบางที่ต้อง
หนึ่งปีที่ตั้งมั่นให้นพพลพิสูจน์ตัวเอง เอาเข้าจริงคนที่ตั้งกฎขึ้นมาเองกลับทำได้เพียงแค่สองเดือน เพราะอยู่ๆเช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวและอาเจียนมากกว่าทุกวัน เลยตัดสินใจลางานเพื่อไปพบแพทย์ พอไปโรงพยาบาลกลับต้องตกใจกับคำวินิจฉัยจากหมอหลังตรวจอาการและขอปัสสาวะ มือบางกำผลตรวจไว้แน่นด้วยความโมโหอยากจะฆ่าคน ก่อนจะรีบเดินทางไปหานพพลถึงบริษัท หญิงสาวเดินอาดๆมาหาเขาถึงห้องทำงาน ทันทีที่มาถึงก็อาละวาดโวยวายขว้างปาข้าวของใส่คนที่กำลังตกใจและทำอะไรไม่ถูก“คนใจร้าย! คนเห็นแก่ตัว คุณเบลร้ายกาจที่สุด คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจคนอื่น” รัวเสียงดุด่าเป็นชุดพร้อมทั้งร้องไห้โฮๆไม่อายเลขาสาวที่วิ่งตามเข้ามานพพลหน้าเหวอที่ถูกบุกมาโวยวายถึงห้องทำงาน ก่อนจะหันไปโบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวคนนั้นออกไปก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหานางร้องไห้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคนดี” บอกเสียงอ่อนยอมแพ้คนเจ้าน้ำตา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จากหมาป่าล่าเนื้อกลายมาเป็นลูกหมากลัวเมีย การที่เธอมาเจอเขาแบบนี้จะถือว่าผิดกฎการลงโทษหนึ่งปีที่เธอวางไว้หรือเปล่า แล้วถ้าผ
“คุณเบลคะ เรื่องของเรามันจบแล้วนะคะ” เสียงหวานหยดใจเย็นแต่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวจนหัวของคนฟังชาหนึบ“จบ จบอะไร เมื่อกี้เรายัง...” เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รู้สึกเหมือนใจจะขาด แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิง จะจบได้ยังไงในเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังโอนอ่อนตามใจเขาอยู่เลยสิรินนภาถอนใจยาว “รีนไม่ห้าม ถ้าคุณเบลเขาจะมาพบลูก เพราะลูกเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว แต่เราเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของกันและกันอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณขับไล่รีนออกจากบ้าน”“ทำไมต้องทำแบบนี้ละรีน ผมนึกว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ครางเสียโหยกับคมมีดที่ย้อนกลับมาสร้างแผลให้ตนเอง“คุณคิดว่าแค่การนอนด้วยกันคืนเดียว ทุกอย่างที่คุณทำกับรีนมันจะจบเหรอคะ รีนทำแบบนี้กับคุณเพราะอยากจะให้คุณเข้าใจอะไรใหม่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายนะคะที่จะต่อรองหรือจัดการอะไรกับผู้หญิงก็ได้ บางเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยเป็นฝ่ายถูกเรียกหาเสมอไป”“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะรีน คุณมีค่าสำหรับผม วันนี้ผมเลยไมอยากเสียคุณไป”“สำหรับคุณ ถ้ารักของรีนมีค่ามากพอ คุณคงไม่ทำเรื่องวันนั้นตั้งแต่แรก และอีกอย่าง รีนไม่อยากให้คุณเสียเวลากับคนที่คุณไม่ได้รักแต่แต่งงานกันเพราะหน้าที่และเพื่ออำนาจที
สิรินนภาห่อกายหลบความหนาวร้อนสลับกันยามเมื่อฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ผิวกายนวลนุ่มของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอาการทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้กายของเธอเปล่าเปลือย เสื้อผ้าที่สวมมาถูกเขาปลดเปลื้องออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เวลาที่แน่ชัด หรืออาจจะเป็นเธอเองที่ปลดเสื้อผ้าออก“หนาว...” ส่งเสียงผะแผ่วทักท้วงออกมา พร้อมทั้งพยายามคว้าผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างกายและซุกหน้าลงกับกองผ้าห่มรกๆ ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนักแต่ร่างกายมันสั่นสะท้านเพราะเขินอายสายตาลึกล้ำจากเขาต่างหาก“ก็กอดผมแน่นๆสิ” รั้งมือบางขึ้นมากอดคล้องบ่าของตน สายตาของเขาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาป่าแต่ก็เสน่ห์ล้นเหลือจะทัดทาน เพียงสบตามากเสน่ห์กล้ามเนื้อทุกส่วนของหญิงสาวก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ยินยอมให้เขาเข้ามาจัดระเบียบร่างกายตามอำเภอใจ ชายหนุ่มฮึกเหิมย่ามใจเมื่ออีกฝ่ายไร้เรี่ยวงแรงขันขืนและไร้เสียงทักท้วง ไฟพิศวาสถูกจุดติดอย่างง่ายดายเพราะความโหยหาห่างหาย เรียวขาบางถูกชันตั้งขึ้นให้ได้มุมเหมาะสมสำหรับการสัมผัสแนบชิดสิรินนภาสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับกิจกรรมลึกซึ้งที่ห่างหายไปนานปี สัมผัสของเขามันทำให้อบอุ่นละคนเหน็บหนาวที่ใจ คนๆนี้ที่เห็นเธอ
“ไม่ได้ค่ะ คณบดีโทรตามโครงการวิจัยที่ฉันกำลังรับผิดชอบอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกจากห้องไป“รีนครับ” พยายามร้องเรียกแต่เสียงก็แผ่วลงเหลือเกินร่างบางเดินกลับมายืนหน้าประตู มองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย กับเขาดีๆ “อาหารอยู่ในตู้เย็น คุณเอามาอุ่นไมโครเวฟแล้วกินนะคะ อย่าลืมกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งนะคะ”แต่ไหนแต่ไรนพพลไม่เคยที่จะทำตามคำบอกของใครง่ายๆ แม้จะเกรงใจหญิงสาวแต่ก็ไม่อยากจะรีบหายจากอาการบาดเจ็บนักเพราะยังต้องการพยาบาลสาวเนื้อหวานอยู่ วันนี้ทั้งวันนพพลเลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ลุกไปไหน ไม่กินข้าวและไม่กินยา รอคอยให้เธอกลับมาป้อนและดูแลนพพลพึ่งรู้ว่าตนมีความอดทนค่อนข้างสูงก็วันนี้ เขาสามารถรอจนตกเย็นและมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงรถข้างบ้าน จากนั้นตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงของสตรีที่เข้ามาในตัวบ้าน“คุณเบล คุณเบลคะ” สิรินนภาเรียกเขาไปตามทาง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา วันนี้ตลอดทั้งวันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ทำงานไม่มีสมาธิ สอนหนังสือก็ยังพะวงแต่คนป่วยว่าเขาจะเจ็บแผลไหม กินข้าวหรือยังได้กินยาบ้างหรือเปล่า อาการเหมือนเมื่อครั้งตอนคลอดน้องโรมช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่มีผิด“
นพพลปรือตามองไปรอบๆเพื่อหาอดีตภรรยา ปวดหัวระบมราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แน่ล่ะเขาโดนของแข็งมา จนเย็บหลายเข็มด้วย “เอาไว้ก่อนเถอะครับ ผมกินไม่ไหว” ตอบเหนื่อยๆ ปวดตึงสลับกับรวดร้าวไปตั้งแต่กลางหัวจรดสันกราม ไม่อยากขยับอ้าปากด้วยซ้ำ“เดี๋ยวรีนป้อนค่ะ กินสักหน่อยเถอะนะคะ” เป่าข้าวต้มเพื่อคลายความร้อนก่อนจะค่อยๆป้อนช้าๆ“มันร้อน เอาไว้ก่อนนะครับ” หลับตาตอบหลังกินไปหนึ่งคำสิรินนภาอ่อนใจ รู้สึกผิดมากขึ้นที่ทำเขาเลือดตกยางออก นพพลเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง บอบบางเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมประสาลูกชายคนเดียวตระกูลเชื้อสายขุนนางในรั้วในวัง เขาไม่เคยถูกทำร้ายให้เจ็บปวดเพราะมีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่เรื่องในอดีตก็ส่วนอดีตแม้มันจะมีผลต่อปัจจุบันแต่ก็ไม่ต้องทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้ก็ได้ เป็นอีกครั้งที่เธอเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั่งเฝ้าไข้ไปสักพักคนเจ็บเริ่มเพ้อเพราะยาชาหมดฤทธิ์ แผลอักเสบขึ้นจนมันเริ่มปวดตุบๆ หญิงสาวจัดยาแก้อักเสบให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอ “หนาว...หนาวรีนครับ ผมหนาว รีนอยู่ไหน รีน” ห่อกายกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ พิษไข้เล่นงานจนตัวสั่นน่าสงสาร“คุณเบล รีนอยู่นี่นะคะ” รี
“ริ...รีนครับ” มือสั่นเทาจับปากแผลที่ถูกสันแฟ้มอลูมิเนียมหนาๆฟาดลงมาจนเนื้อปริ เจ็บปวดกายแต่ไม่โกรธและไม่ถือโทษเพราะที่เขาทำมันหนักหนากว่าที่เธอประทุษร้ายมากนัก“รีน...” เสียงทุ้มพึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่หยุดปากจนอีกฝ่ายหันมาดู เห็นเลือดออกมากกว่าที่คิดไว้มาก มันไหลย้อยตามซอกนิ้วที่กำลังอุดบาดแผลจนเปรอะนพพลรีบคว้ามือเรียวมาบีบไว้ เขาเจ็บไม่เป็นไร แต่ขอให้เธอไม่ไปไหน “อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมไป” สติพร่าเลือนกับเลือดเป็นสายที่พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แฟ้มสมัยเก่ามีขอบแฟ้มทำมาจากอลูมิเนียม สร้างแผลและเรียกเลือดจากคนเคยเลวมากมายสิรินนภาไม่สนใจ ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมและผลของการหลีกหนีจากเขาสุดแรงนั้นทำให้ร่างเพรียวสอบของนพพลก้าวถอยไปเหยียบพรมเช็ดเท้า เสียหลักลื่นล้มหงายลงจนหัวไปกระแทกเข้าที่ขอบของชั้นหนังสือเหล็กโครมใหญ่และเลือดตกออกจากบาดแผลเป็นกอง“คุณเบล...” ยืนมองผลของการกระทำนั้นด้วยใจระทึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นอดีตสามีหน้าซีดเจ็บปวดยิ่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เจตนาจะให้เขาบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ“รีนครับ...” พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเรียกหาฝ่ายหญิง เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อีกฝ